ตอนที่แล้วบทที่ 5 หรือว่าเด็กคนนี้จะเพี้ยนไปแล้ว?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7 หรือนี่จะเป็นวิธีที่เหล่าเทพเซียนปฏิบัติในโลกมนุษย์?

บทที่ 6 เถ้าแก่จะต้องเป็นเทพเซียนแน่ ๆ


บทที่ 6 เถ้าแก่จะต้องเป็นเทพเซียนแน่ ๆ

ในยุทธภพที่แสนอันตราย เหล่าผู้คุ้มกันมักจะระมัดระวังตัว ไม่ค่อยเสี่ยงอันตรายเพราะความอยากรู้อยากเห็น

แต่จะควบคุมความอยากรู้อยากเห็นได้อย่างไร? คนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร เมื่อมีสิ่งที่ไม่รู้จัก แต่มีความเป็นไปได้ที่จะให้ผลประโยชน์ ใครเล่าจะสามารถอดกลั้นไม่ลองสำรวจดู?

พวกเขาเห็นว่าของที่อยู่ในตู้มีราคาถูกมาก ซึ่งไม่เข้ากันกับความหรูหราของตู้เลย

สินค้าเหล่านี้ดูสดใหม่และแปลกตา ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน หัวหน้าขบวนคาราวานเห็นแล้วจึงอดใจไม่ไหว

เขาตระหนักถึงความจริงที่ตัวเองเดินทางไปมาทั่วสารทิศ และมีช่องทางมากมาย

จึงคาดการณ์ได้ว่า สินค้าแปลกใหม่เหล่านี้จะไม่แพร่หลายออกไปในระยะเวลาอันสั้น

ดังนั้น หากเขาซื้อมาบางส่วน ไม่ว่าจะเอาไปใช้เอง นำไปเป็นของกำนัลผู้สูงศักดิ์ หรือจะนำไปขายในราคาสูง ไม่ว่าทางไหนก็ล้วนเป็นตัวเลือกที่ดีไม่ใช่เหรอ?

หัวหน้าขบวนคาราวานใจเต้นแรง จึงสั่งให้หยุดรถแล้วเดินไปหาชายชุดเทาคนนั้น พร้อมกับถามว่า “พี่ชายนักดาบ ท่านก็มาอุดหนุนที่ร้านนี้ด้วยหรือขอรับ?”

หัวหน้าขบวนคาราวานเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ มีกล้ามเนื้อเต็มตัว ดวงตาและคิ้วดูดุร้าย ทว่าน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความสุภาพและอ่อนน้อม

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ว่านเทียนซิงดูเป็นคนธรรมดา หน้าตาธรรมดา และนิสัยก็ยังธรรมดา หากเขายืนปะปนอยู่กับฝูงชน ก็อาจจะถูกมองข้ามโดยง่าย

เมื่อว่านเทียนซิงถูกหัวหน้าขบวนคาราวานทักทาย เขาอดไม่ได้ที่จะคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ขอรับ”

เขากำลังกังวลอยู่เลยว่าจะตอบแทนพระคุณอันยิ่งใหญ่ของท่านเซียนอย่างไร และจะมีโอกาสนั้นเมื่อไหร่?

ท่านเซียนผู้นั้นย้ายตู้ขายสินค้าอัตโนมัติมาไว้ด้านนอก และตั้งราคาสินค้าต่ำมาก แสดงว่านางต้องการช่วยเหลือผู้คน และอยากให้คนอื่น ๆ ได้สัมผัสถึงความเมตตาของนาง

ดังนั้น เขาจะพลาดโอกาสดี ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?

หลังจากที่ว่านเทียนซิงตอบว่า “ขอรับ” เขาก็เดินไปยังตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ และเริ่มเลือกซื้อสินค้าทันที

หัวหน้าขบวนคาราวาน “???”

เหตุใดนักดาบผู้นี้จึงไม่เข้าไปหาเถ้าแก่ในร้าน แต่กลับเดินตรงไปยังตู้กระจกประหลาดนั้นแทน?

หากไม่เรียกเถ้าแก่ออกมา แล้วจะซื้อของจากตู้ที่ปิดสนิทได้อย่างไร? หรือว่าชายผู้นี้เป็นคนโง่เขลา?

บุคคลเช่นนี้จะมีชีวิตอยู่ในโลกยุทธภพได้อย่างไร?

เขาเกิดความรู้สึกว่าตัวเองฉลาดกว่า จึงตั้งใจจะเดินไปแนะนำอีกฝ่าย

แต่แล้ว เขาก็เห็นนักดาบหย่อนเศษเหรียญลงไปในช่องขนาดเล็กบนหน้าตู้ ไม่นานเหมือนมีลิ้นชักเลื่อนออกมาจากด้านล่าง ก่อนที่นักดาบจะก้มหยิบสิ่งของและเงินจากตู้หลังนั้น

หัวหน้าขบวนคาราวาน “!!!”

จะเป็นไปได้หรือ? จะซื้อของจากมันได้อย่างไร?

ไม่มีใครมาช่วยหยิบของออกจากตู้ แล้วชายคนนั้นซื้อของได้อย่างไรกัน?

หรือว่าให้ตู้มันหยิบของออกมาให้เอง?

ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในใจของหัวหน้าขบวนคาราวาน เขานึกถึงความเป็นไปได้ “หรือว่าท่านจะเป็นเถ้าแก่ของร้านนี้?”

ว่านเทียนซิงรีบส่ายหัวตอบว่า “ไม่ใช่ขอรับ”

เพื่อไม่ให้ดูเหมือนเกี่ยวข้องกับโรงแรม ว่านเทียนซิงจึงเดินลงจากบันไดกลับไปยังถนนหลวง

คราวนี้เขาซื้อไฟฉายขนาดเล็กและถ่านไฟฉาย 5 ก้อน เมื่อเขาลองกดปุ่ม ไฟฉายก็สว่างวาบขึ้นมา

ทว่า เวลานี้เป็นตอนกลางวัน แสงแดดเจิดจ้าอยู่เหนือศีรษะ ไฟฉายจึงส่องสว่างไม่ชัดเจน

แต่อย่าลืมว่าสายตาของจอมยุทธ์เฉียบคมขนาดไหน? เหล่าผู้คุ้มกันต่างก็เห็นว่าไฟฉายสว่างขึ้น เมื่อเห็นฉากนี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจและพากันกระซิบกระซาบ

“ข้าเห็นมันมีแสงสว่างวาบ หรือว่าข้ามองผิดไป?”

“เจ้าไม่ได้มองผิด ข้าก็เห็นเช่นเดียวกัน”

“แปลกยิ่งนัก ไม่มีเปลวไฟ แล้วมันส่องสว่างได้อย่างไรกัน?”

หัวหน้าขบวนคาราวานใจเต้นรัวลั่น สินค้าพวกนี้เป็นของหายากอย่างแท้จริง

ลองนึกภาพดูสิ หากนำแท่งเรืองแสงนั้นติดตัวไปเวลาเดินท่ามกลางความมืด ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะมองไม่เห็นทางอีกต่อไปแล้วใช่ไหม?

หากแท่งเรืองแสงวิเศษนี้ถูกส่งไปขายยังสถานที่ห่างไกล บางทีอาจขายได้ถึงสิบตำลึง หรือต่อให้ตั้งราคาร้อยตำลึง ก็อาจมีบางคนยอมลงทุนซื้อมัน

อย่างไรก็ตาม ป้ายราคาของมันอยู่ที่ 45 เหวินเท่านั้น ซึ่งถูกจนน่าเหลือเชื่อ

เถ้าแก่ตั้งใจขายขาดทุนเพื่อเรียกลูกค้าใช่ไหม? หรือว่าเถ้าแก่จะเป็นผู้มีจิตใจสูงส่ง ต้องการช่วยเหลือคนยากไร้ มากกว่าจะสนใจกำไรมหาศาล?

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เถ้าแก่โรงแรมแห่งนี้จะต้องเป็นคนจิตใจดีที่หาได้ยากยิ่ง

ว่านเทียนซิงปิดไฟฉายในมือ เขายังมีเรื่องสำคัญต้องทำ จึงไม่ได้กลับเข้าไปในโรงแรม

จากนั้นเขาเดินไปทางทิศใต้ตามถนนหลวง โดยตั้งใจจะลาดตระเวนบริเวณใกล้เคียง เพื่อดูว่ามีบุคคลน่าสงสัยหรือไม่

เขายังไม่ลืมจุดประสงค์ในการมาที่นี่ เขากำลังไล่ล่าโจรเด็ดบุปผา จึงตามมาถึงบริเวณใกล้เคียงหุบเขาการแพทย์

โจรเด็ดบุปผาคนนั้นเก่งกาจด้านวิชาตัวเบา เขาไล่ตามอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่เคยไล่ตามทัน อย่างไรก็ตามเขาคาดการณ์ว่าโจรเด็ดบุปผาจะต้องซุ่มซ่อนอยู่ใกล้ ๆ และอาจจะก่อเหตุอีกครั้งเมื่อใดก็ได้

เมื่อหัวหน้าขบวนคาราวานเห็นว่านเทียนซิงหันหลังกลับไป เขาก็รีบโบกมือสั่งบรรดาผู้คุ้มกัน “พวกเจ้าคอยดูแลขบวนคาราวานให้ดี หากอยากได้อะไรก็บอกข้ามา ข้าจะซื้อให้”

ผู้คุ้มกันหลายคนรับคำ และต่างก็เอ่ยขอสิ่งที่ตนอยากได้

“ช่วยซื้อแท่งส่องแสงแบบเมื่อครู่ให้ข้าด้วยขอรับ”

“ข้าก็อยากได้ คนอื่น ๆ ก็อยากได้เช่นกัน”

หัวหน้าขบวนคาราวานกระโดดลงจากรถม้า เดินขึ้นบันไดทางด้านข้างของประตู เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ร่างกายของเขาพลันแข็งทื่อไปชั่วขณะ

อะไรกัน!

มีสิ่งแปลกแปลกประหลาดเช่นนี้อยู่ในโลกด้วยหรือ?

เพียงเดินเข้าไปใกล้ตู้ เขาก็ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการใช้งานตู้ รวมถึงสินค้าภายในตู้ทันที

หัวหน้าขบวนคาราวานรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองตู้ด้วยความสงสัยและไม่แน่ใจ

แต่เมื่อครุ่นคิดดูอีกครั้ง เขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างรวดเร็ว

ชายนักดาบที่ซื้อของเมื่อครู่ก็สามารถเดินออกไปได้อย่างปลอดภัย เมื่อมองย้อนกลับไป ก็เห็นว่าอีกฝ่ายเดินห่างไปไกลแล้ว

นั่นหมายความว่าโรงแรมนี้ไม่มีอันตรายใด ๆ เป็นไปได้ไหมว่าที่มันดูมีมนต์ขลังขนาดนี้ อาจเป็นเพราะเถ้าแก่เป็นเทพเซียน?

ใช่แล้ว เถ้าแก่จะต้องเป็นเทพเซียนแน่ ๆ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงได้มีวิชาแก่กล้า แต่กลับจิตใจดีงาม และต้องการช่วยเหลือผู้คนยากไร้

หัวหน้าขบวนคาราวานรู้สึกเคารพเถ้าแก่อย่างสุดซึ้ง

เขามองไปที่ประตูกระจกด้านข้าง แล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล้า ๆ กลัว ๆ เดินไปเปิดประตูกระจกดูข้างใน

เมื่อมองเข้าไป เขาก็ตกใจจนต้องสูดหายใจเข้าลึก ๆ

ห้องโถงที่หรูหราอลังการขนาดนี้ เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต เพียงดูโคมไฟคริสตัลที่ส่องแสงระยิบระยับด้านบน ก็รู้ได้ทันทีว่ามนุษย์ไม่มีทางสร้างได้

เขาหันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์

เห็นเพียงแค่ผิวขาวผ่อง ริมฝีปากสีแดงสดใส ราวกับหญิงงามที่เดินออกมาจากภาพวาด นางสวมใส่ชุดผ้าไหมสีน้ำเงินที่ไล่เฉดสีอย่างงดงาม ตั้งแต่ใบหน้าจรดปลายเท้าล้วนแสดงถึงความไม่ธรรมดา

หัวหน้าขบวนคาราวานอดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจ มนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเราจะงดงามได้ขนาดนี้เชียวหรือ?

ดูสิ ผิวพรรณและหน้าตาดูดีขนาดนี้ แม้แต่คุณหนูจากตระกูลขุนนางก็ยังสู้ไม่ได้

แล้วพวกเราที่เป็นมนุษย์จะสามารถย้อมผ้าให้ไล่เฉดสีสวยงามระดับนี้ได้ยังไง?

แขนเสื้อครึ่งบนของนางเห็นได้ชัดว่าเป็นสีขาว แต่สีจะค่อย ๆ เข้มขึ้นจากบนลงล่าง และในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน

เขาสาบานได้เลยว่า ไม่เคยเห็นเสื้อผ้าที่มีสีสันแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน

ตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยเห็นเสื้อผ้าที่มีสีสันและลวดลายชัดเจนขนาดนี้ ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยที่เฉดสีจะค่อย ๆ เปลี่ยนจากเข้มไปอ่อน

สิ่งนี้ชัดเจนอย่างยิ่งว่า สตรีนางนี้จะต้องเป็นเทพเซียนลงมาจากสวรรค์

ในขณะเดียวกัน หญิงสาวผู้นั้นกำลังจ้องมองแผ่นเงินตรงหน้าอย่างตั้งใจ ไม่รู้ว่าแผ่นเงินนั้นมีความลับอะไรซ่อนอยู่ ถึงได้ดึงดูดเทพเซียนให้สนใจมันได้ขนาดนี้

คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ยิ่งมั่นใจแล้วว่า เถ้าแก่ของร้านจะต้องเป็นเทพเซียนไม่ผิดแน่

หัวหน้าขบวนคาราวานมองดูอยู่สักครู่ เขากลัวจะไปรบกวนนาง จึงปิดประตูเบา ๆ แล้วกลับมาที่ตู้ขายสินค้าอีกครั้ง

จากข้อมูลที่ได้รับมาเมื่อครู่ เขาได้รู้ว่าตู้ใบนี้มีชื่อเรียกว่า ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ มันสามารถขายสินค้าที่แสดงอยู่ในตู้ให้กับลูกค้าได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์

ตามวิธีการใช้ที่ได้รับมา หัวหน้าขบวนคาราวานจึงหย่อนเงินลงในช่องเล็ก ๆ ของตู้ และเริ่มซื้อสินค้าจำนวนมาก

แต่เขาก็ไม่สามารถขนย้ายสินค้าทั้งหมดได้คนเดียว จึงรีบสั่งให้ลูกน้องคนหนึ่งไปซื้อถุงผ้าในเมือง และเรียกอีกสองคนมาช่วยขนย้าย

การซื้อของจำนวนมากของพวกเขานั้นดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่เดินผ่านไปมา

หลังจากผู้เฒ่าหวังไปส่งผักที่เก็บมาเมื่อเช้านี้ในเมือง เขาก็แวะไปรับชาวบ้านอีกสามคนที่นัดไว้ก่อนหน้านี้ แล้วรีบขับเกวียนกลับหมู่บ้าน

แต่ทันทีที่ออกจากประตูเมืองทางทิศใต้ไปได้ไม่ไกล ผู้เฒ่าหวังก็เห็นจากระยะไกลว่า โรงแรมเซียนหยวนที่ไม่มีใครแวะเวียน ตอนนี้กลับมีคนเข้าไปใช้บริการแล้ว และมีพวกนักเดินทางกำลังเอาของออกจากตู้ที่อยู่หน้าประตู

เขาจำได้ว่าตอนเช้าที่เดินผ่านร้านนี้ มันยังไม่มีตู้ประหลาดหลังดังกล่าว

เมื่อเดินเข้าใกล้ ผู้เฒ่าหวังจึงมองดูอย่างตั้งใจอีกครั้ง

ด้วยความรู้ที่ได้จากการเรียนหนังสือในโรงเรียนมาสองปี เขาจึงสังเกตเห็นว่าราคาสินค้าที่วางขายในตู้นั้นต่ำมาก

ช่างแปลกประหลาดนัก โรงแรมนี้ค่าห้องพักแพงถึงหนึ่งตำลึงต่อวัน แต่ราคาสินค้าที่ขายกลับถูกมากจนดูผิดปกติ?

สินค้าส่วนใหญ่ราคาแค่ไม่กี่เหวิน และเริ่มมีคนแวะเวียนเข้าไปซื้อ หรือเขาควรจะลองไปซื้อบ้างดีไหม?

ถึงแม้สถานที่แห่งนี้จะดูแปลก ๆ แต่เมื่อเห็นว่าพวกคาราวานเข้าไปแล้วก็ไม่บาดเจ็บหรือเป็นอะไรร้ายแรง เช่นนั้นคงจะไม่มีอันตรายอะไรซ่อนเร้นหรอก

พ่อแม่ของเขาอายุมากแล้ว อีกไม่นานก็คงจะจากไป ภรรยาที่รักติดตามเขามานานหลายปี ช่วยเหลือเลี้ยงดูพ่อแม่ชรา ซึ่งเป็นงานที่เหน็ดเหนื่อยยิ่ง ส่วนลูก ๆ ของพวกเขาก็ยังเด็ก และออดอ้อนขอของเล่นใหม่เสมอ

ในกรณีนี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเงินจ่าย แล้วทำไมจะไม่ซื้อกลับไปให้ครอบครัวมีความสุขบ้างล่ะ?

ผู้เฒ่าหวังจึงถามชาวบ้านทั้งสามคนว่า “ของข้างในตู้ราคาถูกมาก แค่ไม่กี่เหวินเท่านั้นเอง พวกเจ้าจะลองไปดูด้วยกันไหม?”

ชาวบ้านทั้งสามคนไม่รู้หนังสือ จึงต้องให้ผู้เฒ่าหวังช่วยอธิบาย

เมื่อได้รับฟังจากผู้เฒ่าหวัง ชาวบ้านทั้งสามคนที่นั่งอยู่บนเกวียนจึงอยากลองไปดูด้วยกัน โดยมีเหตุผลต่าง ๆ นานาของตัวเอง

เหล่าคาราวานพ่อค้าได้พิสูจน์แล้วว่าร้านนี้ไม่มีพิษสง คงไม่ใช่ปีศาจร้ายมากลั่นแกล้ง เช่นนั้นก็ต้องเป็นร้านของเทพเซียน

ท่านเทพเซียนคงลงมาจากสวรรค์เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ยากไร้ ไม่อย่างนั้น เหตุใดเล่าจึงต้องขายสินค้าราคาต่ำถึงขนาดนี้?

แต่สำหรับห้องพักที่คนจนอย่างพวกเขาไม่ต้องการ เหล่าเทพเซียนกลับตั้งราคาไว้สูงมากเป็นพิเศษ เห็นได้ชัดว่าต้องการจะเอาเงินจากพวกคนรวยที่เห็นแก่ตัว

สิ่งนี้บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า ท่านเทพเซียนมีจิตใจเมตตาและต้องการช่วยเหลือคนยากจนอย่างพวกเขา และมันยังทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับเหล่าเทพเซียน

เมื่อเป็นสิ่งของของเทพเซียน แล้วใครไหนบ้างจะไม่อยากได้ของวิเศษหายาก? หากพวกเขาซื้อของเพื่อนำกลับไปที่บ้าน บางทีอาจได้รับผลอานิสงส์จากมัน ให้ตนปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ รอดพ้นภัยพิบัติร้ายแรง และมีอายุยืนยาว

ผู้เฒ่าหวังจึงตกลงกับชาวบ้านทั้งสามคนว่า เมื่อขบวนคาราวานขนของเสร็จแล้ว พวกเขาจะผลัดกันไปซื้อของ

ขณะนั้นเอง รถม้าคันหนึ่งแล่นมาช้า ๆ จากระยะไกล เมื่อเข้ามาใกล้โรงแรม พลันมีเสียงใสอันเย็นยะเยือกดังออกมาจากรถว่า “จอดรถ”

คนขับรถม้าจึงจอดรถลงอย่างนิ่มนวล

ขบวนคาราวานที่กำลังขนของอดไม่ได้ที่จะหันมอง ก่อนพบกับใบหน้าหล่อเหลาและดูสูงส่งของชายคนหนึ่งผ่านผ้าม่านที่เปิดออก

อย่างไรก็ตาม ใบหน้านั้นกลับดูซีดเซียวไร้สี แม้แต่ริมฝีปากยังเขียวคล้ำผิดปกติ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด