บทที่ 10 ก็แค่ใช้เท้าเหยียบให้รู้แล้วรู้รอด
บทที่ 10 ก็แค่ใช้เท้าเหยียบให้รู้แล้วรู้รอด
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฟิงหยวนหนิงกล่าวเสริมว่า “ถึงแม้จะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของทางการ แต่ก็อดที่จะพูดไม่ได้ว่า ข้าเกลียดคนประเภทที่ทำร้ายผู้หญิงมากที่สุด”
ว่านเทียนซิงรับคำไปอย่างนอบน้อมว่า “เข้าใจแล้วขอรับ”
ถึงแม้เขาจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินของทางการได้ แต่ก่อนที่จะส่งตัวโจรเด็ดบุปผาไป เขาสามารถลงโทษอีกฝ่ายได้
โจรเด็ดบุปผาที่ถูกจับได้ทำหน้าตาแค้นเคืองพร้อมตะคอก “ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกจะปล่อยข้าไปหรือ? เหตุใดจึงผิดสัญญา แล้วส่งว่านเทียนซิงมาทำร้ายข้า?”
เฟิงหยวนหนิงแบมือออกแล้วพูดอย่างบริสุทธิ์ใจ “ข้าปล่อยเจ้าไปแล้ว แต่หากเขาไม่คิดปล่อยเจ้าไป แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?”
โจรเด็ดบุปผารู้สึกเสียใจและโกรธแค้นมากจนหลั่งน้ำตาออกมา เขากล่าวโทษว่า “เจ้าควรต้องรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าเขาจะมาจับตัวข้าแน่ ๆ จึงทำเป็นใจดีปล่อยข้าไปก่อน แล้วค่อยส่งคนมาลงโทษทีหลัง ทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว”
เฟิงหยวนหนิง “…”
เอาเถอะ นายจะคิดยังไงก็ช่าง
หลังจากทราบว่าชายคนนี้คือโจรเด็ดบุปผา เธอก็รู้สึกเกลียดขี้หน้าและไม่อยากพูดคุยด้วยอีกต่อไป
เธอหันไปที่ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ ก่อนอื่นเธอแอบเอาของที่โจรเด็ดบุปผาลืมเอาไว้ในตู้มาก่อน แล้วจึงซื้อหม้อไฟรสเนื้อแกะและแครอท
หม้อไฟรสเนื้อแกะและแครอทมีรสชาติกลมกล่อม เธอเพิ่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสเผ็ดไปเมื่อเช้า เลยอยากเปลี่ยนรสชาติบ้าง
ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงกระดูกหักดังขึ้นจากด้านหลัง ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของโจรเด็ดบุปผา “อ้าก! อ้าก!!!”
เฟิงหยวนหนิงหันกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ ก่อนเห็นว่ามือและเท้าของโจรเด็ดบุปผาหักผิดรูป สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ร่างกายสั่นเทิ้มไม่หยุด คล้ายกับกำลังเป็นลมชัก
เฟิงหยวนหนิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกระแอมเบา ๆ ว่า “ข้าคิดว่าการลงโทษแบบนี้ดูจะไม่จำเป็นเลย ไม่ดีกว่าหรือหากตัดเอาสิ่งที่เขาใช้ทำชั่วออกเสีย”
นั่นแหละถึงจะเป็นการลงโทษที่เจ็บแสบที่สุด
“…” ว่านเทียนซิงรู้สึกเย็นวาบอย่างอธิบายไม่ได้ แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตอบตกลง “ท่านพูดถูกขอรับ”
เถ้าแก่เป็นเทพเซียนจากสวรรค์ และเถ้าแก่ยังเป็นผู้มีพระคุณอันเหลือล้น คำพูดของนางจึงถือว่าถูกต้องเสมอ แม้จะดูไม่ถูกต้องก็ควรคิดว่ามันถูกต้องอยู่ดี
ในฐานะผู้ได้รับความกรุณา เขาจะตอบแทนความเมตตาด้วยความเกลียดชังได้อย่างไร?
“!!!” โจรเด็ดบุปผาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นึกเสียใจว่าตนเองไม่น่าหลงใหลในความงามเพียงชั่วครู่ แล้วขาดสติไปจับคนอื่น จนมาเจอเรื่องร้ายแบบนี้
ดวงตาของเขากลอกขึ้นจนเหลือแค่ตาขาว เนื่องจากไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกทางร่างกายและจิตใจที่รุนแรงซ้ำ ๆ จึงหมดสติไปในที่สุด
เฟิงหยวนหนิงไม่อยากเห็นภาพฉากที่ตามมา จึงหันกลับไปพร้อมกับของที่ซื้อจากตู้และเดินเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรม
โชคร้ายจริง ๆ ที่พอออกไปข้างนอกปุ๊บก็ดันเจอโจรเด็ดบุปผาปั๊บ
เธอตัดสินใจว่าจะไม่ออกไปเรียกลูกค้าสักพัก และอยากทานอาหารกลางวันเสร็จก่อนค่อยดูสถานการณ์อีกที
ว่านเทียนซิงเหลือบมองโจรเด็ดบุปผา และแสดงท่าทางลังเลสำหรับเทคนิคการตัดตอน
ใช้คมดาบดีไหม? ไม่ได้ ดาบของเราจะเอามาใช้ทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?
ใช้เท้าเหยียบเหรอ? มันจะ… ระเบิดไหม? ขณะที่เขาจินตนาการภาพในหัว หยาดเหงื่อก็ไหลท่วมตัวเนื่องจากอากาศร้อนจัด
แม้เขาจะรู้สึกเกลียดชังโจรเด็ดบุปผามาก แต่เขาก็ยังคงเป็นผู้ชายปกติธรรมดา จึงอดไม่ได้ที่จะนึกภาพตาม
หรือว่าจะใช้ฝ่ามือกระแทก? ไม่ได้ เขาเพิ่งก้าวเข้าสู่ขั้นสวรรค์ประทาน ยังควบคุมพลังภายในได้ไม่ดีพอ หากใช้ฝ่ามือฟาดออกไป โจรเด็ดบุปผาอาจจะตกตายในคราเดียว
ว่านเทียนซิงครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วรู้สึกว่ามันลำบากเกินไปที่จะต้องมาคิดหาวิธีทำหมันผู้ชายคนอื่นเพื่อให้เสร็จภารกิจที่เถ้าแก่สั่ง
แต่เมื่อได้ให้คำมั่นสัญญาไปแล้ว เขาก็ไม่ควรทำแบบขอไปที
หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้แล้ว ช่างเถอะ จะกลัวอะไรกัน ก็แค่ใช้เท้าเหยียบให้รู้แล้วรู้รอด
“อ้าก!!!” โจรเด็ดบุปผาที่สลบไปแล้ว พลันฟื้นคืนสติด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ก่อนจะถูกว่านเทียนซิงทำให้หมดสติไปอีกครั้ง
ว่านเทียนซิงคว้าคอเสื้อของโจรเด็ดบุปผา แล้วเดินกลับไปที่ห้องพักชั้นสองของโรงแรมเพื่อเก็บสัมภาระ จากนั้นก็เดินออกจากโรงแรมอีกครั้ง โดยมุ่งหน้าไปยังที่ทำการเพื่อรับเงินรางวัล
…
การเล่นเกมถือเป็นวิธีที่ดีในการฆ่าเวลา ไม่ทันไรก็บ่ายโมงแล้ว เฟิงหยวนหนิงรู้สึกหิวจนต้องเงยหน้าขึ้นมา
เธอเปิดหน้าจอระบบขึ้นมาดู
เงื่อนไขการอัปเกรดโรงแรม: รับรองแขกทั้งหมด 15/50 ทำภารกิจเสร็จสิ้น 1/3
ภารกิจ: รับรองแขก 15 คน (12/15) ปลดล็อกเอฟเฟกต์พิเศษของโรงแรม: ทำความสะอาดอัตโนมัติ
เฮ้อ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
ดูเหมือนว่าเธอจะต้องรอต่อไป ท้ายที่สุดเธอก็ไม่สามารถออกจากโรงแรม หรือออกไปโปรโมทในเมืองได้
ประการแรก เธอสามารถได้รับบาเรียอยู่ยงคงกระพันก็ต่อเมื่ออยู่ในโรงแรมเท่านั้น ถ้าออกไปข้างนอกก็อาจจะพบเจอกับอันตรายได้
ประการที่สอง โรงแรมของเธอสร้างขึ้นมาอย่างกะทันหัน วิธีการสร้างก็ดูน่าสงสัยอยู่แล้ว ถ้าเธอออกไปโปรโมทเองก็จะยิ่งทำให้คนสงสัยมากขึ้นไปอีก ซึ่งอาจจะได้ผลตรงกันข้าม
ดังนั้นเธอจึงต้องรอให้คนในท้องถิ่นบอกปากต่อปากกันเอง
เธอกดน้ำจากตู้มาใส่ในถ้วย และเริ่มทำหม้อไฟสำเร็จรูปรสเนื้อแกะ
ถึงแม้หม้อไฟรสเนื้อแกะจะไม่เผ็ด แต่ก็มีน้ำซุปเข้มข้น รสชาติอร่อย มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ไม่แพ้หม้อไฟรสเผ็ดเลย
ผ่านไปสักพัก
หลังจากทานหม้อไฟรสแกะเสร็จ เธอมองกล่องอาหารพลางครุ่นคิดในใจ
กล่องพลาสติกแบบนี้จะทิ้งยังไงดี? จะเอาไปทิ้งหน้าโรงแรมเลยเหรอ?
