บทที่ 44 ความอัปยศที่ไม่มีวันลืม (1/2)
เมื่อได้ยินคำกล่าวที่ว่า"ร่วมมือกับเผ่าอสูร" ศิษย์ทั้งหลายจากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ยืนอยู่เบื้องหลังซูเจี้ยนต่างก็เกิดความฮือฮาและส่งเสียงโห่ร้องกันเต็มที่
"ใช่แล้ว ศิษย์นิกายหลัวเซี่ยกลุ่มนี้เต็มไปด้วยเจตนาร้าย คิดจะทำร้ายศิษย์น้องเย่ฉางชิงของพวกเรา"
"เช่นนี้แล้ว นิกายดาบศักดิ์สิทธิ์ทำแบบนั้นไปจะผิดได้ยังไง?"
"ขอให้รองผู้อาวุโสใหญ่จับพวกเขาไปสอบสวนอย่างละเอียด"
ในชั่วขณะนั้น ศิษย์นิกายหลัวเซี่ยเหมือนถูกมอบโทษร้ายแรงและถูกกล่าวหาว่าเป็นคนชั่วร้ายอีก
เมื่อเปรียบเทียบกับความเลือดร้อนของศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์จากนิกายหลัวเซี่ยกลับสั่นสะท้านด้วยความโกรธ เหอหลู่ยังคงกำหมัดแน่น จ้องมองเย่ฉางชิงด้วยสายตาที่แหลมคมเหมือนมีด
บุคคลที่ยังคงสงบอยู่ดูเหมือนจะเป็นเพียงเย่ฉางชิงเท่านั้น หรืออาจกล่าวได้ว่าเย่ฉางชิงรู้สึกงงงวยกับคำพูดของซูเจี้ยน ขนาดพี่สามของตระกูลเขายังไม่เคยเห็นว่าเขาจะพูดได้เก่งขนาดนี้
เมื่อได้ยินคำพูดของศิษย์จากยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ รองผู้อาวุโสใหญ่ก็รู้สึกปวดหัวและเริ่มนวดขมับ
"ท่านรองอาวุโส เรื่องนี้เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ข้าและพวกเขาไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น การมาที่นิกายเต๋าอี้แห่งนี้มีเจตนาเพื่อถอนหมั้นโดยคำนึงถึงความยินยอมจากศิษย์น้องเย่ฉางชิงที่เป็นศิษย์ของนิกายนี้ด้วย"
ในขณะนี้ เหอหลู่กัดฟันพูดด้วยเสียงต่ำเหมือนเต็มไปด้วยความโกรธ
มองเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่ยอมรับและความโกรธของเหอหลู่ ซูเจี้ยนก็ยิ้มเยาะออกมา
"เหอะ! ใส่ร้ายป้ายสี? ศิษย์ของนิกายดาบศักดิ์สิทธิ์ล้วนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่มีความจำเป็นต้องใส่ร้ายป้ายสีศิษย์นิกายหลัวเซี่ยแบบนี้เลย ถ้าไม่อยากให้คนรู้ความจริงก็ต้องโกหกให้ดีกว่านี้"
"เจ้..."
"พอแล้ว"
เมื่อเห็นว่าความขัดแย้งเริ่มรุนแรงขึ้น รองผู้อาวุโสใหญ่จึงพูดหยุดการทะเลาะวิวาทในเวลานั้นหงจุ้นได้เดินเข้ามาพอดี
เมื่อเห็นหงจุ้นเดินเข้ามา รองผู้อาวุโสใหญ่รู้สึกปวดหัวมากขึ้นและพูดด้วยความเหนื่อยใจ
"ศิษย์น้อง เจ้ามาทำไมกัน?"
"มีคนกล้าคิดทำร้ายศิษย์ของนิกายดาบศักดิ์สิทธิ์อย่างนี้ ข้าซึ่งเป็นผู้นำยอดเขาจะไม่มาที่นี่ได้อย่างไร? หรือว่าข้าจะนั่งมองให้ศิษย์ของข้าถูกกล่าวหาต่อไปแบบนี้?"
