ตอนที่แล้วบทที่ 8 ไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์อีกแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 ก็แค่ใช้เท้าเหยียบให้รู้แล้วรู้รอด

บทที่ 9 หรือว่าความมหัศจรรย์ของการแต่งหน้าสมัยใหม่จะไม่ได้ผล?


บทที่ 9 หรือว่าความมหัศจรรย์ของการแต่งหน้าสมัยใหม่จะไม่ได้ผล?

หลังจากที่ภรรยาซื้อของเสร็จแล้ว ชายคนนั้นก็รีบเดินไปที่ตู้สินค้าเช่นกัน

ภรรยาบ่นด้วยความไม่พอใจว่า “ข้าซื้อไปแล้วนี่นา ทำไมเจ้าต้องซื้ออีกเล่า? คิดว่าบ้านเรามีเงินเหลือกินเหลือใช้หรืออย่างไร?”

ชายคนนั้นฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ “ภรรยา ดูไฟแช็กอันนี้สิ ราคาถูกมากเลยนะ แค่ 1 เหวินเท่านั้นเอง แล้วก็กระดาษชำระม้วนนี้ใหญ่มาก ราคาแค่ 3 เหวิน ของราคาถูกมากจริง ๆ ในเมื่อตอนนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามาซื้อ งั้นเราก็ซื้อกลับไปเยอะ ๆ แล้วค่อยเอากลับไปขาย อะแฮ่ม… ข้าหมายถึง ถ้าเอาไปให้คนอื่น จะได้ดูมีหน้ามีตาไม่ใช่หรือไง?”

ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ ชายหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น หากเขาแอบนำของเหล่านี้ไปขาย มันอาจทำให้ร่ำรวยกลายเป็นเศรษฐีเลยก็ได้

หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วย แต่แล้วก็เกิดความสงสัยขึ้นมาอีกว่า “ทว่า หากซื้อเยอะขนาดนี้ แล้วจะเอาของกลับบ้านได้อย่างไร?”

ชายหนุ่มถอดเสื้อคลุมออกมาปูลงบนพื้นที่สะอาด “ใช้เสื้อตัวนี้ห่อเป็นอย่างไร? จะได้เอาของกลับบ้านได้คราวเดียว แบบนี้ไม่ดีหรือ?”

“จริงของเจ้า”

จากนั้น ทั้งคู่จึงช่วยกันยกของที่ซื้อกลับออกไป

ขณะเดียวกันภายในล็อบบี้ของโรงแรม เฟิงหยวนหนิงรู้สึกดีใจเมื่อเห็นว่าตัวเลขในหน้าจอระบบมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง แสดงว่าการมาของกัวอวี่ฉือนำลูกค้ารายใหม่ ๆ มาให้เธอ

เงื่อนไขการอัปเกรดโรงแรม: รับรองแขกทั้งหมด 14/50 คน และทำภารกิจให้สำเร็จ 1/3 ภารกิจ

ภารกิจ: รับรองแขก 15 คน (11/15) ปลดล็อกเอฟเฟกต์พิเศษของโรงแรม: ทำความสะอาดอัตโนมัติ

ถ้ามีลูกค้ามาใช้เครื่องขายของอัตโนมัติอีก 4 คน เธอก็จะทำภารกิจนี้สำเร็จ

เธอเล่นเกมเพื่อฆ่าเวลาสักครู่ แล้วเปิดหน้าจอระบบอีกครั้ง แต่พบว่าจำนวนลูกค้ายังคงเท่าเดิม

ดูเหมือนว่ากัวอวี่ฉือจะดึงดูดลูกค้าใหม่มาได้แค่ 2 คนเท่านั้น

เธอเริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจและร้อนใจขึ้นมา

ภารกิจใกล้จะสำเร็จแล้ว เหลืออีกแค่ 4 คนเท่านั้น เธอแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นมันสำเร็จในทันที

เธอคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็เดินออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ เปิดประตูกระจก แล้วเดินออกมาที่ทางเข้า

เนื่องจากไม่มีน้ำประปา เธอจึงเกิดไอเดียสุดบรรเจิดขึ้นมา นั่นคือการแปลงร่างเป็นน้ำพุเคลื่อนไหว เพื่อดึงดูดผู้คนที่สัญจรผ่านไปผ่านมา

เธอออกมายืนอยู่ที่ทางเข้า และแกล้งทำเป็นทอดสายตามองออกไปไกล ๆ

ไกลสุดสายตาจะเห็นทั้งขุนเขา แม่น้ำ ต้นไม้ ดอกไม้ และผืนหญ้า อากาศปลอดโปร่งสดชื่น ไม่ร้อนจนเกินไป ถือว่าเพอร์เฟคมากทีเดียว

ท้องฟ้าสีครามสดใส ไม่มีเมฆแม้แต่ก้อนเดียว

บนถนนดินลูกรังที่อยู่ไม่ไกลนัก ตอนนี้แทบจะไม่มีคนเดินผ่านไปมาเลย

ก็เป็นเรื่องปกติแหละ ในวันที่อากาศร้อนขนาดนี้ ถ้าไม่จำเป็น ใครจะอยากออกไปเผชิญกับแดดแรง ๆ กันล่ะ? คนที่จำเป็นต้องออกไปข้างนอก ก็คงจะออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ เธอเดาว่าตอนที่ออกไปกินบะหมี่เมื่อเช้านี้ น่าจะเป็นช่วงที่มีคนเริ่มบางตาลงแล้ว

เธอนั่งรออยู่นานพอสมควร จู่ ๆ ก็เห็นเหมือนมีเงาคนเดินผ่านมาทางถนน ซึ่งเป็นเงาสลัวราง

หรือว่าจะตาฝาดไปเองนะ? เธอขยี้ตาแล้วมองอีกครั้ง ปรากฏว่าเงาของคนผู้นั้นวิ่งตรงเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว

เฟิงหยวนหนิงตกใจสะดุ้งโหยง รีบถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว

คนคนนั้นวิ่งตรงเข้ามายังจุดที่เธอยืนอยู่ หรือว่าจะมีเจตนาชั่วร้าย?

เดี๋ยวก่อนนะ ในขณะที่ยังอยู่บริเวณโรงแรม เธอจะมีบาเรียอยู่ยงคงกระพันคอยปกป้อง และไม่มีใครทำอะไรเธอได้ แต่ถ้าคนร้ายไม่ได้อยากจะทำร้ายเธอ แต่จะจับตัวเธอไปล่ะ?

เฟิงหยวนหนิงตระหนักถึงปัญหาตรงนี้ ทำให้ใจเต้นรัวลั่น

แม้จะคิดได้แบบนั้น แต่ก็สายเกินไป เธอเห็นอีกฝ่ายวิ่งเข้ามาใกล้พร้อมกับรอยยิ้มแสยะแปลก ๆ และยกมือขึ้นคล้ายจะจับไหล่ของเธอ

แต่แล้ว ก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น เฟิงหยวนหนิงไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย มือของคนร้ายกลับลื่นปรื๊ดผ่านไปเหมือนจับเนย

เฟิงหยวนหนิง “???”

เมื่อพบว่าตนเองจับพลาด รอยยิ้มบนใบหน้าพลันแข็งทื่อ เขาร้องอุทาน “เอ๊ะ” ออกมาด้วยความประหลาดใจ ดวงตาเบิกกว้าง ปรากฏร่องรอยความสงสัยและงุนงงออกมา

เขาเป็นชายหนุ่ม รูปร่างหน้าตาพอใช้ได้ แต่ดูท่าทางเจ้าเล่ห์ หน้าตาก็ดูไม่น่าไว้วางใจ

หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เอื้อมมือออกไปคว้าอีกครั้ง

คราวนี้รวดเร็วดั่งสายฟ้าแลบ เฟิงหยวนหนิงไม่สามารถตอบสนองได้เลย เธอไม่มีโอกาสได้กะพริบตาด้วยซ้ำ

แต่ชายคนนั้นยังคงจับพลาดเหมือนเดิม

เฟิงหยวนหนิงรู้สึกเหมือนมีลมแรงพัดผ่าน ทว่าอีกฝ่ายก็ยังจับตัวเธอไม่ได้ ราวกับว่ามือของเขาเปื้อนเนยลื่น ๆ จนหลุดลื่นออกจากไหล่ของเธอไปอย่างไม่น่าเชื่อ

เฟิงหยวนหนิง “…”

ครั้งแรกอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ครั้งที่สองคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วสินะ?

