บทที่ 8 ไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์อีกแล้ว
บทที่ 8 ไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์อีกแล้ว
“มันไม่ธรรมดาจริงด้วย” ผู้อาวุโสกัวถือหีบยาอันเป็นสมบัติล้ำค่า ขณะยืนอยู่หน้าประตูโรงแรมเซียนหยวนพลางส่ายหัวด้วยความทึ่ง
เห็นได้ชัดว่าเป็นอาคารที่สร้างจากหินขาวและกระจกสี โดยหินขาวนั้นสลักลวดลายอย่างประณีต ส่วนกระจกนั้นใสราวกับกระจกเงา
และอาคารหลังนี้อยู่ติดกับถนนใหญ่ทางทิศใต้ของเมือง
ช่างเย่อหยิ่งนักที่กล้ามาครอบครองที่ดินผืนงามได้อย่างหน้าด้านขนาดนี้ เชื่อว่านายอำเภออินแห่งอำเภอเมืองฉ่างหลิงจะต้องรู้เห็นเรื่องนี้เป็นแน่
แต่น่าเสียดาย จากที่ผู้อาวุโสกัวทราบมานั้น นายอำเภออินเป็นคนขี้ขลาดมาก เขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องยุ่งยากใด ๆ ที่ตนสามารถเพิกเฉยมันได้
การปรากฏตัวของโรงแรมเซียนหยวนแห่งนั้นแปลกประหลาดยิ่ง นายอำเภออินเคยโยนเรื่องทะเลาะวิวาทของชาวบ้านมาให้สำนักแพทย์รับผิดชอบ แล้วคนอย่างเขาจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับโรงแรมเซียนหยวนที่ลึกลับแห่งนี้ได้อย่างไร?
ตอนนี้ คนที่มามุงดูหน้าโรงแรมต่างแยกย้ายกันไปหมดแล้ว บริเวณโดยรอบจึงเงียบเหงาลงมาก
“ท่านหมอกัว เราเข้าไปข้างในกันดีไหมขอรับ?” เหมายี่คนขับรถม้าคู่ใจองค์ชายกล่าวขึ้น
“ก็ดี” ผู้อาวุโสกัวพยักหน้ารับ
เขาได้รับฟังรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้จากเหมายี่แล้ว แม้กระทั่งองค์ชายไป๋ฮ่าวเกอยังกล้าเข้าพักที่นี่ แล้วเขาที่เป็นหมอชาวบ้านจะต้องกลัวอะไรไปเล่า?
ทั้งสองเดินขึ้นบันได แล้วดันประตูแก้วเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรม
เมื่อไปถึง ผู้อาวุโสกัวถึงกับตาพร่าไปชั่วขณะ
ตอนนี้เป็นเวลากลางวันแสก ๆ แต่ภายในโรงแรมกลับเปิดโคมไฟคริสตัลระยิบระยับ
ห้องโถงใหญ่โตแห่งนี้ตกแต่งอย่างหรูหราอลังการ แทบไม่ต่างจากตำหนักทองคำของเทพเซียน
ไม่แปลกใจเลยที่องค์ชายไป๋ฮ่าวเกอถึงได้หลงใหล ผู้อาวุโสกัวยอมรับว่า บ้านที่หุบเขาการแพทย์สร้างนั้นเทียบไม่ติดเลย
เฟิงหยวนหนิงถอนหายใจ แล้วปิดหน้าจอระบบลง
เงื่อนไขการอัปเกรดโรงแรม รับรองแขกทั้งหมด 11/50 คน และทำภารกิจให้สำเร็จ 1/3 ภารกิจ
ภารกิจ: รับรองแขก 15 คน (8/15) ปลดล็อกเอฟเฟกต์พิเศษของโรงแรม: ทำความสะอาดอัตโนมัติ
การมาเยี่ยมของขบวนคาราวานพ่อค้าดึงดูดลูกค้ารายอื่น ๆ ให้มาใช้บริการ ซึ่งได้แก่ กลุ่มชาวบ้านรถลาก 4 คน และไป๋ฮ่าวเกอพร้อมผู้ติดตาม 2 คน กลุ่มคนเหล่านี้ทำให้เธอได้รับการนับคะแนนภารกิจไปแล้ว 8 ครั้ง
น่าเสียดายที่หัวหน้าขบวนคาราวานดันอยากจะช่วยซื้อของให้สหาย ทำให้ทั้งกลุ่มนับเป็นแค่หนึ่งครั้ง และทำให้เธอพลาดโอกาสที่จะทำภารกิจสำเร็จ
สำหรับจำนวนส่วนที่เหลือ เธอค่อนข้างเป็นกังวลอยู่ในใจ โดยไม่รู้ว่าจะสามารถทำภารกิจนี้ให้เสร็จภายในวันนี้ได้หรือไม่
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปได้ยาก
เฟิงหยวนหนิงปิดหน้าจอระบบ แล้วหันไปเห็นสองคนที่เพิ่งเดินเข้ามา ซึ่งก็คือผู้อาวุโสกัวและคนขับรถม้าขององค์ชาย
เยี่ยมไปเลย มีลูกค้าใหม่มาอีกคนแล้ว ดูเหมือนว่าจะมาด้วยกันกับแขกคนอื่น ลูกค้าใหม่คนนี้จะมาซื้อของหรือเปล่านะ? ลุ้นจัง
เธอโบกมือทักทายลูกค้าด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก
ผู้อาวุโสกัวตกใจเล็กน้อย รีบยกมือขึ้นคำนับ “คารวะเถ้าแก่ ข้ามีนามว่ากัวอวี่ฉือ เป็นหมออาวุโสอยู่ที่หุบเขาการแพทย์ ได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาคนคนหนึ่ง ไม่ทราบว่าเถ้าแก่จะกรุณาช่วยเหลือได้หรือไม่?”
ตามที่เหมายี่เล่าให้ฟังก่อนหน้า เถ้าแก่คนนี้กล้าแสดงท่าทีเย็นชาต่อองค์ชาย ทว่าตอนนี้กลับส่งยิ้มให้เขา
ดูเหมือนว่าเถ้าแก่จะมีความโปรดปรานต่อหุบเขาการแพทย์เป็นพิเศษ
หมอส่วนใหญ่ที่อยู่บริเวณนี้ล้วนมาจากหุบเขาการแพทย์ แม้เถ้าแก่จะเป็นคนคาดเดาไม่ได้ แต่นางคงจะรู้ตัวตนของเขาอยู่บ้าง จึงได้แสดงความเป็นมิตรออกมาใช่ไหม?
เฟิงหยวนหนิงพยักหน้า “ได้สิ พวกท่านขึ้นไปเองได้เลย”
“ขอบคุณขอรับเถ้าแก่ ไม่รบกวนท่านแล้ว” ผู้อาวุโสกัวอวี่ฉือพูดพลางเหลือบมองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วเดินตามเหมายี่ขึ้นบันไดไปยังห้อง 202
ระหว่างทางเดินขึ้นไป ในตอนแรกพื้นดูเหมือนกระเบื้องเรียบที่สามารถสะท้อนแสงได้ ต่อมาพื้นกลายเป็นไม้ที่เคลือบเงา ซึ่งเรียบเนียนกว่าถนนหินในเมืองมาก
เหมายี่หยิบบัตรที่ได้รับมาเพื่อเอามาแตะกับประตูห้อง 202 ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก
ผู้อาวุโสกัวอวี่ฉืออดไม่ได้ที่จะเหลือบมองบัตรใบนั้นด้วยความแปลกใจ เขาไม่เคยเห็นประตูที่เปิดได้ด้วยการใช้บัตรมาก่อน
เมื่อประตูเปิดออก กลิ่นหอมฉุนรุนแรงก็โชยเข้ามาทันที ผู้อาวุโสกัวอวี่ฉือสูดหายใจเข้าไปลึก ๆ แล้วจามออกมา “กลิ่นอะไรถึงได้ฉุนนัก”
แต่ที่แปลกคือ กลิ่นนี้ไม่ได้เหม็นน่ารังเกียจ กลับกันมันทำให้เขารู้สึกอยากอาหารขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เขาอดใจไม่ไหวอยากจะลองชิมดูสักคำ อยากรู้ว่าอาหารที่มีกลิ่นหอมฉุนแบบนี้จะมีรสชาติเป็นอย่างไร
เมื่อเดินเข้าไปในห้อง 202 เขาก็เห็นองค์ชายไป๋ฮ่าวเกอนั่งอยู่บนโซฟา กำลังใช้ตะเกียบคีบอาหารจากกล่องใส่อาหาร
ในกล่องนั้นมีชั้นน้ำมันสีแดงข้นลอยอยู่ น้ำซุปมีทั้งผักและเนื้อ เมื่อมองดูครั้งแรก เขาไม่เคยเห็นผักบางชนิดมาก่อนเลย
ผู้อาวุโสกัวเดินเข้าไปใกล้ ๆ นอกจากจะได้เรียนรู้วิธีการใช้งานเฟอร์นิเจอร์ในห้องแล้ว เขายังได้เรียนรู้หลังจากเข้าใกล้กล่องอาหารว่าสิ่งนี้คือหม้อไฟสำเร็จรูป และวัตถุดิบที่อยู่ในหม้อไฟนั้นได้แก่ เนื้อวัว รากบัว มันฝรั่ง หน่อไม้ เห็ดหอม เต้าหู้แผ่น เห็ดหูหนู สาหร่ายทะเล และวุ้นเส้น
ผู้อาวุโสกัวรู้สึกงุนงงไปชั่วขณะ แม้ว่าจะเคยได้ยินเหมายี่เล่ามาแล้ว แต่พอได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง ก็ยังรู้สึกว่ามันช่างน่าอัศจรรย์ใจ
เพียงแค่เข้าใกล้สิ่งของที่โรงแรมขาย ก็สามารถรู้รายละเอียดต่าง ๆ ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นชื่อ หรือวิธีการใช้งาน มันช่างเป็นเหมือนเวทมนตร์คาถาจริง ๆ
แต่การได้รับข้อมูลแบบนี้จะมีแค่ครั้งแรกเท่านั้น ถ้าเข้าใกล้สิ่งของชนิดเดียวกันอีก จะไม่ได้รับข้อมูลซ้ำ
ผู้อาวุโสกัววางหีบยาลง แล้วขมวดคิ้วมองไปที่องค์ชายไป๋ฮ่าวเกอ “องค์ชาย ฝ่าบาทมิควรเสวยอาหารที่มีรสเผ็ดร้อนนัก เนื่องจากพระวรกายของฝ่าบาททรงไม่สามารถทนต่อความระคายเคืองได้”
ตอนที่พระมารดาขององค์ชายไป๋ฮ่าวเกอทรงตั้งครรภ์ พระองค์ถูกลอบวางยาพิษ แม้ว่าพิษจะถูกถอนออกไปได้แล้ว แต่เด็กในท้องก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
องค์ชายผู้นี้อยู่ร่วมกับพิษมาตั้งแต่เด็ก อวัยวะภายในอ่อนแอมาก การที่ยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์เลยทีเดียว
“หลูเสียนสอบถามเถ้าแก่มาแล้ว เถ้าแก่บอกว่า อาหารเหล่านี้มีปราณวิญญาณอยู่ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และหากทานเป็นประจำก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพด้วย” ไป๋ฮ่าวเกอใช้ตะเกียบคีบมันฝรั่งหนึ่งคำขึ้นมากินอย่างรวดเร็ว แต่คงไว้ด้วยความสง่างาม
มันฝรั่งนุ่มลิ้น ละลายในปาก รสชาติเผ็ดร้อน เขายิ่งกินยิ่งชอบ หลังจากลองชิมครั้งแรกก็เริ่มเลือกกินมันฝรั่งอย่างเดียวเลย
น่าเสียดายที่วัตถุดิบเหล่านี้เป็นของที่ท่านเซียนนำมา ไม่รู้ว่าจะสามารถปลูกในท้องถิ่นได้หรือไม่
หากปลูกได้ เขาอยากจะให้คนเริ่มปลูกมันฝรั่งเยอะ ๆ เพื่อที่จะได้กินมันฝรั่งแบบเปลี่ยนเมนูทุกวัน
“…” ผู้อาวุโสเกาจ้องมองเนื้อวัวในกล่องอาหารด้วยความอยากอาหาร พลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
แต่น่าเสียดาย เจ้าของหม้อไฟสำเร็จรูปนี้คือองค์ชายไป๋ฮ่าวเกอ เขาไม่สามารถที่จะแย่งชิงหม้อไฟไปจากองค์ชายได้เหมือนกับที่ทำกับลูกชายของตัวเอง
เวลานี้องค์ชายเหงื่อออกท่วมตัว ใบหน้าที่ซีดเซียวก็แดงก่ำเพราะความเผ็ดร้อน ขณะที่ขันทีหลูเสียนช่วยพัดให้
“จ๊อก… จ๊อก…”
ทันใดนั้นก็มีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นในห้อง
ใบหน้าของผู้อาวุโสกัวแดงก่ำ รีบเอามือกุมท้อง แล้วพูดด้วยความอับอายว่า “เมื่อเช้าแทบไม่มีอะไรตกถึงท้อง ตอนนี้กระหม่อมจึงเริ่มหิวแล้ว”
ได้ยินเสียงท้องร้องดังก้อง ไป๋ฮ่าวเกอถึงกับต้องหันไปมองทุกคนในห้อง เขาเห็นขันทีหลูเสียนทำหน้าเคร่งขรึม เหมายี่ยืนตัวตรง และทุกสายตาต่างจับจ้องมายังเขาที่กำลังกินหม้อไฟ
ถึงแม้จะเคยกินคนเดียวมาตลอด แต่อาหารครั้งนี้พิเศษมากจริง ๆ หากไม่แบ่งให้คนอื่นเลย ก็คงดูจะเกินไปหน่อย
ไป๋ฮ่าวเกอพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ทุกคนมาเลือกกันคนละกล่อง แล้วมานั่งทานด้วยกันเถอะ”
ผู้อาวุโสกัวรีบปฏิเสธ “หามิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะลงไปซื้อเอง อย่างไรก็ตัดสินใจแล้วว่าวันนี้จะไม่กลับ และจะอยู่ที่นี่ก่อนเพื่อดูสถานการณ์ หากเกิดสิ่งใดขึ้น กระหม่อมจะได้จัดการได้ทันท่วงที”
สิ้นเสียงกล่าวผู้อาวุโสกัวรีบเดินออกจากห้องไป
เขาเดินลงมาถึงล็อบบี้ชั้นหนึ่ง เห็นเถ้าแก่ยังคงนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ กำลังจดจ่ออยู่กับแผ่นโลหะสีเงิน
เขาชะลอฝีเท้าลง พบว่าเถ้าแก่ดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นเขา แล้วจึงผลักประตูออกไปจากโรงแรม
เขาเดินไปยังตู้ที่อยู่หน้าประตู ทำตามวิธีการใช้งานและซื้อหม้อไฟเนื้อสำเร็จรูปมาหนึ่งกล่อง
ขณะกำลังจะเดินกลับโรงแรม ก็ได้ยินเสียงเรียกด้วยความดีใจจากด้านหลังว่า “ท่านหมอกัวไม่ใช่หรือนั่น?”
เมื่อหันกลับไปมอง จึงเห็นชายหญิงคู่หนึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อหยาบ พวกเขากำลังวิ่งเข้ามาหาจากถนนหลวงด้วยท่าทางกระตือรือร้น และพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างสุดชีวิต
ชายคนนั้นพูดว่า “ท่านหมอกัว สถานที่แห่งนี้ดูมีพิรุธ ท่านอย่าได้เข้าไปเลยขอรับ!”
หญิงสาวอีกคนรีบเสริม “จริงด้วยเจ้าค่ะ มันแปลกประหลาดอย่างยิ่ง เมื่อวานยังไม่มีโรงแรมนี้อยู่เลย”
กัวอวี่ฉือพยายามนึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าสองคนนี้เป็นใคร จึงแสร้งทำเป็นรู้จัก “อ๋อ เป็นพวกท่านเองหรอกหรือ ไม่ต้องห่วง โรงแรมนี้ไม่มีอะไรผิดปกติหรอก ก่อนหน้าข้าเข้าไปมาแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเป็นอะไร”
ชายคนนั้นพูดว่า “จริงหรือขอรับ? ท่านหมอกัว ท่านเป็นบุคคลสำคัญยิ่ง ต้องระวังตัวให้ดีนะขอรับ ยังมีคนอีกมากมายที่ต้องการความช่วยเหลือจากท่าน”
หญิงสาวพูด “ใช่เจ้าค่ะ หากไม่มีท่านหมอ ลูกสาวของข้าคงตกตายไปแล้ว ท่านเปรียบดั่งเทพเซียนที่กลับชาติมาเกิด จะให้ท่านเป็นอะไรไปไม่ได้”
กัวอวี่ฉือยังคงนึกไม่ออกว่าทั้งคู่เป็นใคร จึงโบกมือปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า “หามิได้ การรักษาคนไข้เป็นหน้าที่ของหมอ ข้าไม่เป็นอะไรหรอก พวกท่านอย่าห่วงเลย โรงแรมนี้ไม่มีอะไรผิดปกติจริง ๆ ข้ามีธุระด่วนต้องรีบไปก่อน ส่งพวกท่านเท่านี้”
กัวอวี่ฉือเดินกลับเข้าไปในโรงแรมอย่างรวดเร็ว คู่สามีภรรยาพยายามจะขัดขวาง แต่เนื่องจากพวกเขาเป็นคนธรรมดา ความเร็วการตอบสนองจึงมีจำกัด
ทั้งคู่หันมองหน้ากัน
หญิงสาวพูดว่า “หากท่านหมอกัวบอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ก็คงไม่มีอะไรผิดปกติหรอกกระมัง? หรือว่า พวกเราจะลองเข้าไปตรวจสอบดู?”
ชายผู้เป็นสามีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปในประตูทางเข้าเพื่อเลื่อนประตูแก้วออกดูเล็กน้อย เขาเห็นการตกแต่งภายในที่ดูหรูหราอย่างยิ่ง และท่านหมอกัวก็เดินขึ้นบันไดไปอย่างปลอดภัย
ขณะที่ใจสงบลง ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขายังไม่เคยเห็นอะไรที่หรูหราขนาดนี้มาก่อน เกือบจะคิดว่าตัวเองไม่ได้อยู่บนโลกมนุษย์อีกแล้ว
เขาขยี้ตา แล้วพบว่าสตรีที่อยู่หลังเคาน์เตอร์กำลังเงยหน้ามองมา
ในขณะนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจ รู้สึกเหมือนกำลังถูกเทพเซียนจับจ้อง จนทั่วทั้งร่างกายเริ่มแข็งเกร็ง
เขานึกถึงคำพูดที่เคยเตือนท่านหมอกัว จึงรีบปิดประตูกระจกด้วยความตกใจพร้อมกับคิดว่า ตายแล้ว เขาจะถูกจัดการไหมนะ? เขาจะหนีออกจากที่นี่ไปได้ไหม?
เมื่อเขาหันกลับไป ก็พบว่าภรรยาของตนกำลังเลือกซื้อของอยู่ที่ตู้สินค้าอย่างปลอดภัย
ชายคนนั้น “…”
จริงด้วย หากเขาเผลอไปทำให้เถ้าแก่ขุ่นเคือง ขอแค่พวกเขามาซื้อของที่นี่เหมือนลูกค้าทั่วไป เถ้าแก่จะยอมให้อภัยในสิ่งที่พวกเขาทำไปเมื่อกี้ไหมนะ?