ตอนที่ 391 บิกินี่ตัวนี้มาอยู่ในนี้ได้ยังไง?
เมื่อทั้งสี่คนมาถึงคฤหาสน์หมายเลขหนึ่งในโครงการ ‘ปี้ไห่กง’ ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว
มองดูพื้นที่กว้างใหญ่ของคฤหาสน์หมายเลขหนึ่งที่ใหญ่โตเหมือนพระราชวัง เหล่าสาวๆ ต่างก็อุทานด้วยความประหลาดใจ
“น้องชาย พื้นที่ชายหาดกว้างใหญ่ตรงนั้น ข้างหน้าคฤหาสน์นั่นก็เป็นของคฤหาสน์หลังนี้ด้วยเหรอ?”
จ้าว ซูซวน ชี้ไปที่ชายหาดอันกว้างใหญ่ข้างหน้าคฤหาสน์ และถามด้วยความสนใจ
“แน่นอนครับ”
เย่เฉิน พยักหน้า ก่อนหน้านี้ ว่าน ซิ่นอี้ เคยบอกเขาไว้แล้ว
เมื่อมองไปแล้ว เย่เฉิน เองก็รู้สึกชอบชายหาดส่วนตัวแห่งนี้มาก
“ว้าว นี่มันสุดยอดมากเลย!”
“คราวนี้เราคงอาบแดดได้อย่างสบายใจแล้ว”
ซู หลิงเอ๋อร์ พูดด้วยความตื่นเต้น
ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะสามารถอาบแดดได้ที่ชายหาดสาธารณะ แต่คนพลุกพล่านเกินไป และไม่เป็นระเบียบ
แถมเธอยังไม่กล้าพักผ่อนเพียงลำพังบนชายหาดอีกด้วย
เธอเป็นผู้หญิง ถ้าหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาไม่พบโทรศัพท์ หรือของสำคัญหายไป คงกลายเป็นเรื่องใหญ่
แต่ตอนนี้ดีแล้ว เนื่องจากมีชายหาดส่วนตัวที่ไม่มีใครมารบกวน ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยก็ไม่มีปัญหา
เธอสามารถสนุกได้เต็มที่อย่างอิสระ และไม่ต้องระวังเรื่องการแต่งตัวอีกต่อไป
ซู หนิงซวง ที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
ในพื้นที่ส่วนตัวแบบนี้ การแต่งตัวก็คงไม่ต้องเคร่งครัดเหมือนในที่สาธารณะแน่นอน
“ไปเถอะ เราเข้าไปดูข้างในกัน”
ขณะที่ เย่เฉิน พูดพลางเขาก็หยิบกุญแจออกมาแล้วเดินเข้าไปในคฤหาสน์
ไม่นานนัก ภายใต้การนำของ เย่เฉิน พวกเขาก็เข้ามาในคฤหาสน์หมายเลขหนึ่ง
เมื่อเปิดไฟ และมองดูของประดับตกแต่งภายในคฤหาสน์ คนทั้งกลุ่มก็ตะลึงในความงดงามของผลงานศิลปะต่างๆ ที่ถูกจัดแสดงอยู่
“ที่นี่แน่ใจนะว่าเป็นคฤหาสน์ ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่?”
แม้แต่ ซู หนิงซวง ที่เห็นก็อดจะสงสัยไม่ได้
ถ้า เย่เฉิน ไม่บอกพวกเธอว่าที่นี่เป็นคฤหาสน์ของเขา หรือแม้ว่าเขาจะพวกเธอในตอนนี้ว่าที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะส่วนตัวขนาดย่อม พวกเธอเองคงเชื่ออย่างแน่นอน
“ไม่เลว ไม่เลวเลยทีเดียว”
เย่เฉิน พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ขณะนี้เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมมหาเศรษฐีอย่าง ว่าน ซิ่นอี้ ถึงได้ทำสีหน้าลังเลใจเมื่อต้องมอบกุญแจคฤหาสน์หลังนี้ให้กับเขา
ตามปกติแล้ว แม้ว่าคฤหาสน์หลังนี้จะมีมูลค่ามหาศาล แต่คนรวยอย่าง ว่าน ซิ่นอี้..
เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำสีหน้าแบบนั้น
ตอนนี้เมื่อมองดูผลงานศิลปะ และของสะสมที่ถูกเติมเต็มในคฤหาสน์หลังนี้ เย่เฉิน ก็รู้แล้วว่าคฤหาสน์หลังนี้มีมูลค่ามากเพียงใด
ไม่น่าแปลกใจเลย ของเหล่านี้น่าจะเป็นของสะสมที่ ว่าน ซิ่นอี้ สะสมมาตลอดหลายปี
และตอนนี้ทั้งหมด ..ตกมาเป็นของเขา
แถมการรักษาความปลอดภัยของคฤหาสน์หลังนี้ยังทำได้อย่างดีเยี่ยม มาตรการป้องกันการโจรกรรมระดับโลกทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเลย
“ครั้งนี้ช่างคุ้มค่าเหลือเกิน”
เย่เฉิน ชื่นชมผลงานศิลปะสองสามชิ้น และอารมณ์ของเขาก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ
ตอนแรกเขาเพียงแค่คิดว่าคฤหาสน์หลังนี้เป็นเพียงคฤหาสน์หรูธรรมดาๆ แต่กลับมีเซอร์ไพรส์ที่ไม่คาดคิด
แม้ว่า เย่เฉิน จะไม่เข้าใจความหมายของภาพวาด ‘นามธรรม’ บางส่วน แต่เขาก็รู้จักลายเซ็นที่อยู่ใต้ภาพวาด
และรู้ว่าภาพวาดเหล่านี้มีมูลค่าขั้นต่ำอยู่ถึงแปดหลักเลยทีเดียว
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจมันดีนัก แต่แค่ใช้เป็นของประดับตกแต่งก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
สาวๆ แต่ละคนก็กระจายตัวกันไปดูผลงานศิลปะที่พวกเธอสนใจภายในคฤหาสน์อย่างตื่นเต้น
[ติ๊ง]
[ภารกิจท้าทาย : ดำเนินทริปขับรถเที่ยวกับ ซู หนิงซวง ต่อ – ภารกิจท้าทายสำเร็จ]
[รางวัลภารกิจ : การ์ดล้มละลายขั้นต้น 1 ใบ (การ์ดล้มละลายขั้นต้นนี้สามารถทำให้บริษัท หรือครอบครัวที่มีมูลค่าไม่เกิน 30,000 ล้านล้มละลายได้ในพริบตา)]
ขณะที่ เย่เฉิน กำลังเดินชมคฤหาสน์อยู่ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ส่งเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา
เย่เฉิน หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู และพบว่าเป็นการแจ้งเตือนจากเกม
ภารกิจท้าทายเสร็จสิ้นแล้ว
เย่เฉิน เปิดกระเป๋าในเกมของตัวเอง
และเห็น [การ์ดล้มละลายขั้นต้น] นอนนิ่งอยู่ในนั้น
“ในที่สุดก็ได้มันมา”
เย่เฉิน พึมพำเบาๆ
ด้วยการ์ดใบนี้ บริษัท ‘จ้าว อินเวสต์เมนต์’ ในเครือ จ้าว กรุ๊ป ในหางโจวที่มีมูลค่าราวๆ 30,000 ล้าน ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของตระกูลจ้าว
เย่เฉิน สามารถทำให้มันล่มสลายลงได้ในพริบตา!!!
ตระกูลจ้าว กำลังจะล้มละลายในเร็วๆ นี้!
ตอนนี้เมื่อภารกิจท้าทายเสร็จสิ้น และใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว เขาจึงคิดที่จะกลับไปหางโจว
เตรียมตัวกลับไปฉลองปีใหม่ และวางแผนทำลายตระกูลจ้าว ..ไปด้วย
“พี่เขย มาดูนี่สิ นี่มันงานแกะสลักอะไร?”
จู่ๆ นั้นเขาก็ได้ยินเสียง ซู หลิงเอ๋อร์ ร้องเรียกเขา
เย่เฉิน เก็บโทรศัพท์แล้วเดินไปดู
สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ซู หลิงเอ๋อร์ คืองานประติมากรรมนามธรรมชิ้นหนึ่ง
เย่เฉิน และซู หลิงเอ๋อร์ พูดคุยกันเกี่ยวกับมันสักพัก ก่อนที่ เย่เฉิน จะเหลือบไปดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มครึ่งแล้ว
“ดึกแล้ว คฤหาสน์หลังนี้น่าจะมีทุกอย่างครบ”
เย่เฉิน พูดขึ้น
“วันนี้เราจะไม่กลับไปที่โรงแรมแอตแลนติสกันแล้ว เราพักที่นี่เถอะ”
ถ้าขับรถกลับไปคงต้องใช้เวลาหลายสิบนาที ซึ่งมันยุ่งยากเกินไป
เมื่อได้ยิน เย่เฉิน พูดแบบนี้ คนอื่นๆ ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
ดังนั้นแต่ละคนจึงเลือกห้องของตัวเอง เพื่อเตรียมตัวพักผ่อน
หลังจากนั้น เย่เฉิน ก็ออกไปหยิบเอาของที่ซื้อมาจากท้ายรถ
ซู หนิงซวง และคนอื่นๆ ก็หยิบของของตัวเองกลับไปที่ห้อง
เมื่อกลับมาที่ห้องแล้ว ซู หนิงซวง ก็เริ่มจัดเสื้อผ้าที่ซื้อมาใส่ไว้ในตู้เสื้อผ้าภายในห้อง
เมื่อจัดเสื้อผ้าสองสามชุดเสร็จแล้ว เธอก็เริ่มจัดบิกินี่ที่เพิ่งซื้อมา
“หือ?”
เมื่อเธอเปิดถุงช็อปปิ้งที่ใส่บิกินี่ออกมา ซู หนิงซวง ก็แทบจะยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น
“บะ...บิกินี่ตัวนี้มาอยู่ในนี้ได้ยังไง?”
ซู หนิงซวง หยิบบิกินี่สีดำที่มีผ้าน้อยชิ้นออกมาจากถุงช้อปปิ้งด้วยความงุนงง
เป็นไปได้ไหมว่า ..เธอสับสนไปเอง?
ไม่.. เธอจำได้อย่างชัดเจนว่าเธอไม่ได้ซื้อมันมานี่นา!
แต่ทำไม จู่ๆ พอกลับมาถึง มันถึงได้มาอยู่ในถุงช็อปปิ้งของเธอได้ล่ะ?
หรือว่ามีผี?!