ตอนที่แล้วบทที่ 359 นางและหมาห้ามเข้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 361 ใจแคบยิ่งกว่าเข็ม

บทที่ 360 เจ้าคนใจแคบ


บทที่ 360 เจ้าคนใจแคบ

  “เร็ว ๆๆ วางเดิมพันแล้ว!”

  “วางแล้วห้ามเปลี่ยนนะ!”

  “สายหลักโหลวยวิ๋นเจิง  สายรองโหลวซวี่เหยียน การประลองใหญ่ในรอบสามสิบปี การต่อสู้ชิงตำแหน่งผู้นำตระกูล!”

  ลานด้านนอกของตระกูลโหลวมีผู้คนแน่นขนัด ทุกคนต่างพากันวางเดิมพันด้วยใบหน้าแดงก่ำ

  “พี่หญิงถัง ท่านจะวางเดิมพันข้างใคร?” โหลวเยว่หมิง วัยห้าขวบกระซิบถาม

  “โหลวยวิ๋นเจิงเป็นบิดาของนาง นางต้องวางเดิมพันข้างครอบครัวตัวเองสิ เจ้าคิดไม่เป็นหรือไง?” เด็กชายที่ถือดาบอยู่ใกล้ ๆ ชื่อโหลวเสี่ยวฝาน ถลึงตามอง

  “พี่หญิงถัง ครั้งนี้เจ้าต้องผิดหวังแน่ ๆ ตำแหน่งผู้นำตระกูลต้องตกเป็นของบิดาข้าแน่นอน!” โหลวเสี่ยวฝานพูดด้วยสายตาเย่อหยิ่ง

  ใบหน้าของโหลวจิ่นถัง  แดงขึ้นด้วยความอึดอัดใจ

  ลู่เฉาเฉา  รับถุงเงินในมือของนางแล้วผลักไปข้างหน้า

  “ข้าเดิมพันสายหลัก”

  เจ้ามือเลิกคิ้วขึ้นแล้วประกาศทันที “เดิมพันโหลวยวิ๋นเจิงหนึ่งเสียง”

  ลู่เฉาเฉายกมือขึ้น “ไม่ ข้าเดิมพันโหลวจิ่นถัง!”

  ทั้งสนามเงียบกริบ

  ครู่ต่อมา เสียงหัวเราะก็ดังก้องไปทั่ว หลายคนถึงกับหัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา

  “ฮ่า ๆๆๆๆๆ”

  “ขำจนจะตายแล้ว”

  “นางเดิมพันใครนะ? เด็กที่อายุไม่ถึงเจ็ดขวบอย่างโหลวจิ่นถังหรือ?” ทุกคนหัวเราะกันอย่างสนุกสนานจนตัวงอ

  “ข้าจำได้ว่าโหลวจิ่นถังยังไม่ได้เรียนดาบด้วยซ้ำ นางยังไม่มีดาบเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ!” เจ้าหนุ่มเจ้ามือยกมือขึ้นลูบคิ้วพลางส่ายหน้าอย่างหมดคำพูด

  “องค์หญิง นี่เป็นการเดิมพันชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลนะ ไม่ใช่เกมเล่นขายของของท่าน…”

  โหลวจิ่นถังรู้สึกอายจนใบหน้าแดงก่ำ รีบจับมือลู่เฉาเฉา “จ้าวหยาง  น้องสาว อย่าทำอะไรบ้าบอไปเลย วางเดิมพันที่บิดาของข้าเถอะ”

  “ข้ายังไม่ได้เรียนวิชาดาบด้วยซ้ำ”

  “แต่ข้าไม่ได้สอนเจ้าไปแล้วหรือ?” ลู่เฉาเฉากล่าวพลางทำแก้มพองลม

  ผู้คนได้ยินแล้วก็ยิ่งขบขัน บางคนถึงกับหยิบดาบมาวางข้างลู่เฉาเฉา

  “เจ้าตัวยังไม่สูงกว่าดาบของข้าเลย!”

  “เจ้าเข้าใจวิชาดาบแล้วหรือ?”

  พวกเขาไม่ได้ดูถูกเพียงแค่คิดว่ามันเป็นเรื่องตลก

  ลู่เฉาเฉายืนกอดอก “เจ้าจะเชื่อหรือไม่? ข้าสอนนางแค่สามวันก็สามารถเอาชนะพวกเจ้าทั้งหมดได้!”

  โหลวเสี่ยวฝานและโหลวเยว่หมิงตะลึงไปทันที

  สาวน้อยคนนี้ เพี้ยนจริง ๆ!

  “เป็นเด็กเพี้ยนจริง ๆ” โหลวเสี่ยวฝานกระซิบเบา ๆ

  “ได้ ๆๆ พนันกับเจ้าเลย! เอาแค่ชนะคนเดียวก็พอ พวกเราจะเรียกเจ้าว่าบรรพบุรุษเอง!”

  ทุกคนรู้สึกขำขันจึงผสมโรงตามไปด้วย

  ใบหน้าของโหลวจิ่นถังแดงขึ้น “เฉาเฉา ข้าทำไม่ได้จริง ๆ”

  “ท่านปู่ของข้าให้ข้าไปแค่ฝึกหัด เรียนรู้พื้นฐานเท่านั้น ข้าจะไปชนะได้อย่างไร?” โหลวจิ่นถังถึงกับสติหลุดไป นางแค่ไปเรียนรู้ประสบการณ์นะ!!

  “ดูสิ น้องหญิงถังของเรากำลังจะร้องไห้แล้ว”

  “ฮ่า ๆๆ”

  “องค์หญิงน้อย หากท่านแพ้แล้วอย่ามาร้องไห้นะ เดี๋ยวจะหาว่าพวกเราตระกูลโหลวรังแกคน...” ทุกคนพูดกันอย่างสนุกสนาน จนกลายเป็นความวุ่นวาย

  ลู่เฉาเฉาย่นจมูกฮึดฮัด ไม่พูดอะไรแล้วพาโหลวจิ่นถังเดินออกไปทันที

  เรื่องนี้รู้ถึงหูของผู้อาวุโสตระกูลโหลว แม่ทัพโหลวไม่ได้เย้ยหยัน เพียงแต่หัวเราะออกมา “ทหารที่ไม่อยากเป็นแม่ทัพ ไม่ใช่ทหารที่ดี ถังเอ๋อร์แม้อายุยังน้อย แต่จิตใจแน่วแน่ ควรได้รับการยกย่อง”

  ไม่มีใครใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้เลย

  “การประลองใหญ่ครั้งนี้ เพื่อเลือกผู้นำตระกูลคนใหม่”

  “ทุกคนที่อยู่ที่นี่คือลูกหลานตระกูลโหลว ห้ามทำร้ายกันโดยเจตนา”

  “ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของความสงบสุข”

  เมื่อแม่ทัพโหลวกล่าวจบ คนในตระกูลทั้งหมดลุกขึ้นยืน ประสานมือคำนับ “รับทราบ!”

  หลังจากเลิกประชุม โหลวยวิ๋นเจิงและโหลวซวี่เหยียนอยู่เพียงลำพัง

  โหลวซวี่เหยียนอายุน้อยกว่าโหลวยวิ๋นเจิงอยู่ไม่กี่ปี ดูท่าทางสง่างามและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

  โหลวยวิ๋นเจิงมีสีหน้าสุขุม เคร่งขรึมและเต็มไปด้วยความยุติธรรม

  “ไม่ว่าใครในพวกเจ้าสองคนจะชนะตำแหน่งผู้นำตระกูล อย่าลืมว่าพวกเจ้ายังคงเป็นลูกหลานตระกูลโหลวเสมอ!”

  “รับทราบ ท่านผู้นำตระกูล”

  “รับทราบ ท่านผู้นำตระกูล”

  “ข้าแก่ชราแล้ว ไม่สามารถนำพาตระกูลโหลวสู่จุดสูงสุดได้อีกต่อไป”

  “ความหวังของตระกูลโหลว ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว”

  “ไม่ว่าใครจะชนะการประลองใหญ่ครั้งนี้ โปรดร่วมมือกันเพื่อผลักดันตระกูลโหลวให้ก้าวหน้า!”

  แม่ทัพโหลวกลัวว่าการประลองใหญ่จะทำให้ตระกูลโหลวสูญเสียความเข้มแข็ง

  โชคดีที่คนในตระกูลโหลวมีจิตใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แม้ว่าจะมีการเสียดสีเล็กน้อย แต่ก็ยังสามัคคี

  หลังจากที่ทั้งสองคนออกไปแล้ว แม่ทัพโหลวก็ถอนหายใจออกมา

  ส่วนโหลวจิ่นถังในตอนนี้

  กำลังฝึกท่าดาบที่สองที่ลู่เฉาเฉาสอน

  “จ้าวหยางน้องสาว ท่านดาบนี้มีทั้งหมดกี่ท่า?”

  “มีทั้งหมดเก้าท่า” ท่าสุดท้ายคือหมื่นดาบ

  โหลวจิ่นถังใช้เวลาครึ่งชั่วโมงจดจำท่าดาบได้

  “อืม...” เซี่ยอวี้โจวยืนอยู่ด้านหน้านาง กิ่งไม้พุ่งเข้าใส่เขา และเขารู้สึกเจ็บที่หลังมือ

  เมื่อก้มลงมอง

  ที่หลังมือมีรอยเลือดบาง ๆ ปรากฏอยู่

  หยดเลือดกำลังไหลลงมาตามเส้นเลือด

  “แปลก ข้าไปทำให้มือเป็นแผลตอนไหน?” เมื่อครู่เหมือนมีสายลมพัดเข้ามา หรือว่ามันจะเป็นเพียงความรู้สึกไปเอง

  เขาใช้ผ้าเช็ดมือเช็ดรอยเลือด โดยไม่ได้สนใจมันนัก

  ลู่เฉาเฉาเหลือบมองเล็กน้อย แววตานิ่งสงบ พลังดาบ?

  เหมือนว่าจะใช่...

  ซิงฮุยใช้เวลาสามวันฝึกจนมีพลังดาบ จิ่นถังใช้สองวัน ก็ยังถือว่าดี

  ลู่เฉาเฉาถึงกับหาวออกมา

  นางฝึกจนเหนื่อยล้า โหลวจิ่นถังล้างหน้าล้างตาเล็กน้อย ในช่วงเย็นจึงออกไปข้างนอกกับสองคน

  โหลวจิ่นถังพาทั้งสองคนเดินเที่ยวกินอาหารในหนานตู  ตามถนนยังมีหมอดูมากมาย

  “นี่ก็ถือเป็นเอกลักษณ์ของหนานตู”

  “ชาวหนานกั๋ว เชื่อถือในเทพเจ้าอย่างมาก ทำให้มีหมอดูและวัดวามากมาย”

  “พวกเขาทำนายแม่นไหม?” เซี่ยอวี้โจวพิงหน้าต่างด้วยความอยากรู้อยากเห็น

  “พวกเจ้าลองไปดูก็ได้ มาถึงหนานตูทั้งที จะไม่ลองเสี่ยงทายได้อย่างไร?” โหลวจิ่นถังปิดปากหัวเราะ แขนทั้งสองข้างของนางเหมือนไม่ใช่ของตัวเอง เจ็บจนชาไปหมด

  ทั้งสามคนเป็นเพียงเด็ก ๆ ว่าจะทำก็ทำเลย

  “ไปที่นั่น” ลู่เฉาเฉาชี้ไปที่แผงขายของตรงมุมที่ดูเหมือนจะไม่มีคนเลย

  “เชื่อข้า ไปที่นั่นเถอะ”

  คนอื่นดูสง่างามราวกับเซียน มีเพียงคนเดียวที่ดูเหมือนนักต้มตุ๋น

  แต่ลู่เฉาเฉามองเห็นพลังที่แผ่ออกมาจากหัวของเขา นางจึงรู้ว่า คนผู้นี้มีฝีมืออยู่บ้าง

  “โปรดเขียนวันเดือนปีเกิด” ชายชรากล่าว

  ทั้งสามเขียนวันเดือนปีเกิดตามลำดับ

  ชายชราหยิบวันเดือนปีเกิดของโหลวจิ่นถังขึ้นมาดูก่อน เขามีท่าทางประหลาดใจ และมองโหลวจิ่นถังด้วยความแปลกใจ “ชีวิตเจ้าจะได้พบกับคนมีวาสนา เด็กน้อย เจ้าจะมีโชคอันยิ่งใหญ่ เจ้าจะ...” ชายชราสั่นแผ่นกระดาษ

  “กลายเป็นความหวังของทั้งตระกูล”

  โหลวจิ่นถังถึงกับตาโตเหมือนเห็นผี

  ชายชราหยิบวันเดือนปีเกิดของเซี่ยอวี้โจวขึ้นมา “วันเดือนปีเกิดนี้ ไม่มีอะไรพิเศษ”

  เซี่ยอวี้โจวถึงกับหน้าดำหน้าแดง

  “แต่เจ้ามักจะมีโชคดีเสมอ ฟันฝ่าอุปสรรคให้รอดพ้นไปได้ แปรเปลี่ยนเรื่องร้ายกลายเป็นดี โชคชะตาพลิกผันสู่ความรุ่งเรือง...”

  ชายชรารู้สึกแปลกใจไม่น้อย เขาแค่มาตั้งแผง แต่ไม่คาดคิดว่าวันนี้แต่ละคนที่มาเป็นคนมีโชคอันยิ่งใหญ่

  เขารับวันเดือนปีเกิดของลู่เฉาเฉามาอีกครั้ง

  แปลกยิ่งกว่าเดิม

  “เจ้าเกิดมาด้วยดวงชะตาที่ต้องตายตั้งแต่ยังเล็ก แต่ทำไมเจ้าโตมาได้ถึงขนาดนี้?” ชายชราดูท่าทางคิดไม่ออก

  เป็นดวงชะตาที่ต้องตายตั้งแต่เด็กแท้ ๆ

  “ข้าแม้จะดูดวงชะตาเจ้าไม่ออก แต่ข้าสามารถดูโหงวเฮ้งได้ จะให้ข้าดูใบหน้าเจ้าได้หรือไม่?” ชายชราถามอีกครั้ง

  ลู่เฉาเฉาไม่สนใจนัก “เจ้าดูก็ได้”

  ชายชรามองดูครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า “เจ้าเป็นคนใจแคบ”

  ลู่เฉาเฉากระโดดขึ้นทันที “เพ้ย! ใครใจแคบกัน?” ดวงตากลมโตถลึงมองด้วยความโกรธ

  “ฮึ บ้าบอ ไร้สาระ ไปเถอะ ไป!” ลู่เฉาเฉาดึงสองคนออกไปทันที

  นางบ่นไปตลอดทาง “อย่าไปเชื่อเขา ดูดวงไม่แม่นเลย ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก!!”

  มื้อเย็น

  ขณะกำลังทานอาหารกันอยู่ ลู่เฉาเฉาก็พูดขึ้นทันที “เจ้าว่าหมอนั่นเป็นบ้าอะไร? ข้าเคยใจแคบที่ไหนกัน?”

  เซี่ยอวี้โจวและโหลวจิ่นถังสบตากัน...

  ไม่กล้าพูด ไม่กล้าพูด

  ยามค่ำคืน

  ในความเงียบสงบของยามราตรี

  ลู่เฉาเฉาสวมชุดคลุมแล้วลุกขึ้นยืน กอดอกและตะโกนออกมา

  “ไอ้แก่บ้า! เจ้าบอกข้ามาซิ ใครกันแน่ที่ใจแคบ!!”

  ข้าไม่ได้เป็น!!

  แกนผมบนหัวของนางชี้ตั้งขึ้นด้วยความโกรธ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด