บทที่ 39: ลู่ซืออิ๋นไม่หวั่นไหวกับข้อเสนอ!
บทที่ 39: ลู่ซืออิ๋นไม่หวั่นไหวกับข้อเสนอ!
ชั่วครู่หนึ่ง
ลู่ชิงซวนก็มาถึงห้องรับรอง
เซินโม่เหลือบตามองขึ้นเล็กน้อย
ทันใดนั้นเขาก็เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ทั้งยังมีท่วงทาสง่างาม สะท้อนอยู่ในดวงตา
ออร่าโดยรวมของลู่ชิงซวนไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าสำนักของพวกเขา ซึ่งนั่นทำให้เซินโม่ประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
เดิมทีเขาต้องการสำรวจระดับการฝึกฝนของอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจนั่นก็คือเขาไม่สามารถสัมผัสถึงระดับการฝึกฝนของอีกฝ่ายได้เลย
เกรงว่าอีกฝ่ายต้องฝึกฝนเทคนิคลับในการซ่อนพลังงานที่ทรงพลังมาก ดังนั้นมันจึงยากที่จะตรวจจับได้โดยง่าย
เมื่อลั่วไป๋ยู่ที่อยู่ด้านข้างมองไปที่ลู่ชิงซวน เขาเองก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน
เขาคนนี้ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของคฤหาสน์ราชาลู่จริงๆ ท่วงท่ากิริยาต่างๆของเขาล้วนแต่ไม่ธรรมดา
เมื่อลู่ชิงซวนนั่งลงบนเบาะหน้า, เซินโม่จึงกำมือและพูดว่า
"เซินโม่ ผู้อาวุโสแห่งนิกายไท่ไป๋ซาน ขอคารวะท่านอ๋องลู่"
"ได้ยินชื่อเสียงท่านอ๋องลู่มานาน เมื่อได้พบเห็นในวันนี้ ท่านช่างสง่างาม ยิ่งกว่าข่าวลือเสียอีก"
ลู่ชิงซวนไม่ได้คาดคิดว่าคนผู้นี้จะประจบประแจงทันทีที่พบหน้า
อย่างไรก็ตาม ลู่ชิงซวนยังคงยิ้มและพูดว่า
“เป็นเพียงชื่อเสียงที่กล่าวเกินจริง, ว่าเเต่ไม่ทราบว่าเหตุใดผู้อาวุโสเช่นท่านถึงมาที่คฤหาสน์ราชาลู่ของข้า”
แม้ว่าลู่ชิงซวนจะรู้ดีอยู่เเล้ว แต่เขาก็ยังคงถามอย่างสุภาพ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซินโม่ก็ไม่พูดอ้อมค้อม และพูดออกมาตรงๆว่า
"ข้าได้ยินจากศิษย์ในนิกายว่ามีอัจฉริยะนามลู่ซืออิ๋นได้ปรากฏตัวขึ้นในคฤหาสน์ของท่านอ๋องลู่ เเละนางได้ปลุกกายาเทียนอิ๋นมู่เหมี่ยวเมื่อไม่นานมานี้"
"วันนี้ข้ามาที่นี่เพราะต้องการรับนางเข้าสู่นิกายของพวกเรา ไม่ทราบว่าท่านอ๋องลู่จะเห็นด้วยหรือไม่"
"หากท่านอ๋องลู่เห็นด้วย ท่านสามารถเรียกลู่ซืออิ๋นมา และให้ข้าทดสอบคุณสมบัติและพรสวรรค์ของเธอได้"
"ตราบใดที่เธอตรงตามข้อกำหนด ข้ารับรองได้ว่าอัจฉริยะแห่งคฤหาสน์ราชาลู่ของท่าน จะต้องได้บรรจุอยู่ในรายชื่อผู้สืบทอดที่แท้จริงของนิกายของพวกเราอย่างแน่นอน"
"และท่านอ๋องลู่ ท่านก็สามารถได้รับผลประโยชน์มากมายอีกด้วย"
"ท่านอ๋องลู่ ท่านคิดอย่างไรบ้าง…เรื่องนี้นับว่าเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายเลย"
หลังจากพูดอย่างนั้น เซินโม่ก็จ้องมองไปที่ลู่ชิงซวนที่อยู่บนเบาะหน้าเเละอยากดูว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
ภายใต้สายตาของเซินโม่ สีหน้าของลู่ชิงซวนยังคงสงบนิ่งเช่นเดิม
“ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเส้นทางการฝึกฝนของสมาชิกตระกูลลู่ หากพวกเขาต้องการฝึกฝนในนิกายใด…ก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของพวกเขา ข้าไม่สามารถตัดสินใจแทนพวกเขาได้”
"ในกรณีนี้ ข้าจะเรียกลู่ซืออิ๋น และถามเธอว่าเธอเต็มใจเข้าร่วมนิกายของท่านเพื่อฝึกฝนหรือไม่!"
หลังจากพูดจบ ลู่ชิงซวนก็สั่งให้คนในตระกูลเรียกลู่ซืออิ๋นมาทันที
เเละเมื่อได้ยินคำตอบของลู่ชิงซวน เซินโม่ก็ผ่อนคลายลง
หากหัวหน้าตระกูลลู่ไม่เห็นด้วย เขาคงตกที่น่าลำบากจริงๆ
แต่ตอนนี้ ตราบใดที่เขาเกลี้ยกล่อมลู่ซืออิ๋น และมอบผลประโยชน์ที่ยากจะปฏิเสธ…เธอจะต้องเห็นด้วยกับการเข้าร่วมนิกายของเขาอย่างแน่นอน
เพียงครู่หนึ่ง ลู่ซืออิ๋นก็เข้ามาในห้องรับรองภายใต้การนำของคนในตระกูล
ทันทีที่เห็นร่างที่คุ้นเคยของลู่ซืออิ๋น ลั่วไป๋ยู่ที่ยืนอยู่ข้างเซินโม่ก็รีบทักทายทันที
"นางฟ้าลู่ เราพบกันอีกแล้วนะ"
ลู่ซืออิ๋นเพียงพยักหน้าตอบเล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไรมาก
เธอรู้จุดประสงค์ของเซินโม่และลั่วไป๋ยู่ที่มากันแล้ว
ในขณะเดียวกัน เซินโม่ก็สำรวจจิตสำนึกของเขา และใช้เทคนิคลับเพื่อสำรวจพรสวรรค์และความสามารถของอีกฝ่าย
ครู่หนึ่ง แสงที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้ก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเซินโม่
"มันคือกายาเทียนอิ๋นมู่เหมี่ยวจริงๆ!" เซินโม่คิดในใจ
เขาไม่ได้คาดคิดว่าในคฤหาสน์ราชาลู่เล็กๆแห่งนี้ จะมีคนที่สามารถปรากฏตัวพร้อมกับพรสวรรค์ที่หายากเช่นนี้ได้
ตราบใดที่เขานำคนผู้นี้กลับไปที่นิกาย และมอบให้กับผู้อาวุโสสูงสุด…เขาก็จะได้รับผลประโยชน์มหาศาลอย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขาก็ระงับความตื่นเต้นในใจ แล้วเหลือบมองลู่ชิงซวนก่อน
เมื่อเห็นว่าลู่ชิงซวนกำลังดื่มชาจิตวิญญาณ และไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก…เขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างยิ่ง
ทันใดนั้น เซินโม่ก็มองไปที่ลู่ซืออิ๋น และพูดด้วยรอยยิ้ม
"ข้ามีนามว่าเซินโม่ เป็นผู้อาวุโสแห่งนิกายไท่ไป๋ซาน"
"ข้ามาที่คฤหาสน์ราชาลู่ ก็เพื่อเลือกศิษย์ที่มีพรสวรรค์สำหรับนิกาย"
"เจ้าคงเคยได้ยินเกี่ยวกับนิกายไท่ไป๋ซานของพวกเราอยู่บ้าง ศิษย์อัจฉริยะทุกคนที่เข้าร่วมนิกายของพวกเรา ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มศิษย์ที่แท้จริง, พวกเขาจะได้รับทักษะระดับสูงและทรัพยากรมากมายของนิกาย"
"หลังจากข้าตรวจสอบเมื่อครู่ ด้วยคุณสมบัติและพรสวรรค์ของเจ้า หากเจ้าเต็มใจที่จะเข้านิกายไท่ไป๋ซาน…เจ้าจะได้กลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงอย่างแน่นอน"
"ไม่ทราบว่าเจ้าเต็มใจหรือไม่"
เซินโม่พูดอย่างช้าๆ
หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เเต่หลังจากได้ยินเช่นนี้ ลู่ซืออิ๋นก็ส่ายหัว และปฏิเสธโดยตรง
"ข้าไม่ต้องการ!"
เซินโม่ดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับคำตอบนี้มากนัก, ถ้านางตกลงง่ายๆ ลั่วไป๋ยู่คงไม่ได้รับการปฏิเสธถึงสองครั้งหรอก
เเต่หลังจากนั้นเขาก็เกลี้ยกล่อมนางต่อทันที
"ด้วยคุณสมบัติและพรสวรรค์ของเจ้า หากเจ้ายังคงอยู่ในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ เส้นทางการฝึกฝนของเจ้าจะต้องล่าช้าอย่างแน่นอน"
"เจ้าไม่เคยออกจากมณฑลเป่ยเหอเลยตั้งแต่ยังเด็ก ทำไมไม่ลองออกไปสู่โลกอันกว้างใหญ่ดูล่ะ, เเละเมื่อเจ้าประสบความสำเร็จในการฝึกฝน...เมื่อเจ้ากลับมาที่ตระกูล เจ้าย่อมกลายเป็นความภาคภูมิใจของทุกคน"
เซินโม่ยังคงเกลี้ยกล่อมไม่ยอมหยุด
เเต่ถึงกระนั้น สีหน้าของลู่ซืออิ๋นก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ในที่สุด, ดูเหมือนว่าลู่ซืออิ๋นจะรู้สึกว่าเซินโม่น่ารำคาญเกินไป เธอจึงขัดจังหวะขึ้นมาโดยตรง
"ไม่ว่าท่านจะพูดข้อเสนออะไร มันก็ไม่มีประโยชน์ ข้าจะไม่เข้าร่วมนิกายใดๆทั้งสิ้น!"
เมื่อได้ยินคำปฏิเสธของลู่ซืออิ๋นอีกครั้ง เซินโม่ที่เดิมทีมีสีหน้าร่าเริงก็กลายเป็นน่าเกลียดในทันที
แต่เขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจแสดงผลประโยชน์ให้กับหญิงสาวโดยตรง
ทันใดนั้นเอง เขาก็โบกแขนเสื้อของเขา พร้อมม้วนทักษะและสมบัติล้ำค่าก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะน้ำชา
เซินโม่ชี้ไปที่ของสองสิ่ง พลางแนะนำให้ลู่ซืออิ๋นฟัง
"นี่คือทักษะพิณเต๋าระดับสวรรค์ขั้นต่ำ, และนี่คือพิณอู่หวงระดับสวรรค์ขั้นต่ำ!"
"ตราบใดที่เจ้าเต็มใจที่จะเข้าร่วมนิกายไท่ไป๋ซาน เจ้าก็จะได้รับสมบัติทั้งสองนี้ในทันที"
"นอกจากนี้ ยามเจ้าเข้าร่วมนิกาย เจ้าอาจได้รับทักษะและสมบัติล้ำค่าระดับสวรรค์ขั้นกลาง หรือระดับสวรรค์ขั้นสูงเลยทีเดียว!"
"เอาล่ะ…เจ้าคิดอย่างไร?"
เขารู้ว่าในสถานที่ห่างไกลอย่างมณฑลเป่ยเหอ เป็นไปไม่ได้ที่หญิงสาวคนนี้จะได้เห็นทักษะระดับสูงและสมบัติล้ำค่าเหล่านี้
เขาไม่เชื่อหรอกว่าเมื่อเขาหยิบสมบัติระดับสูงพิเศษสองชิ้นนี้ออกมา, นางที่เป็นอัจฉริยะแห่งพิณเต๋าจะไม่หวั่นไหว
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ลู่ซืออิ๋นฟังคำพูดของเซินโม่…เธอก็เหลือบมองสมบัติทั้งสองบนโต๊ะน้ำชาราวกับไม่สะทกสะท้านเเต่อย่างใด
หากเธอได้เห็นสองสิ่งนี้ก่อนหน้า เธออาจจะหวั่นไหว
แต่ตอนนี้ เธอได้รับทักษะพิณเต๋าและสมบัติล้ำค่าระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดจากท่านอ๋องมาแล้ว
เมื่อเผชิญหน้ากับสมบัติระดับสวรรค์ขั้นต่ำทั้งสองนี้ เธอจะรู้สึกอะไรได้
ในเวลานี้ ฉากนี้ไม่ต่างอะไรกับคนจนที่กำลังให้ทานแก่เศรษฐี
ดังนั้น เธอจึงตอบกลับอย่างใจเย็น
"ข้าไม่ต้องการ!"
ลู่ชิงซวนที่เพิ่งจิบชาจิตวิญญาณ เกือบจะพ่นน้ำชาออกมาเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้
เขาไม่ได้คาดคิดว่าลู่ซืออิ๋นจะพูดจาขวานผ่าซาก ทั้งยังไม่ให้เกียรติผู้อาวุโสแห่งนิกายไท่ไป๋ซานเลย
ส่วนเซินโม่เมื่อได้ยินประโยคนี้ เขาคิดด้วยซ้ำว่าเขาหูฝาดไป
แต่เมื่อเห็นสีหน้าสงบของลู่ซืออิ๋น, ทันใดนั้น ใบหน้าของเซินโม่ก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวทันที
เขาไม่เข้าใจจริงๆว่านางที่เป็นศิษย์ของตระกูลเล็กๆ ที่ระดับการฝึกฝนยังไม่ถึงอาณาจักรแก่นแท้ จะสามารถดูถูกทักษะและสมบัติล้ำค่าระดับสวรรค์ขั้นต่ำได้อย่างไร?
หรือนางต้องการทักษะและสมบัติล้ำค่าระดับราชาเลยงั้นเหรอ?
คำตอบของลู่ซืออิ๋นทำให้เขาสับสน ทั้งยังทำให้งุนงงมาก
ลั่วไป๋ยู่ที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
เมื่อเผชิญหน้ากับทักษะและสมบัติล้ำค่าระดับสวรรค์นี้ อีกฝ่ายกลับยังคงสงบนิ่งเช่นเคย
ถ้าเป็นเขา เขาย่อมรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้โดยเร็วที่สุด
…………………..