บทที่ 11 แล้วจะไปขัดขวางเจตนาของท่านเทพเซียนได้อย่างไร?
บทที่ 11 แล้วจะไปขัดขวางเจตนาของท่านเทพเซียนได้อย่างไร?
หญิงสาวทั้งสองคนยังคงลังเลใจ เธอผลักฉัน ฉันผลักเธอ โดยไม่กล้าเป็นคนแรกที่จะเข้าไปซื้อของ
ในเวลานี้ เกวียนวัวคันหนึ่งบรรทุกคนมาสามคนแล่นมาจากระยะไกล พวกเขาทั้งสามกระโดดลงจากเกวียนและเดินเข้ามาทางโรงแรม คนที่เดินนำมาก็คือผู้เฒ่าหวังลูกค้าเก่าที่เคยมาใช้บริการที่นี่มาก่อน
เฟิงหยวนหนิง “…”
ฮ่า ๆ ตลอดทั้งเช้าไม่มีใครมาเลย แต่ตอนนี้ทำไมถึงมีคนมาเยอะแยะขนาดนี้เนี่ย? มาพร้อมกันหมดเลยเหรอ?
ผู้เฒ่าหวังและพวกพ้องเหลือบมองเฟิงหยวนหนิง และเห็นว่าชุดที่เธอสวมใส่นั่นมีสีสันที่พิเศษมาก รอบตัวยังมีบรรยากาศเสมือนเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ พวกเขาต่างก็กลั้นหายใจและรู้สึกได้ทันทีว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดา และอาจจะเป็นเถ้าแก่ของสถานที่แห่งนี้
ผู้เฒ่าหวังไม่เคยเห็นเฟิงหยวนหนิง และไม่รู้จักเธอมาก่อน แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินของเขา
คนทั้งสองที่มากับเขาก็รู้สึกแบบเดียวกัน
โดยทั่วไปแล้ว สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาเมื่อมองบุคคลก็คือรูปลักษณ์ภายนอก พวกเขาไม่ควรรุกรานนักรบที่สวมดาบ ผู้คนที่สวมเสื้อผ้างดงาม และผู้ที่มีผิวพรรณผุดผ่อง ด้วยประสบการณ์เหล่านี้ มันจะช่วยให้พวกเขาหลีกเลี่ยงอันตรายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดต่างก็รู้สึกเกร็งและกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง โดยเกรงว่าจะทำให้เฟิงหยวนหนิงขุ่นเคือง ภายใต้การนำของผู้เฒ่าหวัง พวกเขาเดินไปยังตู้ขายสินค้าอัตโนมัติอย่างระมัดระวัง
หญิงสาวสองคนมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจและสงสัย สามคนนั้นเดินเข้าไปในประตูโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย พวกเขาคงไม่ใช่พวกที่ถูกจ้างมาใช่ไหม? ก่อนหน้านี้จ้างคนมาแจกขนมบนถนน ตอนนี้ก็จ้างคนมาแกล้งเป็นลูกค้าอีก โรงแรมแห่งนี้อาจมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลก็เป็นได้?
เฟิงหยวนหนิง “…”
ดูจากท่าทางของสามคนนี้ที่มีต่อเธอ พวกเขาเห็นเธอเป็นสัตว์ร้ายหรืออย่างไร? ช่างเถอะ ตราบใดที่ลูกค้ามาอุดหนุนร้านของเธอ ลูกค้าทุกคนถือเป็นลูกค้าที่ดี ในฐานะเจ้าของร้าน เธอจำเป็นต้องสร้างสภาพแวดล้อมการช้อปปิ้งที่ผ่อนคลายให้กับลูกค้า
เธอจึงกลับเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรม และนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์เพื่อสังเกตการณ์เงียบ ๆ
หลังจากเห็นเธอเดินเข้าไปในโรงแรม กลุ่มของผู้เฒ่าหวังก็เริ่มผ่อนคลาย พวกเขาหันไปพูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
หญิงสาวสองคนที่ลังเลก่อนหน้านี้เข้ามายืนใกล้ ๆ และตั้งใจฟัง
“ผู้เฒ่าหวัง วันนี้ครอบครัวท่านจะกินบะหมี่แบบนี้ใช่ไหม?”
ผู้เฒ่าหวังตอบกลับ “ใช่ ๆ ๆ บะหมี่นี่แหละ ราคาไม่แพงมาก สำหรับครอบครัวธรรมดา ๆ อย่างเรา ซื้อไปกินเดือนละครั้งสองครั้งก็ยังพอไหว”
“ผู้เฒ่าหวัง ท่านว่า เถ้าแก่โรงแรมนี้เป็นเทพเซียนจริง ๆ หรือเปล่า?”
ผู้เฒ่าหวังทุบอกแสดงความมั่นใจว่า “แน่นอนอยู่แล้ว มีแต่เทพเซียนเท่านั้นที่ไม่คิดจะทำร้ายพวกเรา เหล่าเทพเซียนบนสวรรค์เท่านั้นที่คิดถึงเราจริง ๆ”
“แล้วของที่ท่านเซียนขาย กินแล้วจะอายุยืนได้จริงหรือ?”
ผู้เฒ่าหวัง “เรื่องนี้ ข้าเองก็ไม่รู้หรอก แต่ข้าว่าของเหล่านี้จะต้องมาจากสวรรค์ชั้นฟ้า ลองดูรูปร่างหน้าตาของมันสิ นี่คือสิ่งที่มนุษย์เช่นเราสามารถสร้างขึ้นมาได้หรือ?”
“ก็จริงอย่างที่ท่านว่า งั้นข้าจะซื้อเพิ่มหน่อยแล้วกัน”
เฟิงหยวนหนิงมองดูสถานการณ์ภายนอกโรงแรมไปด้วย และคอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลภารกิจในระบบไปด้วย
อัปเดตความคืบหน้าภารกิจ +1
อัปเดตความคืบหน้าภารกิจ +1
อัปเดตความคืบหน้าภารกิจ +1
คนที่ซื้อของคนสุดท้ายคือผู้เฒ่าหวัง หลังจากที่เขาซื้อของเสร็จ ระบบก็ส่งเสียงแจ้งเตือนเข้ามาในหัวของเฟิงหยวนหนิงว่า “ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ทำภารกิจสำเร็จแล้ว ตอนนี้ได้ปลดล็อกฟังก์ชันพิเศษของโรงแรม: การทำความสะอาดอัตโนมัติ คุณได้เริ่มภารกิจใหม่แล้ว โปรดตรวจสอบ”
เฟิงหยวนหนิงดีใจมาก และเปิดหน้าระบบขึ้นดู
เงื่อนไขการอัปเกรดโรงแรม: รับรองแขกทั้งหมด 18/50 คน และทำภารกิจสำเร็จ 2/3
ภารกิจ: จำหน่ายสินค้าจากตู้ขายสินค้าอัตโนมัติครบ 1,500 ชิ้น (995/1500) รางวัลปลดล็อก: ลานบ้าน
เมื่อเฟิงหยวนหนิงเห็นดังนั้น ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีดำทันที
โธ่เอ๊ย!
ทำไมต้องเป็นลานบ้าน? ทำไมไม่เป็นเครื่องปรับอากาศ? ตอนนี้เธอต้องการแค่เครื่องปรับอากาศ หากไม่มีเครื่องปรับอากาศ เธอคงทนใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ไหว
เฟิงหยวนหนิงโกรธจนทุบโต๊ะเสียงดัง
บ้าจริง โรงแรมที่ไม่มีแอร์จะเรียกว่าโรงแรมได้ยังไง? ไอ้โรงแรมเก่าแก่ทรุดโทรมเอ๊ย!
เอ๊ะ เดี๋ยวนะ 995/1500? เธอสังเกตเห็นจุดสำคัญอย่างหนึ่ง
หรือว่าสินค้าที่ลูกค้าซื้อก่อนหน้านี้จะถูกนับรวมเข้าไปด้วย? ลูกค้าที่มาก่อนหน้านี้ซื้อของกันเยอะขนาดนี้เลยเหรอ? จำนวนดังกล่าวทำให้เธอแทบพูดไม่ออก
แต่ถ้าลองคิดอีกที ภารกิจครั้งนี้มันง่ายเกินไปจริง ๆ
ถ้าเธอขายสินค้าได้ 1,500 ชิ้นตั้งแต่ก่อนหน้า ระบบก็คงจะบอกว่าภารกิจสำเร็จไปแล้วตั้งแต่ตอนที่ได้รับภารกิจใช่ไหม? อย่างไรก็ตามมันก็ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเธอ เธอคงไม่ไปขอให้ระบบเปลี่ยนแปลงภารกิจหรอก
เธอพยายามสงบสติอารมณ์ลง แล้วเริ่มสังเกตการณ์สถานการณ์ภายนอกโรงแรม
เห็นผู้เฒ่าหวังและคนอื่น ๆ ช่วยกันยกของที่ซื้อมาขึ้นเกวียนวัว จากนั้นพวกเขาขึ้นไปนั่งบนเกวียนที่แน่นขนัด และเตรียมจะขับเกวียนออกไป
หญิงสาวสองคนเฝ้ามองกระบวนการทั้งหมด สีหน้าของพวกเธอเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดเวลา ราวกับว่าทำกล่องสีหกใส่
มีทั้งความสงสัย ความประหลาดใจ ความไม่เข้าใจ และความสงสัย...
ในที่สุด เมื่อเห็นว่าสามคนนั้นกำลังจะจากไป หญิงสาวหน้ากลมที่อายุมากกว่าอดไม่ได้ที่จะเรียกพวกเขาไว้แล้วถามว่า “ช้าก่อน พี่ชายทั้งสาม พวกท่านเป็นพ่อค้าเร่หรือ? ท่านซื้อของไปมากมายขนาดนี้ จะนำไปขายต่อที่อื่นหรือเปล่า?”
ผู้เฒ่าหวังสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปและรีบปฏิเสธทันที “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร พวกเราต่างเป็นชาวบ้านธรรมดาอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลหวังใกล้ ๆ นี้เอง แล้วจะไปทำธุรกิจที่เอาเปรียบแบบนั้นได้อย่างไร? การทำแบบนั้นถือเป็นการไม่เคารพเถ้าแก่ที่เป็นเทพเซียน และเป็นการทำให้ความตั้งใจของท่านเทพเซียนต้องเสียเปล่า พวกเราไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด”
เขาทำท่าทีราวกับโกรธแค้นแทนคนอื่น แววตาแสดงออกถึงความเคารพนับถืออย่างยิ่ง
ในเมื่อท่านเทพเซียนตั้งใจขายของในราคาถูกขนาดนี้ เพื่อที่จะช่วยเหลือคนจน แล้วเขาจะไปขัดขวางเจตนาของท่านเทพเซียนได้อย่างไร?
อย่างมากเขาทำได้เพียงมาซื้อของแทนเหล่าชาวบ้าน ท้ายที่สุดแล้ว คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านค่อนข้างยุ่ง เวลาจะซื้ออะไรก็มักไหว้วานฝากคนในหมู่บ้านไปซื้อให้
หญิงสาวหน้ากลม “…”
หญิงสาวหน้ารูปไข่ “…”
พวกเธอยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีกว่า พวกเขาอาจจะได้รับเงินมาเพื่อมาแสดงละคร
หากไม่ใช่เพราะมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง คนธรรมดาคนหนึ่งจะพูดอะไรที่ประจบสอพลอขนาดนี้ได้ยังไง?
หรือว่าโรงแรมลึกลับแห่งนี้จะมีอะไรซ่อนเร้นอยู่? ไม่อย่างนั้นทำไมพวกเขาถึงต้องจ้างวานชาวบ้านหลายคนมาแกล้งทำเป็นลูกค้า และใช้หลากหลายวิธีเพื่อหลอกล่อให้คนอื่นมาซื้อของ?
หญิงสาวหน้ารูปไข่ลองเสนอเงื่อนไขดูว่า “จะไม่ขายต่อจริง ๆ หรือ? ข้ายอมจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งส่วน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของผู้เฒ่าหวังก็เปลี่ยนไปทันที เขาเหลือบมองไปที่โรงแรม แล้วรีบปฏิเสธเสียงแข็งว่า “ไม่ขาย ไม่ขาย จะมาทำแบบนี้หน้าร้านคนอื่นได้ยังไง? เจ้าไม่กลัวว่าจะไปทำให้เถ้าแก่ขุ่นเคืองเหรอ ขนาดข้ายังกลัวเลย”
สิ้นเสียง เขารีบขับเกวียนออกไปทันที ไม่ยอมพูดคุยกับพวกเธออีก ราวกับว่าเขากำลังหนีโรคระบาดอยู่
ทำให้เถ้าแก่ขุ่นเคือง? หญิงสาวหน้ารูปไข่ตกใจ นี่ถือเป็นการทำให้เถ้าแก่ขุ่นเคืองหรือ? มีคนยอมจ่ายเงินให้ในราคาสูง ไม่ใช่ว่าเถ้าแก่ควรจะดีใจเหรอ?
ขณะที่สงสัยอยู่นั้น นางก็สังเกตเห็นว่าสหายของตนกำลังเดินเข้าไปในโรงแรม
หญิงสาวหน้ารูปไข่ “!!!”
นางไม่เข้าใจเลยว่า เหตุใดสหายของตนถึงเปลี่ยนใจกะทันหัน แต่พอคิดดูอีกที หากมีคนกล้าลองเข้าไปเอง นางก็ไม่มีเหตุผลที่จะคัดค้าน
นางเฝ้ามองหญิงสาวหน้ากลมเดินขึ้นบันไดและตรงไปที่ประตูทางเข้าโรงแรมเซียนหยวน
ในความเป็นจริง ผู้หญิงหน้ากลมตัดสินใจทำเช่นนี้หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีท่าทางปฏิเสธ แต่ก่อนเดินทางมาที่นี่ ใช่ว่านางจะไม่ได้สืบหาข้อมูลอะไรมาเลย
สามีของนางทำงานเป็นตำรวจ ซึ่งมีช่องทางในการสืบหาข่าวสารในเรื่องนี้
แม้ว่านายอำเภออินจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แต่หัวหน้าตำรวจของอำเภอกลับคิดว่าต้องสืบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด
ดังนั้น สามีของเธอจึงกำลังสืบเรื่องราวนี้อยู่ และหลังจากลองถามดู สามีก็บอกว่าตอนนี้ยังไม่พบว่าโรงแรมนี้มีอะไรผิดปกติ
เพื่อไม่ให้เรื่องบานปลาย พวกเขาเลยไม่ได้ไปตรวจสอบโรงแรมโดยตรง แต่ไปสืบดูว่าลูกค้าที่ไปใช้บริการร้านนี้เป็นใคร แล้วไปสืบต่อจากลูกค้าเหล่านั้นแทน
นางจึงได้รู้ว่ามีคนจากหมู่บ้านตระกูลหวังมาใช้บริการโรงแรมแห่งนี้ด้วย และเนื่องจากคนเหล่านั้นอ้างว่าเป็นคนในหมู่บ้านตระกูลหวัง บางทีนางอาจไม่จำเป็นต้องลังเลใจอีกต่อไป
นางเดินตรงไปที่ตู้กระจกหรูหราด้วยความกังวล
ระหว่างทาง เธอพยายามนึกย้อนกลับไปว่า ก่อนหน้านี้ผู้เฒ่าหวังและพรรคพวกซื้อของที่นี่กันอย่างไร สิ่งแรกเลยน่าจะต้องหยอดเหรียญทองแดงหรือเหรียญเงินลงไปในรูของตู้ก่อน…
แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เธอก็ต้องตัวแข็งค้างทันใด
มันช่างน่าอัศจรรย์! เพียงแค่เดินเข้าใกล้ เธอก็ได้รับรู้ข้อมูลบางอย่างเข้ามาในหัว และเข้าใจวิธีการใช้งานตู้ขายสินค้าอัตโนมัติเครื่องนี้
ปรากฏว่าเธอไม่จำเป็นต้องสังเกตและจำวิธีใช้เลยสักนิด ก่อนหน้านี้ช่างไร้สาระจริง ๆ
หญิงสาวหน้ากลมถึงกับตัวสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้น โรงแรมที่มีพลังวิเศษขนาดนี้ หากต้องการเอาชีวิตเธอไปสักคนคงเป็นเรื่องง่ายดายมาก
ตอนนี้เธอหวังเพียงว่า เถ้าแก่ที่นี่จะเป็นเทพเซียนจริง ๆ ไม่ใช่ปีศาจหรือผีสางนางไม้
และเมื่อได้เข้ามาด้านในแล้ว ถ้าไม่ซื้อของกลับไปเยอะ ๆ มันจะถือว่าไม่คุ้มกับการที่เสี่ยงชีวิตเข้ามาหรือเปล่า?
เธอหยอดเศษเหรียญลงในตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ แล้วเริ่มซื้อของอย่างเมามัน นางเลือกซื้อแต่ของที่มีขนาดเล็กและเบา พกพาสะดวก เช่น ลูกกวาด 10 ห่อ ช็อกโกแลต 10 ห่อ ไฟแช็ก 20 อัน ไส้กรอกแฮม 30 แท่ง และล่าเถียว 10 ซอง
ของทั้งหมดเต็มตะกร้าพอดิบพอดี จากนั้นนางจึงถือตะกร้าเดินออกจากโรงแรม
ฟางหยวนหนิงเหลือบไปมองหน้าจอระบบเสมือนจริง แล้วพบว่าจำนวนของภารกิจเพิ่มขึ้นถึง 80 ชิ้นเลยทีเดียว
เงื่อนไขการอัปเกรดโรงแรม: รับรองแขกทั้งหมด 19/50 คน และทำภารกิจให้สำเร็จ 2/3
ภารกิจ: จำหน่ายสินค้าจากตู้ขายสินค้าอัตโนมัติครบ 1,500 ชิ้น (1075/1500) รางวัลปลดล็อก: ลานบ้าน
ตอนนี้เหลืออีกแค่ 425 ชิ้น ถ้ามีลูกค้าใจป้ำมาซื้อของอีกสักสองสามคน ภารกิจนี้ก็คงจะเสร็จสิ้นได้อย่างง่ายดาย
เฟิงหยวนหนิงจึงหันไปมองหญิงอีกคนที่อยู่ด้านนอกโรงแรมด้วยสายตาที่คาดหวัง
ในเมื่อหญิงสาวหน้ากลมซื้อของเยอะขนาดนั้น หญิงสาวอีกคนที่มาด้วยกันคงจะซื้อเยอะไม่ต่างกันสินะ?
ด้านนอกโรงแรม
หลังจากหญิงสาวหน้ากลมเดินกลับออกมา หญิงสาวหน้ารูปไข่รีบเดินเข้าไปทักทายอย่างกระตือรือร้น “พี่สาว ซื้อของเยอะขนาดนี้ จะช่วยซื้อให้ข้าด้วยหรือ?”
หญิงสาวหน้ากลม “…” เจ้าคิดไปได้ยังไงเนี่ย
เมื่อนึกถึงความตกใจที่ต้องเผชิญหน้าตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ เธออดไม่ได้ที่จะกลอกตาอย่างโกรธเคือง “หากอยากซื้อ เจ้าก็ไปซื้อเองสิ ของที่ซื้อมานี่ยังไม่พอให้ครอบครัวข้าใช้ด้วยซ้ำ”
นอกจากจะเก็บไว้กินเองแล้ว เธอยังคิดจะเอาของเหล่านี้ไปใช้ในการติดต่อสื่อสาร เช่น ให้เป็นของขวัญญาติพี่น้อง หรือให้สามีเอาไปฝากเพื่อนร่วมงาน
ส่วนสหายที่อยากให้นางช่วยซื้อให้ นางจะไม่แบ่งให้แม้แต่ชิ้นเดียว
โรงแรมอยู่ใกล้แค่นี้ แต่สหายตรงหน้ากลับขี้ขลาด และหวังว่าคนอื่นจะไปซื้อให้แทน นี่มันจะเกินไปแล้ว
เดิมทีที่พวกเธอคบค้าสมาคมกัน ก็เพียงเพราะอาศัยอยู่ในระแวกเดียวกัน และสามีของทั้งคู่ก็ทำงานที่อำเภอเหมือนกันแค่นั้นเอง พวกเธอไม่ได้สนิทสนมอะไรกันเลยสักนิด
หญิงสาวหน้ารูปไข่พูดด้วยรอยยิ้มเขินอาย “ยังไงเจ้าก็ซื้อของมาตั้งมากมาย แบ่งให้ข้าสักนิดหน่อย ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่?”
หญิงสาวหน้ากลมรีบสาวเท้าเดินเร็วขึ้น ไม่อยากจะสนใจอีกฝ่ายแล้ว
หญิงสาวหน้ารูปไข่ยังคงไล่ตามอย่างไม่ลดละ “พี่สาว ข้าขอแค่ลูกกวาดถุงเดียวเท่านั้น แบ่งให้ข้าสักถุงเถิด ได้โปรด”
หญิงสาวหน้ารูปไข่เดินตามไปจนถึงประตูเมือง กระนั้นหญิงสาวหน้ากลมก็ยังไม่ยอมให้
หญิงสาวหน้ารูปไข่กระทืบเท้าด้วยความโมโห แล้วหยุดอยู่หน้าประตูเมือง
หึ จะอะไรกันนักหนา คิดว่าข้ากลัวจนไม่กล้าเข้าไปในร้านนั้นเหรอ? งั้นข้าจะไปซื้อมันเดี๋ยวนี้แหละ และจะซื้อให้เต็มเกวียนรถเลย
หากลองคิดดู สหายผู้นี้ยังคงสบายดีหลังจากไปซื้อของ โดยไม่ได้รับอันตรายใด ๆ แล้วร้านนั้นมันน่ากลัวตรงไหนกัน?
ไม่เห็นน่ากลัวเลยสักนิด!