บทที่ 87 อาหารมื้อนี้กินไปสามหมื่นตำลึงทอง?
ณ ที่พักศิษย์สามัญแห่งนิกายฉางเหอ
ในลานบ้านที่ชูหยวนพำนักอยู่
ณ เวลานี้
ชูหยวนนั่งอยู่หน้าโต๊ะในห้องโถง กำลังลิ้มรสอาหารเลิศรสที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ
ตรงหน้าเขา หลี่เอ้อร์กังได้ทำอาหารหลากหลายชนิดจนเต็มโต๊ะ
มีอาหารนานาชนิดวางเรียงรายจนล้นโต๊ะ บางจานถึงกับต้องวางซ้อนทับกันเพื่อให้พอที่
"ประมุข! โปรดเสวยให้มากหน่อยนะขอรับ เพื่อเปิดที่ว่างบนโต๊ะ อาหารจานสุดท้ายกำลังจะเสร็จแล้ว แต่โต๊ะไม่มีที่วางแล้วขอรับ!" เสียงของหลี่เอ้อร์กังดังมาจากครัวในลานบ้าน
ชูหยวนตอบรับเบาๆ พลางค่อยๆ ชิมอาหารบนโต๊ะอย่างเชื่องช้า
ขณะที่รับประทานไปด้วย สายตาของเขาก็มองไปทางครัว
ด้วยการหลอกลวงของเขา
ในที่สุดก็ทำให้พ่อครัวคนนี้เชื่อว่าเขาเป็นคนจากนิกายเร้นลับจริงๆ
พูดถึงการหลอกลวงครั้งนี้ แม้แต่ชูหยวนเองก็ยังรู้สึกแปลกใจ
เขาเริ่มต้นด้วยการพูดเรื่องไร้สาระมากมายกับหลี่เอ้อร์กัง ทั้งเรื่องวิถีไม่ใช่วิถี ธรรมไม่ใช่ธรรม พูดไปเยอะแยะมากมาย
แต่ไอ้อ้วนคนนี้กลับไม่ยอมเชื่อเสียที
จนในที่สุด หลี่เอ้อร์กังถามชูหยวนว่านิกายของเขาชื่ออะไร
ชูหยวนตอบไปว่านิกายอู๋เต้า ทันใดนั้นไอ้อ้วนก็ยอมรับทันที ท่าทีเปลี่ยนไปเป็นประจบประแจงทันตาเห็น
เรื่องนี้ทำให้ชูหยวนงุนงงไปหมด
หรือว่านิกายเร้นลับที่แท้จริงก็ชื่อนิกายอู๋เต้าเหมือนกัน?
นิกายของเขาบังเอิญชื่อซ้ำกับนิกายเร้นลับที่แท้จริงหรือ?
"คงจะบังเอิญชื่อเหมือนกันจริงๆ สินะ ต้องเปลี่ยนชื่อนิกายดีไหมนะ? ถ้าวันหน้าเขามาหาเรื่องเพราะเรื่องนี้ ฉันจะซวยเปล่าๆ น่ะสิ" ชูหยวนพึมพำเบาๆ
แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
นิกายของเขามีคนไม่กี่คน เป็นนิกายสามไร้แท้ๆ ทั้งไร้ชื่อเสียง ไร้ใบอนุญาต และไร้โฉนดที่ดิน
นิกายเร้นลับที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น คงไม่มาสนใจพวกเปิดนิกายเล็กๆ อย่างเขาหรอก
แต่การแอบอ้างชื่อเสียงคนอื่นเพื่อหลอกลวงแบบนี้ ต่อไปคงต้องทำให้น้อยลงหน่อย
ถ้าวันหนึ่งถูกคนจากนิกายเร้นลับจับได้ล่ะก็
เขาคงจะแย่แน่ๆ
อืม ต่อไปควรทำให้น้อยลงจะดีกว่า
แต่ว่า การแอบอ้างแบบนี้มันช่างสบายใจเหลือเกิน
ขณะที่ชูหยวนกำลังครุ่นคิด
หลี่เอ้อร์กังก็ถือจานอาหารจานสุดท้ายเดินเข้ามา
"ประมุข ประมุข มาๆ อาหารจานสุดท้ายเสร็จแล้ว เร็วเข้า ขยับที่หน่อย เอาเถอะ ประมุขไม่ต้องขยับหรอก ข้าจัดการเอง!"
หลี่เอ้อร์กังถือจานด้วยมือข้างหนึ่ง อีกมือก็จัดที่ทางให้ว่าง แล้ววางอาหารจานสุดท้ายลง
เขาวางจานลงแล้วก็เก็บจานเปล่าๆ ที่กินเกือบหมดแล้วข้างๆ ไปด้วย
ชูหยวนมองดูอาหารจานนี้แล้วพยักหน้า
จริงๆ แล้วเขาอิ่มแล้ว อาหารมากมายขนาดนี้ ก็คงจะเหลือทิ้งเปล่าๆ
แต่เดิมเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะกินมากขนาดนี้
แค่บอกให้หลี่เอ้อร์กังทำอาหารสักไม่กี่อย่างก็พอแล้ว
แต่หลี่เอ้อร์กังคนนี้ดันยืนกรานจะทำให้ครบ 49 อย่าง บอกว่าอาหารของประมุขไม่อาจสุ่มสี่สุ่มห้าได้
ทำเอาชูหยวนหมดปัญญา ได้แต่พยักหน้ารับไปอย่างจนใจ
อาหารมากมายขนาดนี้ แค่ชิมอย่างละคำก็อิ่มแล้ว
ถ้าเป็นอาหารธรรมดา ชูหยวนก็ใช้พลังลมปราณย่อยมันได้ในพริบตา
แต่อาหารพวกนี้ดูจะแตกต่างออกไป
ชูหยวนใช้พลังลมปราณย่อยไม่ได้ ได้แต่รอให้อาหารย่อยไปตามธรรมชาติ
แต่ชูหยวนก็พบว่า
เมื่อเวลาผ่านไป อาหารที่ย่อยแล้วกลับเพิ่มพูนพลังลมปราณให้เขา
และเพิ่มขึ้นมากด้วย มากกว่าที่เขาฝึกฝนเองตั้งเยอะ
ชูหยวนก็พอจะเดาได้คร่าวๆ
คงเป็นเพราะความพิเศษของวัตถุดิบพวกนี้
แต่ชูหยวนก็ไม่ได้ถาม จึงไม่อาจยืนยันได้
"เอ้อร์กัง อาหารที่เจ้าทำมาทั้งหมดนี้ล้วนแต่อร่อย คงใช้วัตถุดิบพิเศษทำใช่ไหม?" ชูหยวนวางตะเกียบลงแล้วถามขึ้น
"ใช่แล้วขอรับ ประมุข ล้วนแต่ใช้เนื้อสัตว์อสูรและผักวิเศษทำทั้งนั้น แต่การใช้วัตถุดิบแค่นี้ทำอาหารถวายประมุข ก็นับว่าธรรมดาเท่านั้น พอใช้ได้แค่นั้นเองขอรับ" ใบหน้าอวบอ้วนของหลี่เอ้อร์กังเต็มไปด้วยความจริงใจ ยิ้มแย้มอย่างมีเสน่ห์
"อืม ไม่เลว แต่วัตถุดิบพวกนี้ คงจะแพงอยู่สินะ?" ชูหยวนแสร้งทำเป็นถามอย่างไม่ใส่ใจ
แต่ในใจกลับตั้งใจฟังอย่างยิ่ง
อยากจะรู้ราคาของวัตถุดิบพวกนี้
"ไม่แพงหรอกขอรับ ไม่แพง ข้าใช้เงินเก็บของข้าซื้อมา เงินเก็บมีแค่สามร้อยหยกวิญญาณชั้นต่ำเท่านั้นเอง ไม่นับว่าแพงหรอกขอรับ" หลี่เอ้อร์กังยิ้มพลางตอบ
ได้ยินคำตอบนี้ ชูหยวนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ชะงักไป
หยกวิญญาณเชียวนะ
เขาเคยได้ยินมาว่า มันเป็นสกุลเงินในโลกเซียน และยังใช้ฝึกฝนได้ด้วย
ชูหยวนอยากได้หยกวิญญาณสักก้อนมานานแล้ว
แต่ก็ไม่เคยมีโอกาส
เอ๊ะ แล้วอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างหยกวิญญาณกับทองคำล่ะ เท่าไหร่นะ?
ชูหยวนขมวดคิ้ว พยายามนึกทบทวน
เขาจำได้ว่าเคยได้ยินเจ้าของโรงเตี๊ยมเซียนเมาพูดถึงนี่นา
อ๋อ ใช่แล้ว!
เขานึกออกแล้ว
หยกวิญญาณชั้นต่ำหนึ่งก้อนแลกได้หนึ่งร้อยต่ำลึงทองคำ
อื้ม?
อื้ม!
หยกวิญญาณชั้นต่ำหนึ่งก้อนเท่ากับหนึ่งร้อยต่ำลึงทองคำ!!
แสดงว่าอาหารมื้อนี้เขากินไปสามร้อยก้อนหยกวิญญาณชั้นต่ำ!! นั่นก็คือสามหมื่นต่ำลึงทองคำ!!
ชูหยวนรู้สึกเหมือนจะอาเจียนเลือด
เขากินบ้าอะไรกัน!!
สามหมื่นต่ำลึงทองคำเชียวนะ!!
กินข้าวมื้อเดียวถึงสามหมื่นต่ำลึงทองคำ!
ใครบ้างกินข้าวมื้อละสามหมื่นต่ำลึงทองคำ!
เอาทองคำสามหมื่นต่ำลึงให้ฉันเลยไม่ดีกว่าเหรอ?!
ชูหยวนรู้สึกหงุดหงิดในใจ แต่ยังต้องแสร้งทำหน้านิ่งๆ
ช่างทรมานเขาเหลือเกิน
ส่วนหลี่เอ้อร์กังที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้สังเกตเห็นอาการเหล่านี้เลย
เห็นว่าท่านผู้นี้ดูเหมือนจะอิ่มแล้ว
จึงยิ้มอย่างซื่อๆ
"ประมุข อิ่มแล้วใช่ไหมขอรับ?" หลี่เอ้อร์กังถามอย่างระมัดระวังพลางยิ้มแย้ม
"อิ่ม...อิ่มแล้ว" ชูหยวนตอบอย่างฝืนๆ ผ่านไรฟัน
อาหารมื้อเดียวสามหมื่นต่ำลึงทองคำ
เขาจะไม่อิ่มได้ยังไง?!
"ขอรับ แล้ว... ประมุข พวกเราจะกลับนิกายเมื่อไหร่หรือขอรับ?" หลี่เอ้อร์กังถูมือไปมาพลางถามด้วยรอยยิ้ม
พอได้ยินคำถามนี้
ชูหยวนที่กำลังหงุดหงิดอยู่ก็ชะงักไป
ไอ้อ้วนคนนี้ อยากกลับนิกายอู๋เต้าขนาดนั้นเลยหรือ?
ไม่ใช่สิ ที่ไอ้อ้วนคนนี้อยากกลับ คือนิกายอู๋เต้าที่เป็นนิกายเร้นลับจริงๆ ไม่ใช่นิกายปลอมๆ ของเขา
ช่างเถอะ ไม่เป็นไร
พอไปถึงนิกายอู๋เต้าแล้ว ไอ้อ้วนคนนี้จะหนีไปไหนได้
แต่ตอนนี้ยังกลับไม่ได้
อย่างน้อยก็ต้องรออีกสักสองสามวัน
เขาต้องเรียนรู้วิชาของนิกายฉางเหอบ้างเสียก่อน
ไม่งั้นการมาครั้งนี้จะไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
ชูหยวนครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
"รออีกสักสองสามวันเถอะ ข้ายังมีธุระต้องจัดการ อีกสองสามวันค่อยพาเจ้าออกจากนิกายฉางเหอ"
"เจ้ากลับไปเก็บข้าวของก่อนเถอะ อีกสองสามวันข้าจะพาเจ้าออกไป"ชูหยวนโบกมือไล่
หลี่เอ้อร์กังได้ยินดังนั้นก็รีบพยักหน้า วิ่งออกไปอย่างตื่นเต้น อยากจะไปเก็บข้าวของเพื่อติดตามท่านผู้นี้ไปยังนิกายอู๋เต้า
เขาวิ่งกลับไปยังลานบ้านของตัวเอง ดีใจจนกระโดดโลดเต้น
ชูหยวนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะมองเงาร่างของหลี่เอ้อร์กังที่วิ่งจากไป หรี่ตาลง
ถ้าเป็นไปตามขั้นตอนปกติ การที่เขาจะเรียนรู้วิชาของนิกายฉางเหอ คงต้องใช้เวลานานเกินไป
ไม่ได้ ไม่อาจทำตามขั้นตอนปกติได้
ถ้าไม่มีทางเลือก ก็คงต้องใช้วิธีที่ไม่ค่อยปกตินัก
ชูหยวนลูบคางครุ่นคิด ในใจก็เริ่มมีแผนการบางอย่างแล้ว...