ตอนที่ 5 ใช้ซอมบี้เป็นดินในการเพาะปลูกเขี้ยวปีศาจโลหิต
ตอนที่ 5 ใช้ซอมบี้เป็นดินในการเพาะปลูกเขี้ยวปีศาจโลหิต
พริบตาเดียวก็ผ่านไปห้าวันแล้ว
ฉู่เสวียนนั่งกินบะหมี่รสกุ้งและตามด้วยบะหมี่รสปลาเข้าไปคำใหญ่
มันช่างเพลิดเพลินยิ่งนัก
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั้นสำหรับบางคนอาจกินทุกวันจนเบื่อ
หากกินมันเป็นครั้งคราว ก็มักจะคิดถึงรสชาติของมันขึ้นมาบ้าง
แต่สำหรับฉู่เสวียน ผู้ที่เดินทางข้ามมิติไปยังโลกแห่งการฝึกตนมานานหลายทศวรรษ รสชาติของมันช่างน่าเย้ายวนยิ่งนัก
ในขณะนั้น มีเตาอั้งโล้ที่กำลังลุกไหม้อยู่ตรงหน้าของฉู่เสวียน
ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจนหมดชาม ในตอนนี้เปลวไฟบนเตาเกือบจะดับลงแล้ว เขาจึงใช้ไม้สองอันดึงบางอย่างออกมาจากเตาไฟ
ซึ่งมันก็คือกระจกสีเลือดนั่นเอง หรือเรียกอีกอย่างว่ากระจกโลหิต
กระจกโลหิตที่เพิ่งดึงออกมานั้น กลับไม่มีร่องรอยของการถูกเผาด้วยเปลวไฟเลยแม้แต่น้อย
ทว่ามันกลับสว่างสดใสกว่าเดิม
ฉู่เสวียนเหลือบมองภาพในกระจกโลหิตอีกครั้ง
ท้องฟ้าแจ่มใส ภูเขาและน้ำก็สวยงาม
มันคือภาพของทวีปที่เขาเคยอยู่ก่อนจะข้ามมิติมายังดาวเคราะห์แห่งนี้
วันนี้ ภาพในกระจกนั้นมีความสว่างขึ้นมาหนึ่งในห้า
เมื่อมันสว่างเต็มที่แล้ว เขาก็น่าจะสามารถเดินทางข้ามมิติกลับเข้าไปได้
เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ เขาได้ค้นพบว่ากระจกโลหิตจะดูดซับพลังงานจากสวรรค์และโลกเพื่อชาร์จพลังให้กับตัวเองโดยอัตโนมัติ
ไม่ว่าจะเป็นพลังวิญญาณ พลังชั่วร้าย พลังหยิน พลังหยาง ความร้อน แสง หรือแม้กระทั้งพลังงานไฟฟ้า
และการที่เขาโยนกระจกโลหิตเข้าไปในเตาไฟนั้น ก็เพื่อให้มันดูดซับความร้อนเข้าไป
ด้วยความเร็วนี้ อีกประมาณหนึ่งเดือน ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงคำรามต่ำๆ ดังขึ้นไม่ไกลนัก มันคือเสียงของพลทหารศพ
ไม่นานหลังจากนั้น พลทหารศพก็มาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของฉู่เสวียนพร้อมกับถังน้ำมันเบนซินสองถัง
มันเพิ่งกลับมาจากการไล่ล่าซอมบี้
และฉู่เสวียนยังสั่งให้มันหาเชื้อเพลิงมาให้อีกด้วย
ในตอนแรกเขาก็ไม่เข้าใจมันนัก แต่หลังจากค่อยๆ ปรับตัว เขาก็สามารถเชื่อมต่อกับมันได้
ฉู่เสวียนมองพลทหารศพที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ซึ่งมันดูดุร้ายและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ มันทำให้เขามีสีหน้าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น
“เสี่ยวหู่ เจ้าทำได้ดีมาก”
เมื่อพลทหารศพได้ยินดังนั้น มันก็รีบก้มหัวลงอย่างเชื่องช้า และปล่อยให้ฉู่เสวียนลูบหัวของมันราวกับสุนัขตัวน้อยที่เชื่อฟัง
เสี่ยวหู่เป็นชื่อที่ฉู่เสวียนได้ตั้งให้มัน โดยที่เขาต้องใช้ความคิดเป็นอย่างมาก
มันไม่ได้มีการตั้งขึ้นโดยนำชื่อเดิมมาตั้งให้อย่างไม่ใส่ใจแต่อย่างใด
ไม่เลยสักนิด...
ในเวลาเพียงสองวัน เสี่ยวหู่ก็ล่าซอมบี้ในห้างสรรพสินค้าเสี่ยวหรันฟาไปจนหมด
ซอมบี้ที่รูปร่างดีและแข็งแรง จะถูกรีดเลือดลงบนถังใบใหญ่นี้
ซอมบี้ที่มีรูปร่างอ้วนท้วม มีเนื้อและไขมันเยอะ จะเอาไว้เป็นอาหารให้แมลงกู่ได้กิน
ส่วนซอมบี้ที่ดูหมดแรงและผอมแห้ง ก็จะกลายมาเป็นพลังงานให้แก่พลทหารศพตัวนี้ไป
พอเข้าวันที่สาม เขาก็เริ่มสั่งการให้พลทหารศพไปทำความสะอาดเหล่าซอมบี้ที่อยู่ในร้านค้าและบ้านเรือนระแวกใกล้เคียงห้างสรรพสินค้าเสี่ยวหรันฟาทันที
หลังจากผ่านไปเพียงห้าวัน พลทหารศพของเขาก็ได้รับการเลื่อนระดับจากพลทหารศพระดับสองไปเป็นพลทหารศพระดับสาม
แม้จะมองแค่เพียงเขตแดน แต่ก็สามารถต่อกรได้กับผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณขั้นที่สามได้
แต่ด้วยกล้ามเนื้อที่ทรงพลัง รวมไปถึงความเครียดแค้นที่พุ่งทะยานเช่นนี้ เมื่อผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณขั้นที่สามที่ไม่ได้เรียนรู้วิชาอาคมพรสวรรค์ทั้งสองอย่างนี้เข้าใกล้มัน เกรงว่าไม่ตายก็คงได้รับบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน
“แต่เรื่องของเจ้าล่ะ ข้าควรทำอย่างไรดี มันเร็วเกินไปที่เจ้าจะสร้างรังไหมในตอนนี้ ซูววว”
ฉู่เสวียนก้มหน้ามองดูเส้นลวดโลหิตด้วยท่าทางอ่อนแรง และยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
สัตว์เลี้ยงของเขาตัวนี้อาจจะกินเนื้อซอมบี้มากเกินไป มันจึงมีการพัฒนาเทคนิคขึ้นมา
เมื่อเช้านี้ที่ฉู่เสวียนตื่นขึ้นมา เขาก็พบว่ามันแสดงอาการห่อหุ้มตัว และกำลังจะสร้างรังไหม !
การที่มันสร้างรังไหม ก็หมายความว่า เมื่อเส้นลวดโลหิตได้เรียนรู้วิชาอาคมพรสวรรค์จะทำให้ความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
นี่ถือเป็นข่าวดีสำหรับเขา
แต่เส้นลวดโลหิตเป็นแมลงกู่ที่หาได้ง่าย
ดังนั้นเพดานขีดจำกัดของมันจึงไม่สูงนัก และในชีวิตของมันสามารถสร้างรังไหมได้เพียงสองครั้งเท่านั้น
การสร้างรังไหมแต่ละครั้งก็เหมือนการเกิดใหม่
ดังนั้นกู่ชนิดนี้จึงถูกเรียกว่าผีเสื้อสองฤดู และสามารถเรียนรู้วิชาอาคมพรสวรรค์ได้สองวิชา
แน่นอนว่าเพดานขีดจำกัดของแมงกู่ชนิดนี้ก็ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่แค่นี้ หากว่าเจ้าของมันพบสมบัติสวรรค์เข้าโดยบังเอิญ และเอามาให้มันดูดซับ มันก็จะสามารถเข้าสู่วงจรของการเป็นดักแด้ได้อีกครั้ง
แต่เรื่องนี้เขายังทำไม่ได้ เพราะตอนนี้เขายังไม่ได้กลั่นวัตถุดิบสวรรค์ และสมบัติแห่งโลก
“ไปจับซอมบี้ที่แข็งแกร่งมาสองตัว”
ฉู่เสวียนโบกมือสั่งออกมา
“โครกก!”
พลทหารศพนั้นคำรามออกมาด้วยความตื่นเต้นสองสามครั้ง ก่อนจะกระโดดหายออกไป
ไม่ถึงสิบนาทีต่อมา มันก็วิ่งกลับมาอีกครั้ง
โดยจับซอมบี้ไว้ใต้กล้ามแขนแน่นๆทั้งสองข้างของมันอย่างถนัด
ซอมบี้ทั้งสองตัวนี้ก็ยังคำรามไม่หยุด พวกมันดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง แต่ดูแล้วพวกมันก็มีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งมากจริงๆ
ฉู่เสวียนพยักหน้าชื่นชมและกล่าวออกมาว่า “ปิดปาก มัดมือไว้ และโยนพวกมันไปไว้ที่อีกมุมหนึ่ง”
พลทหารศพดำเนินการตามคำสั่งอย่างไม่ค่อยชำนาญนัก
ในไม่ช้าซอมบี้ทั้งสองก็ถูกมัดมือมัดเท้าไว้แน่
ฉู่เสวียนก้าวเข้าไปหาพวกมัน ก่อนจะหยิบมีดออกมาและกรีดลงไปตามแขน ขา ลำตัว และส่วนอื่นๆ ของซอมบี้ด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นก็นำถุงเม็ดพันธุ์ออกมาจากถุงจัดเก็บและวางเมล็ดสีแดงขนาดเท่าเมล็ดข้าวลงไปที่ผิวของซอมบี้
เมื่อเมล็ดสีแดงสัมผัสกับเลือดเนื้อ มันก็หยั่งรากอย่างรวดเร็ว
เพียงพริบตาเดียว หน่อสีแดงก็งอกขึ้นมาจนมีขนาดหนึ่งเซนติเมตร
ใบของมันมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมแหลมคม
ลำต้นของมันราวกับงูสีแดงที่ดูชั่วร้าย
เมื่อสายลมพัดโชยเข้ามา ใบของมันก็เหมือนกับเขี้ยวอันแหลมคมของปีศาจร้าย
แค่เห็นก็หนาวสั่นแล้ว พืชวิญญาณชนิดนี้มีชื่อว่า “เขี้ยวปีศาจโลหิต”
มันต้องใช้เลือดเนื้อในการหล่อเลี้ยง และไม่จำเป็นต้องโดนแสงแดด
และต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนจึงจะออกดอกออกผล
ผลที่ได้เรียกว่า “ผลเขี้ยวโลหิต”
มันคือสมบัติสวรรค์ที่แมลงกู่ในช่วงสร้างรังไหมต้องการมากที่สุด หลังจากที่มันดูดซับผลเขี้ยวโลหิตเข้าไปแล้ว ความเร็วและความแข็งแกร่งของเส้นลวดโลหิตก็จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และมีโอกาสที่จะเรียนรู้วิชาอาคมพรสวรรค์ได้ดีมากยิ่งขึ้น
เมื่อถึงเวลานี้ ยิ่งกลืนผลโลหิตเข้าไปมากเท่าไหร่ โอกาสในการเรียนรู้วิชาอาคมพรสวรรค์ขั้นสูงสุดก็จะเยอะมากยิ่งขึ้น
ฉู่เสวียนศึกษาศิลปะการควบคุมแมลงกู่มานานหลายปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงเข้าใจรายละเอียดต่างๆของมัน
หนึ่งเดือนผ่านไปรวดเร็วราวกับพริบตา
ต้องขอบคุณซอมบี้ใจดีและเสียสละเหล่านี้ที่อยู่รอบๆ ตัวเขา จึงทำให้ฉู่เสวียนเข้าสู่ช่วงกลั่นลมปราณขั้นที่ 6ไปแล้ว เสี่ยวหู่เองก็ไม่เลวเหมือนกัน เพราะมันเป็นถึงพลทหารระดับห้าแล้ว
“ในที่สุดก็สุกงอมเสียที”
ฉู่เสวียนเดินเข้ามาหาซากซอมบี้ทั้งสองตัว ผลเขี้ยวโลหิตนั้นหนักจนโน้มกิ่งของต้นเขี้ยวปีศาจโลหิตจนมันงอลงมา ในเดือนนี้ ฉู่เสวียนได้เลี้ยงซอมบี้สองตัวโดยการป้อนเนื้อซอมบี้ให้วันละหนึ่งถึงสองชิ้น เพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันจะไม่ตาย ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่ต้นเขี้ยวปีศาจโลหิตเลือดจะได้รับสารอาหารอย่างต่อเนื่อง
แต่ถึงกระนั้น หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ซอมบี้ทั้งสองตัวนี้ก็ผอมแห้งลงไปจนแทบจะเป็นหนังติดกระดูก
สารอาหารจากเนื้อและเลือดทั้งหมดที่มันกินลงไปได้ถูกต้นเขี้ยวปีศาจโลหิตดูดซับไปจนหมด
ฉู่เสวียนหยิบผลเขี้ยวโลหิตออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็สั่งให้เสี่ยวหู่เอาซอมบี้เหี่ยวๆ สองตัวนี้ไปทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการได้เลย
กระทืบ
เสี่ยวหู่หมอบลงไปอย่างเชื่อฟังและรับประทานอาหารกลางวันอย่างมีความสุข
ฉู่เสวียนมองดูผลเขี้ยวโลหิตที่มีขนาดเท่ากับหัวแม่มือทั้งสิบผลบนฝ่ามือของเขา
อัศจรรย์จริงๆ ในตอนที่นิกายอู๋จี๋ยังอยู่ ในตอนนั้นก็มีคนในนิกายได้ปลูกเขี้ยวปีศาจโลหิตเหมือนกัน
เพียงแต่พวกเขาขายผลของมันในราคาที่แพงมาก และต้องใช้คะแนนสะสมในนิกาย 20 คะแนนถึงจะเอาแลกมาได้
หากประมาณโดยคร่าวๆ แล้วก็จะเท่ากับหินวิญญาณระดับต่ำอย่างน้อยแปดสิบก้อน
ในตอนแรก เขาไม่มีหินวิญญาณมากมายนัก ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะซื้อผลเขี้ยวโลหิตมาครอบครองได้
แต่บัดนี้ ผลเขี้ยวโลหิตนี้กำลังกลิ่งอยู่บนฝ่ามือของเขา มูลค่ารวมของมันก็น่าจะเท่ากับหินวิญญาณระดับต่ำแปดร้อยก้อน มากยิ่งกว่าทรัพย์สินสุทธิที่ฉู่เสวียนมีทั้งหมดเสียอีก
“เตาหลอมเลือดเนื้ออย่างดาวเคราะห์ซอมบี้แห่งนี้ไร้ขีดจำกัดจริงๆ ”
ฉู่เสวียนถอนหายใจออกมา และส่งผลเขี้ยวโลหิตไปที่ปากเส้นลวดโลหิต
วูบวาบ
ครั้งละหนึ่งลูก
เพียงพริบตา เส้นลวดโลหิตก็กินผลเขี้ยวโลหิตทั้งสิบผลจนหมด
จากนั้นมันก็หลับไปเป็นเวลานาน
ไม่ว่าฉู่เสวียนจะพยายามเรียกมันอย่างไร มันก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
เมื่อเขามองดูมันอีกครั้ง ผิวของเส้นลวดโลหิตก็ถูกปกคลุมด้วยรังไหมสีน้ำตาลแดงจนหมด
ดูเหมือนว่ารังไหมจะเริ่มก่อตัวจริงๆ แล้ว
และคาดว่าคงจะใช้เวลาประมาณสิบวัน จากนั้นเส้นลวดโลหิตก็จะออกจากรังไหมและกลายเป็นตัวอ่อนของกู่ที่มีวิชาอาคมพรสวรรค์ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด!
“ถึงเวลานั้นก็เกือบจะถึงเวลาที่ข้าจะต้องกลับไปทดสอบความแข็งแกร่งบ้างซะแล้ว”
“จำเป็นจะต้องเอาหินวิญญาณไปแลกเอาเมล็ดพันธุ์วิญญาณมาเก็บเพิ่มไว้ เพื่อเตรียมพร้อมไว้ก่อน”
“ดูเหมือนว่าข้าต้องไปหาพวกน้องๆ แล้วหาแลกทรัพยากรมา”
ฉู่เสวียนมองดูลูกปัดโลหิตนับร้อยเม็ดในถุงเก็บทรัพยากร แล้วยิ้มออกมา
นี่คือผลลัพธ์ของการใช้เทคนิกกลั่นโลหิตทุกวันเพื่อชำระล้างเลือดของซอมบี้เพื่อให้ได้มาซึ่งแก่นของโลหิต
ลูกปัดโลหิตนั้นถือเป็นยาบำรุงที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้บ่มเพาะ
และเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่ผู้ฝึกฝนวิชามารจะต้านทานสิ่งล่อใจเช่นนี้ได้