บทที่ 248 ปราบปีศาจ ข้ามอบให้พวกท่าน
###
เมื่อกลับมาถึงยอดเขา ลู่เซวียนเปิดค่ายกลแสงล่องลอย
ทันทีที่เขาก้าวเข้าไป เถาวัลย์สีเทาก็เลื้อยออกจากแขนเสื้อของเขา
พลังวิญญาณจากพืชทั่วทั้งยอดเขาทำให้เถาวัลย์รู้สึกเคลิบเคลิ้ม มันเลื้อยไปตามโขดหินโดยโค้งงอไปมา
เพราะลู่เซวียนได้ใส่พลังต้นไม้แห่งชีวิตลงไปในระหว่างการเลี้ยงดู ทำให้เถาวัลย์ปีศาจมีความผูกพันกับเขาอย่างมาก มันซ่อนตัวอยู่ในเสื้อผ้าของเขาเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อกลับมาถึงยอดเขาเต็มไปด้วยพืชวิญญาณ มันก็เริ่มปล่อยตัวปล่อยใจ ดื่มด่ำไปกับโลกอันงดงามของพืชวิญญาณ
เถาวัลย์สีเทาหันซ้ายหันขวา มองไปยังต้นบัวเพลิงกลางธรณีระดับสี่ เถาวัลย์แมลงดำ และต้นสนวิญญาณ แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกมุ่งหน้าไปที่ต้นลูกท้อหลงเซียนระดับสาม
ไม่ได้มีเหตุผลอะไรมากไปกว่าการที่มันชอบกลิ่นอายของต้นลูกท้อหลงเซียน
เหยี่ยววายุตัวอ้วนพองบินวนไปมาอยู่บนศีรษะของลู่เซวียน คล้ายกับลูกบอลลอยไปมา มันกระพือปีกสีฟ้าอ่อนเรื่อย ๆ แล้วก็บินขึ้นลงเหนือหัวของลู่เซวียน ก่อนจะตกลงมาเกาะพื้น
ที่ข้อเท้าของมันมีโซ่สีแดงล่ามอยู่ ซึ่งก็คือพญางูมังกรเพลิง ที่ลู่เซวียนเลี้ยงไว้นานจนมันยาวกว่าเจ็ดเมตรแล้ว ร่างกายที่ยาวเรียวของมันเต็มไปด้วยเกล็ดสีแดงสด
ในพุ่มไม้ แมวป่าทะยานเมฆตาเขียวมองลู่เซวียนที่กำลังหยอกล้อกับเหยี่ยววายุและพญางูมังกรเพลิงอย่างเงียบ ๆ
เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้แล้วกระตุกขนที่ปลายหูของมัน แมวป่าทะยานเมฆก็ร้องเบา ๆ ก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่รีบร้อน
ลู่เซวียนกลับมาที่กระท่อมแล้วเริ่มจัดเรียงความรู้ที่ได้รับจากการสอนที่หอถ่ายทอดวิชา
เขาได้พูดคุยกับศิษย์นอกหลายคนและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การปลูกพืชวิญญาณ รวมถึงได้เห็นพืชวิญญาณแปลก ๆ หลายชนิด ซึ่งช่วยเปิดโลกทัศน์ของเขาไม่น้อย
เขาไม่กังวลว่าจะเกิดปัญหาศิษย์ล้มครู เพราะผู้ที่ต้องการเพาะปลูกพืชวิญญาณให้ได้คุณภาพสูง จำเป็นต้องทดลองและหาวิธีการเพาะปลูกที่ดีที่สุด แต่สำหรับเขาแล้ว เขาสามารถรับรู้สถานะของพืชวิญญาณได้โดยตรง
ที่สำคัญกว่านั้นคือ พืชวิญญาณมีความหมายที่ต่างกันสำหรับเขากับศิษย์คนอื่น
สำหรับลู่เซวียน การเพาะปลูกพืชวิญญาณสามารถทำให้เขาเพิ่มพูนพลังบำเพ็ญเพียรและได้รับสมบัติล้ำค่าหลากหลาย ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการแสวงหาโอกาสทางอื่น
ส่วนศิษย์คนอื่น แม้ว่าจะพัฒนาการเพาะปลูกหลังจากได้รับคำสอนจากเขา แต่ก็มีขีดจำกัด เพราะการบำเพ็ญเพียรยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
วันถัดมา ลู่เซวียนได้รับเชิญจากศิษย์พี่หลิวซู่ให้มาพบปะพูดคุยกับศิษย์พี่ศิษย์น้องที่สนใจในเรื่องพืชวิญญาณและสัตว์วิญญาณ
ทุกคนล้วนเชี่ยวชาญด้านพืชและสัตว์วิญญาณ พวกเขาจึงมักจะมารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์
เมื่อรู้ว่าลู่เซวียนได้ไปยังดินแดนลั่งเยว่เมื่อไม่นานมานี้ ความกระตือรือร้นที่พวกเขามีต่อลู่เซวียนก็มากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ในระหว่างการสนทนาที่สนุกสนาน ก็มีเสียงกระบี่แหลมคมดังขึ้นอย่างเงียบ ๆ ในหูของพวกเขา
จากนั้นก็มีกระบี่พลังไร้รูปร่างปรากฏขึ้นข้างหูของแต่ละคน และแตกเป็นฟองสบู่ทันที
เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของพวกเขา
"ศิษย์ในทุกคน ฟังคำสั่ง!"
"เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้อาวุโสจิตวิญญาณจันทราแห่งสำนักเฮยหยินได้ถูกล้อมโจมตีโดยผู้ฝึกตนระดับรวมวิญญาณจากสามสำนักใหญ่ เขาได้สิ้นชีวิตทันที แต่วิชาลับของเขาได้ปล่อยปีศาจห้าลูกสมุนหนีไป"
"มีปีศาจอย่างน้อยสองตัวหลบหนีไปยังเมืองซิงหยวนและตลาดรอบ ๆ ในรัศมีสองพันลี้"
"เพื่อป้องกันไม่ให้ปีศาจสังหารผู้บริสุทธิ์ และเพื่อคืนความสงบสุขให้แก่เมืองซิงหยวน สำนักจะส่งศิษย์ในไปกำจัดปีศาจ"
"ใครสมัครใจเข้าร่วม แต่ละคนที่สามารถกำจัดปีศาจหนึ่งตัวได้ จะได้รับกระบี่บินระดับสี่เป็นรางวัล"
"ออกเดินทางพรุ่งนี้"
เสียงทุ้มดังในหัวของทุกคน
"ปีศาจห้าลูกสมุน! กล้าบุกมาถึงเขตสำนักเช่นนี้ สมควรแล้วที่จะถูกกำจัด!"
ผู้ฝึกตนวัยกลางคนคนหนึ่งพูดด้วยความโกรธ
"ใช่แล้ว การกำจัดปีศาจและปกป้องทางธรรมคือหน้าที่ของเรา โดยเฉพาะเมื่อปีศาจบังอาจเข้ามายังเขตของสำนักเทียนเจี้ยน มันคงคิดจะหาที่ตาย"
มีคนอีกคนหนึ่งกล่าวสนับสนุน
"แถมยังมีกระบี่บินระดับสี่เป็นรางวัลด้วย!"
"ข้ากังวลอยู่บ้าง แต่เมื่อมีรางวัลแบบนี้ ความกังวลของข้าก็หายไปทันที"
"ฮ่า ๆ งั้นก็มาดูกันว่าใครจะได้กระบี่บินนั้นไป"
ทุกคนต่างตื่นเต้นกับรางวัล จนแทบจะเชื่อว่าเป็นของตนเองแล้ว
"ผู้อาวุโสจิตวิญญาณจันทราถูกสังหาร? น่ากลัวยิ่งนัก"
แต่ลู่เซวียนกลับสนใจเรื่องที่แตกต่างออกไป เขาเคยคิดว่าหลังจากเลื่อนขั้นสู่ระดับสร้างฐานพลังแล้ว ความสามารถในการเอาตัวรอดในโลกการบำเพ็ญเพียรจะเพิ่มขึ้น แต่ระดับรวมวิญญาณนั้นน่าจะมีชีวิตที่มีอำนาจสูงส่ง
ไม่คาดคิดว่าในวันนี้จะได้ยินข่าวว่าผู้ฝึกตนระดับรวมวิญญาณถูกสังหาร
"ดูท่าข้าคงต้องอยู่ในสำนักต่อไปอย่างเงียบ ๆ"
ด้วยระดับการบำเพ็ญเพียรในช่วงต้นของขั้นสร้างฐานพลังของเขา ในสายตาของผู้ฝึกตนระดับรวมวิญญาณ เขาคงเป็นเพียงมดตัวหนึ่งที่สามารถบีบให้ตายได้ง่าย ๆ
"ศิษย์พี่หลิวซู่ ข้าไม่ค่อยได้ออกไปไหนนัก จึงไม่ค่อยรู้เรื่องราวในโลกการบำเพ็ญเพียร ข้าขอถามหน่อยว่าผู้อาวุโสจิตวิญญาณจันทราคือใครหรือ?"
เขาถามหลิวซู่เบา ๆ
"ผู้อาวุโสจิตวิญญาณจันทราเป็นผู้ฝึกตนระดับรวมวิญญาณของสำนักเฮยหยิน นิสัยโหดเหี้ยมและมักก่อศัตรูไว้กับหลายสำนักใหญ่"
"ข้าเดาว่าคงไปสร้างความโกรธแค้นจนถูกล้อมโจมตีจนตาย"
"แล้วปีศาจห้าลูกสมุนที่หนีไปเล่า? เราผู้ฝึกตนระดับสร้างฐานพลังขั้นต้น จะสามารถจัดการกับมันได้หรือ?"
ลู่เซวียนถามต่อ
"ข้าเคยได้ยินมาว่าวิธีการสร้างปีศาจห้าลูกสมุนนั้นโหดร้ายยิ่งนัก"
"ต้องใช้เด็กทารกที่มีรากวิญญาณห้าธาตุมาเป็นวัตถุดิบ และใช้เลือดและวิญญาณของทารกหลายพันคนเลี้ยงดูจนกลายเป็นปีศาจ"
"มันเป็นวิชาที่ผิดศีลธรรมอย่างยิ่ง สมควรแล้วที่จะถูกฆ่า"
ลู่เซวียนได้ฟังแล้วก็อึ้งไปชั่วขณะ
เขาแทบไม่เคยต่อสู้กับคนอื่นตั้งแต่มาถึงสำนัก จึงยากที่จะจินตนาการถึงความโหดร้ายเช่นนี้ได้
"เมื่อปีศาจห้าลูกสมุนรวมพลังกัน มันจะแข็งแกร่งมาก แต่ถ้าแยกออกมาพลังของมันจะเทียบได้กับผู้ฝึกตนระดับสร้างฐานพลังต้น ๆ หรือกลาง ๆ"
"หากปล่อยให้มันเข้าไปในเมืองหรือในตลาด มันจะฆ่าผู้คนเพื่อรวบรวมเลือดและวิญญาณ และจะเกิดการสังหารหมู่อย่างแน่นอน เมืองซิงหยวนอยู่ที่เขตชายแดนของสำนัก จึงเป็นเหตุผลที่สำนักให้รางวัลใหญ่เพื่อกำจัดมัน"
"พวกเราจะไปจัดการปีศาจด้วยกันไหม?"
"ไปสิไป"
"ทั้งได้กำจัดปีศาจและมีโอกาสได้กระบี่บินระดับสี่ แน่นอนว่าต้องไป"
"แล้วท่านลู่เซวียนคิดเห็นอย่างไร?"
"ข้า?"
ลู่เซวียนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มและพูดว่า
"ข้าพึ่งเลื่อนขั้นมาได้ไม่นาน ยังอ่อนแออยู่ งานปราบปีศาจคงจะเหมาะกับพวกท่านศิษย์พี่ศิษย์น้องมากกว่า"
การปราบปีศาจ ขอมอบให้พวกท่านไปเถิด ข้าขอกลับไปปลูกพืชของข้าต่อดีกว่า