ไม่ดีแน่ ถ้าทำแบบนั้น รอบ ๆ โรงแรมก็จะกลายเป็นที่ทิ้งขยะส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปหมดน่ะสิ? นั่นจะส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมของโรงแรมอย่างมาก และขยะพลาสติกก็ย่อยสลายยาก ถ้าจัดการไม่ดีก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่
หรือว่าเอฟเฟกต์พิเศษ “ทำความสะอาดอัตโนมัติ” ที่จะได้รับหลังจากทำภารกิจเสร็จสิ้น มันจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้?
เอาเป็นว่าตอนนี้ยังไม่ต้องพูดถึงขยะที่เกิดจากการขายของ แต่ถ้าเป็นขยะที่ถูกทิ้งไว้ในโรงแรม เอฟเฟกต์พิเศษ “ทำความสะอาดอัตโนมัติ” น่าจะจัดการได้ใช่ไหม?
เธอปิดฝากล่องอาหาร แล้วนำไปวางไว้ด้านข้างก่อน จากนั้นเดินไปเข้าห้องน้ำ พอเสร็จธุระก็เดินออกจากโรงแรมไปซื้อโยเกิร์ตพร้อมดื่มรสสตรอว์เบอร์รีที่ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ
โดยไม่คาดคิด มีบางสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น
เธอสังเกตเห็นว่าขณะกำลังซื้อโยเกิร์ตพร้อมดื่มรสสตรอว์เบอร์รี เธอสามารถเลือกอุณหภูมิของโยเกิร์ตได้เอง ระหว่างแบบแช่เย็น หรือแบบอุณหภูมิห้อง
เธอไม่รอช้าที่จะเลือกโยเกิร์ตที่แช่เย็นมา ท่ามกลางอากาศร้อนระอุแบบนี้ จะมีอะไรยอดเยี่ยมไปกว่าการได้ดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ?
หลังจากซื้อโยเกิร์ตมาแล้ว เธอออกยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าโรงแรม โดยดื่มโยเกิร์ตพลางรับชมวิวทิวทัศน์ที่อยู่ห่างไกล
ร้อนมาก ร้อนจริง ๆ
ข้างในร้อน ข้างนอกก็ร้อน รู้สึกเหมือนทั้งโลกกลายเป็นหม้ออบไอน้ำ และเธอกำลังถูกนึ่งให้สุก
เมื่อไหร่โรงแรมจะปลดล็อกแอร์ได้นะ? ฤดูร้อนแบบที่ไม่มีแอร์ทนไม่ไหวจริง ๆ
เฮ้อ ตอนนี้ก็ผ่านไปครึ่งวันแล้ว ยังไม่มีใครแวะมาที่โรงแรมเลย ถ้าทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จโดยเร็ว ภารกิจต่อไปก็จะยิ่งล่าช้าออกไป ซึ่งเธอจะได้ใช้แอร์ช้าลงไปอีก และต้องทนอยู่ในอากาศร้อนนานขึ้น
ได้โปรดล่ะ ขอให้มีลูกค้ามาอีกสามคนเถอะ
หลังจากดื่มโยเกิร์ตพร้อมดื่มรสสตรอว์เบอร์รีหมดแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะไปซื้อโยเกิร์ตพร้อมดื่มรสลูกพีชจากตู้ขายสินค้าอัตโนมัติมาอีกหนึ่งกล่อง แล้วนั่งยอง ๆ อยู่ที่ประตูทางเข้าโรงแรมพร้อมดื่มโยเกิร์ตแช่เย็น
โยเกิร์ตที่ผ่านการปรับปรุงด้วยเวทมนตร์นี่มันอร่อยกว่าโยเกิร์ตทั่วไปเยอะเลย ทั้งอร่อย ช่วยดับร้อนได้ และยังช่วยย่อยอาหารอีกด้วย เธอหยุดดื่มมันไม่ได้จริง ๆ
