ตอนที่แล้วตอนที่ 12 ซูเฉียว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14 หมอผี แต่ไม่ใช่หมอผี

ตอนที่ 13 ไล่กันไป ไล่กันมา


ตอนที่ 13 ไล่กันไป ไล่กันมา

ซูเฉียวยื่นมือไปข้างหน้าและใช้นิ้วถูเบาๆ ที่ใบไม้ทองคำ

เวิ่นหยุนซียิ้มที่มุมปาก แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามือของเธอถูกผลักออกไป

“เจ้าไม่ต้องพูดมาก ข้าขอปฏิเสธ”

เวิ่นหยุนซีถึงกับอึ้งไป ไม่คิดว่าการใช้เงินล่อลวงจะไม่ได้ผล

“นี่คือใบไม้ทองคำ ใบหนึ่งมีค่าเท่ากับสองหมื่นเหรียญ พอให้เจ้านอนกินสบายไปได้หลายปี”

ซูเฉียวหันหลังเดินกลับไปยังบ้านไม้ไผ่ “ข้าได้บอกเจ้าทุกอย่างที่รู้แล้ว เชิญเจ้ากลับเถิด”

ฉินอวี้ขยับหันมองไปทางเวิ่นหยุนซี เพียงแค่คำสั่งเดียวจากเธอ นางก็พร้อมจะเข้าไปควบคุมซูเฉียวได้ทันที

เวิ่นหยุนซีตบมือเบาๆ ให้ฉินอวี้ที่เตรียมตัวพร้อม แล้วตะโกนถามตามหลังของซูเฉียว

“ทำไมล่ะ? นี่มันก็ชนะทั้งคู่ไม่ใช่หรือ?”

ซูเฉียวหยุดเดิน ยิ้ม พร้อมชี้ไปที่บ้านไม้ไผ่ของตน “เงินทองสำหรับข้าเปรียบเหมือนกองดิน ข้าตอนนี้เพียงอยากอยู่กับป่าไผ่และใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบ”

“อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า ถ้าเจ้าคิดจะปลีกวิเวกจริง คงไม่แกล้งบ้าลงจากเขา” เวิ่นหยุนซีหยุดเล็กน้อย ก่อนชี้ไปที่บ้านไม้ไผ่เล็กๆ นั้น “ถ้าคิดจะปลีกวิเวกจริง เจ้าคงไม่รับคนบ้า มาอยู่ด้วย”

ซูเฉียวเดินต่อไปยังบ้านไม้ไผ่ น้ำเสียงมีแววเหยียดหยาม “แล้วอย่างไรเล่า ข้าไม่ทำการค้ากับคนหลอกลวง”

“เจ้าพูดจาเหลวไหล พี่สาวเวิ่นไม่ใช่คนหลอกลวง นางดีมากด้วยซ้ำ นางยังช่วยชีวิตพี่ฉินอวี้ไว้อีก!”

เสี่ยวเล่อที่นั่งฟังเงียบๆ อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทนไม่ไหว ตะโกนขึ้นทันที เขาไม่อาจทนให้ใครมาเรียกพี่สาวเวิ่นของเขาเช่นนี้ได้อีกแล้ว

เพียงเสี่ยวเล่อส่งเสียงออกมา ฉินอวี้ก็พุ่งไปเตะประตูไม้ไผ่ทันที ร่างของเธอพิงกับประตู เท้าขวางอยู่ข้างหนึ่ง

“ทางนี้ปิดแล้ว” ฉินอวี้ยิ้ม แต่สายตาไร้ซึ่งความอ่อนโยน

ซูเฉียวสูดหายใจลึก ไม่กล้าหาเรืองเด็กสาววัย 12 หรือ 13 ตรงหน้า เพราะเพิ่งถูกเธอไล่จับทัน

เขากางแขนแล้วนั่งลงบนพื้น ตอนนี้เมื่อเขาล้างคราบโคลนที่ใช้ปลอมตัวเป็นคนบ้าออกหมดแล้ว หากถูกจับได้และโดนทำร้ายอีกครั้ง เขาคงเสียใจมาก

เขาหันมาจ้องเวิ่นหยุนซีด้วยความโกรธ "นี่คือวิธีที่เจ้าต่อรองการค้าอย่างนั้นหรือ?!"

เวิ่นหยุนซีมองเห็นความอึดอัดใจของเขา แต่ไม่มีทีท่าจะช่วยเหลือแม้แต่น้อย เธอพูดอย่างสบายๆ

ว่า "ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการใบไม้ทองคำ งั้นเรามาทำข้อตกลงกัน"

ซูเฉียวไม่พูดอะไร พร้อมเดินเข้ามาหาเวิ่นหยุนชีด้วยความโกรธ เขาอยากรู้จริงๆ ว่าจะพูดอะไรเพื่อ

โน้มน้าว!

เวิ่นหยุนซียิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย และแฝงด้วยความเจ้าเล่ห์

"ง่ายมาก ถ้าเจ้าทำงานให้ข้า ข้าจะรักษานางให้หาย"

ซูเฉียวถึงกับชะงัก มองเวินหยุนชีที่พูดประโยคเหลือเชื่อออกมา เขาเงียบไปชั่วขณะ

หญิงคนนี้เป็นบ้าจริงหรือ?

จะให้เขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อผู้หญิงที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขาเนี่ยนะ?! แถมยังเพิ่มเงื่อนไขอย่างไม่สมเหตุสมผลอีก

"การแลกเปลี่ยนนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ รีบไปซะ ข้าไม่ส่ง"

เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วหันหลังเดินออกไปอย่างองอาจ แต่พอเดินไปไม่กี่ก้าว

ก็รีบวิ่งเข้าป่าไผ่อย่างที่เคยทำตอนแกล้งบ้า

น่าเสียดายที่เขาประเมินเวิ่นหยุนซีต่ำเกินไป และยังประเมินฉินอวี้ ที่ผ่านการฝึกฝนอย่างโหด

เหี้ยมตั้งแต่เด็กต่ำเกินไปด้วย

พอวิ่งไปได้แค่สองก้าว ฉินอวี้ก็จับคอเสื้อด้านหลังเขาและดึงเขาให้สะดุดล้ม

ซูเฉียวพยายามผลักฉินอวี้ แต่กลับถูกจับข้อมือและถูกบิดไปด้านหลังจนควบคุมตัวไว้ได้หมด

ฉินอวี้ยิ้มเบาๆ แล้วใช้เท้าซ้ายเหยียบหลัง จนซูเฉียวถูกกดลงไปกับพื้นอีกครั้ง

เวิ่นหยุนซีมองไปที่บ้านไม้ไผ่เล็กๆ ก่อนส่งสายตาให้ฉินอวี้

ฉินอวี้กระพริบตา แล้วกดนิ้วลงไปที่จุดหงชิงบนตัวของซูเฉียว

"อ๊ากกก!"

เสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดดังก้องไปทั่วป่าไผ่

"เจ้าจะทำอะไร! ปล่อยข้านะ!"

ซูเฉียวดิ้นรนสุดกำลัง แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากการจับกุมได้ ทั้งเจ็บทั้งโกรธจนเส้นเลือดที่ขมับเต้นระรัว

เวิ่นหยุนซีได้ยินเสียงดังมาจากในบ้านไม้ไผ่เล็กๆ จึงส่งสัญญาณให้ฉินอวี้เปลี่ยนวิธีจัดการต่อไป

ฉินอวี้มองไปทางบ้านไม้ไผ่เช่นกัน แล้วเริ่มลงมือเตะต่อยซูเฉียว

"อ๊าก! พอเถอะ! ข้ายอมพูดแล้ว! ข้ายอมเจรจาแล้ว!"

ทันทีที่ซูเฉียวตะโกนออกมา ประตูบ้านไม้ไผ่เล็กๆ ก็เปิดออกอย่างแรง เงาร่างหนึ่งพุ่งตรงมาทาง

ฉินอวี้ พยายามจะกัดที่คอของเธอ แต่ก่อนที่จะเข้าใกล้ ฉินอวี้ก็ถูกเวิ่นหยุนชีพุ่งเข้าใส่และกดร่างนั้นลงกับพื้น

เวิ่นหยุนซีไม่สนใจว่าตัวเองจะเปื้อนแค่ไหน เธอจับแขนซ้ายข้างเดียวที่เหลือของหญิงบ้าคนนั้น

และบิดไปด้านหลัง พร้อมใช้ขากดหัวของเธอที่ยังคงดิ้นรนอย่างไม่หยุด

"อยู่นิ่งๆ ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าซูเฉียว!"

คำพูดของเวิ่นหยุนชีกลับไม่มีผลใดๆ ราวกับคนบ้าคนนั้นไม่ได้ยิน

"พี่สาวเวิ่น นี่ เชือก" เสี่ยวเล่อที่เห็นสถานการณ์ไม่ดี รีบวิ่งเข้าไปในบ้านซูเฉียวเพื่อหาเชือก

เวิ่นหยุนซีเหลือบมองเสี่ยวเล่อด้วยความชื่นชม "เด็กคนนี้ฉลาดจริงๆ กลับไปข้าจะให้ ฉินอวี้ ทำของอร่อยให้เจ้า"

เสี่ยวเล่อทำหน้าบึ้งทันที "ไม่ต้องหรอก ข้าไม่ชอบกินของพวกนั้น"

หลังจากที่มัดทั้งสองคนไว้แน่นแล้ว เวิ่นหยุนซีก็นั่งยองๆ ต่อหน้าซูเฉียว "เอายังไง เจรจาต่อรองกันได้หรือยัง?"

"เจ้า... เจรจาได้! เจรจาก็ได้!" ซูเฉียวกลืนคำหยาบที่กำลังจะหลุดออกมา พร้อมกับพยักหน้าอย่างยอมจำนน

"นางบ้า แต่ยังรู้จักช่วยชีวิตเจ้า นางเป็นใครกันแน่?"

ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างคนบ้าจริงกับคนบ้าปลอมอยู่ที่ดวงตา ดวงตาของคนบ้าจริงจะเลื่อนลอย ขุ่นมัว และยากที่จะอ่านอารมณ์ออก

นี่คือเหตุผลที่เวิ่นหยุนซีจับผิดซูเฉียวได้ทันที แม้เขาจะทำท่าเหมือนคนบ้ามากแค่ไหน แต่ดวงตา

ของเขาก็ยังเป็นจุดที่บอกความจริง

ซูเฉียวหันไปมองคนบ้าคนนั้น ก่อนถอนหายใจอย่างหมดหนทาง "นางเข้ามาในภูเขานี้เมื่อ 3 เดือนก่อน ข้าเจอนางขณะที่นางกำลังกินปลาสดๆ อยู่ในป่าไผ่ ข้าพยายามหนีนาง แต่นางกลับตามข้ามาตลอด"

ซูเฉียวพูดพลางใช้คางยื่นชี้ไปที่บ้านไม้ไผ่เล็ก ๆ “ข้าไล่นางไปไม่ได้ จะให้อยู่ร่วมกับนางก็ไม่ดี ข้าจึงสร้างบ้านไม้ไผ่เล็กๆ ให้นาง”

ฉินอวี้เดินไปตรวจสอบบ้านเล็กๆ นั้นอย่างละเอียด ก่อนหันกลับมาพยักหน้าให้เวิ่นหยุนซี

"ข้าไม่รู้จักนางจริง ๆ จะต่อรองก็ได้ แต่ขอเปลี่ยนเงื่อนไข"

เวิ่นหยุนซียิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "เปลี่ยนเงื่อนไข ข้าก็ไม่รักษานาง"

ซูเฉียวเงียบไป "..."

นางคนนี้ช่างไม่ทำตามกฎอะไรเลย!

เวิ่นหยุนซียัดใบไม้ทองคำลงในเสื้อของเขา แล้วช่วยแก้มัดให้เขา

"พอเถอะ อย่าทำเป็นเล่นตัวเลย ซูเฉียว ท้ายที่สุดการดำรงชีวิตของเจ้าก็ไม่อาจหนีพ้นเรื่องเงินทองไปได้ การหาเงินไม่ใช่เรื่องน่าอาย"

ซูเฉียวยิ้มออกมา สะบัดฝุ่นที่ติดตามตัวออก ดูแตกต่างจากเมื่อก่อนที่เขาทำเป็นไม่สนใจเงินทองอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรเสีย เขาก็ต้องใช้ชีวิต นี่ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย

ในตอนแรกซูเฉียวตั้งใจจะหลอกเวิ่นหยุนซี แต่ไม่คาดคิดว่าจะโดนเธอหลอกเสียเอง

"ร่วมงานกันอย่างราบรื่น?" เวิ่นหยุนซียื่นมือขวาออกไปหาซูเฉียว

ซูเฉียวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็เข้าใจสถานการณ์อย่างรวดเร็ว เขาแตะมือลงเบาๆ "ร่วมงานกันอย่างราบรื่น"

เขาคิดว่าเวิ่นหยุนซีจะเปลี่ยนเงื่อนไข แต่กลับเป็นไปอย่างง่ายดายกว่าที่คาดไว้

เมื่อทำข้อตกลงกันแล้ว ซูเฉียวก็ไม่ปิดบังอะไรอีก เขายิ้มให้คนบ้าและปลอบใจเธอ "พวกเราไม่ทำร้ายเจ้า ไม่ต้องกลัว"

แม้ว่าเขาจะรู้ว่านางไม่ได้ยิน ซูเฉียวก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุด

"เวิ่นหยุนซี ข้าก็ไม่รู้ว่าตัวตนนางเป็นอย่างไร แต่เจ้าลองดูที่ลวดลายบนใบหน้าของนางสิ"

ผมของหญิงบ้าถูกเลื่อนขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่ถูกปิดบัง

บนใบหน้าของเธอมีรอยสักประหลาด มันดูเหมือนคนหนึ่ง งอขาและแบกคนอีกคนไว้บนไหล่

"นี่คืออะไร? เป็นสัญลักษณ์ของชนเผ่าใดหรือ?"

ซูเฉียวส่ายหน้า "นี่คืออักษร 'หนู' ข้าเคยเห็นในตำราโบราณ มันเป็นรูปแบบตัวอักษรยุคแรกเริ่ม"

เวิ่นหยุนซีมองหญิงบ้าที่ใบหน้าเสียโฉม มือสั่นขณะพยายามจะสัมผัสหน้าของเธอ แต่ก่อนจะได้สัมผัส เธอก็รีบดึงมือกลับมา

เธอเดาไม่ผิด คนบ้าคนนี้ไม่เพียงแต่ตาลอย จมูกแหว่ง ลิ้นขาด และแขนพิการ แม้แต่หู ก็ถูกตัดจนแหว่ง

วิธีการนี้ รวมทั้งการสลักอักษร 'หนู' ไว้ชัดเจน ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ฝีมือของสัตว์ป่า แต่มาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ที่เป็นกลุ่มคนชั่วร้าย

"เวิ่นหยุนซี เจ้ายังกล้าอยู่หรือไม่?"

...โปรดติดตามตอนต่อไป...

หากพบคำที่พิมพ์ผิด แจ้งได้เลยนะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด