ตอนที่แล้วบทที่ 11 แล้วจะไปขัดขวางเจตนาของท่านเทพเซียนได้อย่างไร?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13 ลงโทษลูกชายผู้ขี้ขลาด

บทที่ 12 ช่วยโฆษณาโรงแรมให้


บทที่ 12 ช่วยโฆษณาโรงแรมให้

ทันทีที่เจ้าสัวเคลื่อนไหว จะได้รู้กันไปเลยว่าใครรวยจริงรวยปลอม

หญิงสาวหน้ารูปไข่กลับมาที่โรงแรมอีกครั้ง แต่คราวนี้นางเรียกเกวียนมาขนของอีกด้วย ส่วนใหญ่นางเลือกซื้อของราคาถูกเป็นจำนวนมาก เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เครื่องดื่ม ลูกกวาด และช็อกโกแลต

ทำให้จำนวนสินค้าที่ขายได้เพิ่มขึ้น 200 ชิ้น

หากไม่ใช่เพราะต้องรักษาภาพลักษณ์ของเถ้าแก่โรงแรมไว้ และเพื่อป้องกันไม่ให้ชื่อเสียงของโรงแรมถูกลดระดับลง เฟิงหยวนหนิงแทบอยากออกไปแสดงความดีใจอย่างเปิดเผยด้วยตัวเอง

เงื่อนไขการอัปเกรดโรงแรม: รับรองแขกทั้งหมด 20/50 และทำภารกิจสำเร็จ 2/3

ภารกิจ: จำหน่ายสินค้าจากตู้ขายสินค้าอัตโนมัติครบ 1,500 ชิ้น (1275/1500) รางวัลปลดล็อก: ลานบ้าน

ตอนนี้ เหลืออีกเพียง 225 ชิ้น ก็จะทำภารกิจสำเร็จแล้ว

เธอจึงตั้งใจอย่างมากที่จะทำภารกิจให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อที่จะได้ปลดล็อกภารกิจต่อไป ซึ่งอาจจะมีรางวัลเป็นเครื่องปรับอากาศ

เธอจิบโค้กเย็น ๆ อึกใหญ่ แล้วเดินไปนอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาแสนนุ่มในโซนรับรองแขก ขณะเริ่มคิดหาวิธีที่จะดึงดูดลูกค้าเข้ามาเพิ่ม

ด้วยสถานการณ์ของโรงแรมที่เป็นอยู่ การใช้กลยุทธ์การตลาดแบบทันสมัยต่าง ๆ นั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะยิ่งทำยิ่งดูน่าสงสัย คนจะคิดว่าโรงแรมแปลก ๆ อย่างนี้ตั้งใจจะหลอกเอาเงินไปเสียมากกว่า

คิดไปคิดมา เหมือนว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการนิ่งเฉย รอให้ลูกค้าบอกต่อ ๆ กันไปน่าจะดีกว่า

ตอนนี้ห้องพักเต็มหมดแล้ว ตู้ขายสินค้าก็ไม่จำเป็นต้องคอยดูแลตลอดเวลา เธอเลยไม่มีอะไรให้ทำเป็นพิเศษ

ดูเหมือนว่าตอนนี้จะทำได้แค่เพียงนั่งเฉย ๆ อยู่ในโรงแรม รอให้ทุกอย่างมันดีขึ้นเองก็แล้วกัน

ช่างมันเถอะ ถือว่าช่วงนี้เป็นเวลาผ่อนก็แล้วกัน เพราะช่วงก่อนหน้านี้เธอทำงานหนักมาตลอด ร่างกายและจิตใจต้องการพักผ่อนอย่างมาก

อยู่ว่าง ๆ ก็ไม่เลวนี่นา? อาจจะมีฟังก์ชันใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาในโรงแรมในอนาคต เธอคงจะต้องยุ่งอีกครั้งเหมือนเดิม

คิดไปคิดมา โซฟาตัวนี้ช่างนุ่มสบายจริง ๆ หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน เธอจึงผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

ห้อง 202 ชั้น 2 โรงแรมเซียนหยวน

เกมหมากล้อมใกล้จะจบลงแล้ว ฝ่ายดำเดินหมากรุกรานอย่างหนัก ก้าวเดินก้าวตามไล่ต้อนจนฝ่ายขาวเสียเปรียบไปมากมาย กระทั่งถอยหนีไม่ทัน และต้องแพ้แบบยับเยิน

“พอแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงเล่นหมากได้เยี่ยมยอด กระหม่อมขอรับความพ่ายแพ้นี้ ฝ่าบาททรงหาคนอื่นมาดีกว่า” กัวอวี่ฉือจ้องมองกระดานหมากอยู่นาน แล้วเก็บเม็ดหมากขาวใส่กล่องกลับไป

การเล่นหมากครั้งนี้ทำให้อารมณ์เสียจริง ๆ ตอนแรกที่นั่งดูคนอื่นเล่นยังสนุกอยู่เลย ทำไมถึงคิดจะลองเล่นเองนะ?

ตอนที่หลูเสียนกับไป๋ฮ่าวเกอเล่นหมากกันก่อนหน้านี้ ดูเหมือนทั้งคู่จะเสมอกัน แต่ไม่รู้ทำไม หลูเสียนกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสมอด้วยความแตกต่างเพียงหนึ่งหรือสองหมาก แค่ครั้งเดียวยังพอจะบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญได้ แต่ทุกครั้งที่เล่นก็จบลงแบบนี้ คนที่มองอยู่จึงอดสงสัยไม่ได้ว่ามีอะไรแปลก ๆ หรือเปล่า?

กัวอวี่ฉือยิ่งดูยิ่งโมโห จนอดใจไม่ไหวต้องเข้าไปเล่นเอง

แต่พอได้ลงเล่นเองจริง ๆ ถึงได้รู้ว่าความจริงมันโหดร้ายกว่าที่คิด

เขาถูกเล่นงานจนเละเทะ แพ้แบบยับเยิน จนเกิดความหนาวสั่นเกาะกุมจิตใจ

“เป็นเกียรติอย่างยิ่ง” ไป๋ฮ่าวเกอยิ้มแล้วเรียกให้เหมายี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มาเก็บอุปกรณ์หมากล้อม

ต่อมา เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วก็ชะงักไป “หลูเสียน หากข้าจำไม่ผิด ของที่ใส่ในถุงและกล่องที่ใช้แล้วพวกนั้น มันเคยวางอยู่บนโต๊ะเล็กตรงนั้นไม่ใช่หรือ?”

หลูเสียนมองตามไปและตะลึงงัน “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ มันเคยอยู่ตรงนั้นจริง ๆ แต่ตอนนี้มันหายไปไหนแล้ว?”

กัวอวี่ฉือเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกสับสนไม่ต่างกัน

หลูเสียนลองค้นหาทั่วห้องพัก รวมถึงห้องน้ำ แต่ก็ไม่พบสิ่งของที่หายไป จึงกลับมารายงานด้วยสีหน้าสงสัยว่า “ทูลฝ่าบาท สิ่งของหายไปจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ตรวจสอบทั่วห้องแล้ว และมั่นใจว่าไม่มีใครในพวกเราโยนสิ่งของเหล่านั้นออกไปทางหน้าต่าง”

ไป๋ฮ่าวเกอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสายตาก็เป็นประกาย “หรือว่านี่จะเป็นฝีมือท่านเซียน? แค่การกำจัดของใช้แล้วทิ้งเหล่านั้น ถึงกับใช้เวทมนตร์ที่วิเศษขนาดนี้เชียวหรือ ความคิดของเทพเซียนช่างยากแท้หยั่งถึง”

หลูเสียนเอ่ยถามด้วยท่าทางนอบน้อมว่า “องค์ชาย ประสงค์ให้กระหม่อมลงไปสอบถามเถ้าแก่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

ไป๋ฮ่าวเกอส่ายหน้า “ไม่จำเป็นหรอก เหตุใดเราต้องไปรบกวนนางด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นรำคาญเสียเปล่า ๆ อาจจะเป็นเพราะว่าสำหรับเถ้าแก่แล้ว การทำแบบนี้เป็นเรื่องง่ายดาย แค่พวกเราเป็นคนธรรมดา จึงรู้สึกว่ามันแปลกประหลาดเท่านั้น ดูเหมือนว่าเถ้าแก่จะไม่ชอบความสกปรก เช่นนั้นขอให้พวกเราทุกคนจงระมัดระวัง อย่าทำสิ่งของภายในห้องเสียหาย”

หลูเสียนและเหมายี่ตอบรับพร้อมกัน “พ่ะย่ะค่ะ”

กัวอวี่ฉือรู้สึกว่าตนเองเป็นคนนอก หลังคิดครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ในเมื่อองค์ชายทรงปลอดภัยดี เช่นนั้นกระหม่อมจะกลับหุบเขาการแพทย์ก่อน ขอลาพ่ะย่ะค่ะ”

ห้อง 203 ชั้น 2 โรงแรมเซียนหยวน

หลิงจิ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น เขาหลับตาและมุ่งมั่นอยู่ในการฝึกตน

ซ่งอวี้หลวนนั่งพิงโซฟาอย่างสบายใจ ยกขาขึ้นไขว่ห้าง ขณะที่กำลังกินมันฝรั่งทอดกรอบไปด้วย และอ่านหนังสือนิทานไปด้วยพร้อมกัน

มันฝรั่งทอดกรอบเหล่านี้ทำมาจากอะไรไม่รู้ กรอบอร่อย มีรสเค็มนิด ๆ และยังมีกลิ่นหอมแปลก ๆ อธิบายไม่ถูก เธอรู้สึกว่ามันคล้ายกับเครื่องเทศหายากชนิดหนึ่ง และก็รู้สึกว่ามันคล้ายกับกลิ่นเนื้อย่างด้วย

อาหารอร่อยขนาดนี้เป็นเหมือนสิ่งเสพติด ยิ่งกินมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งหยุดไม่ได้

โซฟาที่นั่งอยู่ก็นุ่มมาก และยังรู้สึกเย็นสบายอีกด้วย ทำให้เธอไม่อยากลุกไปไหนเลย

สำนักที่เธอสังกัดอยู่คือขุนเขากระบี่ ซึ่งเป็นสำนักใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุทธภพ ในฐานะสำนักใหญ่ที่ปกครองพื้นที่แห่งหนึ่ง สำนักขุนเขากระบี่จึงมีอุตสาหกรรมและเหมืองแร่เป็นของตนเองจำนวนมาก

ร้านจันทร์กระจ่างที่เปิดอยู่ทั่วทุกแห่งของแผ่นดินก็เป็นของสำนักขุนเขากระบี่ โดยที่ร้านจันทร์กระจ่างจะเน้นขายอัญมณีและเครื่องประดับทองคำ

ซ่งอวี้หลวนเข้าร่วมสำนักขุนเขากระบี่ตั้งแต่เด็ก ด้วยความสามารถพิเศษทำให้เธอได้เป็นศิษย์ของลัวเสี่ยวเฟิ่ง ซึ่งเป็นเจ้าสำนักขุนเขากระบี่ เธอเคยเห็นสิ่งของหรูหราฟุ่มเฟือยจนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่เคยเห็นเก้าอี้นั่งที่นุ่ม ๆ แบบนี้มาก่อน และไม่เคยเห็นอาหารที่คล้ายกับมันฝรั่งทอดกรอบแบบนี้ด้วย

นั่นหมายความว่า อาหารและเก้าอี้นั่งแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน และเพิ่งจะปรากฏขึ้นมาในยุคสมัยนี้

หากเป็นไปได้ เธออยากจะเอาสิ่งของทุกอย่างในห้องกลับไปด้วย แน่นอนว่ามันเป็นเพียงความคิด เธอไม่กล้าพูดออกมาด้วยซ้ำ

หลังจากอ่านหนังสือไปสักพัก เธอเอื้อมมือไปหยิบถุงมันฝรั่งทอด แต่กลับไม่พบสิ่งใดเลย เธอจึงหันไปมองด้วยความสับสน

ทันใดนั้นเธอก็ตกตะลึง

แล้วถุงมันฝรั่งทอดล่ะ? เธอวางถุงมันฝรั่งทอดแยกไว้กองใหญ่ไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ ๆ มันถึงหายไป มีใครมาเล่นตลกกับเธอหรือเปล่า?

เธอเหลือบมองไปที่หลิงจิ่งที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับโต๊ะกาแฟ พบว่ากล่องอาหารและถุงขยะที่วางทิ้งไว้ก็หายไปหมดเช่นกัน

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ถึงแม้ว่าเธอจะถูกทำลายเส้นลมปราณจนกลายเป็นคนพิการ แต่ความจำของเธอยังดีอยู่

เธอจำได้ชัดเจนว่าขยะพวกนั้นยังคงวางกองไว้บนโต๊ะกาแฟ ทั้งตัวเธอและศิษย์พี่ชายต่างก็ยังไม่ได้เก็บทิ้ง

แต่ตอนนี้พวกมันกลับอันตรธานหายไปหมดเลย ถุงมันฝรั่งทอดที่เธอกำลังกินก็หายไปด้วย มันไม่ควรจะเป็นฝีมือของหลิงจิ่ง

หรือเถ้าแก่จะพบว่าพวกมันดูน่ารังเกียจ จึงใช้เวทมนตร์กำจัดมันไปแล้ว?

อ้อ เข้าใจแล้ว น่าจะเป็นฝีมือของเถ้าแก่แน่ ๆ เพราะนอกจากเถ้าแก่แล้ว ใครที่ไหนจะสามารถทำแบบนี้ได้อีก?

เมื่อลองคิดดู คงจะเป็นเพราะตอนนั้นเธอกินมันฝรั่งทอดหมดถุงพอดี มันจึงหายไปพร้อมกับขยะต่าง ๆ ในห้อง

ซ่งอวี้หลวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และตั้งมั่นว่าจะอยู่ที่นี่ต่อให้ได้

จนกว่าจะรักษาเส้นลมปราณได้ เธอจะไม่กลับไปยังสำนักขุนเขากระบี่

ส่วนเรื่องเงินที่ใกล้จะหมดนั้น เธอเชื่อว่าตราบใดที่เขียนจดหมายอธิบายให้อาจารย์เข้าใจ ท่านจะต้องช่วยเหลือเธอบ้างไม่มากก็น้อย

สุดท้ายก่อนที่เธอจะกลายเป็นคนพิการ เธอก็เคยเป็นศิษย์เอกที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักมาตลอด ตราบใดที่ยังมีความหวังที่จะกลับมาฝึกวิชาได้ ท่านอาจารย์คงไม่ทอดทิ้งเธอไปหรอกใช่ไหม?

ส่วนหลิงจิ่งนั้นถือว่าเป็นคนที่ธรรมดาสามัญ เมื่อเทียบกับศิษย์คนอื่น ๆ ในสำนักขุนเขากระบี่ เธอแทบจะไม่เคยสังเกตเห็นเขามาก่อนด้วยซ้ำ

กระทั่งเหตุการณ์ครั้งนี้ที่เธอต้องตกต่ำลงมาอย่างกะทันหัน ผู้ที่เคยเทียวไล้เทียวขื่อและเหล่าคนที่ติดตามเธอต่างก็จากไปทีละคน เธอจึงได้รู้ว่าโลกใบนี้มันไม่ได้สวยงามอย่างที่เคยคิดไว้ และคนที่จริงใจกับเธอนั้นมีอยู่เพียงหยิบมือ

หลิงจิ่งเป็นหนึ่งในนั้น เขาไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าเธอ หรือถ้าปรากฏตัวออกมา ก็ไม่เคยได้รับความสนใจจากเธอมาก่อน แต่ในยามที่เธอตกยาก เขากลับยอมที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อดูแล ปกป้อง และช่วยเหลือเธอ

ดังนั้น เมื่อเขาฝึกวิชาเสร็จแล้ว เธอจะบังคับให้เขากินบะหมี่รสไก่เผ็ดต่อไป

ฮึ่ม สามีในอนาคตของเธอจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?

เขามีอายุยี่สิบกว่าแล้ว แต่กลับฝึกวิชามาถึงแค่ขั้นมานะสร้างแปดชั้นเท่านั้น หากเธอกลับไปฝึกวิชาได้ เขาจะกลายเป็นคนที่ฉุดรั้งเธอไว้หรือเปล่า?

ศิษย์พี่อย่าคิดว่าแค่ฝึกวิชาหนักตอนนี้แล้วจะรอดไปได้นะ มันเป็นไปไม่ได้หรอกจ้ะ~

อำเภอเมืองฉ่างหลิง

เมืองแห่งนี้มีขนาดเล็ก หากเดินเร็วหน่อยก็อาจใช้เวลาแค่ 20 นาทีเพื่อเดินจากประตูเมืองทิศเหนือไปถึงประตูเมืองทิศใต้ และผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนยากจน

บ้านในแถบทางทิศใต้ มีหลายครอบครัวที่ทำงานอยู่ในที่ทำการปกครองอำเภอ

ครอบครัวของหญิงสาวหน้ากลมอาศัยอยู่ที่นี่เช่นกัน เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอพบว่าลูกชายวัย 6 ขวบร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไปแล้ว ส่วนลูกสาววัย 10 ขวบก็นั่งนิ่งอยู่ข้าง ๆ เหมือนคนตกใจ

ทันทีที่เห็นว่าแม่กลับมา ทั้งสองคนก็รีบวิ่งเข้ามากอดแม่คนละข้าง

ลูกชายร้องไห้ด้วยเสียงแหบ ๆ ว่า “ท่านแม่ จู่ ๆ ซองขนมของลูกก็หายไป”

ลูกสาวพูดด้วยหน้าตาตื่น “ท่านแม่ ลูกเห็นซองขนมของน้องชายหายไปกับตา”

หญิงสาวหน้ากลมได้รับฟังก็งุนงง “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เวลานี้ลูกชายของเธอยังคงร้องไห้ไม่หยุด ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ

ใบหน้าของลูกสาวซีดเซียวขณะที่เธออธิบายว่า “แม่รู้ว่าน้องชายชอบเอาซองขนมมาดมกลิ่นเล่นใช่ไหมเจ้าคะ? แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้ซองขนมที่น้องถืออยู่อันตรธานหายไป ท่านแม่ หรือว่าลูกจะเจอผี?”

หญิงสาวหน้ากลม “!!!”

เหตุใดเรื่องนี้จึงฟังดูแปลกประหลาดนัก? คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เธอประสบพบเจอมาก่อนหน้า เธอกำลังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งมาได้ยินลูกสาวของตนพูดเช่นนั้น ก็ยิ่งรู้สึกหนาวสะท้านไปทั่วทั้งร่างกาย ฝ่ามือทั้งสองของเธอเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

เธอพยายามตั้งสติ แล้ววางตะกร้าที่ถืออยู่ลง

เมื่อลูกชายเห็นของในตะกร้า พลันลืมความคับข้องใจที่ซองขนมหายไปทันที เขาวิ่งเข้ามากอดตะกร้าแล้วหยิบห่อลูกกวาดขึ้นมาหนึ่งห่อ “ท่านแม่ อันนี้เลย! ลูกเห็นชัดเจนเลยว่าพี่ชายคนนั้นหยิบลูกกวาดออกมาจากห่อแบบนี้”

หญิงสาวหน้ากลมรีบคว้าห่อลูกกวาดนั้นมา เมื่อเห็นลูกชายทำท่าจะร้องไห้อีกครั้ง จึงรีบอธิบายว่า “แม่จะช่วยแกะให้ลูกเอง ลูกยังแรงน้อย แกะไม่ขาดหรอก”

ลูกชายจึงหยุดร้องไห้แล้วมองผู้เป็นแม่ตาแป๋ว

หญิงสาวหน้ากลมแกะห่อลูกกวาด แล้วหยิบลูกกวาดเม็ดหนึ่งมาลอกกระดาษ ก่อนจะใส่เข้าไปในปากตัวเอง

ทันใดนั้นรสหวานมันทำให้ลิ้นของเธอแทบละลาย เธอรู้สึกว่าลูกกวาดชิ้นนี้ทั้งหอม หวาน และยังมีความนุ่มที่ละลายในปาก ทำให้รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

โอ้โห จะมีของอร่อยแบบนี้ในโลกได้ยังไง?

ลูกกวาดแสนอร่อยทั้งห่อสามารถซื้อได้ในราคา 5 เหวินเท่านั้น เถ้าแก่คิดจะทำธุรกิจแบบขาดทุนหรืออย่างไรกัน?

ลูกชายกำลังจะเอื้อมมือมาหยิบลูกกวาด แต่ปรากฏว่าลูกกวาดได้เข้าไปในปากของแม่เขาเสียแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง เบะปาก และเริ่มร้องไห้จ้าอีกครั้ง

ลูกสาวเบ้ปากใส่น้องชายแล้วพูดว่า “จะร้องไห้อีกทำไม? ท่านแม่ออกไปซื้อขนมท่ามกลางแดดจ้า จะให้นางกินสักเม็ดไม่ได้เลยหรืออย่างไร?!”

ลูกชายถึงกับนิ่งอึ้ง และกลั้นน้ำตาเอาไว้ ก่อนจะพยายามเขย่งปลายเท้าเพื่อหยิบถุงลูกกวาดจากแม่

หลังจากที่หญิงหน้ากลมชิมและยืนยันว่าลูกกวาดไม่มีอันตราย เธอจึงหยิบลูกกวาดมาหนึ่งกำมือมอบให้ลูกชาย แล้วมอบส่วนที่เหลือพร้อมถุงให้แก่ลูกสาว “พวกเจ้าทยอยกินทีละน้อย ๆ ล่ะ ลูกกวาดนี้หวานมาก เดี๋ยวฟันจะผุเอาได้”

จากนั้นเธอเอาตะกร้าเข้าไปซ่อนในห้อง แล้วหยิบขนมอีกหลายห่อออกมาเพื่อนำไปแจกจ่ายให้ญาติสนิท

แต่แล้วเมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอได้กลิ่นหอมยั่วน้ำลายอย่างบอกไม่ถูก และยังได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกชายตัวดีอีกด้วย

เธอจึงรีบวิ่งไปดู เห็นประตูรั้วของเพื่อนบ้านเปิดอยู่ และเห็นหญิงสาวเพื่อนบ้านหน้ารูปไข่กับลูกสาวกำลังกินบะหมี่รสเนื้อตุ๋นผักดอง โดยแต่ละคนกำลังซดเส้นบะหมี่กันอย่างเอร็ดอร่อยจนหน้าแดงก่ำ

ชาวบ้านใกล้เคียงที่ได้กลิ่นหอมต่างพากันมามุงดูที่หน้ารั้ว ยื่นคอยาว ๆ มองไปที่เพื่อนบ้านหน้ารูปไข่ แล้วถามว่าบะหมี่ที่กำลังกินอยู่นั้นคือบะหมี่ประเภทไหน

หญิงสาวหน้ารูปไข่พูดอย่างภาคภูมิใจว่า “นี่คือบะหมี่ที่ขายในโรงแรมนอกเมือง ข้าเสี่ยงชีวิตออกไปซื้อมันมา พวกเจ้าอยากกินไหม? ถ้วยละ 10 เหวิน ที่ขายถูกแบบนี้ เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนบ้านกันหรอกนะ”

ทันใดนั้นหญิงสาวหน้ากลมก็นึกเสียดาย หากรู้แบบนี้ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไป แค่เพียงเพราะบะหมี่ขนกลับมาลำบาก

ตอนนี้เธอคงต้องลำบากไปซื้ออีกครั้งแล้วสิ ลูกชายร้องไห้ฟูมฟายขนาดนี้ เธออายชาวบ้านแย่เลย

เฮอะ ถ้วยละ 10 เหวินเนี่ยนะ เจ้าคิดจะปล้นกันหรือไง? ที่โรงแรมขายแค่ถ้วยละ 5 เหวินเอง

หญิงสาวหน้ากลมอดไม่ได้ที่จะพูดความจริงออกมาว่า “ที่โรงแรมนั้นขายแค่ 5 เหวินเอง แล้วเหตุใดเจ้าเอามาขายแพงถึง 10 เหวิน ลองถามใจตัวเองดูเถิดว่า ยังมีจิตสำนึกอยู่ไหม?”

“โรงแรมแห่งนั้นแปลกประหลาด ข้าเสี่ยงชีวิตเข้าไปซื้อมาด้วยตนเอง หากพวกเจ้าไม่อยากซื้อจากข้าก็ไม่ต้องซื้อ ใช่ว่าข้าจะห้ามพวกเจ้าเสียเมื่อไหร่” ความจริงหญิงสาวหน้ารูปไข่คาดการณ์ปฏิกิริยาของสหายไว้แล้ว และเพราะความเกรงใจ เธอจึงเพิ่มราคาแค่เท่าตัว ไม่ได้ขายแพงมากมายนัก

ตามที่หญิงสาวหน้ารูปไข่คาดการณ์ไว้ ราคาที่ตั้งไว้นี้ถือว่าเป็นราคาสูงสุดที่ชาวบ้านยอมรับได้ พวกเขาจึงทยอยกันมาซื้อ

“ข้าขอซื้อหนึ่งถ้วย ราคาแค่ 10 เหวิน เรายังพอมีเงินซื้อได้”

“ข้าเองก็ขอซื้อหนึ่งถ้วย แล้วเจ้ามีสิ่งอื่นมาขายอีกหรือไม่? เอาออกมาให้ดูหน่อยสิ”

“ข้าขอซื้อสักสองสามถ้วย และขอข้าดูของอย่างอื่นด้วย”

หญิงสาวหน้ากลมยิ่งรับชมนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นเท่านั้น “เจ้าไม่กลัวว่าจะทำให้เถ้าแก่ขุ่นเคืองหรืออย่างไร?”

หญิงสาวหน้ารูปไข่หัวเราะเบา ๆ แล้วส่ายหน้า “ข้าว่าเจ้ายังไม่เข้าใจ นี่เป็นกำไรแค่ไม่กี่เหวิน เจ้าคิดว่านางจะสนใจหรือ?”

ตรงกันข้าม การที่เธอทำแบบนี้ก็เหมือนกับช่วยโฆษณาโรงแรมให้ เถ้าแก่ควรจะดีใจด้วยซ้ำ

เมื่อคนเหล่านี้ได้ลิ้มลองอาหารเลิศรสแล้ว ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะต้องไปอุดหนุนที่โรงแรมด้วยตัวเอง

4.5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด