ตอนที่ 16 พบต้นอ้อย
ตอนที่ 16 พบต้นอ้อย
“ท่านพี่ซูเฉียว นี่ข้าเอง หลินหว่านหว่านไง พี่จำข้าไม่ได้แล้วเหรอ?”
ซูเฉียวตัวสั่นอย่างแรง เขาดึงผ้าผูกตาออกด้วยความไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? มาทำอะไรที่นี่?!”
“ข้า... ข้า...”
หลินหว่านหว่านกำลังจะตอบ แต่แล้วภาพหลากหลายก็แวบเข้ามาในหัว เธอกรีดร้องออกมาเสียงดัง กอดเข่าถอยหนีไปยังหัวเตียง
เวิ่นหยุนซีตบเบา ๆ บนแขนของซูเฉียว พร้อมกระซิบเบา ๆ ว่า “ปลอบเธอก่อนเถอะ อย่าถามมาก”
หลังจากพูดจบ เวิ่นหยุนซีก็พาฉินอวี้และเสี่ยวเล่อออกไปจากห้อง
ตอนแรกเธอคิดจะบอกหลินหว่านหว่านว่าทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน แต่ซูเฉียวไม่มีผ้าห่มเหลือเฟือ แถมคราบเลือดในห้องก็ยากที่จะปกปิด ทำให้ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไป
ใกล้ถึงเวลายามบ่ายแล้ว ทั้งสามคนจึงมุ่งหน้าไปยังครัวที่อยู่ข้าง ๆ
พูดว่าครัว แต่จริง ๆ แล้วมันก็แค่เพิงไม้ไผ่ขนาดเล็ก ในเพิงมีเตาหินเรียงซ้อนกันอยู่ ด้านบนวางหม้อดินที่มีรอยบิ่น
ข้างเตามีชั้นไม้ไผ่วางอยู่ มีโถเกลือใบหนึ่ง เกลือข้างในเป็นเกลือหยาบสีเหลืองเหมือนถูกขุดมาจากเหมืองแร่บนภูเขา
น่าเสียดายที่แคว้นหลานโจว่าอยู่ติดกับทะเล จะตักน้ำทะเลมาสักสองสามถังก็สามารถต้มจนได้เกลือแล้ว ซึ่งแทบไม่มีค่าอะไรเลย แต่ถ้าอยู่ในเมืองหลวงแผ่นดินใหญ่แล้วเจอเหมืองเกลือเข้า การลักลอบขุดเหมืองนั้น จะสร้างรายได้ให้นับไม่ถ้วน
เวิ่นหยุนซีถอนหายใจด้วยความเสียดาย ก่อนจะหันไปสำรวจของที่วางอยู่บนชั้นไม้ไผ่ต่อ
ข้างโถเกลือมีช้อนส้อมสองคู่วางเรียงไว้อย่างเรียบร้อย ครัวทั้งเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน
ฉินอวี้ถือเห็ดวัวในตะกร้าไปล้างที่ลำธารใกล้ ๆ ส่วนเสี่ยวเล่อก็ไม่อยู่เฉย เขานั่งลงหน้าเตาเล็ก ๆ ใช้มือเล็ก ๆ จับหินเหล็กไฟมาทุบกัน
เวิ่นหยุนซียิ้มออกมาเล็กน้อย “เดี๋ยวข้าทำเอง หาเศษไม้แห้งเล็กๆ มาให้ข้าหน่อย”
หินเหล็กไฟใช้งานง่ายกว่าหินธรรมดามากนัก
เวิ่นหยุนซีจุดไฟได้อย่างรวดเร็ว กำลังคิดจะออกไปเดินเล่นในป่าไผ่ สายตาก็เหลือบไปเห็นไม้ที่เสี่ยวเล่อถืออยู่
เปลือกแข็งสีดำม่วง เส้นใยหยาบยาวสีเหลืองอ่อน
เวิ่นหยุนซีหยิบขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียด ก่อนจะยกขึ้นดม
ใช่เลย ไม่มีผิดแน่ มันคือต้นอ้อย
ภาพฝันของการเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยด้วยทองคำและเงินผุดขึ้นมาในหัว เวิ่นหยุนซีหัวเราะลั่น
"เหมือนเจอทางตัน แต่กลับพบขุมทรัพย์ ความมั่งคั่งรออยู่ตรงหน้า"
มันช่าง... วิเศษเหลือเกิน!
ฉินอวี้กลอกตาด้วยความอดไม่ได้ คิดในใจว่าอาจารย์ที่หามาได้อย่างยากลำบากคนนี้ทุกอย่างดีหมด ยกเว้นชอบเพ้อฝันบ้าๆ บอๆ เป็นประจำ
ที่กระท่อมไม้ไผ่ ซูเฉียวกับหลินหว่านหว่านก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเวิ่นหยุนซี บรรยากาศของการพูดคุยเรื่องราวเก่าถูกขัดจังหวะ
หลินหว่านหว่านก้มมองมือขวาของตัวเอง ผิวขาวเนียนไร้ตำหนิใด ๆ
"พี่เฉียว ไปดูท่านหมอเวิ่นเถอะ ข้าปวดหัว อยากจะนอนต่อ"
ซูเฉียวถอนหายใจเบาๆ ยิ้มอย่างอ่อนโยนและตบไหล่หลินหว่านหว่านเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป
เมื่อแน่ใจว่าซูเฉียวเดินไปไกลแล้ว หลินหว่านหว่านก้มหน้าลงกับเข่า เริ่มสะอื้นเบาๆ และค่อยๆ กลายเป็นเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างควบคุมไม่ได้
เธอจำได้หมด ทุกอย่าง
ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังที่เธอเสียสติ
ภาพฝันร้ายที่เหมือนนรกยังคงตามหลอกหลอน แม้กระทั่ง เมื่อได้เจอพี่ชายข้างบ้านที่เธอรักและคิดถึง ภาพเหล่านั้นก็ยังคงปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอตลอดเวลา
ซูเฉียวได้ยินเสียงร้องไห้จากในห้อง มือยกขึ้นแต่ก็ลดลง ในที่สุดก็เดินไปทางครัว
เมื่อเดินไปถึง เวิ่นหยุนซีก็ยังคงหัวเราะอยู่ ดวงตาเป็นประกายสดใส
"เอ่อออ เจ้าหัวเราะอะไรอยู่?"
เวิ่นหยุนซีหยุดหัวเราะ ยื่นเปลือกอ้อยในมือให้ซูเฉียวดู
"นี่ไปเจอมาจากที่ไหน? พาข้าไปเร็ว!"
ซูเฉียวมองไปทางกระท่อมไม้ไผ่ เวิ่นหยุนซียิ้มพลางพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ฉินอวี้อยู่ที่นี่แล้ว”
ฉินอวี้รับคำทันที ถึงแม้จะอายุมากกว่าไม่กี่ปี แต่เธอก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งตอนที่เวิ่นหยุนซีเสียสติและตอนปกติ
ทันทีที่เวิ่นหยุนซีและซูเฉียวออกไป ฉินอวี้ก็ได้ยินเสียงร้องครวญอย่างเจ็บปวด เสียงค่อนข้างจะแปลกๆ จึงรีบวิ่งไปยังกระท่อมไม้ไผ่ทันที
ประตูถูกล็อกจากด้านใน ฉินอวี้เตะมันจนเปิดออก และเห็นหลินหว่านหว่านกำลังห้อยตัวอยู่กลางอากาศ
เธอรีบวางมีดในมือแล้ววิ่งไปจับขาของหลินหว่านหว่าน
แต่หลินหว่านหว่านดิ้นรุนแรงมาก ฉินอวี้โดนเตะเข้าที่ท้องหลายครั้ง ก็ยังไม่สามารถดึงตัวเธอลงมาได้
ฉินอวี้ขมวดคิ้ว ปล่อยมือจากหลินหว่านหว่าน แล้วหยิบมีดจากพื้นขึ้นมา ก้าวขึ้นเตียง และฟันไปทางหลินหว่านหว่านอย่างแรง
"ตุ้บ!" เสียงดังลั่น หลินหว่านหว่านตกลงไปกองบนพื้น เธออึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะพุ่งเข้าไปแย่งมีดจากมือของฉินอวี้
"ถ้าข้าตายตอนนี้ไม่ได้ เมื่อพี่เฉียวกลับมา ข้าก็ตายไม่ได้แล้ว!"
"โอ้ย! ปล่อยให้ข้าตายๆไปเถอะ! เจ้าจะช่วยข้าทำไม?!"
เสี่ยวเล่อได้ยินเสียงดัง จึงวิ่งเข้ามาและเห็นฉินอวี้ตบหน้าหลินหว่านหว่านจนล้มลง
เขาเห็นเชือกที่ตกอยู่บนพื้น รีบเก็บมันขึ้นมาแล้วยื่นให้ฉินอวี้ ฉินอวี้รับเชือกมาและจัดการมัดหลินหว่านหว่านแน่นจนกลายเป็นเหมือนห่อบ๊ะจ่าง
เธอลากตัวหลินหว่านหว่านมาที่ด้านหน้า แล้วมองไปยังใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของเธอด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตากลับเย็นชา
"ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าเจออะไรมาบ้าง การจะตายหรือไม่ตายมันเป็นเรื่องของเจ้า แต่ถ้าเจ้าทำให้ข้าเสียคำพูดต่ออาจารย์ นั่นข้ายอมไม่ได้นะ"
หลินหว่านหว่านอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็เงียบ และปล่อยให้ฉินอวี้มัดเธอไว้กับเตียง
ในขณะเดียวกัน เวิ่นหยุนซีก็ถูกซูเฉียวพามายังป่าอ้อย เธอดูมีความสุขเหมือนผึ้งที่เจอดอกไม้ ลูบคลำต้นอ้อยสีม่วงด้วยความรัก
ซูเฉียวมองเวิ่นหยุนซีด้วยความขบขัน รู้สึกว่านางคนนี้ช่างเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา
บางทีก็ดูเจ้าเล่ห์ บางทีก็ดูอ่อนโยน บางครั้งก็ดูเหมือนคนซื่อบื้อ จนไม่รู้ว่าแบบไหนคือตัวตนที่แท้จริงของนาง
"ก็แค่ต้นอ้อย ทำไมถึงดีใจขนาดนั้น?"
เวิ่นหยุนซีดึงต้นอ้อยสี่ต้นขึ้นมาแล้วพาดบ่าพลางตบมันเบา ๆ "เจ้าไม่เข้าใจหรอก นี่มันคือเงินทั้งนั้น"
"เงิน?"
"แน่นอน เจ้าเคยกินน้ำตาลกรวดไหม? นี่แหละคือสิ่งที่ทำมาจากต้นอ้อยพวกนี้"
ซูเฉียวพยักหน้าเข้าใจ ถ้าต้นอ้อยพวกนี้สามารถทำน้ำตาลกรวดได้ ก็อาจทำเงินได้บ้าง แต่ตอนนี้มีหลายร้านขายน้ำตาลกรวดอยู่แล้ว แม้แต่ในตลาดก็มี ถ้าเวิ่นหยุนซีขายอีก คงต้องเจอคู่แข่งมากมาย
เวิ่นหยุนซีรู้ว่าเขาคิดอะไร แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่ม
ในใจเธอมีแผนอยู่แล้ว ตั้งแต่รู้ว่ามีต้นอ้อยในพื้นที่นี้
จริงอยู่ที่ตอนนี้มีร้านขายน้ำตาลกรวดมากมาย แต่น้ำตาลกรวดนั้นไม่ได้มีรูปลักษณ์สวยงามเท่าน้ำตาลทรายขาวหรือก้อนน้ำตาลเกล็ด ถ้าเธอเพิ่มเรื่องราวและการตลาดเข้าไปล่ะก็...
ฮึๆๆๆ นี่มันแหล่งเงิน แหล่งทองชัดๆ
ตอนนี้ปัญหาคือหาพันธมิตรที่เหมาะสม และพื้นที่ปลูกต้นอ้อยที่ดี
ยิ่งคิดเธอยิ่งตื่นเต้น เวิ่นหยุนซีถึงกับวิ่งออกไปทันที ความต้องการหาเงินของเธอปะทุขึ้นจนทนไม่ไหว!
ซูเฉียวได้แต่ยิ้มอย่างหมดปัญญา ต้องรีบเดินตามเธอไป
เดิมทีเขาอยากคุยเรื่องหลินหว่านหว่านกับเวิ่นหยุนซี แต่สุดท้ายกลับได้คุยเรื่องอ้อยแทน ถ้าเพื่อนเก่าของเขารู้เข้า คงหัวเราะเยาะเขาแน่ ๆ
"อดีตจอหงวนผู้เคยชอบสนทนาแต่เรื่องบทกวีและวรรณคดี ตอนนี้กลับมาพูดเรื่องการหาเงิน"
แต่ถึงอย่างนั้น...
ซูเฉียวลูบใบไม้ทองคำที่อยู่ในเสื้อ พลางยิ้ม ทุกคนก็ต้องกินข้าวกันทั้งนั้น
เวิ่นหยุนซีกลับมาพร้อมกับต้นอ้อยด้วยสีหน้าตื่นเต้น แต่จากระยะไกล เธอก็ได้กลิ่นไหม้ลอยมา ความรู้สึกไม่ดีจึงแล่นเข้ามาในใจ
และแน่นอน เธอไม่มีโอกาสได้กินข้าวดีๆ สักครั้ง!
ครัวไม้ไผ่ที่เธอเห็นอยู่เบื้องหน้าถูกเผาเสียหายหมดแล้ว เหลือเพียงเตาหิน หม้อดิน และโถเกลือ แม้แต่ตะเกียบไผ่ก็เสียหายไปหมดสิ้น
มือเรียวยาวยื่นมาตรงหน้าเวิ่นหยุนซี
"เจ้าชดใช้ข้ามา"
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
หากพบคำที่พิมพ์ผิด แจ้งได้เลยนะ