8 - ไม่รู้กาลเทศะอีกแล้ว
8 - ไม่รู้กาลเทศะอีกแล้ว
ขนาดหลี่ซินเป็นคนนอกก็ยังโมโห นับประสาอะไรกับเหลียงเจิ้งที่เป็นนักปราชญ์ผู้หยิ่งผยอง เมื่อถูกเจ้าโง่เย้ยหยันแบบนี้ ไม่ใช่การตบหน้าต่อหน้าสาธารณชนหรอกหรือ!
"เจ้าโง่ฉิน เจ้ารอข้าได้เลย!" เหลียงเจิ้งกล่าวด้วยความโกรธ
"ข้าจะไปกราบทูลฝ่าบาท แต่ก่อนหน้านั้นเจ้าจงทำโจทย์ที่ข้าให้ไว้ หลังจากที่ข้ากลับมาหากเจ้ายังทำไม่เสร็จหรือทำไม่ได้ แม้แต่บิดาเจ้ายังช่วยไม่ไหว!"
เห็นเหลียงเจิ้งยิ้มด้วยความพอใจเหมือนชนะสงคราม หลี่ซินก็ส่ายศีรษะพร้อมคิดในใจ "คนแบบนี้ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ถ้าพระบิดาลงโทษ ข้าคงไม่อาจช่วยเหลือเขาอีก ต้องรักษาความสัมพันธ์กับเหลียงเจิ้งไว้มากกว่า"
องค์ชายสี่หลี่จื้อยิ้มเยาะในใจ "เจ้าคิดจะดึงเจ้าโง่ฉินมาเป็นพวก แต่นั่นมันเจ้าโง่นะ! ต่อให้เจ้าดีกับเขาอย่างไร เขาก็มองไม่เห็นความสำคัญหรอก"
ในขณะที่องค์ชายแปดหลี่เยว่กังวลใจอย่างมาก เขาคิดว่าฉินโม่เป็นสหาย แม้ว่าฉินโม่จะเป็นเจ้าโง่เขลา แม้แต่ตัวเขาก็ยังกลั่นแกล้งฉินโม่เป็นครั้งคราว แต่ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายฉินโม่เลยสักครั้ง ที่เขาออกความคิดให้กับฉินโม่ก่อนหน้านี้ ก็เพราะได้ยินข่าวลือบางอย่าง และต้องการช่วยให้ฉินโม่รักษาตำแหน่งราชบุตรเขยไว้
"เจ้าโง่ฉิน ไปกับข้าเดี๋ยวนี้!" หลี่เยว่กล่าวขณะที่ลุกขึ้นยืน
แต่ฉินโม่ตอบกลับอย่างไม่สนใจ "ไม่ไป! เจ้าไม่ใช่คนดี!"
หลี่เยว่เกือบจะกระอักเลือด "เจ้าโง่ฉิน! ข้าพยายามช่วยเจ้า เจ้าไม่เพียงไม่ขอบคุณ ยังกล้าต่อยข้าอีก!"
ฉินโม่เห็นหลี่เยว่ทำหน้าเศร้าก็อดคิดไม่ได้ว่า "องค์ชายแปดเจ้านี่แสดงละครเก่งจริงๆ"
"เจ้าโง่ฉิน ข้าถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะไปหรือไม่?"
"ไม่ไป!" ฉินโม่ตอบพลางเก็บของอย่างมีความสุข
เมื่อเขาออกจากสถาบันกว๋อจื่อเจี้ยนและพ้นจากตำแหน่งราชบุตรเขยได้ เขาก็สามารถแต่งภรรยาเจ็ดหรือแปดคน นอนหลับอย่างสุขสบายทุกวัน ใช้ชีวิตเรียบง่ายสำราญได้อย่างเต็มที่!
ขณะที่ฉินโม่กำลังฝันถึงชีวิตอนาคตที่แสนสุขสบาย เหลียงเจิ้งได้เดินทางไปถึงตำหนักไท่จี๋และร้องทุกข์ต่อฮ่องเต้ เขาเล่าถึงพฤติกรรมของฉินโม่ราวกับเขาเป็นอาชญากรเลวทราม
"เจ้าโง่ฉินคนนี้นอนหลับในห้องเรียน กระหม่อมในฐานะครูลงโทษด้วยไม้บรรทัด แต่เขาไม่เพียงไม่สำนึกผิด ยังกล้ามาท้าทายกระหม่อมอีก!"
เหลียงเจิ้งคุกเข่าลง "เขายังกล่าวหาว่ากระหม่อมไม่มีความรู้มากพอเป็นเหตุให้นักเรียนเสียเวลาเปล่า นี่เป็นการลบหลู่กันมากเกินไปหากเขายังอยู่ในสถาบันกว๋อจื่อเจี้ยนกระหม่อมจะขอลาออก ขอฝ่าบาทโปรดแต่งตั้งคนที่มีความสามารถมากกว่ากระหม่อมเข้ามาทำหน้าที่แทน!"
หลี่ซื่อหลงฟังแล้วใบหน้าของเขาดำคล้ำไปหมด
นอนหลับในห้องเรียน ท้าทายครู และกล่าวหาว่าครูไร้ความรู้
แม้แต่ฮ่องเต้พระองค์ก็ยังให้ความเคารพต่อเหลียงเจิ้งในฐานะนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้กลับถูกเจ้าโง่ฉินมาดูหมิ่นต่อหน้าสาธารณชน
หลี่ซื่อหลงเข้าใจความรู้สึกนี้ได้อย่างลึกซึ้ง
"เจ้าโง่ฉินคนนี้ไม่เคารพครูบาอาจารย์ สมควรโดนลงโทษ!" หลี่ซื่อหลงลุกขึ้นและประคองเหลียงเจิ้งขึ้นมา "เหลียงอ้ายชิง(เป็นคำที่ฮ่องเต้ใช้เรียกขุนนาง) ข้าจะคืนความยุติธรรมให้เจ้าเอง!"
…
หลี่ซื่อหลงเสด็จมาถึงสถาบันกว๋อจื่อเจี้ยนด้วยตัวเองเพราะต้องการแสดงให้เห็น ว่าเหลียงเจิ้งมีความสำคัญมากแค่ไหน ทำให้เหลียงเจิ้งรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
"ฝ่าบาทเสด็จ!" เสียงขันทีประจำตัวของหลี่ซื่อหลง ประกาศเสียงดัง
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนในสถาบันกว๋อจื่อเจี้ยนต่างลุกขึ้นยืนพร้อมกัน และทุกสายตาก็มองไปที่ฉินโม่ ใครๆ ก็คิดว่าเขาต้องเจอปัญหาใหญ่แน่
แม้แต่หลี่เยว่ก็เริ่มกังวลใจ เขย่าตัวฉินโม่ที่ยังนอนหลับอยู่ "ตื่นเถอะ เจ้าโง่! พระบิดามาแล้ว!"
แต่ฉินโม่ไม่ได้หลับจริงๆ เขาแค่แกล้งทำเป็นหลับและคิดในใจ "ทำไมเจ้าต้องเขย่าข้าด้วย ข้ากำลังพยายามให้ฮ่องเต้โกรธ จะได้ไล่ข้าออกจากสถาบัน!"
เมื่อเห็นว่าเขย่าตัวฉินโม่ไม่สำเร็จ หลี่เยว่ก็ยิ่งกระวนกระวายมากขึ้น คิดจะใช้เท้าเตะ แต่ทันใดนั้น ชายที่สวมชุดมังกรสีเหลืองก็เดินเข้ามาในห้อง
"ถวายบังคมฝ่าบาท!" หลี่ซินนำขุนนางและนักเรียนคนอื่นๆ คุกเข่าแสดงความเคารพต่อฮ่องเต้
หลี่ซื่อหลงพยักหน้าเบาๆ สายตาของพระองค์กวาดไปทั่วห้องเรียน เมื่อเห็นฉินโม่นอนหลับอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าของพระองค์ก็ยิ่งดำคล้ำด้วยความโกรธ
"ยืนขึ้นได้" หลี่ซื่อหลงกล่าว
เหลียงเจิ้งชี้ไปที่ฉินโม่ "ฝ่าบาทส่งเห็นแล้วหรือยัง เจ้าโง่นี่ไร้ความเคารพเพียงใด!"
หลี่ซื่อหลงรู้สึกไม่พอใจมาก เพราะฉินเซียงหรูบิดาของฉินโม่เป็นแม่ทัพที่กล้าหาญทั้งยังเป็นสหายรักของเขา แต่สวรรค์กลับกลั่นแกล้งให้เขามีบุตรปัญญาอ่อนคนหนึ่ง หากไม่ใช่เห็นแก่ที่ฉินเซียงหรูเสี่ยงตายอารักขาเขาออกจากสนาม ไม่มีทางที่เขาจะยกองค์หญิงให้เป็นภรรยาเจ้าโง่นี้อย่างแน่นอน
"เกาซื่อเหลียน ไปปลุกเขาขึ้นมา!" หลี่ซื่อหลงพยายามระงับความโกรธ
"รับด้วยเกล้า!" ขันทีเกาซื่อเหลียนเดินเข้ามาและเขย่าตัวฉินโม่เบาๆ "ราชบุตรเขย ฝ่าบาทเสด็จแล้ว"
"ไปๆ อย่ามารบกวนการนอนของข้า!" ฉินโม่พึมพำพร้อมผลักมือของเกาซื่อเหลียนออก แล้วพลิกตัวไปอีกทาง
ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างกลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัว เจ้าโง่ฉินช่างบ้าบิ่นนัก!
การไม่เคารพเหลียงเจิ้งนั้นถือว่ายอมรับได้ แต่การไม่เคารพฮ่องเต้กลับเป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัย
เกาซื่อเหลียนยิ้มอย่างขมขื่นและหันไปมองหลี่ซื่อหลง
หลี่ซื่อหลงกัดฟันจนเส้นเลือดปูดขึ้นบนหน้าผาก
"เจ้าโง่คนนี้!" พระองค์ยกไม้บรรทัดขึ้นเดินตรงไปหา แล้วฟาดลงบนหัวของฉินโม่อย่างแรง
เพี๊ยะ
ฉินโม่กระโดดขึ้นมาทันที "โอ้ย! ใครเป็นคนตีข้า!"
"เจ้าโง่ฉิน! มองดูให้ดีว่าใครตีเจ้า!" หลี่ซื่อหลงตะโกนด้วยความโกรธ
ฉินโม่จับหัวตัวเองพลางคิด ‘โธ่! ท่านพ่อตาลงมือหนักเกินไปแล้ว!’ ฉินโม่รำพึงในใจ เขาคิดว่าการที่องค์หญิงจิ่นหยางเป็นคนมีนิสัยดุร้ายก็ควรจะได้เชื้อมาจากฮ่องเต้นี่เอง
แน่นอนว่าฉินโม่ยังคงโกรธอยู่ดี "ข้าไม่สนว่าเป็นใคร แต่... โอ้ ท่านพ่อตาเองหรือ! ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้?"
ยังไม่ทันที่หลี่ซื่อหลงจะตอบ ฉินโม่ก็กล่าวต่อ "ข้าเข้าใจแล้ว เป็นตาเฒ่าที่ไม่มีความรู้คนนั้นเรียกท่านมาใช่ไหม!"
เหลียงเจิ้งโกรธจนตัวสั่น และหลี่ซื่อหลงฟาดไม้บรรทัดลงบนหัวของฉินโม่อีกครั้ง
"เจ้าโง่! เหลียงอ้ายชิงคือปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินนี้ ชื่อเสียงของเขาขจรขจายไปทั่วหล้า เจ้ากลับกล้าดูหมิ่นเหยียดหยามเขา!"
"ท่านพ่อตา! เขาผิดก่อน ทำไมข้าต้องขอโทษเขาด้วย? นี่ไม่ยุติธรรมเลย!" ฉินโม่กล่าวด้วยความดื้อรั้น ทำเอาทุกคนในห้องเหงื่อไหลท่วมตัว
หลี่ซื่อหลงตั้งใจจะมาแก้ปัญหาเพื่อช่วยฉินโม่อยู่แล้ว เพราะแม้ว่าฉินโม่จะโง่เขลา แต่ก็เป็นบุตรเขยที่ทำความดีความชอบอันยิ่งใหญ่เมื่อวานนี้
แต่เจ้าโง่คนนี้กลับไม่รู้จักกาลเทศะอีกแล้ว!
………………