ตู้ขายสินค้าอัตโนมัตินี่มีทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นมีช่องใส่ของประมาณ 6 ถึง 10 ช่อง ใส่ของได้ไม่เยอะ เธอจึงเลือกของตามที่ตัวเองชอบเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามมีโอกาสที่จะแก้ไขใหม่ได้สัปดาห์ละครั้ง ตราบใดที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลง ก็ค่อยปรับแก้ทีหลัง
เฟิงหยวนหนิงใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อบนใบหน้า ในขณะนั้นเอง ก็มีหญิงสาวสองคนเดินออกมาจากประตูเมืองทางทิศใต้
ทั้งสองดูเป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา พวกเธอมองมาที่โรงแรมไม่หยุด ขณะหันไปพูดคุยกันด้วยสีหน้าลังเล
หญิงสาวหน้ารูปไข่กล่าวด้วยน้ำเสียงลังเลว่า “ควรจะเป็นที่นี่ใช่หรือไม่? ใกล้ประตูเมืองทางทิศใต้ และดูแปลกตาที่สุดในละแวกนี้แล้ว”
หญิงสาวที่ดูมีอายุมากกว่าและมีใบหน้ากลมพยักหน้าเบา ๆ “น่าจะเป็นเช่นนั้น? แล้วใครจะไปซื้อก่อนดี?”
หญิงสาวหน้ารูปไข่ส่ายหน้า “เจ้าไปซื้อก่อนเถิด ข้าไม่รีบ”
หญิงสาวหน้ากลมเกิดความกังวล กระทืบเท้าลงพร้อมจ้องหน้าอีกฝ่าย “ข้าก็ไม่รีบเหมือนกัน เจ้าไปซื้อก่อนสิ!”
ผู้หญิงหน้ารูปไข่มองอีกฝ่ายและถามน้ำเสียงจริงจัง “เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่อยากซื้อก่อน? ลูกของเจ้าร้องไห้หนักขนาดนั้น หากเจ้ากลับบ้านไปมือเปล่า เขาก็อาจจะร้องไห้หนักขึ้นไปอีกไม่ใช่หรือ? จริง ๆ แล้วข้าหรือเจ้ากันแน่ที่กำลังรีบ?”
หญิงสาวหน้ากลมจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาฉุนเฉียว “เจ้าเองไม่ใช่หรือที่อยากมาโรงแรมนี้ตั้งนานแล้ว? อันที่จริงข้าแค่มาเป็นเพื่อนเจ้าเฉย ๆ ไม่ได้อยากจะซื้อขนมบ้าบอจากที่นี่หรอก เจ้าน่ะยังเด็ก งั้นข้าจะบอกเจ้าให้เอาบุญว่า การเลี้ยงลูกไม่ควรตามใจมากเกินไป หากเด็กไม่ฟังคำดุด่า ก็ต้องลงไม้ลงมือเสียบ้าง”
หญิงสาวหน้ารูปไข่ไม่เห็นด้วย “เจ้าจะเลี้ยงลูกแบบนั้นได้อย่างไร? หากลงไม้ลงมือ เด็กจะไม่เจ็บตัวเอาหรือ? หากเด็กอยากกินขนม แล้วขนมราคาไม่แพงเท่าไหร่ งั้นก็ซื้อกลับไปสักหน่อยไม่ดีกว่าหรือ?”
หญิงสาวหน้ากลมทำสีหน้าบึ้งตึง “แต่มันอันตรายถึงชีวิตเลยนะ ข้าไม่ได้อยากมาเลยสักนิด เฮ้อ ไม่รู้ว่าใครกันนะ ซื้อขนมมาแต่ไม่กินเอง แล้วเอาไปแจกเด็ก ๆ ทำให้ลูกข้าร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง เจ้าว่า เถ้าแก่โรงแรมจ้างคนมาทำแบบนั้นหรือเปล่า?”
หญิงสาวหน้ารูปไข่พยักหน้าเห็นด้วย “เป็นไปได้มากทีเดียว คงเป็นเถ้าแก่โรงแรมที่ว่าจ้างคนไป ไม่อย่างนั้นใครที่ไหนจะยอมแจกขนมให้คนอื่นเฉย ๆ?”
เฟิงหยวนหนิงเป็นคนธรรมสามัญ ความสามารถในการได้ยินก็เท่ากับคนธรรมดาเท่านั้น
เธอได้ยินบทสนทนาก่อนหน้าไม่ค่อยชัดเจน เพียงแค่ได้ยินประโยคสุดท้ายเท่านั้น ซึ่งทำให้เธอรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง
ใครกันนะ? ใครกันที่ซื้อขนมจากที่นี่ไปแจกฟรี? คนคนนั้นทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน
แต่ว่า การจ้างคนไปแจกขนมตามท้องถนนงั้นหรือ? มันเป็นไอเดียที่ไม่เลวเลย…
ไม่ ๆ ๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ย่อมทิ้งร่องรอยไว้เสมอ ในฐานะบุคคลที่น่าสงสัย เธอควรจะทำตัวเหมือนเหยื่อตกปลาของเจียงไท่กง(1) ทำเป็นไม่สนใจว่าจะมีลูกค้ามาหรือไม่ ถ้าดูเหมือนกระหายลูกค้ามากเกินไป คนอื่นจะคิดว่าเธอตั้งใจจะหลอกลวงเอาทรัพย์สิน
เฟิงหยวนหนิงเฝ้ามองหญิงสาวทั้งสองเดินเข้ามาใกล้ด้วยความหวังในใจลึก ๆ ว่า ทั้งสองจะคลายความกังวล แล้วเข้ามาใช้บริการตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ
เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าโรงแรม ก็หยุดพูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับโรงแรมเซียนหยวน
พวกเธอหยุดยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าด้วยความลังเลใจ โดยมองไปที่เฟิงหยวนหนิง สลับกับมองไปที่ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ
เฟิงหยวนหนิงพยายามอดกลั้นความต้องการที่จะเรียกลูกค้าเข้ามาให้ได้ เธอรู้ดีว่ายิ่งกระตือรือร้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งน่าสงสัยมากขึ้นเท่านั้น การทำตัวเย็นชาจึงเป็นสิ่งที่เธอควรทำ
เธอพยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปกับสิ่งอื่น จึงรีบดื่มโยเกิร์ตที่เหลืออยู่ให้หมด แล้วเดินไปที่ตู้ขายของอัตโนมัติอีกครั้ง ซื้อโค้กเย็น ๆ มาหนึ่งขวด เปิดฝาแล้วดื่มรวดเดียว
อา ชื่นใจ!
การปลอมตัวเป็นลูกค้าดูจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด เอาเป็นว่าถ้าเธอไม่พูดอะไรออกมา ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธอะไรเลย ถึงแม้จะถูกเปิดโปงในภายหลัง เธอก็คงไม่เดือดร้อนอะไรมากนัก
ท้ายที่สุดก็ไม่มีกฎไหนห้ามไม่ให้เธอซื้อของในร้านของตัวเองนี่นา
“แม่นางเอ๋ย เจ้าเป็นเถ้าแก่ของที่นี่หรือ?” หญิงสาวหน้ากลมอดรนทนไม่ไหว จึงเอ่ยถามออกมาด้วยความกล้าหาญ
เด็กสาวคนนี้แต่งตัวแปลกประหลาดนัก ใส่ชุดที่มีสีสันไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วยังมายืนอยู่ที่หน้าโรงแรมลึกลับเช่นนี้ นางจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?
เฟิงหยวนหนิง “…”
หรือว่าเธอจะมีออร่าของเถ้าแก่ติดตัวกันนะ? ทั้งที่เธอไม่เคยบอกใครเลยว่าเป็นเถ้าแก่ แล้วทำไมคนอื่นถึงดูออกได้ว่าเธอเป็นเจ้าของโรงแรม?
เฟิงหยวนหนิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า “เจ้าค่ะ พวกท่านทั้งสองมาซื้อของใช่หรือไม่? ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ เชิญตามสบายเลย”
ทั้งสองคนหันมองหน้ากันและกัน ทว่ายังคงลังเลอยู่ดี
……….……….……….……….
• เจียงไท่กง หรือ เจียงจื่อหยา (姜子牙) เป็นอุปราชหรือไท่กงในตอนต้นสมัยราชวงศ์โจวตะวันตก รับราชการในพระเจ้าโจวเหวินหวาง และพระเจ้าโจวอู่หวาง ถือเป็นยอดคนผู้ยิ่งใหญ่ทั้งคุณธรรมและความสามารถในประวัติศาสตร์ มีความรู้เชี่ยวชาญทั้งบุ๋นและบู๊