บทที่ 41 : ผู้อาวุโสเซินโม่เกือบตาย!
บทที่ 41 : ผู้อาวุโสเซินโม่เกือบตาย!
เซินโม่แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้นำคฤหาสน์ราชาลู่จะน่ากลัวขนาดนี้
พลังของอาณาจักรหลอมรวมวิญญาณขั้นที่หนึ่งสามารถบดขยี้พลังของอาณาจักรหลอมรวมวิญญาณขั้นที่สามของเขาได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเห็นว่าพลังอันน่าสะพรึงกลัวของลู่ชิงซวนกำลังจะบดขยี้เขา เซินโม่จึงจำต้องใช้ไม้ตายที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุดนั่นคือเจตนาดาบขั้นที่หนึ่ง
ทันทีที่เขาเริ่มใช้มัน ปราณดาบที่มองไม่เห็นก็กวาดออกไป ในชั่วพริบตาพลังอันน่าสะพรึงกลัวของลู่ชิงซวนก็ถูกบดขยี้ด้วยปราณดาบที่ลุกโชนนับไม่ถ้วน
ต่อมา เจตนาดาบอันน่าสะพรึงกลัวก็ก็แปรเปลี่ยนเป็นปราณดาบอันแหลมคม ไร้ผู้ใดเทียบเคียง เเละกดขี่ไปทางลู่ชิงซวน
เมื่อเห็นเช่นนี้ เซินโม่ก็รู้สึกโล่งใจ เพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งสักเพียงด, แต่ต่อหน้าเจตนาดาบของเขา อีกฝ่ายก็จะอ่อนแอไม่ต่างจากไก่หรือสุนัข
ส่วนลั่วไป๋ยู่และลู่ซืออิ๋น เเม้ว่าพวกเขาจะอยู่ไกลออกไป แต่พวกเขาก็ยังคงรู้สึกถึงความเจ็บปวดและแรงกดดันอันมาหาศาลจากเจตนาดาบอันน่าสะพรึงกลัวนี้
เมื่อเห็นเจตนาดาบและปราณดาบอันน่าสะพรึงกลัวของเซินโม่ ลู่ซืออิ๋นก็มองไปที่ลู่ชิงซวนด้วยความกังวล
แม้ว่าเธอจะมีความคาดหวังกับผู้นำตระกูลของเธอไว้สูง แต่เมื่อเห็นเซินโม่แสดงพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกังวล
แต่ในขณะนั้นเอง
เสียงของดาบที่ฟังดูเหมือนทองคำและศิลาแตกก็ดังขึ้น
ในดวงตาที่ตกตะลึงของเธอ เธอเห็นปราณดาบสีเขียวพุ่งออกมาจากร่างของลู่ชิงซวน แปรเปลี่ยนเป็นถ้ำแห่งปราณดาบ และพุ่งเข้าสังหารเซินโม่
ตู้มมม!
ตู้มมม!
ตู้มมม!
ปราณดาบใหม่จำนวนนับไม่ถ้วนได้บดขยี้ปราณดาบของเซินโม่ไปตลอดทาง จากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตีเซินโม่โดยปราศจากสิ่งกีดขวางใดๆ
เมื่อเผชิญหน้ากับฉากนี้ ดวงตาของเซินโม่เบิกกว้างและมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้นำตระกูลลู่ผู้นี้ไม่เพียงแต่มีพลังบ่มเพาะถึงอาณาจักรหลอมรวมวิญญาณขั้นที่หนึ่งเท่านั้น แต่อีกฝ่ายยังสามารถปลดปล่อยเจตนาดาบอันน่าสะพรึงกลัวออกมาได้อีกด้วย
ใจของเขาปั่นป่วนไปหมด จนกระทั่งเจตนาดาบอันน่าสะพรึงกลัวของลู่ชิงซวนปรากฏขึ้น…ตัวเขาเองก็ยังไม่ทันได้ตอบสนอง
ตู้ม!
ที่นั่งใต้ร่างของเขาก็แตกสลายเป็นชิ้นๆจนเขาจำต้องนั่งลงบนพื้น
เเละในขณะที่เขารู้สึกว่าเจตนาดาบอันน่าสะพรึงกลัวกำลังจะกลืนกินร่างของเขา, ทันใดนั้น เจตนาดาบอันแหลมคมก็หายไปในอากาศโดยไร้ร่องรอย
เซินโม่เกือบจะฉี่ราดด้วยความกลัว
ในขณะนี้ใบหน้าของเขาซีดเผือด เหงื่อผุดพรายขึ้นบนหน้าผาก เสื้อผ้าเปียกโชก
เขารู้สึกราวกับว่า เขาเพิ่งหนีรอดจากนรกมา
ลั่วไป๋ยู่และลู่ซืออิ๋นที่อยู่ไกลออกไปก็ตกตะลึงเช่นกัน
พวกเขาไม่คาดคิดว่าการประลองพลังของพวกเขาครั้งนี้จะมีการพลิกผันมากมายขนาดนี้ เเละผลลัพธ์สุดท้ายนั้นทำให้พวกเขาตกตะลึงอย่างมาก
ในขณะที่ เซินโม่ ลั่วไป๋ยู่ และลู่ซืออิ๋นยังคงตกอยู่ในอาการสับสน
ลู่ชิงซวนที่นั่งอยู่บนที่นั่งก็มองไปที่เซินโม่ด้วยแววตาที่เเสดงความเป็นห่วง
"ผู้อาวุโสเซิน ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?"
"พลังของข้าควบคุมไม่อยู่เมื่อครู่ โปรดอย่าถือโทษโกรธข้าเลย"
ถึงจะพูดอย่างนั้น เเต่พลังของเขาจะควบคุมไม่ได้จริงๆได้อย่างไร?
นี่เป็นเพียงบทเรียนเล็กๆน้อยๆให้กับอีกฝ่ายเท่านั้น
อีกฝ่ายเข้าใจเจตนาดาบเพียงขั้นเเรกเท่านั้น…ต่อหน้าเจตนาดาบสามระดับของเขา อีกฝ่ายจะสามารถต้านทานได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาฆ่าคนผู้นี้จริงๆ เขาก็จะเป็นศัตรูกับนิกายระดับสาม
ลู่ชิงซวนไม่ต้องการยอมรับความเกลียดชังจากกองกำลังเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงลงโทษเซินโม่เพียงเล็กน้อย
เเละหลังจากได้ยินคำพูดของลู่ชิงซวน เซินโม่ก็ตอบสนอง
เขาลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับลู่ชิงซวนด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
"ข้าประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไปจนล่วงเกินท่าน, ผู้นำตระกูลโปรดอย่าถือโทษข้าเลย!"
หลังจากเห็นความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวของลู่ชิงซวน เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลดตัวลงและสารภาพผิด
เขาเชื่อมั่นว่าหากผู้นำตระกูลไม่ยั้งไมตรี เกรงว่าเขาคงตกตายไปแล้ว
เเน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อคำพูดของลู่ชิงซวนที่ว่าควบคุมพลังของตนไม่ได้
ยามนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองก่อนหน้าเหมือนตัวตลกที่กำลังเต้นรำต่อหน้าชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้
ยังโชคดีที่ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้ล่วงเกินเจ้าของคฤหาสน์ราชาลู่มากเกินไป, ดังนั้นอีกฝ่ายคงจะไม่ทำให้เขาตกที่นั่งลำบากมากนัก
ลู่ชิงซวนโบกมือและพูดด้วยรอยยิ้ม
"ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสเซินไม่ใช่อ่อนแอ แต่ผู้อาวุโสเซินยังคงต้อง..."
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ลู่ชิงซวนจะพูดจบ เซินโม่ก็พูดขึ้นมาทันที
"ข้าโชคดีมากที่ได้มาที่นี่ และเห็นความสง่างามของผู้นำตระกูลลู่"
"ส่วนเรื่องการรับศิษย์นั้น ข้าข้ามเส้นมากเกินไป, โปรดยกโทษให้ข้าด้วย"
"หากผู้นำตระกูลไม่มีอะไรแล้ว พวกเราจะขอตัวกลับก่อน"
หลังจากเห็นว่าลู่ชิงซวนมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถฆ่าพวกเขาได้ทุกเมื่อ เซินโม่ก็ไม่อยากอยู่ที่นี่แม้แต่นาทีเดียว เขาแค่อยากจะจากไปโดยเร็วที่สุด
เกี่ยวกับการรับศิษย์เมื่อครู่นี้ เขารู้ตัวว่าเขาไม่อาจทำให้สำเร็จได้
เเละเมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่ชิงซวนก็พยักหน้าเล็กน้อย
"ในกรณีนี้ ข้าขอส่งผู้อาวุโสส่งทั้งสอง"
"ไม่กล้า!" เซินโม่พูดอย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้น เขาก็เก็บสมบัติทั้งสี่ชิ้นบนโต๊ะ จากนั้นก็รีบออกจากสถานที่นี้พร้อมกับลั่วไป๋ยู่
เมื่อมองดูเซินโม่และลั่วไป๋ยู่ที่วิ่งหนีไปด้วยความสิ้นหวัง ริมฝีปากของลู่ชิงซวนก็ยกยิ้เล็กน้อย
ลู่ซืออิ๋นที่อยู่ไกลออกไป มองไปที่ลู่ชิงซวนด้วยแววตาชื่นชม
เธอไม่คาดคิดว่าความแข็งแกร่งของผู้นำตระกูลของเธอจะน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าที่เธอจินตนาการไว้, เเละเธอก็ปรารถนาพลังเช่นนี้มาก
"ซืออิ๋น หากเจ้าไม่มีอะไรแล้ว..ก็จงไปฝึกฝนเถิด!"
ลู่ชิงซวนหันสายตาไปมองลู่ซืออิ๋น แล้วพูด
"เจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้นซืออิ๋นขอตัวลา"
ลู่ซืออิ๋นคำนับลู่ชิงซวน จากนั้นก็ออกจากห้องโถงไป
[ติ๊ง! ยินดีกับโฮสต์ที่ช่วยเหลือคนในตระกูลให้แก้ไขปัญหาได้สำเร็จ โฮสต์ได้รับรางวัล ต้องการรับเลยหรือไม่? ]
เมื่อได้ยินเสียงของระบบ ลู่ชิงซวนก็รับมันโดยไม่ลังเล
[ติ๊ง! ยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับ: หอคอยแห่งการรู้แจ้ง ยาเม็ดวิญญาณแดงสามหม้อ ยาจิตวิญญาณระดับสวรรค์หายากห้าร้อยต้น ยาเม็ดระดับปฐพีล้ำค่าห้าเล่ม และบัตรเลื่อนขั้นสมบัติล้ำค่าระดับสวรรค์สองใบ!]
[หอคอยแห่งการรู้แจ้ง: สมบัติล้ำค่าพิเศษ…เมื่อคนในตระกูลเข้าไปฝึกฝน พวกเขาสามารถปรับปรุงการรับรู้การฝึกฝน เพิ่มความเร็วในการเข้าใจทักษะการฝึกฝนและศิลปะการต่อสู้ และเพิ่มความน่าจะเป็นในการเกิดการรู้แจ้ง
ปัจจุบันมีเพียงสองชั้น ความเร็วในการปรับปรุงขึ้นอยู่กับสถานการณ์โดยรวมของคนในตระกูลนั้นๆ!]
เมื่อเห็นรางวัลพิเศษนี้ ดวงตาของลู่ชิงซวนก็สว่างขึ้น…นี่เป็นสมบัติล้ำค่าอย่างเเท้จริง!
สำหรับสมาชิกตระกูล มันสามารถช่วยให้พวกเขาเร่งความเร็วในการเข้าใจศิลปะการต่อสู้และเทคนิคต่างๆได้อย่างมาก
โดยไม่ลังเล ลู่ชิงซวนเเค่คิดเพียงเล็กน้อย หอคอยแห่งการรู้แจ้งก็ปรากฏขึ้นในคฤหาสน์ราชาลู่
[ยาเม็ดวิญญาณแดง: ยาเม็ดระดับสวรรค์ขั้นสูง ยาเม็ดล้ำค่ายที่สามารถเพิ่มระดับการฝึกฝนของผู้ฝึกตนอาณาจักรหลอมรวมวิญญาณ ได้โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ!]
[บัตรเลื่อนขั้นสมบัติล้ำค่าระดับสวรรค์: ใช้การ์ดนี้เพื่ออัพเกรดสมบัติล้ำค่าระดับสวรรค์ได้หนึ่งระดับ!]
เมื่อมองไปที่บัตรเลื่อนขั้นสมบัติล้ำค่าสองใบนี้ ลู่ชิงซวนก็ดูมีความสุขอย่างมาก
สำหรับบัตรเลื่อนขั้นสมบัติล้ำค่า เขาเคยได้รับระดับปฐพีมาก่อน และทดลองใช้มันแล้ว
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับบัตรเลื่อนขั้นสมบัติล้ำค่าระดับสวรรค์
ลู่ชิงซวนวางแผนที่จะใช้การ์ดสองใบนี้กับสมบัติล้ำค่าระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดทั้งสองชิ้น ได้แก่ "ดาบเคลือบสุริยัน" และ "ไข่มุกอู๋จีซูมี่"
โดยไม่จำเป็นต้องคิดให้มาก ลู่ชิงซวนใช้มันโดยตรง
ในชั่วพริบตา สมบัติทั้งสองก็ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นสมบัติล้ำค่าระดับราชา
เมื่อลู่ชิงซวนมองไปที่ไข่มุกอู๋จีซูมี่อีกครั้ง เขาพบว่าพื้นที่ภายในของสมบัติซูมี่พิเศษนี้ได้เปลี่ยนไป
ไม่เพียงแต่พื้นที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า, แต่ออร่าภายในก็เพิ่มขึ้นด้วย
ลู่ชิงซวนพอใจกับสิ่งนี้มากและเก็บมันไป
หลังจากนั้น ลู่ชิงซวนก็มองดูรางวัลอื่นๆอีกครั้ง…ก่อนจะออกจากห้องโถง
…
ในเวลาเดียวกัน
เซินโม่ก็ได้พาลั่วไป๋ยู่ออกจากคฤหาสน์ราชาลู่อย่างรวดเร็ว
เขามองย้อนกลับไปที่คฤหาสน์ราชาลู่และรู้สึกโล่งใจอย่างมาก
เมื่อนึกถึงว่าเขาเกือบจะตายในคฤหาสน์ราชาลู่เมื่อครู่ เขาก็รู้สึกหวาดกลัวไม่หาย
"เรากลับนิกายกันเถอะ ลู่ซืออิ๋นคนนั้น ข้าคงไม่สามารถพานางกลับไปที่นิกายได้อีกแล้ว"
เซินโม่มองไปที่เกาะสวรรค์รุ่งโรจน์ ด้วยร่องรอยของความกลัวที่ยังอยู่ในดวงตาของเขา
เมื่อลั่วไป๋ยู่ได้ยินเช่นนี้ เขาก็รู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อย
"พวกเราจะจากไปแบบนี้จริงๆเหรอครับ!"
ในที่สุดเขาก็พบศิษย์ที่มีพรสวรรค์ซึ่งตรงกับความต้องการของผู้อาวุโสสูงสุด, เเล้วเขาจะยอมแพ้แบบนี้ได้อย่างไร
เหตุผลที่ลั่วไป๋ยู่ปรากฏตัวในงานประชุมพิณเต๋าบางงานก่อนหน้านี้ ก็เพราะเขากำลังมองหาอัจฉริยะพิณเต๋าให้กับผู้อาวุโสสูงสุดของนิกาย
รู้หรือไม่ว่าถ้าเขาสามารถทำภารกิจนี้ให้สำเร็จได้ เขาจะต้องได้รับรางวัลมากมายจากผู้อาวุโสสูงสุดอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินเช่นนี้, เซินโม่ก็กล่าวอย่างโกรธเคือง
"เจ้าไม่เห็นพลังของผู้นำตระกูลลู่หรือ? แม้แต่ข้าก็ยังไม่คู่ควรกับเขา…เเล้วข้าทำอะไรได้อีก?"
"ถ้าเจ้าอยากหาที่ตาย เจ้าก็สามารถลองคนเดียวได้ แต่ข้าจะไม่มาที่คฤหาสน์ราชาลู่อีกต่อไป"
"เมื่อเรากลับไปที่นิกาย เราทำได้เพียงขอให้ผู้อาวุโสสูงสุดหงอิ๋งมาที่นี่ด้วยตัวเอง เพื่อรับลู่ซืออิ๋น!"
หลังจากพูดอย่างนั้น เซินโม่ก็เตือนอีกครั้ง
"อ้อ…จำไว้ว่าฉากที่เจ้าได้เห็นที่คฤหาสน์ราชาลู่ จงลืมมันไปซะ!"
"ข้าไม่ต้องการให้คนอื่นรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้!"
"มิฉะนั้น เจ้าคงรู้จักนิสัยของข้าดี"
เขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่ที่คฤหาสน์ราชาลู่ และไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้นิกายล่วงรู้เรื่องนี้
มิฉะนั้น เขาคงเสียหน้าโดยแน่
สีหน้าของลั่วไป๋ยู่เคร่งขรึมและตอบกลับทันที
"ศิษย์จะปิดปากให้สนิทเกี่ยวเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างแน่นอน"
หลังจากได้ยินคำพูดของลั่วไป๋ยู่ เซินโม่ก็พยักหน้า
จากนั้นเขาก็ไม่สนใจลั่วไป๋ยู่อีกต่อไป และจากไปทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้ ลั่วไป๋ยู่ก็โล่งใจ เช็ดเหงื่อที่หน้าผาก แล้วรีบตามเซินโม่ออกจากคฤหาสน์ราชาลู่
……………….