หรือว่าจะเป็นเพราะบาเรียป้องกันตัวทำงานอยู่? คิดได้ดังนั้นเธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย

ชายหนุ่มมองมือของตัวเองด้วยความงุนงง โดยไม่เข้าใจว่าทำไมถึงจับตัวหญิงสาวไม่ได้

เขายังคงไม่ยอมแพ้ เปลี่ยนมาใช้มืออีกข้างเพื่อเอื้อมมือออกไป และพยายามจะจับตัวเธอให้ได้

ทว่า มือของเขาก็ยังคงลื่นไถลออกไป เหมือนกับว่าไม่ได้สัมผัสกับอะไรเลย

ชายหนุ่มตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ กระทั่งเขาเริ่มเข้าใจสถานการณ์ เขาพลันหน้าซีดและตัวสั่นเทาอย่างรุนแรง “จะ… เจ้า… เจ้าเป็นคน… หรือเป็นผีกันแน่?”

เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยความหวาดกลัว อ้าปากพูดขณะม่านตาเริ่มขยายออก “ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะไม่ทำอีกมันอีกแล้ว ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ”

“หากอยากให้ข้าปล่อยเจ้าไป นั่นย่อมได้ เจ้าแค่ต้องซื้อของบางสิ่งบางอย่างจากเครื่องนั่น” เฟิงหยวนหนิงชี้ไปที่ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ ในเมื่ออยากขอโทษเธอ ก็ต้องทำภารกิจให้เธอ

ชายหนุ่มถูกขู่เข็ญอย่างหนักจนเนื้อสั่นเทา ใบหน้าซีดเผือด เขาพูดจาวกวนไปมาซ้ำ ๆ ว่า “แม่นางภูตผี ข้าทำผิดไปแล้ว ปล่อยข้าไปเถิด”

ทันใดนั้นเอง กลิ่นเหม็นสาบก็ลอยมาเตะจมูก เฟิงหยวนหนิงมองลงไปบนพื้นก็พบว่ามีน้ำขังเจิ่งนองอยู่

เฟิงหยวนหนิง “!!!”

บ้าจริง! ชายคนนี้มาฉี่ราดทางเข้าโรงแรมเธอซะได้

เธอน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?

หรือว่าความมหัศจรรย์ของการแต่งหน้าสมัยใหม่จะไม่ได้ผล?

ทั้ง ๆ ที่เธอก็แต่งตัวมาอย่างดี ลงทุนกับเสื้อผ้าหน้าผมไปเยอะเลยนะ และยังตั้งใจแต่งหน้ามาก ซึ่งดูเป็นธรรมชาติแบบสุด ๆ แล้วเธอดูเหมือนผีตรงไหนกัน?

ถึงจะไม่คิดว่าเธอเป็นเทพเซียนลงมาจากสวรรค์ แต่ก็ควรจะให้เกียรติในฝีมือการแต่งหน้าของเธอบ้างสิ

ความจริงแล้วสภาพผิวของเธอไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะรอยคล้ำใต้ที่ชัดเจนตลอดทั้งปี ถ้าตอนนี้ไม่ได้แต่งหน้า มันคงไม่แปลกที่จะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผี

แต่เธอแต่งหน้ามาอย่างดีแล้วนี่นา ทำไมถึงยังมากล่าวหาว่าเป็นผีอีกล่ะ?

ภายใต้สายตาอาฆาตของเฟิงหยวนหนิง ชายหนุ่มยิ่งตัวสั่นเทาด้วยความกลัว

เขาพยายามจะลุกขึ้นยืน ทว่าขาทั้งสองกลับไม่มีแรง กระทั่งเซล้มลงไปในแอ่งน้ำฉี่ของตนเอง

เฟิงหยวนหนิงถอยหลังหนีด้วยท่าทางรังเกียจ แล้วชี้ไปที่ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติและบอกว่า “ไปซื้อของที่ตู้นั่นซะ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป ไม่ปลิดชีวิตเจ้าทิ้งอยู่ที่นี่”

เมื่อชายหนุ่มรับฟังดังนั้น เขารีบลุกขึ้นวิ่งไปที่ขายสินค้าอัตโนมัติด้วยความกลัว ก่อนหันมาถามเสียงสั่นเครือว่า “ท่านให้ซื้อสิ่งใดก็ได้หรือ?”

“อะไรก็ได้”

ชายหนุ่มจึงกดเลือกซื้อบะหมี่รสเนื้อตุ๋นที่อยู่ในช่องแรก

หลังจากซื้อของเสร็จแล้ว เขาไม่ได้เอาของไปด้วย แต่กลับเดินออกไปมือเปล่า

อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่งเดินออกไปจากหน้าโรงแรมแค่ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงของผีสาวร้องตามหลังมาว่า “ช้าก่อน เจ้าทำให้พื้นของข้าเลอะเทอะ เจ้าต้องมาทำความสะอาดมันด้วย”

ชายหนุ่มตัวแข็งค้าง

เมื่อนึกถึงวิธีการต่าง ๆ ที่ผีสาวอาจจะใช้ เช่น การตามหลอกหลอน หรือการตามเอาชีวิตเขาทุกหนแห่ง เขาก็รู้สึกว่าไม่ควรขัดคำสั่งของนาง

เขาเดินกลับมาอย่างว่าง่าย แล้วฉีกชายเสื้อของตัวเองมาเช็ดพื้นด้วยท่าทางยอมจำนน

เฟิงหยวนหนิงเดินไปที่ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ มองดูสินค้าที่วางขายอยู่ แล้วก็เริ่มคิดหนัก

หม้อไฟสำเร็จรูปมีหลายรสชาติให้เลือก วันนี้เที่ยงจะกินรสไหนดีนะ?

ไม่นานนัก เสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นแผ่วเบาจากด้านหลัง “เช็ดเสร็จแล้วขอรับ ท่านจะปล่อยข้าไปแล้วใช่ไหม?”

เฟิงหยวนหนิงเปิดหน้าจอระบบเสมือนขึ้นมาดู

เงื่อนไขการอัปเกรดโรงแรม: รับรองแขกทั้งหมด 15/50 ทำภารกิจเสร็จ 1/3

ภารกิจ: รับรองแขก 15 คน (12/15) ปลดล็อกเอฟเฟกต์พิเศษของโรงแรม: ทำความสะอาดอัตโนมัติ

ดีมาก สำเร็จไปอีกหนึ่งเป้าหมาย ตอนนี้ต้องการอีกแค่สามคนเท่านั้น

เฟิงหยวนหนิงไม่ได้หันกลับไปมองเขา แต่ยังคงมองดูของในตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ เธอพยักหน้าอย่างพอใจและพูดว่า “เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว”

แต่แล้ว เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

“หยุดเดี๋ยวนี้!” เธอได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นจากด้านหลัง

เมื่อหันกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ ก็พบว่าชายหนุ่มคนนั้นได้หายตัวไปแล้ว ขณะเดียวกันบนถนนหลวงห่างออกไปไม่ไกล ปรากฏร่างชายสองคนกำลังวิ่งไล่ตามกัน

เธอไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของคนทั้งสองได้ชัดเจน แต่สังเกตเห็นว่าคนที่ไล่ตามนั้นมีความเร็วสูงมาก ดูเหมือนจะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วราวกับเทเลพอร์ต

ไม่นาน คนที่ไล่ตามก็สามารถตามทันเป้าหมาย และดูเหมือนจะเป็นชายหนุ่มคนเดิมที่ฉี่ราดหน้าโรงแรม โดยตอนนี้เขาถูกฝ่ามือของอีกฝ่ายคว้าเข้าที่ไหล่อย่างแม่นยำ

เฟิงหยวนหนิงรู้สึกตื่นเต้นมาก เมื่อพิจารณาจากความเร็วของชายทั้งสองแล้ว ผู้หลบหนีคือชายหนุ่มคนเมื่อครู่ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเขาที่ถูกคนอื่นไล่จับวิทยายุทธบ้างแล้ว

ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ที่กรรมตามสนองเขาได้เร็วขนาดนี้

เมื่อกี้ชายหนุ่มคนนั้นทำให้เธอตกใจกลัวอย่างมาก แล้วคิดว่าเธอไม่อยากสอนบทเรียนให้กับเขางั้นเหรอ? อย่างไรก็ตามเธอทำอะไรเขาไม่ได้ เธอมีเพียงบาเรียปกป้องร่างกาย ไม่ได้มีพลังพิเศษที่จะสามารถต่อกรกับใคร

เธอยังไม่มีโอกาสได้เรียนวิทยายุทธ เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้ เธอทำได้เพียงแสร้งเป็นคนใจเย็น

แล้วชายคนที่พยายามทำร้ายเธอจะโดนจับไหมนะ?

โอ้ โดนจับได้แล้ว

คนที่ไล่ตามโจมตีเขาในฝ่ามือเดียว!

“เป็นไปได้อย่างไร?! เหตุใดเจ้าถึงทะลวงขั้นสวรรค์ประทานอย่างกะทันหัน?! ข้าไม่เชื่อ! ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด!”

ชายหนุ่มที่ถูกจับตัวได้ถึงกับสติแตก พึมพำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

เขาเพิ่งจะตกใจกลัว “ผีสาว” เฟิงหยวนหนิงไปหมาด ๆ และคิดว่าตนเองหนีรอดแล้ว แต่กลับมีศัตรูคู่อาฆาตโผล่มาจับตัวเขาได้ง่ายดาย

หากพูดถึงวิชาตัวเบา ไม่มีใครในระดับเดียวกันสามารถเอาชนะเขาได้ แต่แล้วก็มีเรื่องให้ตกใจ เมื่อผู้ที่ตามไล่ล่าเขามานั้น กลับกลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ขั้นสวรรค์ประทานงั้นหรือ?

ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!

อีกฝ่ายใช้ฝ่ามือกระแทกจุดสำคัญตามร่างกาย และเมื่อเขาหันกลับไปดู

ปรากฏว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าสวมชุดสีเทา และดูเหมือนจะเป็นคนธรรมดา ที่แท้เขาก็คือนักดาบล่าค่าหัวว่านเทียนซิง

ทันใดนั้น ว่านเทียนซิงเคลื่อนตัวไปยังประตูโรงแรมอย่างรวดเร็ว

เขาทิ้งชายหนุ่มไว้ แล้วคำนับเฟิงหยวนหนิงด้วยความเคารพพร้อมกับขออนุญาตว่า “เถ้าแก่ขอรับ ชายผู้นี้เป็นโจรเด็ดบุปผาที่ทางการต้องการตัว ขอข้าพาตัวเขาไปได้หรือไม่?”

เมื่อสักครู่นี้ เขาเห็นว่าเฟิงหยวนหนิงกำลังมีปฏิสัมพันธ์กับชายหนุ่มคนนี้จากระยะไกล จึงคิดว่าควรจะมาชี้แจงให้ชัดเจนเสียหน่อย

“ได้แน่นอน”

เฟิงหยวนหนิงดูสงบนิ่งเมื่อมองดูภายนอก แต่ความจริงกำลังมีพายุลูกใหญ่ก่อตัวขึ้นในอก

ชายคนนั้นเป็นโจรเด็ดบุปผา?! ไม่แปลกใจเลยที่ดูท่าทางเจ้าเล่ห์ และยังพยายามจะจับตัวเธอ

เมื่อรู้ความจริงแล้ว เธอจึงรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก อยากจะลงโทษชายผู้นั้นให้สาสม

โชคดีที่เธอมีบาเรียคอยป้องกันความปลอดภัย มิฉะนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอบ้างหากถูกเขาจับตัวไปได้?

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด