10 - ปรมาจารย์ด้านตัวเลข
10 - ปรมาจารย์ด้านตัวเลข
หลี่ซื่อหลงไม่เชื่อว่าฉินโม่จะตอบปัญหาได้ จึงเปล่าไปตามน้ำ "ตกลง ข้าจะเป็นพยาน หากเจ้าตอบไม่ได้ เจ้าจะต้องขอโทษต่อเหลียงอ้ายชิง และสาบานว่าจะตั้งใจเรียนเป็นอย่างไร?"
เขาเหนื่อยใจกับเจ้าโง่นี่เหลือเกิน
ถ้าเป็นเขยคนอื่นป่านนี้เขาคงโยนเข้าไปในคุกแล้ว
คนเหล่านั้นเพียงเห็นเขาก็กลัวจนฉี่จะราด ไม่มีทางต่อปากต่อคำแบบนี้
ที่น่าแปลกคือ เจ้าโง่นี่เรียกเขาว่าท่านพ่อตา เขาไม่เพียงไม่โกรธแต่ยังรู้สึกผูกพันในฐานะครอบครัวเดียวกันอีกด้วย
"ไม่มีปัญหา!"
ฉินโม่ตบหน้าอกตัวเองพร้อมกล่าวอย่างมั่นใจ
ขณะที่หลี่เยว่ถึงกับเอามือปิดหน้า "เจ้าโง่ฉินนี่ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?"
นักเรียนคนอื่นๆ ต่างส่ายหน้าอย่างเงียบๆ คิดว่านี่ช่างเป็นการแสดงที่ไร้สาระจริงๆ
เหลียงเจิ้งหัวเราะเยาะ "โจทย์ข้อนี้คือมีไก่และกระต่ายอยู่ในกรงเดียวกัน มีหัวรวมกันสามสิบห้าหัว มีขารวมกันเก้าสิบสี่ข้าง เจ้าจะบอกได้หรือไม่ว่าในกรงนั้นมีไก่และกระต่ายกี่ตัว?"
"นี่คือคำถามของท่านหรือ?" ฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูก
ทุกคนในห้องเรียนต่างพูดไม่ออก เจ้าโง่ฉินนี่ไม่เพียงโง่เขลา แต่ยังพูดจาโอ้อวดอีกด้วย นักเรียนมากกว่าร้อยคนในสถาบันไม่มีใครสามารถแก้โจทย์นี้ได้
หลี่ซื่อหลงก็ได้แต่ส่ายหน้า เขาเองก็ต้องใช้เวลาพอสมควรในการแก้โจทย์นี้ ศาสตร์แห่งตัวเลขมีประโยชน์หลายด้าน และเหลียงเจิ้งก็เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้มากที่สุด ไปด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เขาได้รับตำแหน่งเสนาบดีกรมคลัง
"ข้าให้เจ้าหนึ่งธูป หากแก้ไม่ได้..." เหลียงเจิ้งยังพูดไม่ทันจบ
"หนึ่งธูป? ข้าต้องการเวลาขนาดนั้นหรือ?" ฉินโม่พูดพลางมองเหลียงเจิ้งอย่างดูถูก "ท่านดูถูกใครอยู่?"
เหลียงเจิ้งกัดฟัน "ถ้าอย่างนั้นก็บอกมาสิว่าคำตอบคืออะไร!"
"ไก่มียี่สิบสามตัว และกระต่ายสิบสองตัว!" ฉินโม่ประกาศเสียงดัง
เหลียงเจิ้งถึงกับอึ้ง "เจ้า...เจ้าดูคำตอบมาแล้วหรือ?"
เขาหันไปมองนักเรียนคนอื่นๆ "พวกเจ้าตอบถูกหรือไม่?"
หลี่ซินและนักเรียนคนอื่นๆ ส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว
"นี่...เจ้าโง่ฉินตอบถูกหรือไม่?" หลี่ซื่อหลงถามเหลียงเจิ้ง
เหลียงเจิ้งตอบอย่างไม่เต็มใจ "ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ!"
หลี่ซื่อหลงถึงกับชะงัก
นักเรียนทั้งสถาบันต่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
"อะไรนะ! ไม่มีใครแก้โจทย์นี้ได้ แต่เจ้าโง่ฉินตอบถูกอย่างง่ายดาย?"
ทุกคนตกตะลึงไปหมด
หลี่เยว่ถามด้วยความสงสัย "เจ้าโง่ฉิน เจ้า...เจ้ารู้คำตอบได้อย่างไร?"
ฉินโม่หัวเราะ "ขอแค่มีสมองก็ตอบได้แล้ว!"
ใบหน้าของเหลียงเจิ้งแดงด้วยความอับอาย เขาไม่เชื่อว่าเจ้าโง่นี่จะสามารถแก้โจทย์ได้ด้วยตัวเอง จึงให้โจทย์ที่ซับซ้อนกว่าเดิม "มีหนูสองตัว หนูใหญ่ขุดได้หนึ่งวาในวันแรก ส่วนหนูเล็กก็ขุดได้หนึ่งวาเช่นกัน แต่หนูใหญ่จะเพิ่มความเร็วเป็นสองเท่าของเมื่อวานในวันถัดไป ส่วนหนูเล็กความเร็วจะลดลงในแต่ละวัน ถามว่าหนูทั้งสองจะขุดเจอกันวันไหนและแต่ละตัวขุดลงไปได้กี่วา?"
นักเรียนทุกคนได้ยินโจทย์นี้ถึงกับสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ โจทย์นี้ยากเกินไป!
หลายคนพยายามนับนิ้ว แต่ยิ่งนับก็ยิ่งสับสน แทบไม่มีใครเข้าใจวิธีแก้
หลี่ซื่อหลงเองก็เริ่มขมวดคิ้ว "โจทย์นี้อาจจะยากเกินไปหรือเปล่า?"
หลี่เยว่เองก็ทำหน้าไม่สบายใจ "เจ้าโง่ฉิน ข้อนี้มัน..."
"เฮ้! ข้าคิดว่าท่านจะถามอะไรที่ยากกว่านี้เสียอีก นี่มันง่ายมาก ท่านกำลังดูถูกข้าหรือ?" ฉินโม่พูดพลางถอนหายใจได้กล่าวว่า
"คำตอบคือ หนูทั้งสองจะขุดเจอกันในวันที่สาม หนูใหญ่ขุดได้ห้าวากับหกสิบเจ็ดนิ้ว ส่วนหนูเล็กขุดได้สองวาสิบเจ็ดนิ้ว!"
"เอาล่ะ ข้าตอบถูกแล้ว ตอนนี้ข้าสามารถออกจากที่นี่ได้หรือยัง?"
ทุกคนฟังคำตอบของฉินโม่ด้วยความมึนงง
แต่เหลียงเจิ้งกลับรู้สึกเหมือนตัวเองตกลงไปในห้วงน้ำแข็ง "ไม่...เป็นไปไม่ได้! จะเป็นไปได้อย่างไร?"
เมื่อทุกคนหันไปมองเหลียงเจิ้ง พวกเขาก็สงสัยว่าฉินโม่อาจจะตอบถูกอีกแล้ว?
หลี่ซื่อหลงรีบถามอย่างร้อนรน "เหลียงอ้ายชิง เจ้าโง่ฉินตอบถูกอีกแล้วหรือ?"
เหลียงเจิ้งพยักหน้าอย่างลำบากใจ "ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ!"
เขาไม่รู้จะพูดอะไร เพราะโจทย์ข้อนี้เป็นโจทย์ที่ยากที่สุดที่เขาคิดได้ แม้แต่ตัวเขาก็ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะแก้โจทย์นี้ได้ แต่เจ้าโง่ฉินกลับตอบได้ทันทีโดยไม่ต้องคิด
"หรือข้าไม่เก่งเท่าเจ้าโง่คนนี้จริงๆ?" เหลียงเจิ้งคิดกับตัวเอง
หลี่ซื่อหลงจ้องมองฉินโม่ด้วยสายตาครุ่นคิด ฉินโม่ได้รับการขนานนามว่าเป็นคนโง่ที่สุดของเมืองหลวง หากไม่ใช่ว่าพอจะพูดจาเป็นภาษาอยู่บ้างผู้คนคงเข้าใจว่าเขาเป็นปัญญาอ่อนตั้งแต่แรก
แต่ตอนนี้เขาถึงกับแก้โจทย์ปัญหาอันลึกล้ำได้อย่างง่ายดาย หรือว่าที่ผ่านมาเขาแกล้งทำเป็นโง่เท่านั้น?
ฉินโม่เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของหลี่ซื่อหลง แต่เขาก็หันไปแกล้งยิ้มอย่างโง่ๆ "ท่านพ่อตา ข้าบอกแล้วว่าตาเฒ่านี่ไม่มีความสามารถพอที่จะสอนข้า เรียนกับเขามีแต่จะทำให้กล้าโง่ไปกว่าเดิม!"
เหลียงเจิ้งโมโหจนแทบจะกระอักเลือด แต่ก็ไม่มีอะไรจะพูด เขามั่นใจว่าโจทย์ข้อนี้ไม่มีใครเคยเห็นซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ฉินโม่จะรู้คำตอบล่วงหน้า เหตุผลทั้งหมดมันพิสูจน์แล้วว่าฉินโม่มีความสามารถด้านคณิตศาสตร์เหนือกว่าเขา
ทุกคนในห้องต่างตะลึงไปหมด
"เจ้าโง่ฉิน เจ้าฉลาดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร?" หลี่เยว่ถามด้วยความสงสัย
"ใครบอกว่าข้าเป็นคนโง่!" ฉินโม่ตอบพร้อมกับยิ้มแบบโง่ๆ เหมือนเดิม
"ท่านพ่อตา ข้าตอบถูกแล้ว ข้าไม่อยากกลับมาที่สถาบันนี้อีกแล้ว มันน่าเบื่อมากเกินไป พรุ่งนี้ข้าว่าจะไปชนไก่ในเมือง สิ่งนั้นดูน่าสนใจมากกว่าเรียนกับตาเฒ่าคนนี้อีก!"
ทุกคนที่ยังทึ่งกับความสามารถของฉินโม่ถึงกับหัวเราะออกมา เมื่อเห็นว่าเจ้าโง่ฉินยังคงเป็นเจ้าโง่คนเดิม
หลี่ซื่อหลงมองหน้าเหลียงเจิ้งที่แสดงท่าทางอึดอัดใจ เขาไม่รู้จะพูดอะไร แต่เริ่มสงสัยว่าเจ้าโง่ฉินอาจกำลังแกล้งโง่อยู่
"หุบปากเดี๋ยวนี้ ช่างเป็นเด็กที่ไม่มีความพยายามออกเสียเลย!" หลี่ซื่อหลงตะโกน "ข้าจะให้คนไปเฝ้าที่สนามชนไก่ทุกวัน หากเห็นเจ้าโผล่หัวไปแม้แต่วันเดียวข้าจะหักขาเจ้าทันที!"
"ท่านพ่อตา ท่านเป็นฮ่องเต้จะผิดคำพูดได้อย่างไร? ท่านเป็นฮ่องเต้ที่หลอกลวง ข้าไม่อยากมีท่านเป็นพ่อตา ข้าจะถอนหมั้นเดี๋ยวนี้!" ฉินโม่โวยวายอย่างหนัก
ทุกคนในห้องต่างตกใจจนเหงื่อแตก
"เจ้าโง่! เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ!" หลี่เยว่รีบเอามือปิดปากฉินโม่ เมื่อเห็นสีหน้าหมองคล้ำของพระบิดา
"เอาตัวเจ้าโง่นี่ไปยังตำหนักไท่จี๋ ข้าจะทุบตีมันให้รู้สำนึก!" หลี่ซื่อหลงกล่าวพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธ "เหลียงอ้ายชิงเจ้าสอนพวกเขาไปเถอะ หากใครกล้าละเมิดครูบาอาจารย์อีก ข้าจะไม่ปรานีแน่นอน!"
เมื่อพูดจบ เขาก็ออกจากสถาบันไปด้วยความโกรธ ในขณะที่ฉินโม่ถูกราชองครักษ์ลากตัวติดตามไปด้วย
………..