ตอนที่ 2 ซอมบี้ก็คือสิ่งมีชีวิตเช่นกันสินะ
ตอนที่ 2 ซอมบี้ก็คือสิ่งมีชีวิตเช่นกันสินะ
นอกเมืองชิงเหอ
ฉู่เสวียนถลกหน้ากากผิวหนังมนุษย์ของเหอเลี่ยงออกแล้วโยนลงแม่น้ำอย่างไม่ใส่ใจ
“หน้ากากผิวหนังมนุษย์แบบชั่วคราวนั้นอึดอัดชะมัด”
เขาเอาถุงเงินของเหอเลี่ยงออกมา และก้มลงดู
“หินวิญญาณระดับต่ำมากกว่าแปดสิบก้อน หินวิญญาณระดับกลางหนึ่งก้อน ขวดบรรจุโอสถฟื้นฟูพลังสามขวด น้ำยาวิญญาณคืนชีพหนึ่งขวด เลือดสัตว์อสูรหนึ่งถังใหญ่ บวกกับพลังวิญญาณของเหอเลี่ยง ไม่เลวเลย”
“การฆ่าคนแบบนี้ ทำให้ได้รับทรัพยากรมาเร็วขึ้นจริงๆ”
ฉู่เสวียนเม้มริมฝีปากของตัวเอง
ตอนที่อยู่ในบ้านร้างนั้น เขาใช้ประโยชน์จากสถานการณ์และลอบโจมตีเหอเลี่ยงในตอนที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว
ก่อนอื่นเขาสอบปากคำเหอเหลียงเกี่ยวกับสถานการณ์ของฝ่ายธรรมะทั้ง 5 จากนั้นเขาก็ใช้เทคนิคกลั่นวิญญาณ เพื่อดูดพลังวิญญาณของเหอเลี่ยงออกมา ในท้ายที่สุด เขาได้ลอกหนังหน้าของเหอเลี่ยงออก และสร้างหน้ากากผิวหนังมนุษย์ชั่วคราวขึ้นมาเพื่อใช้ในการหลบหนี
“แน่นอนว่าตอนนี้ข้าสามารถหลบหนีได้ แต่จะสามารถหลบหนีไปตลอดชีวิตได้หรือไม่”
“ทุกครั้งที่ข้าฝึกฝนเคล็ดลับวิชา ก็ต้องดูดซับลูกปัดโลหิตวิญญาณเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ทะลวงผ่านเขตแดนเล็กๆนี้ไปได้”
“แมลงกู่ที่ข้าเลี้ยงไว้ก็ต้องกินเลือดเนื้อ จำเป็นต้องใช้แก่โลหิตจำนวนมาก เพื่อเป็นอาหารเลี้ยงพวกมัน และถ้าไม่ให้อาหารพวกมันเป็นเวลานาน ก็จะถูกย้อนกัด ธาตุไฟเข้าแทรกตายอย่างน่าอนาถแน่”
“แต่ทุกครั้งที่ข้าออกไปหาเลือดเนื้อ ก็เท่ากับว่าข้าออกไปเสี่ยงอีกครั้ง”
“หรือข้าควรจะเปลี่ยนไปเดินเส้นทางสายธรรมดี”
ฉู่เสวียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
หากเขาต้องการเอาชีวิตรอดในโลกแห่งการบ่มเพาะอมตะนี้ เขาจะต้องเปลี่ยนเส้นทางและฝึกฝนทักษะที่เที่ยงธรรม
แต่ถ้าต้องการฝึกฝนทักษะที่เที่ยงธรรม เขาก็ต้องทำลายพลังดั่งเดิมที่มีและสร้างมันขึ้นมาใหม่
ด้วยคุณสมบัติของเขาในตอนนี้ เกรงว่าแม้สิ้นอายุขัย ก็ไม่สามารถเป็นผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานได้
เฉพาะเทคนิคระดับต่ำ ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และพลังที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะเหมาะสมกับคุณสมบัติธรรมดาๆอย่างเขา
“เฮ้ กระจกนี้เป็นอาวุธเวทย์มนตร์ชนิดไหนกันนะ?”
ฉู่เสวียนสังเกตเห็นว่าที่มุมของกล่องสมบัติ มีกระจกสีเลือดที่มีฝุ่นเกาะหนาเตอะวางอยู่
เขาหยิบมันออกมาและฉีดพลังวิญญาณเข้าไป แต่มันกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
หากพูดตามหลักเหตุผลแล้ว ตราบใดที่พลังวิญญาณถูกฉีดเข้าไป อาวุธเวทย์มนตร์ก็จะเปิดใช้งานทันที
อาวุธเวทย์มนตร์ชิ้นนี้แปลกมาก เป็นไปได้ไหมว่าระดับของมันจะสูงมาก?
คราวนี้ฉู่เสวียนได้ฉีดพลังจิตวิญญาณเข้าไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาฉีดได้พลังจิตวิญญาณของเขาเข้าไปถึงครึ่งหนึ่ง
ทว่าทันใดนั้น กระจกสีเลือดก็ส่งเสียงออกมา ฝุ่นที่เกาะอยู่แต่เดิม ได้หายไปแล้ว
ภาพของวันโลกาวินาศ ที่เหมือนกับภาพยนตร์ที่เขาเคยดู ได้ปรากฏขึ้นมาในกระจกทันที
ตึกสูงรกร้างที่มีแต่คนตาย มีโรคระบาดเกิดขึ้น ซอมบี้แพร่พันธุ์
ฉู่เสวียนตกตะลึง
เหตุใดโลกนี้ถึงได้คล้ายกับในภาพยนตร์เกี่ยวกับซอมบี้ที่เขาเคยดูก่อนจะข้ามมิติมาที่โลกนี้กันนะ ?
เขาขมวดคิ้ว และทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงความคิดของกระจกสีเลือด
ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถเดินทางข้ามมิติไปยังดาวเคราะห์โลกาวินาถแห่งนี้ได้โดยตรง ผ่านกระจกสีเลือดนี้ ตราบเท่าที่เขาต้องการ
หัวใจของฉู่เสวียนสั่นระรัวเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ได้เอื้อมมือเข้าไปสัมผัสมัน
ฟุ๊บบบ..
เพียงพริบตา บรรยากาศรอบข้างก็หมุนวนไปหมด
ทุกหนทุกแห่งล้วนเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับที่ดูสับสนวุ่นวาย เสียงแปลกๆ และฉากที่บิดเบี้ยว
จนเวลาผ่านเลยไป ดวงตาของฉู่เสวียนก็ได้กลับมามองเห็นได้ชัดเจนอีกครั้ง
ปรากฏว่าเขาได้มาปราฏตัวอยู่บนถนน
บริเวณนี้รายล้อมไปด้วยร้านค้าและมีตึกสูงระฟ้าเรียงรายอยู่ไกลๆ
ถนนเต็มไปด้วยรถที่ผุพังและวัชพืชที่รกครึ้ม ทุกอย่างดูรกร้างว่างเปล่า
แซะ…แซะ
เสียงฝีเท้าเดินเข้ามา
จู่ๆ ก็มีร่างที่น่าเกลียดน่ากลัวโผล่ออกมาจากหลังรถ
ดวงตาของมันทั้งว่างเปล่าและกระหายเลือด
น้ำลายเหม็นคาวคละคลุ้งได้ไหลออกมาจากปากของมัน
ซอมบี้จริงๆด้วย
“โค้รกก!”
ซอมบี้ที่ได้กลิ่นของสิ่งมีชีวิต ก็ได้พุ่งเข้ามาหาฉู่เสวียนทันที
ฉู่เสวียนที่เห็นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย และยกมือขึ้นฟาดเส้นลวดสีแดงออกมาอย่างไม่ปรานี
เส้นลวดสีแดงจำนวนหนึ่งถูกปล่อยออกมาและฟาดลงไปบนคอของซอมบี้อย่างแรง
ร่างของซอมบี้ได้ถูกแยกออกจากกันและตายลงไปอย่างง่ายดายในทันที
ร่างกายของมันที่ฉีกออก มีทั้งเลือดและเนื้อพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ
ท้ายที่สุดแล้ว ฉู่เสวียนก็เป็นผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณ
แม้ว่าเขาจะไม่มีวิชาอาคมพรสวรรค์ ที่สามารถควบคุมลม ควบคุมสวรรค์และโลกได้ แต่เขาก็สามารถใช้พลังจิตวิญญาณได้บ้าง แค่นี้ทั้งความแข็งแกร่งและการรับรู้ของเขาก็อยู่เหนือมนุษย์ทั่วไปไกลแล้ว
ร่างกายของซอมบี้ก็ไม่ต่างจากร่างกายของมนุษย์เลย
แทงครั้งเดียวตาย มันก็เป็นเรื่องปกติ
ฉู่เสวียนส่ายหัวและเตรียมจะเดินจากไป
แต่ในขณะนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงความวุ่นวายของแมลงกู่ที่อยู่ในร่างกายของเขาขึ้นมา เขาจึงได้ลุกยืนขึ้น
เมื่อเขาเหยียดฝ่ามือออก เยื่อบุฝ่ามือก็แตกออก ปรากฏให้เห็นแมลงกู่สีเลือดที่มีลำตัวยาวโผล่ออกมา
แมลงชนิดนี้มีลำตัวที่ใหญ่ประมาณนิ้วมนุษย์ และยาวเหมือนกับลวด มันแข็งแรงเป็นอย่างมาก
จนถูกเรียกว่า “เส้นลวดโลหิต” เป็นแมลงกู่ชนิดหนึ่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความเหนียว
หลังจากฝึกฝนเทคนิคพลังวิญญาณแปลงโลหิตช่วงชิง เลี้ยงดูมันมาเป็นเวลานาน เขาก็ได้เชื่อมต่อกันมันโดยปริยาย และสามารถใช้มันป้องกันศัตรูได้
ระดับพลังกลยุทธ์ทั้งหมดของผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณนั้นมีน้อยมาก จึงฝึกเคล็ดลับวิชาได้เพียงหนึ่งถึงสองวิชาเท่านั้น
ฉู่เสวียนจึงเลือกเส้นลวดโลหิตมาเป็นเทคนิคเพิ่มเติมในการป้องกันศัตรู
เป็นเพราะเทคนิคต่างๆ มากมายนั่นเอง ที่ทำให้เขาสามารถยึดตำแหน่งที่มั่นคงในหมู่ศิษย์ฝ่ายในของนิกายอู๋จี๋ และอยู่ในอันดับที่สิบของศิษย์ฝ่ายในได้
ขณะนี้ระดับพลังกลยุทธ์ของฉู่เสวียนยังอยู่ในระดับต่ำ จึงฝึกฝนได้แค่เทคนิคเส้นลวดโลหิตนี้ได้เท่านั้น
เมื่อระดับของเขาสูงขึ้น ก็จะสามารถเลี้ยงแมลงกู่เส้นลวดโลหิตได้มากยิ่งขึ้น
เมื่อถึงเวลานั้น ก็จะสามารถหาวิธีการในการป้องกันศัตรูได้เพิ่มมากขึ้น
ในขณะนี้ เส้นลวดโลหิตที่ได้กลิ่นของเลือดและเนื้อของซอมบี้ และดูเหมือนว่ามันจะหิวมาก และมองไปทางนั้นอยู่ตลอดเวลา
ฉู่เสวียนมองดูศพของซอมบี้และยกคิ้วขึ้นทันใด
“ซอมบี้สามารถเคลื่อนไหวได้… ดูเหมือนว่ามันก็จะเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างงั้นสินะ?”
“หากว่าข้าใช้เลือดและเนื้อของซอมบี้เพื่อฝึกฝนเคล็ดลับวิชาของตนเอง และใช้เป็นอาหารให้กับแมลงกู่ จะได้ผลไหมนะ?”
ยิ่งเขาคิดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสนใจมากขึ้นเท่านั้น
เคล็ดลับวิชาของโลกแห่งการฝึกตนแบ่งออกเป็น 4 ระดับ นั่นก็คือ ระดับสูงสุด ระดับสูง ระดับกลาง และระดับล่าง
ซึ่งเคล็ดลับวิชาที่เขาฝึกฝนอยู่ในตอนนี้ก็คือ “พลังวิญญาณแปลงโลหิตช่วงชิง” ซึ่งเป็นหนึ่งในเคล็ดลับวิชาระดับสูงสุดของผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณ และยังเป็นเคล็ดลับวิชาหลักของเขาอีกด้วย
หากผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณฝึกเคล็ดลับวิชาระดับสูงสุด ความเร็วในการฝึกฝนก็จะช้ากว่าผู้บำเพ็ญระดับสูงกว่าเล็กน้อย
แต่ตราบใดที่เขาเพิ่มระดับของเทคนิค “พลังวิญญาณแปลงโลหิตช่วงชิง” ได้ เขาก็จะสามารถเลือนเขตแดนไปได้เช่นกัน
ฉู่เสวียนก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว และเหยียดฝ่ามือออกไปที่ศพของซอมบี้
จากนั้นเส้นลวดโลหิตก็ได้เจาะเข้าไปในศพนั้นอย่างไม่รีรอ
มีเสียงเคี้ยวที่ทำให้หนังศีรษะชา..ดังมาจากศพ
ฉู่เสวียนนั่งฟังมันอยู่อย่างนั้น เขาดูไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
สำหรับเขาแล้ว ตราบใดที่ท้องของแมลงกู่ยังอิ่ม เส้นเลือดโลหิตนี้ก็ไม่ต่างจากแมวหรือสุนัขที่เชื่อฟัง
ไม่นานหลังจากนั้น เส้นเลือดโลหิตก็กลับมาอยู่ที่ฝ่ามือของฉู่เสวียนอีกครั้ง
ทว่ามันยังมีนิสัยรักความสะอาด หลังจากที่กินอิ่มแล้ว มันยังได้ทำความสะอาดตัวเองอยู่เป็นเวลานาน
ฉู่เสวียนก้มศีรษะมองลงมาเล็กน้อย
เส้นเลือดโลหิตนั้นไม่ได้กินทุกสิ่ง อาหารที่มันชอบกินมากที่สุดคือเลือดและเนื้อของมนุษย์
รองลงมาคือเลือดและเนื้อของสัตว์ประหลาด ด้วยวิธีนี้ ซอมบี้จึงสามารถใช้เป็นอาหารเลี้ยงแมลงกู่ได้
อีกทั้งเลือดของซอมบี้ยังใช้ในการฝึกฝนเคล็ดลับวิชาของเขาได้อีกด้วย
เมื่อคิดได้เช่นนี้
ฉู่เสวียนก็เริ่มมองหาซอมบี้ทันที
หลังจากนั้นไม่นาน สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นซอมบี้สามตัวอยู่ไม่ไกลที่เดินเข้ามาหาเขาด้วยความเต็มใจ
เส้นลวดโลหิตได้พุ่งออกไปมัดมือมัดเท้าของพวกมันไว้อย่างเชื่อฟัง
ซอมบี้ทั้งสามตัวนี้มีพลังมหาศาล แม้ว่าจะถูกมัดด้วยเส้นเลือดโลหิตแล้ว ทว่าพวกมันก็ยังคงคำรามออกมาไม่หยุด
ฉู่เสวียนจึงได้เอาถังขนาดใหญ่จากถุงเก็บของออกมา และตัดคอซอมบี้ทั้งสามตัวเพื่อรีดเลือดของพวกมันออก
ไม่กี่วินาทีต่อมา ถังใบใหญ่ก็เต็มไปด้วยเลือดแล้ว
ศพที่เหลือก็ไม่ได้ทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาได้ปล่อยให้เส้นลวดโลหิตเจาะเข้าไปกินเลือดเนื้อของพวกมันอย่างอิ่มหนำสำราญ
จากนั้นฉู่เสวียนก็รีบใช้เทคนิคกลั่นโลหิตทันที
เทคนิคนี้เป็นชั้นแรกของการหาแก่นแท้โลหิต ซึ่งไม่มีพลังโจมตี ใช้เพื่อกลั่นเลือดได้เท่านั้น
อย่างมากก็ใช้ได้แค่ช่วงระยะเวลาการกลั่นเท่านั้น
เลือดที่อยู่ตรงหน้าจะถูกดูดซับอย่างต่อเนื่อง กำจัดสิ่งสกปรกออกไป และค่อยๆ แปลงเป็นพลังงานบริสุทธิ์
เลือดซอมบี้ถังใหญ่ หลังจากกำจัดสิ่งสกปรกออกจนหมดแล้ว เหลือเพียงลูกปัดสีเลือดขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือไม่กี่เม็ดเท่านั้น
วัตถุนี้ก็คือลูกปัดโลหิต
แม้ว่าจะถูกชำระล้างมาจากเลือดซอมบี้ แต่ฉู่เสวียนก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด
เลือดสัตว์อสูร เลือดสัตว์ประหลาด เลือดมนุษย์ เลือดซอมบี้ ไม่มีอะไรต่างกันมากนัก นอกเสียจากระดับคุณภาพของมันจากต่ำไปสูงเท่านั้น
แต่ตราบใดที่มันสามารถช่วยให้เขาเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมาได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
เมื่อเขาเอาลูกปัดโลหิตใส่เข้าไปในปาก เขาก็เริ่มกลั่นลมปราณ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา
มันได้ผลจริงๆ!
เขาสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย
“ด้วยอัตรานี้ ในไม่ช้า ข้าก็จะสามารถฝึกฝนเทคนิคพลังวิญญาณแปลงโลหิตช่วงชิงขั้นที่ 5 ได้”
ฉู่เสวียนดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก