ตอนที่ 4 เจ้าแข็งแกร่งและเหมาะสมสำหรับกลั่นศพหยิน
ตอนที่ 4 เจ้าแข็งแกร่งและเหมาะสมสำหรับกลั่นศพหยิน
ฉู่เสวียนสนใจมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ลูกพี่จ้าวอย่างนั้นหรือ เขาเป็นใคร?”
ถังหู่ตกตะลึง จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นมาทันที "ลูกพี่จ้าว จ้าวหง เขาเป็นหัวหน้าของแก๊งหลิงฉวน ซึ่งเป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในเมืองตงหู !"
ฉู่เสวียนพยักหน้า “ถ้าอย่างงั้นเจ้าลองเล่าให้ข้าฟังเกี่ยวกับองค์กรที่เจ้าว่ามาสิ”
ถังหู่ไม่กล้าปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงต้องบอกข้อมูลที่เขารู้ออกมา...
ฉู่เสวียนก้มศีรษะลงเล็กน้อย “ไม่เลว”
ถังหู่ยิ้มและกล่าวว่า “พี่ใหญ่ เพื่อเห็นแก่หน้าพี่เขยของผม ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ”
ฉู่เสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าหมายความว่า รูปร่างของเจ้านั้นไม่เลว เหมาะสมที่จะเป็นวัตถุดิบในการกลั่นศพหยินของข้าได้เลย”
ถังหู่ถึงกับตกตะลึง
กลั่นศพงั้นเหรอ?
เขาไม่รอให้อีกฝ่ายได้ไหวตัวทัน
เส้นลวดโลหิตในฝ่ามือของฉู่เสวียนได้พุ่งเข้ามามัดมือและเท้าของถังหู่ไว้ทันที
ถังหู่ต้องการที่จะหลบหนีอย่างสุดชีวิต แต่เขาก็พบว่าหนอนเลือดตัวยาวนี้แข็งกว่ายิ่งกว่าลวดเหล็กเสียอีก เขาจึงไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้
“พี่ใหญ่ คุณ… คุณกำลังจะทำอะไร!” เขาดูหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“การฆ่าคนเช่นเจ้า ไม่ได้ทำให้ข้าเสียบุญไปแม้แต่น้อย ดังนั้นเจ้าจึงเหมาะสมในการกลั่นศพของข้าอย่างยิ่ง”
ฉู่เสวียนหันไปเตรียมน้ำยาสมุนไพร “จากนั้นข้าจะใช้วิชาลับ ปลุกเร้าความอาฆาตของเจ้าออกมา เจ้าจะกลายเป็นพลทหารศพที่แข็งแกร่งที่สุด”
สิ่งที่เขาใช้คือวิธีการลับในการกลั่นศพที่เรียกว่าวิชากลั่นศพวัชระ ซึ่งมาจากนิกายหุ่นเชิดศพ
แต่น่าเสียดายที่นิกายหุ่นเชิดศพนั้นไม่ได้เก่งเรื่องการต่อสู้มากนัก จึงถูกนิกายที่ใหญ่กว่าล้มล้างไปตั้งแต่เนิ่นๆ
มรดกของนิกายส่วนใหญ่จึงตกไปอยู่ในมือของฝ่ายธรรมะ และอีกครึ่งหนึ่งก็ถูกนิกายอู๋จี๋ดูดซับไป
ศพหยินที่ได้มาจะมีพลังตรงกับเจ้าของในช่วงการกลั่น
พลทหารศพ-กลั่นลมราณ
นายพลศพ-สร้างรากฐาน
จอมพลศพ-สร้างแก่นลมปราณ
ราชาศพ-ปราณก่อนกำเนิด
นี้คือความสอดคล้องกันระหว่างศพหยินและเขตแดนของผู้บำเพ็ญเพียร
และด้วยวิธีการที่แตกต่างกันนี้ จึงส่งผลให้แต่ละศพหยินมีลักษณะพิเศษของตัวเอง
ศพหยินที่กลั่นด้วยวิชานี้ จะคงกระพันและทรงพลังอย่างไร้ที่สิ้นสุด แค่เขากลั่น ศพหยินของเขาก็จะเทียบกับผู้บำเพ็ญเพียรช่วงกลั่นลมปราณได้ทันที
ในอดีตการกลั่นศพหยินสำหรับฉู่เสวียนนั้นถือเป็นเรื่องยาก เนื่องจากใช้เวลานานเกินไปในการกลั่น และมักเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และเนื่องจากเขาไม่สามารถทำพิธีที่ใช้เวลานานแบบนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องละทิ้งความคิดในการกลั่นศพไป
ในตอนนี้ฉู่เสวียนก็ได้หยิบถังขนาดใหญ่ออกมาจากถุงเก็บของแล้วเทของโอสถเหลวต่างๆ ลงไป
จากนั้นเขาก็สั่งการให้เส้นลวดโลหิตโยนถังหู่ลงไปในนั้น
แม้แต่หัวก็จมอยู่ใต้น้ำหมด
เสียงตะโกนขัดขืนของถังหู่ค่อย ๆ เบาลงเรื่อยๆ
จากนั้น ฉู่เสวียนก็ใช้มีดกรีดฝ่ามือของเขาด้วยท่าทางเคร่งขรึม บีบเลือดออกมาสองหยด แล้วหยดลงในถังขนาดใหญ่นั้น
ใบหน้าของเขาซีดเซียวเล็กน้อย
แก่นของโลหิตนั้นไม่ใช่เลือดธรรมดา
แม้ว่าเขาจะฝึกฝนทักษะพลังวิญญาณแปลงโลหิตช่วงชิงและเร่งความเร็วในการสกัดโลหิต แต่สิ่งนี้ก็ไม่สามารถสกัดได้ภายในหนึ่งหรือสองวัน
“ตอนนี้ก็ต้องรอต่อไป”
“ตามบันทึกของวิชากลั่นศพวัชระ จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายในสามวันเป็นอย่างต่ำ”
ฉู่เสวียนนอนอยู่บนเก้าอี้เอ็นกายอยู่ข้างๆอย่างสบายใจ พลางกินปลาทูน่ากระป๋องอย่างบ้าคลั่ง
นี่คือสิ่งที่เขาพบขณะที่เขากำลังตามหาซอมบี้ในตอนนี้ และมันยังไม่หมดอายุเสียด้วยซ้ำ
“บ้าเอ้ย อาหารจากอุตสาหกรรมสมัยใหม่มันช่างอร่อยอะไรอย่างนี้”
“อาหารที่ข้ากินตอนอยู่ในนิกายอู๋จี๋นั้นไม่ต่างไปจากอาหารนกเลย”
ฉู่เสวียนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพรางถอนหายใจออกมา
หลังจากผ่านไปหลายปี เขาก็ได้กลับมากินของที่คนทั่วไปควรกินอีกครั้ง
สามวันต่อมา
ฉู่เสวียนยืนอยู่หน้าถังด้วยสายตาที่คาดหวัง
ดูชายร่างใหญ่คนนี้สิ เขามีผิวคล้ำและดูแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ร่างนี้ดูใหญ่และบึกบึนขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก
บริเวณหน้าอก ข้อต่อ หลัง ฯลฯ มีเกราะกระดูกเพิ่มขึ้นมา
ประสิทธิภาพการป้องกันก็น่าทึ่งมาก
ฉู่เสวียนจึงหยิบมีดพกออกมาแล้วลองฟันลงไปที่ผิวหนังของศพ ทว่ามันกลับทิ้งร่องรอยไว้เพียงผิวเผินเท่านั้น
เขาดีใจมาก
ไม่คิดเลยว่าการกลั่นศพครั้งแรกของเขา จะสำเร็จไปได้ด้วยดีขนาดนี้
ศพหยินที่ตรงหน้าเขานั้นถือว่าเป็นพลทหาศพแน่นอน ซึ่งเทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณ
“เพียงแต่ข้ายังไม่รู้ว่าคุณสมบัติของพลทหารศพนี้ มีอะไรบ้าง”
ฉู่เสวียนคิดอย่างรอบคอบ
คุณสมบัติของศพหยิน แบ่งออกเป็นสี่ระดับ นั่นก็คือ ระดับสูงสุด ระดับสูง ระดับกลาง และระดับล่าง
ยิ่งน้ำยาสมุนไพรดีเท่าไหร่ คุณสมบัติของศพหยินก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
ศพหยินระดับสูงสุด เมื่อได้รับการขัดเกลาแล้ว จะสามารถเชี่ยวชาญวิชาได้ทั้งหมดสี่วิชา
ศพหยินระดับสูง เชี่ยวชาญได้เพียงสามวิชาเท่านั้น
ศพหยินระดับกลางและศพหยินระดับต่ำจะเชี่ยวชาญได้เพียงหนึ่งถึงสองวิชาตามลำดับ
เมื่อฉู่เสวียนยังอยู่ในนิกายอู๋จี๋ เขาได้ยินมาว่าเมื่อบรรพบุรุษผู้บำเพ็ญช่วงสร้างแก่นลมปราณยังอยู่ในช่วงการกลั่นลมปราณนั้น เขาโชคดีอย่างยิ่งที่สามารถกลั่นศพหยินระดับสูงสุดออกมาได้ และยังเป็นศพหยินที่มี 4 วิชา
บรรพบุรุษผู้บำเพ็ญช่วงสร้างแก่นลมปราณก็ยังคงอาศัยศพหยินระดับสูงสุดของเขาเพื่อก้าวเลือนระดับเขตแดน และในที่สุดก็กลายมาเป็นผู้บำเพ็ญช่วงสร้างแก่นลมปราณได้สำเร็จ
ฉู่เสวียนรีบหยิบหอคอยสีดำเล็กๆ ออกมาทันที
หอคอยนี้เรียกว่า ‘หอเลี้ยงศพ’
หอเลี้ยงศพเป็นอาวุธวิเศษระดับต่ำที่ใช้สำหรับจัดเก็บ บ่มเพาะและประเมินศพหยินโดยเฉพาะ
หอเลี้ยงศพยังมาพร้อมกับเทคนิคพิเศษ ที่สามารถระบุคุณสมบัติและเขตแดนของศพหยินได้
ฉู่เสวียนได้ซื้อหอเลี้ยงศพมาจากศิษย์วัยกลางคนคนหนึ่งในราคาถูก เพราะมันเป็นเพียงอาวุธระดับต่ำเท่านั้น
ซึ่งมันก็ไม่ได้มีความสามารถในการโจมตีหรือป้องกัน แต่ใช้เพื่อเก็บศพเท่านั้น
เขาพกมันติดตัวไปด้วยเสมอ เผื่อในกรณีที่จำเป็น
และก็ถึงเวลาที่จะต้องใช้มันแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็นำศพหยินใส่เข้าไปในหอเลี้ยงศพทันทีเพื่อประเมิน
ปราณหยินในหอเลี้ยงศพนั้นแข็งแกร่งมาก
ศพหยินรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เมื่อมันเข้าไปในหอเลี้ยงศพแล้ว มันก็ได้กลืนกินพลังปราณหยินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่เสวียนจึงได้ฉีดพลังวิญญาณลงไปเพื่อกระตุ้นเทคนิคการประเมินของหอเลี้ยงศพ
มีลำแสงสีดำส่องลงไปบนตัวของศพหยินทันที
แต่ทันใดนั้นก็มีแสงสีทองส่องออกมาจากร่างของศพหยิน
ฉู่เสวียนรู้สึกประหลาดใจ “ศพหยินระดับกลาง ? พลทหารระดับสองอย่างนั้นหรือ? ไม่เลวเลย!”
นี้เป็นครั้งแรกที่เขาลองกลั่นศพและกลั่นน้ำยาสมุนไพรที่ค่อนข้างธรรมดา แต่กลับสามารถกลั่นศพหยินระดับกลางออกมาได้
เขาช่างโชคดีจริงๆ
ฉู่เสวียนยังคงใช้เทคนิคประเมินต่อไป
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็สามารถระบุได้ว่าศพหยินของเขานั้นมีสองวิชา
นั่นก็คือเทคนิคกระหายเลือด และคำสาปแสงสีทอง
เทคนิคที่เรียกว่ากระหายเลือดก็คือการทำให้ตัวเองอยู่ในสถานะกระหายเลือดทันที และประสิทธิภาพการต่อสู้ก็จะเพิ่มขึ้นทวีคุณ
แต่ข้อเสียของมันคือใช้งานได้แค่ประมาณ 15 นาทีเท่านั้น
หลังจากที่ใช้เทคนิคนี้ออกมาแล้ว มันจะอยู่ในสถานะอ่อนแอเป็นเวลาสิบชั่วโมง
ส่วนคาถาแสงสีทองนั้น ตามชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้วว่ามันใช้แสงสีทองปกป้องตัวเอง ซึ่งก็เป็นคาถาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการป้องกัน
เมื่อวิชาทั้งสองนี้รวมกัน ทหารศพหยินของเขาก็มีความแข็งแกร่งไม่ต่างจากรถถัง
แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นเพียงพลทหารศพระดับสอง แต่เขาก็เทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณในระดับที่สอง
ยิ่งรวมกับวิชาอาคมพรสวรรค์ทั้งสองที่เขามี เกรงว่าคงสามารถเทียบกับพลทหารศพระดับสี่ และสู้กับผู้บำเพ็ญเพียรขั้นที่สองได้สักพักหนึ่งเลย
มันเยี่ยมมาก..ไม่ว่าจะใช้เป็นเหยื่อล่อเพื่อดึงดูดศัตรูหรือเพื่อช่วยชีวิตในช่วงเวลาที่วิกฤตก็พึ่งพาได้ทั้งนั้น
หัวใจของฉู่เสวียนมีความสุข
ดาวเคราะห์โลกาวินาศแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ
แค่สามวัน เขาก็มีศพหยินไว้เป็นไพ่ลับในมือแล้ว
และความแข็งแกร่งโดยรวมของเขาในตอนนี้ก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่าเมื่อเทียบกับสามวันก่อน
“น่าเสียดายที่วัตถุดิบในการกลั่นศพหยินนั้นหายากไปหน่อย ไม่เช่นนั้น ข้าคงจะกลั่นศพหยินไว้ใช้งานเพิ่มอีกตัวแน่นอน”
ฉู่เสวียนเม้มริมฝีปากของเขา
เขาโบกมือเรียกอย่างไม่ใส่ใจ
ศพหยินรีบเดินมาหาเขาด้วยท่าทีเคารพและรอคำสั่งจากเขาอย่างว่าง่าย
สาเหตุหลักก็มาจากแก้นของโลหิตที่เขาหยดลงไปในน้ำยาสมุนไพรสองหยดนั้น
ตราบใดที่มันได้กินศพของซอมบี้อย่างเพียงพอ มันก็จะเชื่อฟังคำสั่งของเขาเสมอและไม่มีทางคิดกบฏอย่างแน่นอน
“พลทหารศพระดับสอง เขาคงไม่มีปัญหาในการกวาดล้างซอมบี้ในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้หรอกใช่ไหม”
“เช่นนั้นข้าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้า”
ฉู่เสวียนโบกมือสั่งการ จากนั้นเขาก็เอนกายลงบนเก้าอี้ราวกับคุณชายเจ้าสำราญ
พลทหารศพส่งเสียงคำรามออกมา และพุ่งออกไปทันที
ในเวลาต่อมา ก็มีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวและเสียงของเนื้อที่ฉีกขาดดังขึ้นมาในห้างสรรพสินค้า
ตามมาด้วยเสียง คอกๆแคร็กๆๆ
ฉู่เสวียนเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลก เขาจึงนั่งกินอาหารกระป๋องพรางพลิกอ่านหนังสือคลาสสิกอย่างสบายอารมณ์
ความอิสระและความสบายใจคือสิ่งที่ผู้ฝึกฝนวิชามารใฝ่ฝันไม่ใช่หรือ?