ตอนที่แล้วบทที่ 126 เปลี่ยนใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 128 ไม่ใช่ของฟรี

บทที่ 127 รสชาติยอดเยี่ยม


เมื่อจางมาม่าได้กลิ่นหอมจากครัวก็เดินเข้ามา เห็นชุ่ยหลิวและเหลียนซินยืนอึ้งอยู่ข้างๆ มามาก็ไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปหยิกหัวพวกบ่าวคนละที

“พวกเจ้าสองคนไม่เห็นหรือว่าคุณหนูกำลังยุ่งกันอยู่ ไม่รู้จักเข้าไปช่วยหน่อยเหรอ”

เมื่อเห็นว่าซูเล่อหยุนกำลังจะหยิบอะไรบางอย่าง จางมาม่าก็รีบขยับเข้ามาช่วย “คุณหนู ให้บ่าวช่วยเถอะเจ้าค่ะ”

“มาม่า อย่าไปโทษพวกนางเลย ข้าเป็นคนบอกให้พวกนางไม่ต้องช่วยเอง มาม่าก็พักผ่อนเถอะ”

ซูเล่อหยุนพูดพลางเติมเครื่องปรุงลงในหม้อ จากนั้นนางก็ปิดฝาหม้อ

นางจัดเตรียมผักและเครื่องเคียงที่เตรียมไว้ใส่ลงในจาน จากนั้นก็เทอาหารที่ตุ๋นไว้ลงในจานอย่างสวยงาม

การจัดจานที่ดูประณีตและเรียบง่ายของซูเล่อหยุนทำให้จางมาม่ารู้สึกประหลาดใจ ในความคิดของนาง การทำอาหารอาจเป็นสิ่งที่ซูเล่อหยุนเรียนรู้ระหว่างอยู่ที่จิงโจว แต่การจัดจานที่ดูวิจิตรพิถีพิถันขนาดนี้ นางเรียนมาจากที่ไหนกัน

“มาม่า เหลียนซิน ชุ่ยหลิว มาลองชิมอาหารที่ข้าทำดูสิ” ซูเล่อหยุนยื่นถ้วยเล็กๆ มาให้พวกนางลองชิม

ชุ่ยหลิวที่ได้กลิ่นหอมมานานก็อดใจไม่ไหว นางรีบคว้าตะเกียบขึ้นมาและชิมอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เบิกกว้างขึ้น “คุณหนู อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ!”

เหลียนซินที่กินด้วยท่าทางเรียบร้อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเคี้ยวเร็วขึ้น

เมื่อกลืนลงไปแล้ว นางก็พูดขึ้นว่า “คุณหนู ปลานี้ไม่มีกลิ่นคาวเลยเจ้าค่ะ รสชาติละลายในปาก ทำไมถึงทำได้ขนาดนี้เจ้าคะ”

“วัตถุดิบแต่ละชนิดมีวิธีการลดกลิ่นคาวต่างกันออกไป สำหรับปลาหรืออาหารทะเลอื่นๆ หากต้องการลดกลิ่นคาว ก่อนอื่นต้องล้างให้สะอาดและล้างด้วยน้ำอุ่นหลายครั้ง จะช่วยลดกลิ่นคาวได้มาก” ซูเล่อหยุนตอบคำถามเหลียนซินพร้อมชิมอาหารไปด้วย

“อย่างนี้นี่เอง”

“พอแล้ว พวกเจ้ารีบนำอาหารไปที่ห้องเถอะ ชุ่ยหลิว เจ้าเดินไปเชิญท่านแม่และพี่ชายมาด้วย”

“เจ้าค่ะ คุณหนู”

หลังจากเหลียนซินและชุ่ยหลิวออกจากครัว ซูเล่อหยุนก็หันไปมองจางมามาที่ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “มามา มีอะไรหรือเปล่า”

“คุณหนู ท่านเป็นบุตรีของตระกูลโหว ห้องครัวไม่ใช่ที่ที่ท่านควรจะเข้าไปบ่อยๆเจ้าค่ะ”

ความกังวลของจางมามาก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีเหตุผล ถึงแม้ว่าสาวน้อยจากตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองหลวงบางครั้งจะเข้าครัวเพื่อทำขนมเล็กๆ น้อยๆ แต่ส่วนใหญ่ก็จะมีสาวใช้เป็นคนทำตามคำสั่งแทน

ซูเล่อหยุนที่เพิ่งกลับมาจากจิงโจวนั้นถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่แล้ว หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ชื่อเสียงของนางคงจะยิ่งแย่ลงไปอีก

“มามา ข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วง ข้าจะระวังมากขึ้นในครั้งต่อไป” ซูเล่อหยุนยิ้มแล้วเดินออกจากครัวพร้อมกับจางมามา

ซุนเจียงหรูและซูเยี่ยมาถึงพร้อมกัน

ยังไม่ทันจะเข้าห้อง ซูเยี่ยก็พูดขึ้นอย่างกระตือรือร้น “จางมามา ทำอะไรอร่อยๆ อีกแล้วเหรอ”

จางมามามองไปที่ซูเล่อหยุนแล้วหัวเราะคิกคัก “คุณชาย วันนี้บ่าวไม่ได้ทำอะไรเลยเจ้าค่ะ”

“แล้วใครทำล่ะ กลิ่นหอมฟุ้งมาไกลขนาดนี้”

ซูเยี่ยมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย เขาคิดว่าไม่มีใครในจวนนี้จะมีฝีมือทำอาหารเก่งกว่าไปกว่าจางมามมา

“คำถามนี้ คุณหนูคงต้องเป็นคนตอบท่านเอง”

จางมามาทำท่าทางลึกลับ ทำให้ซูเยี่ยยิ่งสงสัยมากขึ้น

ซุนเจียงหรูมองไปทางจางมามา แล้วหันมามองซูเล่อหยุน ปิดซ่อนรอยยิ้มในแววตาของตน

ทุกคนเดินเข้าไปในห้อง กลิ่นหอมฟุ้งยิ่งชัดเจนขึ้น

บนโต๊ะนั้นมีอาหารวางเรียงรายเต็มไปหมด ทั้งหมดเป็นอาหารร้อนใหม่ๆทั้งหมด

"ท่านแม่ พี่ชาย นั่งทานกันเถอะเจ้าค่ะ"

ซูเล่อหยุนพาซุนเจียงหรูไปที่นั่ง ซูเยี่ยนั่งลงข้างๆ ท่านแม่ของตนเอง

"น้องเล่อหยุน ที่เรือนของเจ้ามีเทพเจ้าแห่งการทำอาหารแอบซ่อนอยู่หรือยังไงกัน"

ซูเยี่ยมองดูอาหารบนโต๊ะอย่างละเอียด ก็ยิ่งมั่นใจว่าอาหารเหล่านี้ไม่ใช่ฝีมือของพ่อครัวในจวนซู เพราะไม่ใช่แค่การจัดจานที่ประณีตเท่านั้น แต่กลิ่นหอมนี้ พ่อครัวของจวนซูไม่มีทางทำได้แน่นอน

"เล่อหยุน นี่เจ้าทำเองทั้งหมดเลยหรือ"

แม้ว่าซุนเจียงหรูจะได้เตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็ไม่คาดคิดว่าฝีมือทำอาหารของซูเล่อหยุนจะดีขนาดนี้ แน่นอนว่ายังห่างไกลจากระดับพ่อครัวหลวง แต่ในระดับนี้ ถือว่ายอดเยี่ยมมาก

"เล่อหยุนเป็นคนทำเองหรือ"

ซูเยี่ยชะงักเล็กน้อย แล้วมองไปที่น้องสาว เห็นรอยยิ้มของซูเล่อหยุน ก็เข้าใจทันที

“ท่านแม่ พี่ชาย ท่านลองชิมดูสิว่าอร่อยไหมเจ้าคะ” ซูเล่อหยุนยิ้มแล้วคีบอาหารให้ซุนเจียงหรู

เพียงแค่ดูหน้าตาของอาหาร ก็มั่นใจได้ว่าไม่แย่ และเมื่อเป็นฝีมือลูกสาวที่ลงมือทำเอง ต่อให้รสชาติจะไม่ดีเท่าไหร่ ซุนเจียงหรูก็จะบอกว่าอร่อย แต่เมื่อนางได้ลองชิม ก็ลืมความคิดนั้นไปเลย

"รสชาติดีมาก"

“ท่านแม่ชอบก็ดีแล้วเจ้าค่ะ”

สองแม่ลูกยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ แล้วหันไปมองซูเยี่ยที่กำลังก้มหน้าก้มตาทานอย่างไม่พูดไม่จา

ซูเล่อหยุนอดไม่ได้ที่จะบอกว่า “พี่ชาย ท่านค่อยๆทานเถอะ ไม่มีใครมาแย่งท่านหรอก”

"อืม อืม"

ซูเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ แต่ก็ไม่ยอมวางตะเกียบลง กินไปจนเต็มอิ่ม

ในที่สุดซุปไก่ดำที่ต้มจนได้ที่ก็ถูกยกขึ้นมา ซูเล่อหยุนตักซุปให้แม่และพี่ชายตนเอง "ดื่มซุปไก่ดำให้คล่องคอกันหน่อยนะเจ้าคะจะได้อุ่นท้อง"

หลังจากรับประทานเสร็จ สามแม่ลูกก็พูดคุยกันต่ออีกสักพักก่อนจะแยกย้ายกันไป

เมื่อซุนเจียงหรูและหลี่มามาเพิ่งกลับมาถึงเรือนหวายโหรว ก็มีสาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาหา พร้อมกระซิบเบาๆว่า

"นายหญิง นายท่านมาเจ้าค่ะ"

"... ข้าเข้าใจแล้ว"

ซุนเจียงหรูค่อยๆ หุบยิ้มลง มองไปทางหลี่มามา แล้วเดินเข้าไปในห้อง

ซูฉางชิงนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ สีหน้าดูอึดอัดใจ

แต่เมื่อเห็นซุนเจียงหรูเข้ามา เขาก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว

“ท่านโหวไม่ยุ่งอยู่กับงานในที่ทำการหรือเจ้าคะ เหตุใดถึงมาได้”

ซุนเจียงหรูเดินมานั่งลงที่ข้างๆ ไม่สนใจมือของซูฉางชิงที่ยื่นมาหา

ซูฉางชิงรู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย เขาดึงมือกลับไปอย่างเงียบๆ

"ภรรยา งานที่ทำการของข้าก็ใกล้จะเสร็จแล้ว" ซูฉางชิงยกมือปิดปากไอเล็กน้อย "ข้ารู้ว่าข้าละเลยเจ้าไปหลายวัน ข้าจึงมาขอโทษ"

"ท่านโหวทำให้ข้ารู้สึกผิดเสียจริง ท่านทำงานเพื่อราชวงศ์ ข้าจะไปตำหนิท่านได้อย่างไร"

อยู่ด้วยกันมายี่สิบปี ซุนเจียงหรูย่อมรู้เจตนาของซูฉางชิงดี นางก้มหน้าลงซ่อนความเย็นชาในแววตาเอาไว้ แล้วถามว่า

“ท่านโหวมีธุระอะไรจะพูดกับข้าหรือไม่”

“ใช่แล้ว เจ้าดูความจำของข้า”

ซูฉางชิงขยับตัวเล็กน้อยดูเหมือนจะนั่งไม่ค่อยสบาย สิ่งที่เขาต้องการพูด ดูยากที่จะพูดออกมา

แววตาของซุนเจียงหรูเย็นลงไปอีก “ท่านโหว มีอะไรให้พูดตรงๆ มาเถอะเจ้าค่ะ”

“คือว่า...” ซูฉางชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

“เจ้าก็รู้ว่าลู่หงมีลูกพี่ลูกน้องที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ ตอนนี้เรือนที่นางอยู่ไม่มีเตาใต้ดิน หากนางเป็นหวัดหรือได้รับความหนาวเย็น มันอาจเป็นอันตรายต่อเด็กในท้องได้”

“ท่านโหวหมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ”

ซุนเจียงหรูถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“ข้าหมายความว่า เจ้าคิดว่าช่วงนี้พอจะหาคนมาช่วยติดตั้งเตาใต้ดินได้หรือไม่”

“ถ้าท่านโหวหมายถึงเรื่องนี้ ข้าได้คุยกับท่านแม่แล้วเจ้าค่ะ แต่ท่านแม่บอกว่า เมื่อเรือนของญาติทางพ่อของลู่หงจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะย้ายนางไปอยู่ที่นั่น ดังนั้นท่านแม่จึงบอกว่าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเรื่องนี้”

ซูฉางชิงขมวดคิ้วแน่นขึ้น “ท่านแม่พูดเช่นนั้นจริงหรือ”

“ข้าจะไปพูดโกหกท่านได้อย่างไรเจ้าคะ”

น้ำเสียงของซุนเจียงหรูยังคงเรียบเฉย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็แล้วแต่เถอะ”

ซูฉางชิงคลี่ยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ท่านหญิงพักผ่อนเถอะ ข้ามีงานต้องไปจัดการต่อ”

“อืม”

ซุนเจียงหรูเพียงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้ลุกขึ้นไปส่งเขาเหมือนเช่นเคย

แต่ซูฉางชิงที่จิตใจตอนนี้มุ่งแต่ไปที่เหวินอี้เยว่และลูกในท้องของนาง ไม่ได้สังเกตเห็นความเย็นชาของภรรยาแต่อย่างใด เขาเดินออกจากเรือนหวายโหรวไปอย่างไม่รู้ตัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด