ตอนที่แล้วบทที่ 122 เดินทางไปด้วยกัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 124 เปลี่ยนไป

บทที่ 123 รับราชโองการออกศึก


ฉินกุ้ยเฟยมองทั้งสองคนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคิด ก่อนจะกล่าวว่า

“ก็ดี งั้นให้จิ้นหวางพาคุณหนูซูกลับบ้าน ข้าจะได้ไม่ต้องยุ่งยาก”

“พระชายาทรงเป็นห่วงเกินไปแล้ว ต้องรบกวนองค์ชายอีกแล้วเพคะ”

แม้ว่าซูเล่อหยุนจะต้องการปฏิเสธ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฉินกุ้ยเฟย นางจึงเลือกเก็บคำปฏิเสธไว้ เพื่อรักษาหน้าของเซียวเฉิงอวี้

หลังจากที่เซียวเฉิงอวี้เยี่ยมเยียนองค์ชายสิบสามเสร็จ ทั้งคู่จึงออกจากตำหนักหยกฝู

เมื่อขึ้นมาบนรถม้า ซูเล่อหยุนเลื่อนตัวไปชิดมุมหนึ่ง พยายามอยู่ให้ห่างจากเซียวเฉิงอวี้มากที่สุด

เเซียวเฉิงอวี้เหลือบตามองช่องว่างระหว่างทั้งสองคน ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ทำไมถึงดูเหมือนจะมีใครนั่งอยู่ด้วยอีกคน”

ซูเล่อหยุนมองไปรอบๆ ภายในรถม้า มีเพียงแค่เขากับนางเท่านั้น

“ถ้าไม่อย่างนั้น เหตุใดคุณหนูซูถึงเว้นที่ว่างไว้มากขนาดนี้ เหมือนจะหลุดจากรถม้าอยู่แล้ว”

เมื่อเข้าใจว่าเซียวเฉิงอวี้กำลังล้อเล่น ซูเล่อหยุนก็ไอเบาๆ ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิมเล็กน้อย

“คุณหนูซูมีเรื่องไม่พอใจข้าอยู่หรือ”

“องค์ชายคิดมากแล้วเพคะ” ซูเล่อหยุนก้มหน้าตอบ

เซียวเฉิงอวี้จ้องมองศีรษะของนางอย่างเงียบๆ ก่อนจะกล่าว “ครั้งแรกที่พบกัน คุณหนูซูไม่ได้ขี้กลัวเช่นนี้”

“องค์ชายก็พูดแล้วว่าเราพบกันครั้งแรก ตอนนั้นหม่อมฉันไม่รู้ฐานะของหวางเย่ จึงมีการล่วงเกินไปบ้าง”

ซูเล่อหยุนกล่าวอธิบาย

ท่าทีห่างเหินของนางกลับทำให้เซียวเฉิงอวี้ยิ่งรู้สึกสับสน เขาต้องยอมรับว่าตอนที่ยกเรื่องหยกขึ้นมานั้น เขาตั้งใจทำให้นางดูสนิทสนมกับเขาต่อหน้าคนตระกูลซู

แต่การพบกันหลายครั้งติดๆกันทำให้เขาเริ่มสงสัย จึงพยายามทดสอบนาง

ผลก็ชัดเจน ซูเล่อหยุนไม่ได้มีแผนการอะไร ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ไม่ได้มีการวางแผนใดๆ

ดังนั้น ท่าทีของเขาที่มีต่อซูเล่อหยุนจึงค่อยๆ เปลี่ยนไป เขาไม่ได้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดอีก

ไม่กี่วันก่อน เขาเพิ่งช่วยชีวิตซูเล่อหยุน ตอนนั้นนางดูอ่อนโยนกว่าเดิม แต่ทำไมวันนี้เมื่อเจอกันอีกครั้ง นางกลับดูประหม่าเล่า

“หวางเย่ เราถึงบ้านตระกูลซูแล้ว”

เซียวเฉิงอวี้สะดุ้งกลับมาจากความคิด ซูเล่อหยุนสังเกตเห็นว่ารถม้าหยุดแล้วจึงรีบเปิดม่านและลงจากรถทันที

เมื่อเซียวเฉิงอวี้ลงจากรถ นางก็เดินเข้าไปในบ้านตระกูลซูแล้ว

“หวางเย่ แล้วของพวกนี้…”

หลิวเฟิงชี้ไปที่เครื่องประดับและอัญมณีที่ฉินกุ้ยเฟยประทานมา ซึ่งยังอยู่ในรถม้า

“คุณหนูซูเข้าบ้านไปเร็วมากจนข้าตามไม่ทัน”

“เจ้าเอาไปส่งให้” เซียวเฉิงอวี้เหลือบมองก่อนจะสั่งการ

จากนั้นเขาก็เดินตามซูเล่อหยุนเข้าไปในบ้านตระกูลซู

ซูเล่อหยุนไม่ได้กลับไปที่ตำหนักเฉาหัว แต่เดินไปที่ห้องหวายโหรวแทน

เมื่อซุนเจียงหรูรู้ว่านางกลับมาแล้ว นางรีบออกมาต้อนรับทันที

“ท่านแม่เจ้าคะ ข้ากลับมาแล้ว”

ซุนเจียงหรูดึงตัวซูเล่อหยุนมากอดและมองสำรวจลูกสาวอย่างละเอียด ก่อนจะลูบใบหน้าของนางเบาๆ

“เจ้าผอมไปนะ คืนนี้แม่จะต้มน้ำซุปให้เจ้าเพิ่มพลัง”

“ท่านแม่เจ้าคะ เพิ่งจะสองวันเอง จะผอมได้ยังไงกัน” ซูเล่อหยุนหัวเราะเบาๆ พลางจูงมือซุนเจียงหรูเข้ามาในห้อง

“ยิ่งกว่านั้น ลูกยังรู้สึกว่ากินจนจะอ้วนแล้วด้วยซ้ำ”

“พูดเหลวไหล เจ้าไม่อ้วนสักนิด”

เมื่อเห็นว่าซูเล่อหยุนปลอดภัยดี ซุนเจียงหรูจึงรู้สึกโล่งใจอย่างสิ้นเชิง

“ช่วงสองวันนี้เป็นยังไงบ้าง”

ซุนเจียงหรูสังเกตสีหน้าของซูเล่อหยุนแล้วถาม

ซูเล่อหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ก็ดีนะเจ้าค่ะ พระชายาก็ไม่ได้เข้มงวดกับลูก ยังประทานของรางวัลให้ลูกด้วย”

“เล่อหยุน เจ้าพูดกับแม่ตามตรง เจ้าทำอะไรในวัง แม่ได้ยินมาว่าองค์ชายสิบสามเกิดเรื่องขึ้นหรือ”

เรื่องที่องค์ชายสิบสามประสบเหตุไม่ได้ถูกเผยแพร่ไป แต่ซุนเจียงหรูได้ไปถามไถ่จากหลินฟูเหรินจนทราบเรื่องนี้ พอนำกลับมาคิดก็เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ปกติ หากองค์ชายสิบสามเกิดเรื่องขึ้น พระชายาฉินคงไม่มีเวลามาต้อนรับซูเล่อหยุนแบบนี้

เมื่อซุนเจียงหรูเชื่อมโยงเหตุการณ์กับทักษะการแพทย์ของลูกสาว นางก็เริ่มสันนิษฐานว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการที่ซูเล่อหยุนถูกขอให้ช่วยเหลืออยู่ในวัง

เมื่อเห็นว่าปิดบังอะไรไม่ได้ ซูเล่อหยุนจึงเล่าเรื่องราวคร่าวๆให้ฟัง โดยตัดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตก่อนของนางออกไป

“ไม่นึกเลยว่าวันนั้นจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้”

ซุนเจียงหรูถอนหายใจ

ตำแหน่งรัชทายาทยังไม่ได้ถูกแต่งตั้ง สตรีในวังไม่ว่าใครก็ต้องการมีส่วนร่วมในการแข่งขันเพื่อความยิ่งใหญ่ เหตุการณ์เช่นนี้มีให้เห็นอยู่ตลอดในประวัติศาสตร์

“คำพูดที่แม่บอกเจ้าไว้ก่อนหน้านี้ เจ้าอย่าใส่ใจเลยนะ”

คำพูดลึกลับนั้นทำให้ซูเล่อหยุนงง “ท่านแม่พูดถึงเรื่องอะไรเจ้าคะ”

“ก็เรื่องระหว่างเจ้าและองค์ชายจิ้นหวางไงล่ะ”

การแย่งชิงบัลลังก์เป็นเรื่องอันตราย ซูเยี่ยเป็นสหายสนิทขององค์ชายจิ้น คงหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่ครอบครัวจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง ซุนเจียงหรูไม่อยากให้ลูกสาวของตนเองต้องถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย นางมัวแต่คิดจะหาคู่ครองที่ดีให้กับซูเล่อหยุนจนลืมคิดถึงอันตรายที่มากับสถานะของเขา

ซูเล่อหยุนทั้งขำและปลง “ท่านแม่ ข้าไม่ได้มีอะไรกับองค์ชายเลยเจ้าค่ะ”

“ถ้าเช่นนั้น เรื่องหยกนั่นจะอธิบายว่าอย่างไร”

ซุนเจียงหรูจ้องมองลูกสาว พยายามหาคำตอบบางอย่าง

“ท่านแม่ เรื่องหยก ข้าจะจัดการเอง”

ซูเล่อหยุนตั้งใจจะคืนหยกให้องค์ชาย หลังจากที่เขาช่วยนางมาหลายครั้ง ทั้งหมดก็ถือว่าเสมอกันแล้ว ท้ายที่สุดหยกนี้กลายเป็นสิ่งที่นางไม่อยากถือไว้ เพราะมันเริ่มจะเป็นปัญหามากขึ้น

เมื่อเห็นว่าซูเล่อหยุนไม่อยากพูดต่อ ซุนเจียงหรูจึงไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม

จนกระทั่งตอนเย็น ซูเล่อหยุนยังคงอยู่ทานอาหารที่ห้องหวายโหรว

หลังจากที่นางดื่มน้ำซุปไปไม่กี่คำ หลี่มามาก็เข้ามาในห้อง

“นายหญิง คุณหนู ขุนนางจากวังหลวงมาถวายราชโองการเพคะ”

ซุนเจียงหรูและซูเล่อหยุนสบตากัน

เมื่อไปถึงห้องโถงใหญ่ สมาชิกครอบครัวตระกูลซูก็มากันครบแล้ว

คนที่มาคือคนที่พวกเขาคุ้นเคย หมื่นกงกง

หมื่นกงกงมองไปรอบๆ แล้วกล่าวว่า “คุณชายซูเยี่ย อยู่หรือไม่”

“หมื่นกงกง” ซูเยี่ยก้าวออกมาข้างหน้า

“ฝ่าบาทมีพระราชโองการแต่งตั้งให้คุณชายตระกูลซูเป็นรองแม่ทัพ ช่วยเหลือแม่ทัพใหญ่จิ้นหวางในการปราบปรามการก่อกบฏของชาวบ้านที่ชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ ออกเดินทางในอีกสองวัน”

หมื่นกงกงม้วนพระราชโองการและวางลงบนมือของซูเยี่ย

ซูฉางชิงและซูเล่าผู้เฒ่ามองหน้ากันด้วยความตกใจ

ชาวบ้านที่ชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือก่อกบฏมาหลายปีแล้ว แต่เหตุใดฝ่าบาทถึงเพิ่งตัดสินใจจะจัดการในตอนนี้ และยังส่งซูเยี่ยไปพร้อมกับองค์ชายจิ้นหวางอีก

ซูฉางชิงก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว “หมื่นกงกง เพิ่งจะผ่านพ้นปีใหม่ไปเอง ทำไมถึงรีบเร่งเช่นนี้เล่า”

“ก็ไม่ถึงกับรีบเร่งหรอก” หมื่นกงกงยิ้มเล็กน้อย “เรื่องนี้ฝ่าบาทเคยตรัสไว้แล้ว คุณชายซูเยี่ยก็น่าจะทราบอยู่แล้ว”

“เคยตรัสไว้แล้วหรือ” ซูฉางชิงถึงกับตกตะลึง

ท่าทางของเขาถูกหมื่นกงกงสังเกตเห็น แววตาเต็มไปด้วยความหมายแฝง

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าจะขอตัวกลับก่อน”

“มามา ไปส่งหมื่นกงกงด้วย”

ซุนเจียงหรูมองไปยังหลี่มามา นางพยักหน้ารับและเดินนำหมื่นกงกงออกจากห้องโถงใหญ่

บรรยากาศภายในห้องเงียบลง และเต็มไปด้วยความอึดอัด

“เรื่องนี้ เจ้ารู้มาก่อนหรือ”

ซูฉางชิงถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าสงบของซุนเจียงหรู คิ้วของเขาขมวดแน่นด้วยความกังวล

ซุนเจียงหรูตอบกลับอย่างเรียบเฉย “ก่อนหน้านี้ เยี่ยเออร์ได้บอกข้าแล้ว”

“ทำไมถึงไม่บอกข้าเล่า”

ซูฉางชิงถามต่อ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย

“ช่วงเทศกาลปีใหม่ท่านเองก็ยุ่งอยู่ตลอด ข้าจะหาโอกาสพูดกับท่านได้อย่างไร”

ซุนเจียงหรูเผยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเย้ยหยัน

รอยยิ้มนั้นทำให้ซูฉางชิงรู้สึกหนาวสะท้าน มันช่างเหมือนมีความหมายซ่อนเร้นอยู่

คิ้วของซูฉางชิงขมวดแน่นกว่าเดิม ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด