ตอนที่ 156 กลยุทธ์ของซุนเกี๋ยน(ฟรี)
“ท่านอาจารย์ ท่านเป็นอะไร?”
พอไป๋หลี่หมิงเดินออกจากบ้าน เขาก็เจอกับซุนเซ็กที่เพิ่งจะมอบกองทัพให้กับจิวยี่
พอเห็นว่าไป๋หลี่หมิงเพิ่งจะกลับมาถึงบ้าน และกำลังรีบไปที่ไหนสักแห่ง เขาก็อดสงสัยไม่ได้
“มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าท่านอาจารย์?”
ไป๋หลี่หมิงส่ายหัวและยิ้ม
“ไม่มีอะไร ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าจะไปไหนละ?”
“พอพ่อกลับมาถึง ท่านพ่อก็เรียกจงเสวียนไปคุย ตอนนี้ ท่านพ่อน่าจะอยู่ในห้องประชุม!”
ซุนเซ็กพูด
“ท่านอาจารย์จะให้ข้าพาไปไหม?”
“ไม่ต้อง ปั๋วฟู เจ้าไปพักเถอะ!”
ไป๋หลี่หมิงพูด จากนั้น เขาก็เดินไปที่ห้องประชุม
พออเจอท่าทีแปลกๆของไป๋หลี่หมิง ซุนเซ็กก็งุนงง เขาเกาหัวและเดินไปในบ้านต่อ
แต่พอเขาเดินเข้าไปในสวน เขาก็เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งกระโดดออกมา
“เฮ้!”
พอซุนเซ็กเห็นแบบนี้ เขาก็จับหัวนางอย่างรักใคร่
“เซียงเอ๋อร์ เจ้าแอบอยู่ตรงนี้เองเหรอ”
พอซุนซ่างเซียงได้ยิน นางก็ส่ายหัวอย่างมีความสุข
“เฮอะๆ! ข้าได้ยินมาว่าพี่ใหญ่กลับมาแล้ว ข้าเลยมารับพี่กลับบ้าน!”
“น้องสาวที่ดี!”
พอซุนเซ็กเห็นแบบนี้ เขาก็ลูบหัวนางและยิ้ม
“ในเมื่อมีคนมารับแล้ว ไปหาแม่กัน!”
ขณะพูด เขาก็จับมือซุนซ่างเซียง
ผลลัพธ์คือพอเดินไป 2-3 ก้าว ซุนซ่างเซียงก็หันไปมอง
“พี่ชาย เมื่อกี้คุยกับใครนะ?”
ซุนเซ็กยิ้ม
“เมื่อกี้ ข้าเจอท่านอาจารย์ ดูเหมือนว่าท่านอาจารย์จะมีเรื่องด่วน คงจะไปหาพ่อ!”
“โอ้!”
ซุนซ่างเซียงเบะปาก
“คนไม่ดีคนนั้นมาอีกแล้ว!”
“คนไม่ดี? ฮ่าๆๆ...”
พอซุนเซ็กได้ยิน เขาก็หัวเราะ
“เจ้าพูดกับท่านอาจารย์แบบนี้ไม่ได้ มันเสียมารยาท!”
“ฮึ่ม! เขาน่ะไม่ดี!”
ซุนซ่างเซียงจิ้มจมูกตัวเอง
“วันๆ เขาก็รู้แต่วิธีรังแกพี่!”
“เจ้า...”
ซุนเซ็กบีบจมูกน้องสาวด้วยรอยยิ้ม
“อาจารย์กำลังสอนพี่ชายของเจ้า!”
“ว่าแต่ น้องรองละ?”
ซุนซ่างเซียงส่ายหัว
“ข้าไม่รู้ ท่านพี่ น่าจะอยู่ในห้องหนังสือ!”
“งั้นเหรอ!”
พอซุนเซ็กได้ยินแบบนั้น เขาก็อดยิ้มเจื่อนไม่ได้ ดูเหมือนว่าน้องชายของเขาจะเงียบขึ้นเรื่อยๆ!
ตลอดทั้งวัน มันคิดอะไรอยู่?
พอคิดแบบนี้ เขาก็ยิ้ม
“ไป พวกเราไปคารวะแม่กัน แล้วข้าจะพาเจ้าไปเที่ยว!”
“ตกลง!”
ซุนซ่างเซียงตอบ
ส่วนไป๋หลี่หมิง ในที่สุด เขาก็เจอซุนเกี๋ยน พอเข้ามา เขาก็ยิ้มเจื่อนๆ
“นายท่าน ท่านให้ของขวัญชิ้นโตกับข้าจริงๆ!”
ตอนนี้ ซุนเกี๋ยนนั่งอยู่บนที่นั่งหลัก ส่วนข้างๆ เขาก็คือหวังฉาน
พอเห็นไป๋หลี่หมิงเข้ามา เขาก็ยิ้ม
“หรัวจง เจ้ามาพอดี!”
“ข้ากำลังเขียนจดหมายตอบเล่าเปียว ดูซิ ว่ามีอะไรต้องเพิ่มไหม!”
“ไม่ต้องดู!”
ไป๋หลี่หมิงโบกมือ
“มันก็แค่ทำให้เล่าเปียวโกรธ!”
“จงเสวียน เจ้าเขียนต่อไป ไม่ว่าจะแย่แค่ไหนก็ตาม!”
พอหวังฉานได้ยิน เขาก็ตอบ
“ขอรับ!”
จากนั้น เขาก็เริ่มเขียนต่อ
พอเห็นแบบนี้ ซุนเกี๋ยนก็ยิ้มเจื่อนๆ
“หรัวจง เจ้าไม่พอใจของขวัญของข้าเหรอ?”
“ไม่ใช่!”
ไป๋หลี่หมิงพูดและรีบดึงซุนเกี๋ยนไปกระซิบ
“นายท่าน บอกความจริงมา เรื่องซัวหยู ช่างมันเเต่แล้ว สาวตระกูลเฉียวละ?”
“แม่ทัพเฉียว ไม่ว่าอะไรเหรอ?”
“เฮอะๆ... ข้าก็นึกว่าเรื่องอะไร!”
พอได้ยินแบบนั้น ซุนเกี๋ยนก็จับเคราและยิ้ม
“ไม่ต้องห่วง หรัวจง เจ้าหมายตาสาวตระกูลเฉียวทั้ง 2 คน สินะ!”
“ข้าเห็นว่าเจ้าไม่อยู่ ข้าก็เลยช่วยเจ้าเรื่องแต่งงาน”
“ส่วนเฉียวรุ่ย เขาเป็นคนส่งมาเอง!”
“เฉียวรุย่ส่งมาเอง?”
ไป๋หลี่หมิงงง
“ไม่น่าใช่นะ เพราะนางเป็นหลานสาวของเขา มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”
เขาเห็นซุนเกี๋ยนเป็นแบบนี้
“นายท่าน ท่านต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมแน่ๆ!”
“แน่นอน!”
ซุนเกี๋ยนจับเคราและยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“จริงๆ แล้ว ตอนที่เขาส่งสาวน้อยทั้งสองมาที่นี่ เขาก็บอกว่าจะให้เจ้าเลือกคนโตกับคนเล็ก!”
“ข้าว่าสาวน้อย 2 คนนี้น่ารักดี ข้าก็เลยจะให้พวกนางกลับบ้านทั้งสองเลย!”
“แต่ไอ้หมอนี่ มันไม่ยอม”
“ข้าก็เลยใช้เล่ห์เหลี่ยม เกลี้ยกล่อมมัน!”
“เล่ห์เหลี่ยม?”
พอไป๋หลี่หมิงได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“ท่านแม่ทัพ ท่านคงจะไม่ได้จับแม่ทัพเฉียวเข้าคุกใช่ไหม?”
ถ้าเป็นแบบนั้น เขาก็คงจะไม่กล้ารับทั้งสอง
“จับเข้าคุก? ฮ่าๆๆ...ไอ้เด็กบ้า!”
ซุนเกี๋ยนหัวเราะและต่อยไป๋หลี่หมิง
“ทำไม เจ้าใช้เล่ห์เหลี่ยมได้ ส่วนข้าใช้ไม่ได้?”
ขณะพูด เขาก็ดูภาคภูมิใจมาก
“ข้ารู้จักตระกูลใหญ่ดี พวกมันเป็นอันธพาล ข่มเหงคนอ่อนแอ เห็นแก่ได้!”
“ดังนั้น ข้าก็เลยบอกเฉียวรุ่ยว่าข้าจะแนะนำเจ้าเป็นขุนนางที่กตัญญูและซื่อสัตย์ แต่งตั้งเจ้าเป็นโหวกวนเหน่ย!”
“พอได้ยินแบบนี้ ท่าทีของเขาก็อ่อนลง!”
“จากนั้น ข้าก็บอกเขาว่าถ้าหากหรัวจงอยากจะแต่งงานกับลูกสาวตระกูลซัวเพื่อกองทัพเรา พวกเราก็แต่งงานด้วยกันได้”
“เพื่อเป็นรางวัลที่เจ้าทำคุณประโยชน์ให้กับกองทัพเรา ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะให้ลูกชายคนแรกของเจ้าเป็นโหวในอนาคต”
“พอได้ยินแบบนี้ เฉียวรุ่ยก็ตกลง แล้วก็บอกว่าในเมื่อเจ้าจะแต่งงานหลังจากกลับมา เขาไม่ได้อยู่ในโซ่วซุนบ่อยๆ และไม่สามารถดูแลหลานสาวได้ ดังนั้น เขาก็เลยส่งนางมาที่นี่ก่อน”
“แบบนั้น พวกเราก็แค่ทำพิธี!”
ตรงจุดนี้ ซุนเกี๋ยนก็ยิ้ม
“หรัวจง เจ้าคิดยังไงกับเล่ห์เหลี่ยมของข้า?”
“ยอดเยี่ยม!”
พอไป๋หลี่หมิงฟังคำอธิบายเสร็จ เขาก็ชูนิ้วโป้งให้ซุนเกี๋ยน
ต้องบอกว่าเล่ห์เหลี่ยมของซุนเกี๋ยน มันยอดเยี่ยมมาก!
ก่อนอื่น เขาก็ใช้ตำแหน่งขุนนางมาปิดปากเฉียวรุย จากนั้น ก็ใช้ยศโหวมากระตุ้นเฉียวรุย
ไม่น่าแปลกใจที่เฉียวรุ่ยถึงรีบส่งหลานสาวมาที่นี่!
พอได้ยินว่าลูกชายคนแรกจะได้เป็นโหว ตระกูลใหญ่ใครจะไม่หวั่นไหว!
พอคิดแบบนี้ ไป๋หลี่หมิงก็รู้สึกทึ่งซุนเกี๋ยน ไม่น่าแปลกใจที่ซุนเกี๋ยน หนุ่มยากจน ถึงได้แต่งงานกับแม่นางอู๋!
ถ้าหากเขาไม่มีเล่ห์เหลี่ยม มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้!
แน่นอนว่าเล่ห์เหลี่ยมแบบนี้ มันใช้ได้ผลกับเฉียวรุย
เพราะในกองทัพของซุนเกี๋ยน ยกเว้นซุนเกี๋ยนแล้ว ก็ไม่มีใครคู่ควรกับตำแหน่งโหว นับประสาอะไรกับให้ซุนเกี๋ยนแต่งตั้งใครเป็นโหว
ซุนเกี๋ยนยิ้มอย่างมีความสุข
“หรัวจง ไม่ต้องกังวล ตระกูลใหญ่ๆ พวกนี้ ภายนอกดูดี แต่จริงๆ แล้ว พอเห็นผลประโยชน์ พวกมันก็วิ่งเร็วกว่าใคร!”
“เจ้าจัดการคนพวกนั้นได้ตามใจชอบ แต่มีอย่างหนึ่ง เจ้าต้องรับผิดชอบ!”
“ส่วนซัวหยู ข้าว่าสู่ขอน่าจะดีกว่าหมั้น!”
“เจ้าตัดสินใจเองเถอะ!”
จากนั้น เขาก็เลิกคิ้วและยิ้มสนุก
“เอาล่ะ ข้ามีธุระ เจ้าไปเถอะ!”
“ตอนนี้ ใกล้จะถึงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เจ้าต้องดูแลตัวเองดีๆ!”
เจ้าเล่ห์!
เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!
ไป๋หลี่หมิงมองซุนเกี๋ยนและไม่รู้จะพูดอะไร
เขารีบพยักหน้าและเดินกลับจวน
อย่างไรก็ตาม พอมาถึงหน้าประตูบ้าน เขาก็อดรู้สึกกังวลใจไม่ได้
ตามที่ซุนเกี๋ยนพูด มันก็หมายความว่าตอนนี้ เขามีภรรยา 5 คน?
แบบนั้น คำถามก็คือ
เขาควรจะไปหาใครก่อน?
ตอนกลางคืน
แต่ในเรือนหลังของไป๋หลี่หมิงกลับสว่าง ในเขตเรือนหลัง มีสวนน้อยหลายแห่งและมีห้าห้อง และสามห้องก็สว่าง
“พี่ ท่านว่าพวกเราควรจะนอนดีไหม?”
ในห้องทางซ้าย เสี่ยวเฉี่ยวมองต้าเฉียวด้วยใบหน้าประหม่า
พอได้ยินน้องสาวพูด ต้าเฉียวก็พูดอย่างจนใจ
“น้องพั้ ถ้าเจ้าอยากนอน ก็กลับไปนอนสิ มานั่งเป็นเพื่อนพี่ทำไม!”
พอเสี่ยวเฉียวได้ยิน นางก็เอามือลูบกัน
“ข้ากลัว!”
“โอ้! อย่ากลัว!”
ต้าเฉียวกอดเสี่ยวเฉียว
“ลุงบอกว่าท่านไป๋หลี่หมิงเป็นสุภาพบุรุษ เขาจะเป็นสามีในอนาคตของเรา ต่อให้เจ้ากลัว เจ้าก็ต้องเรียกเขาว่าสามีในอนาคต?”
“แต่…”
เสี่ยวเฉียวฟังก็เบิกตากว้างและพูดอายๆ
“เรายังไม่แต่งงานกันเลย ถ้าเกิดเขามาละ!”
“ไม่ต้องห่วง!”
ต้าเฉียวยิ้ม
“ท่านลุงบอกว่าท่านไป๋หลี่เป็นสุภาพบุรุษ เขาไม่ควรทำอะไรแบบนั้น”
ขณะพูด นางก็มองแสงเทียน และคิดเงียบๆในใจ
คงจะ... ไม่...
ขณะเดียวกัน ในห้องของซัวหยู
สาวใช้ล้างเครื่องแต่งหน้าให้ซัวหยู หวีผมให้นางพลางกระซิบ
“คุณหนู ท่านคิดว่าคืนนี้ ท่านไป๋หลี่หมิงจะมาไหม”
ซัวหยูหันหน้าเข้าหาโต๊ะเครื่องแป้ง และหลังได้ยิน นางก็ส่ายหัว
“พวกเราไม่ได้อยู่ในเกงจิ๋ว ตอนนี้ พวกเราเป็นตัวประกัน”
“ข้าอายุเยอะแล้วและขี้เหร่ด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะแต่งงานกับข้า แต่ในใจ เขาก็คงจะไม่เต็มใจ!”
“ยิ่งไปกว่านั้น รอบๆ ตัวเขาก็มีสาวงามตั้งเยอะ ถึงแม้ว่าเขาจะมีเจตนาชั่วร้าย เขาก็คงไม่มาหาคุณหนูของเจ้า!”
“เป็นไปไม่ได้!”
สาวใช้พูดอย่างไม่พอใจ
“คุณหนู ท่านโดนนายท่านชะลอเวลาเอง!”
“ทุกวัน เขาก็เอาแต่คิดจะให้คุณหนูแต่งงานกับคนรวย... คนอื่น อายุ 17-18 ก็แต่งงานมีลูกแล้ว แต่คุณหนูยังได้แต่รอ”
ขณะพูด นางก็ยิ้ม
“แต่ ข้าว่าสาวๆ พวกนั้น ถึงจะสวย แต่พวกนางก็ยังเด็ก ในความคิดของข้า คุณหนูยังสวยกว่า!”
“แล้วคุณหนู ก็เป็นตัวประกัน เป็นคู่หมั้นของท่านไป๋หลี่ ถ้าหากเขามีเจตนา เขาจะต้องเลือกเราก่อนแน่!”
“ยัยตัวดี!”
พอได้ยินแบบนั้น ซัวหยูก็หัวเราะและดุ
“เจ้าพูดแบบนี้ เหมือนกับว่าพวกเรากำลังรอเขาอยู่เลย!”
“น่าอายชะมัด!”
สาวใช้ไม่กลัว นางรู้ว่าคุณหนูของนางใจดีกว่าคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองมาก นางเลยกระซิบข้างหู
“คุณหนู แต่งงานกับคนอายุเท่ากัน มันดีกว่าแต่งงานกับคนแก่ๆ นะเจ้าคะ!”
“ข้าว่าท่านไป๋หลี่หมิง ทั้งสูง ทั้งหล่อ แข็งแรง. อายุก็พอๆกับคุณหนูเลย!”
แต่พอพูดจบ ซัวหยูก็คว้าหน้านางและดุ
“ยัยตัวดี เจ้าช่างหน้าไม่อาย!”
หลังจากดุสาวใช้เสร็จ นางก็มองตัวเองในกระจก
ใช่ ตอนนี้ ข้าอายุ 22 แล้ว ถึงแม้ว่าจะอายุเยอะ แต่ข้าก็เป็นผู้ใหญ่กว่าสาวๆ พวกนั้น
ข้าหวังว่าเขาจะไม่รังเกียจที่ข้าแก่
พอคิดแบบนี้ นางก็เหม่อ แต่ตอนนี้ ไป๋หลี่หมิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในจวน
ถึงแม้ว่าเสี่ยวเฉียวกับต้าเฉียวจะอยู่ที่นี่ แต่พวกนางยังเด็ก และเขาไม่สนิทกับพวกนาง ดังนั้น มันก็ยากที่จะ...
ส่วนซัวหยู ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล
อายุ 22 มันก็แคบัณฑิตจบใหม่!
เขาจะไม่ชอบนางได้ไง!
แต่ยังไงก็ตาม พวกเขายังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีความรู้สึกรักและเขาไม่ใช่คนใจร้อน
นอกจากนี้ เขาก็ไม่ได้กลับมานานแล้ว
ดังนั้น หลังจากที่ฟ้ามืด พอคิดไปคิดมา เขาก็มาที่ห้องของซิวเอ๋อร์
พอผลักประตูเข้าไป เขาก็เห็นแสงเทียน แต่หญิงงามกลับนอนหลับอยู่บนเตียง
พอเห็นแบบนี้ เขาก็อดยิ้มไม่ได้
“ซิวเอ๋อร์ ถึงแม้ว่าบ้านเราจะใหญ่ แต่นอนแล้วก็ต้องดับไฟ!”
ขณะพูด เขาก็เดินเข้าไป
พอเห็นว่าซิวเอ๋อร์ไม่ตอบสนอง เขาก็ถามอย่างสงสัย
“ซิวเอ๋อร์? ซิวเอ๋อร์? เจ้าหลับไปแล้วเหรอ?”
แต่พอเรียก 2 ครั้ง แล้ว ก็ยังไม่มีปฏิกิริยา เขาก็เลยครุ่นคิด
นี่ยังไม่ถึงยามเซินเลย ถึงแม้ว่าจะหลับ ก็ไม่น่าจะหลับสนิท!
ยัยเด็กบ้านี่ เอาแต่บอกว่าคิดถึงข้า ทำไมไม่รอข้า?
พอคิดแบบนี้ เขาก็ผลักไหล่ซิวเอ๋อร์ แต่พอสัมผัส เขาก็รู้สึกว่าหญิงงามตัวสั่น จากนั้น ก็หันมาและกระซิบ
“นายท่าน ข้าเอง!”
“เหม่ยเอ๋อร์?”
ไป๋หลี่หมิงมองอย่างละเอียด ถึงจำนางได้
เห็นว่าใบหน้าคล้ายหยกขาวตอนนี้แดงเป็นแอปเปิ้ลเลย และดูสวยกว่าเดิม
“แล้วซิวเอ๋อร์ละ?”
เขาถามอย่างสงสัย
เหม่ยเอ๋อร์พูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“พี่ซิวเอ๋อร์บอกว่าคืนนี้ ท่านอาจจะไม่มา แล้วก็บอกว่าข้าพึ่งมา อาจจะไม่ชิน ก็เลยชวนเหม่ยเอ๋อร์ให้มา..”
“พี่ซิวเอ๋อร์ออกไปอาบน้ำ เดี๋ยวก็คงจะกลับมา!”
ขณะที่กำลังคุยกัน พวกเขาก็ได้ยินเสียงซิวเอ๋อร์
“เหม่ยเอ๋อร์ เจ้าออกไปแล้วเหรอ? ทำไมไม่ปิดประตู!”
ขณะพูด ซิวเอ๋อร์ที่สวมชุดบางๆ ก็เดินเข้ามา แต่พอเห็นร่างสูงใหญ่ในห้อง ตอนแรก นางก็ตกใจ
“นายน้อย ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”
พอไป๋หลี่หมิงเห็นแบบนี้ เขาก็เดินเข้าไปหา
“ค่ำคืน มันยาวนาน ข้านอนไม่หลับ ก็เลยมาคุยกับซิวเอ๋อร์ของข้า!”
ขณะที่กำลังคุยกัน เหม่ยเอ๋อร์ก็ลุกขึ้น
“ในเมื่อท่านมาแล้ว แบบนั้น เหม่ยเอ๋อร์ก็ขอตัว!”
แต่ทันทีที่ลุก ไป๋หลี่หมิงก็ค่อยๆเดินไปด้านหลังซิวเอ๋อร์ ปิดประตูและยิ้ม
“ในเมื่อมาแล้ว จะไปไหน!”
“คุยกับข้าหน่อย รุ่งสาง ข้าจะไป!”
“คุย?”
สาวน้อยทั้งสองมองหน้ากัน คุยจนถึงเช้า?
แบบนั้น ก็เลยไม่มีบทสนทนาตลอดทั้งคืน
จริงๆ แล้ว พวกเขาไม่ได้คุยกันจนถึงรุ่งสาง แต่คุยกันแค่ครึ่งคืน
สาเหตุหลัก ก็คือคน 2 คนที่อยู่ด้านหลัง ง่วงมาก เขาเลยให้พวกนางนอน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเขาจะพักผ่อนแค่ครึ่งคืน แต่เขาก็ยังตื่นเช้ามาก
เพราะร่างกายของเขา มันดีเกินไป!
พอมองคน 2 คนที่ยังหลับ เขาก็กอดพวกนาง
หลังจากล้างหน้าล้างตา เขาก็เดินไปหาซุนเกี๋ยน
ในเมื่อเขากำลังเตรียมที่จะสู้กับเล่าเปียว มันก็คงจะเป็นสงครามขนาดใหญ่อีกครั้ง
ในฐานะที่ปรึกษาทางทหาร ทุกวัน เขาก็มีเรื่องต้องจัดการมากมาย
รอให้ทหารพร้อม จากนั้นก็ชี้ดาบไปที่เกงจิ๋ว!