อย่างที่คาดไว้ หงจุ้นมาถึงเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก
ตอนแรกหงจุ้นไม่ใส่ใจเรื่องนี้นัก แต่เมื่อรู้ว่าผู้ที่ถูกถอนหมั้นคือเย่ฉางชิงเขาก็ไม่สามารถนั่งเฉยๆได้ จึงรีบมาที่ห้องไต่สวน
หงจุ้นเดินไปข้างๆเย่ฉางชิงและยิ้มพูดชม
"เป็นอย่างไรบ้าง? ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"
"ขอบคุณท่านผู้นำที่เป็นห่วง ศิษย์ไม่เป็นไร"
"ดีแล้ว"
หลังจากนั้นหงจุ้นหันไปมองเหอหลู่ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนจากรอยยิ้มที่มาเป็นความเย็นชาดุจน้ำแข็งและเริ่มกล่าวตำหนิ
"เหอหลู่ข้าเคยออกปากช่วยเจ้าอย่างจริงใจ แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะมีเจตนาร้ายและกล้าคิดทำร้ายศิษย์ของนิกายดาบศักดิ์สิทธิ์"
"พี่ใหญ่ ท่าน..."
"ยังจะอ้างอีกหรือ? ตอนนั้นเจ้าบอกว่าเป็นแค่มาหาคู่หมั้นของเธอ ข้าจึงให้หลิวซวงพาเจ้าไปหาเขาด้วยตัวเอง ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามาเพื่อล้มเลิกการหมั้นถึงขั้นทำลายจิตใจศิษย์ของเรา?"
มันเป็นเรื่องที่เหมาะสมจริงๆศิษย์เป็นอย่างไร อาจารย์ก็เป็นอย่างนั้น
หงจุ้นพูดออกมาด้วยต้องการเติมเชื้อไฟให้มันลุกไหม้ขึ้นอีก ในขณะที่ซูเจี้ยนเป็นคนหาฟืนมามาสร้างเรื่อง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหอหลู่รู้สึกโกรธจนร่างกายสั่นเทา
เธอได้ชี้แจงเหตุผลที่มาที่นี่ตั้งแต่แรกและท่านผู้นำเองก็ตอบรับแล้ว แค่ให้เธอต้องมอบของชดเชยบางอย่างแก่เย่ฉางชิง
ตอนนี้เรื่องนี้กลับถูกตาลปัดหมดและยังโดนกล่าวหาว่ามีเจตนาร้ายต่อศิษย์นิกายเต๋าอี้อีก
"ท่านผู้นำค่ะ ข้าบอกชัดเจนแล้วว่ามาที่นี่เพื่อถอนหมั้นเท่านั้นและท่าน..."
"ยังจะมีข้อแก้ตัวอะไรอีก? ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าศิษย์นิกายหลัวเซี่ยที่ทำเช่นนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเจ้าด้วยสินะ ในฐานะศิษย์อาจารย์ด้วยกัน?"
ตามสำนวนที่กล่าวไว้ 'ผู้นำไม่ดียังไงผู้น้อยก็จะไม่ดีอย่างนั้น' นั่นแสดงว่า อาจารย์ไม่ดี ดังนั้นศิษย์ที่สสอนสั่งจึงเต็มไปด้วยพวกที่ต่ำทรามและไร้ยางอายเช่นนี้
"เจ้...เจ้าพูดอะไร?"
อู๋หลี่รู้สึกโกรธจนเกือบธาตุไฟพลุ่งพล่านทันที รองผู้อาวุโสใหญ่เห็นดังนั้นจึงรีบพูดแทรก
"น้องชาย เจ้าต้องใจเย็นๆ"
"ข้าจะใจเย็นได้อย่างไร? ศิษย์ของข้าจะถูกทำร้ายภายใต้สายตาของข้าเอง นิกายหลัวเซี่ยนี้ทำเกินไปจริงๆ"
"ถ้าเหตุการณ์วันนี้ข้าไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ศิษย์คนนี้ ข้าจะยังมีหน้าไปทำหน้าที่ผู้นำยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?"
หงจุ้นพูดด้วยความโกรธจัดขณะที่รองผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี สายตาของเขาไปมองที่เย่ฉางชิงท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น
"ศิษย์รับใช้เย่ฉางชิง!"
เหตุการณ์นี้เริ่มต้นจากเย่ฉางชิง ดังนั้นรองผู้อาวุโสใหญ่จึงตั้งใจจะจัดการจากที่ต้นเหตุ
"ขอรับ?"
"เจ้ามีอะไรจะกล่าวหรือไม่?"
"ข้า..."
เย่ฉางชิงยังไม่ทันได้พูด หงจุ้นก็พูดแทรกขึ้น
"ศิษย์เย่ฉางชิง!ข้ารู้ว่าเจ้ามีจิตใจดีและเมตตา แต่หญิงสาวผู้นี้มีความคิดชั่วร้ายไม่สมควรเป็นคู่ครองของเจ้าหรอก ฟังคำพูดของข้าแล้วตัดสินใจให้เด็ดขาด! หากเจ้าห่วงใยชื่อเสียงเธอมากนักก็หย่ากับเธอซะ และอย่าติดต่อหากันอีกเลย"
หงจุ้นพูดด้วยท่าทีจริงจัง หลังจากพูดจบก็ไม่รอให้เย่ฉางชิงตอบเขาหันไปมองที่อู๋หลี่และเหอหลู่
"อู๋หลี่! เห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีที่เคยมีข้าจะยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป แต่ศิษย์ของเจ้าจริงๆแล้วไม่คู่ควรกับฉางชิง วันนี้ในฐานะผู้นำยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะตัดสินใจแทนฉางชิงว่าจะหย่ากับศิษย์ของเจ้าซะ เจ้าต้องชดเชยบางอย่างให้ด้วย เรื่องจะจบเพียงเท่านี้และหวังว่าจะไม่มีครั้งต่อไปอีก"
"เจ้า..."
เมื่อเห็นหงจุ้นพูดทำเป็นเมตตาและให้โอกาส อู๋หลี่รู้สึกสั่นสะท้านและพูดไม่ออก
แม้พวกเธอจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ทำไมจากปากของหงจุ้นดูเหมือนเขากำลังเมตตาต่อพวกเธออย่างมาก
และการเปลี่ยนจากการถอนหมั้นเป็นการหย่านั้น ถือเป็นการดูถูกเธอและศิษย์ของเธออย่างมาก
"ว่าอย่างไงล่ะ?ไม่เห็นด้วยหรือ? ข้าพูดแบบนี้เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดี หากเจ้าต้องการจะทำตามกฎของนิกายดาบศักดิ์สิทธิ์ก็ได้นั้น"
"พี่รอง การคิดทำร้ายศิษย์ของนิกายดาบศักดิ์สิทธิ์จะต้องรับโทษอะไร?"
"อืม..."
รองผู้อาวุโสใหญ่ไม่รู้จะตอบอย่างไร เมื่อทำร้ายศิษย์ของนิกายดาบศักดิ์สิทธิ์ หากจับได้จะต้องรับโทษถึงชีวิตแน่นอน
อู๋หลี่สูดหายใจเข้าลึกๆพยายามบังคับความโกรธของตัวเองแล้วพูดอย่างเย็นชา
"ตกลง! แต่หงจุ้นข้าจะจดจำเรื่องในครั้งนี้ไว้"
สถานการณ์บังคับให้เธอจำยอมยิ่งอยู่ในดินแดนของนิกายดาบศักดิ์สิทธิ์ อู๋หลี่ไม่คิดเลยว่าผู้นำยอดเขาจะไร้ยางอายเช่นนี้
ใช้วาจาพูดออกมาเปลี่ยนสีขาวเป็นสีดำและเพื่อศิษย์รับใช้คนหนึ่งในนิกาย กลับพูดและทำตัวไม่ให้ความเคารพแก่เธอเลยสักนิด
เธอรู้ว่าหากยืดเยื้อไปต่อ จะมีแต่สร้างความเสียหายแก่เธอและศิษย์ของเธอ อู๋หลี่จึงจำใจต้องยอมรับข้อเสนอของหงจุ้น
หงจุ้นมองไปที่เย่ฉางชิงอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้าและพูด
"ฉางชิง เขียนใบหย่าซะ"
ท่ามกลางสายตาของทุกคน เย่ฉางชิงเขียนใบหย่าลงทันที
เมื่อรับใบหย่าไปแล้วเหอหลู่ไม่สามารถควบคุมร่างกายที่สั่นได้ เธอโกรธมากจริงๆ
ก่อนหน้านี้เธอคิดถึงผลลัพธ์ได้หลายอย่าง แต่ไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้…