ตอนที่แล้วตอนที่ 3 ไว้แกกลายเป็นผีแล้วค่อยมาหาฉัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 ใช้ซอมบี้เป็นดินในการเพาะปลูกเขี้ยวปีศาจโลหิต

ตอนที่ 4 เจ้าแข็งแกร่งและเหมาะสมสำหรับกลั่นศพหยิน


ตอนที่ 4 เจ้าแข็งแกร่งและเหมาะสมสำหรับกลั่นศพหยิน

ฉู่เสวียนสนใจมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนี้  “ลูกพี่จ้าวอย่างนั้นหรือ เขาเป็นใคร?”

ถังหู่ตกตะลึง จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นมาทันที "ลูกพี่จ้าว จ้าวหง เขาเป็นหัวหน้าของแก๊งหลิงฉวน  ซึ่งเป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในเมืองตงหู !"

ฉู่เสวียนพยักหน้า “ถ้าอย่างงั้นเจ้าลองเล่าให้ข้าฟังเกี่ยวกับองค์กรที่เจ้าว่ามาสิ”

ถังหู่ไม่กล้าปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงต้องบอกข้อมูลที่เขารู้ออกมา...

ฉู่เสวียนก้มศีรษะลงเล็กน้อย “ไม่เลว”

ถังหู่ยิ้มและกล่าวว่า “พี่ใหญ่ เพื่อเห็นแก่หน้าพี่เขยของผม ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ”

ฉู่เสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าหมายความว่า รูปร่างของเจ้านั้นไม่เลว  เหมาะสมที่จะเป็นวัตถุดิบในการกลั่นศพหยินของข้าได้เลย”

ถังหู่ถึงกับตกตะลึง

กลั่นศพงั้นเหรอ?

เขาไม่รอให้อีกฝ่ายได้ไหวตัวทัน

เส้นลวดโลหิตในฝ่ามือของฉู่เสวียนได้พุ่งเข้ามามัดมือและเท้าของถังหู่ไว้ทันที

ถังหู่ต้องการที่จะหลบหนีอย่างสุดชีวิต แต่เขาก็พบว่าหนอนเลือดตัวยาวนี้แข็งกว่ายิ่งกว่าลวดเหล็กเสียอีก  เขาจึงไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้

“พี่ใหญ่ คุณ… คุณกำลังจะทำอะไร!” เขาดูหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

“การฆ่าคนเช่นเจ้า ไม่ได้ทำให้ข้าเสียบุญไปแม้แต่น้อย  ดังนั้นเจ้าจึงเหมาะสมในการกลั่นศพของข้าอย่างยิ่ง”

ฉู่เสวียนหันไปเตรียมน้ำยาสมุนไพร “จากนั้นข้าจะใช้วิชาลับ ปลุกเร้าความอาฆาตของเจ้าออกมา เจ้าจะกลายเป็นพลทหารศพที่แข็งแกร่งที่สุด”

สิ่งที่เขาใช้คือวิธีการลับในการกลั่นศพที่เรียกว่าวิชากลั่นศพวัชระ ซึ่งมาจากนิกายหุ่นเชิดศพ

แต่น่าเสียดายที่นิกายหุ่นเชิดศพนั้นไม่ได้เก่งเรื่องการต่อสู้มากนัก จึงถูกนิกายที่ใหญ่กว่าล้มล้างไปตั้งแต่เนิ่นๆ

มรดกของนิกายส่วนใหญ่จึงตกไปอยู่ในมือของฝ่ายธรรมะ และอีกครึ่งหนึ่งก็ถูกนิกายอู๋จี๋ดูดซับไป

ศพหยินที่ได้มาจะมีพลังตรงกับเจ้าของในช่วงการกลั่น

พลทหารศพ-กลั่นลมราณ

นายพลศพ-สร้างรากฐาน

จอมพลศพ-สร้างแก่นลมปราณ

ราชาศพ-ปราณก่อนกำเนิด

นี้คือความสอดคล้องกันระหว่างศพหยินและเขตแดนของผู้บำเพ็ญเพียร

และด้วยวิธีการที่แตกต่างกันนี้  จึงส่งผลให้แต่ละศพหยินมีลักษณะพิเศษของตัวเอง

ศพหยินที่กลั่นด้วยวิชานี้ จะคงกระพันและทรงพลังอย่างไร้ที่สิ้นสุด  แค่เขากลั่น ศพหยินของเขาก็จะเทียบกับผู้บำเพ็ญเพียรช่วงกลั่นลมปราณได้ทันที

ในอดีตการกลั่นศพหยินสำหรับฉู่เสวียนนั้นถือเป็นเรื่องยาก เนื่องจากใช้เวลานานเกินไปในการกลั่น และมักเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และเนื่องจากเขาไม่สามารถทำพิธีที่ใช้เวลานานแบบนี้ได้  ดังนั้นเขาจึงต้องละทิ้งความคิดในการกลั่นศพไป

ในตอนนี้ฉู่เสวียนก็ได้หยิบถังขนาดใหญ่ออกมาจากถุงเก็บของแล้วเทของโอสถเหลวต่างๆ ลงไป

จากนั้นเขาก็สั่งการให้เส้นลวดโลหิตโยนถังหู่ลงไปในนั้น

แม้แต่หัวก็จมอยู่ใต้น้ำหมด

เสียงตะโกนขัดขืนของถังหู่ค่อย ๆ เบาลงเรื่อยๆ

จากนั้น ฉู่เสวียนก็ใช้มีดกรีดฝ่ามือของเขาด้วยท่าทางเคร่งขรึม บีบเลือดออกมาสองหยด แล้วหยดลงในถังขนาดใหญ่นั้น

ใบหน้าของเขาซีดเซียวเล็กน้อย

แก่นของโลหิตนั้นไม่ใช่เลือดธรรมดา

แม้ว่าเขาจะฝึกฝนทักษะพลังวิญญาณแปลงโลหิตช่วงชิงและเร่งความเร็วในการสกัดโลหิต แต่สิ่งนี้ก็ไม่สามารถสกัดได้ภายในหนึ่งหรือสองวัน

“ตอนนี้ก็ต้องรอต่อไป”

“ตามบันทึกของวิชากลั่นศพวัชระ จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายในสามวันเป็นอย่างต่ำ”

ฉู่เสวียนนอนอยู่บนเก้าอี้เอ็นกายอยู่ข้างๆอย่างสบายใจ  พลางกินปลาทูน่ากระป๋องอย่างบ้าคลั่ง

นี่คือสิ่งที่เขาพบขณะที่เขากำลังตามหาซอมบี้ในตอนนี้ และมันยังไม่หมดอายุเสียด้วยซ้ำ

“บ้าเอ้ย อาหารจากอุตสาหกรรมสมัยใหม่มันช่างอร่อยอะไรอย่างนี้”

“อาหารที่ข้ากินตอนอยู่ในนิกายอู๋จี๋นั้นไม่ต่างไปจากอาหารนกเลย”

ฉู่เสวียนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพรางถอนหายใจออกมา

หลังจากผ่านไปหลายปี เขาก็ได้กลับมากินของที่คนทั่วไปควรกินอีกครั้ง

สามวันต่อมา

ฉู่เสวียนยืนอยู่หน้าถังด้วยสายตาที่คาดหวัง

ดูชายร่างใหญ่คนนี้สิ เขามีผิวคล้ำและดูแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้  ร่างนี้ดูใหญ่และบึกบึนขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก

บริเวณหน้าอก ข้อต่อ หลัง ฯลฯ มีเกราะกระดูกเพิ่มขึ้นมา

ประสิทธิภาพการป้องกันก็น่าทึ่งมาก

ฉู่เสวียนจึงหยิบมีดพกออกมาแล้วลองฟันลงไปที่ผิวหนังของศพ ทว่ามันกลับทิ้งร่องรอยไว้เพียงผิวเผินเท่านั้น

เขาดีใจมาก

ไม่คิดเลยว่าการกลั่นศพครั้งแรกของเขา จะสำเร็จไปได้ด้วยดีขนาดนี้

ศพหยินที่ตรงหน้าเขานั้นถือว่าเป็นพลทหาศพแน่นอน ซึ่งเทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณ

“เพียงแต่ข้ายังไม่รู้ว่าคุณสมบัติของพลทหารศพนี้ มีอะไรบ้าง”

ฉู่เสวียนคิดอย่างรอบคอบ

คุณสมบัติของศพหยิน แบ่งออกเป็นสี่ระดับ นั่นก็คือ ระดับสูงสุด ระดับสูง ระดับกลาง และระดับล่าง

ยิ่งน้ำยาสมุนไพรดีเท่าไหร่ คุณสมบัติของศพหยินก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

ศพหยินระดับสูงสุด เมื่อได้รับการขัดเกลาแล้ว จะสามารถเชี่ยวชาญวิชาได้ทั้งหมดสี่วิชา

ศพหยินระดับสูง เชี่ยวชาญได้เพียงสามวิชาเท่านั้น

ศพหยินระดับกลางและศพหยินระดับต่ำจะเชี่ยวชาญได้เพียงหนึ่งถึงสองวิชาตามลำดับ

เมื่อฉู่เสวียนยังอยู่ในนิกายอู๋จี๋ เขาได้ยินมาว่าเมื่อบรรพบุรุษผู้บำเพ็ญช่วงสร้างแก่นลมปราณยังอยู่ในช่วงการกลั่นลมปราณนั้น เขาโชคดีอย่างยิ่งที่สามารถกลั่นศพหยินระดับสูงสุดออกมาได้ และยังเป็นศพหยินที่มี 4 วิชา

บรรพบุรุษผู้บำเพ็ญช่วงสร้างแก่นลมปราณก็ยังคงอาศัยศพหยินระดับสูงสุดของเขาเพื่อก้าวเลือนระดับเขตแดน และในที่สุดก็กลายมาเป็นผู้บำเพ็ญช่วงสร้างแก่นลมปราณได้สำเร็จ

ฉู่เสวียนรีบหยิบหอคอยสีดำเล็กๆ ออกมาทันที

หอคอยนี้เรียกว่า ‘หอเลี้ยงศพ’

หอเลี้ยงศพเป็นอาวุธวิเศษระดับต่ำที่ใช้สำหรับจัดเก็บ  บ่มเพาะและประเมินศพหยินโดยเฉพาะ

หอเลี้ยงศพยังมาพร้อมกับเทคนิคพิเศษ ที่สามารถระบุคุณสมบัติและเขตแดนของศพหยินได้

ฉู่เสวียนได้ซื้อหอเลี้ยงศพมาจากศิษย์วัยกลางคนคนหนึ่งในราคาถูก เพราะมันเป็นเพียงอาวุธระดับต่ำเท่านั้น

ซึ่งมันก็ไม่ได้มีความสามารถในการโจมตีหรือป้องกัน แต่ใช้เพื่อเก็บศพเท่านั้น

เขาพกมันติดตัวไปด้วยเสมอ เผื่อในกรณีที่จำเป็น

และก็ถึงเวลาที่จะต้องใช้มันแล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็นำศพหยินใส่เข้าไปในหอเลี้ยงศพทันทีเพื่อประเมิน

ปราณหยินในหอเลี้ยงศพนั้นแข็งแกร่งมาก

ศพหยินรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เมื่อมันเข้าไปในหอเลี้ยงศพแล้ว มันก็ได้กลืนกินพลังปราณหยินเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ฉู่เสวียนจึงได้ฉีดพลังวิญญาณลงไปเพื่อกระตุ้นเทคนิคการประเมินของหอเลี้ยงศพ

มีลำแสงสีดำส่องลงไปบนตัวของศพหยินทันที

แต่ทันใดนั้นก็มีแสงสีทองส่องออกมาจากร่างของศพหยิน

ฉู่เสวียนรู้สึกประหลาดใจ “ศพหยินระดับกลาง ? พลทหารระดับสองอย่างนั้นหรือ? ไม่เลวเลย!”

นี้เป็นครั้งแรกที่เขาลองกลั่นศพและกลั่นน้ำยาสมุนไพรที่ค่อนข้างธรรมดา แต่กลับสามารถกลั่นศพหยินระดับกลางออกมาได้

เขาช่างโชคดีจริงๆ

ฉู่เสวียนยังคงใช้เทคนิคประเมินต่อไป

ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็สามารถระบุได้ว่าศพหยินของเขานั้นมีสองวิชา

นั่นก็คือเทคนิคกระหายเลือด และคำสาปแสงสีทอง

เทคนิคที่เรียกว่ากระหายเลือดก็คือการทำให้ตัวเองอยู่ในสถานะกระหายเลือดทันที และประสิทธิภาพการต่อสู้ก็จะเพิ่มขึ้นทวีคุณ

แต่ข้อเสียของมันคือใช้งานได้แค่ประมาณ 15 นาทีเท่านั้น

หลังจากที่ใช้เทคนิคนี้ออกมาแล้ว  มันจะอยู่ในสถานะอ่อนแอเป็นเวลาสิบชั่วโมง

ส่วนคาถาแสงสีทองนั้น ตามชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้วว่ามันใช้แสงสีทองปกป้องตัวเอง ซึ่งก็เป็นคาถาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการป้องกัน

เมื่อวิชาทั้งสองนี้รวมกัน ทหารศพหยินของเขาก็มีความแข็งแกร่งไม่ต่างจากรถถัง

แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นเพียงพลทหารศพระดับสอง แต่เขาก็เทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณในระดับที่สอง

ยิ่งรวมกับวิชาอาคมพรสวรรค์ทั้งสองที่เขามี เกรงว่าคงสามารถเทียบกับพลทหารศพระดับสี่ และสู้กับผู้บำเพ็ญเพียรขั้นที่สองได้สักพักหนึ่งเลย

มันเยี่ยมมาก..ไม่ว่าจะใช้เป็นเหยื่อล่อเพื่อดึงดูดศัตรูหรือเพื่อช่วยชีวิตในช่วงเวลาที่วิกฤตก็พึ่งพาได้ทั้งนั้น

หัวใจของฉู่เสวียนมีความสุข

ดาวเคราะห์โลกาวินาศแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ

แค่สามวัน เขาก็มีศพหยินไว้เป็นไพ่ลับในมือแล้ว

และความแข็งแกร่งโดยรวมของเขาในตอนนี้ก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่าเมื่อเทียบกับสามวันก่อน

“น่าเสียดายที่วัตถุดิบในการกลั่นศพหยินนั้นหายากไปหน่อย ไม่เช่นนั้น ข้าคงจะกลั่นศพหยินไว้ใช้งานเพิ่มอีกตัวแน่นอน”

ฉู่เสวียนเม้มริมฝีปากของเขา

เขาโบกมือเรียกอย่างไม่ใส่ใจ

ศพหยินรีบเดินมาหาเขาด้วยท่าทีเคารพและรอคำสั่งจากเขาอย่างว่าง่าย

สาเหตุหลักก็มาจากแก้นของโลหิตที่เขาหยดลงไปในน้ำยาสมุนไพรสองหยดนั้น

ตราบใดที่มันได้กินศพของซอมบี้อย่างเพียงพอ  มันก็จะเชื่อฟังคำสั่งของเขาเสมอและไม่มีทางคิดกบฏอย่างแน่นอน

“พลทหารศพระดับสอง เขาคงไม่มีปัญหาในการกวาดล้างซอมบี้ในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้หรอกใช่ไหม”

“เช่นนั้นข้าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้า”

ฉู่เสวียนโบกมือสั่งการ จากนั้นเขาก็เอนกายลงบนเก้าอี้ราวกับคุณชายเจ้าสำราญ

พลทหารศพส่งเสียงคำรามออกมา และพุ่งออกไปทันที

ในเวลาต่อมา ก็มีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวและเสียงของเนื้อที่ฉีกขาดดังขึ้นมาในห้างสรรพสินค้า

ตามมาด้วยเสียง คอกๆแคร็กๆๆ

ฉู่เสวียนเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลก เขาจึงนั่งกินอาหารกระป๋องพรางพลิกอ่านหนังสือคลาสสิกอย่างสบายอารมณ์

ความอิสระและความสบายใจคือสิ่งที่ผู้ฝึกฝนวิชามารใฝ่ฝันไม่ใช่หรือ?

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด