บทที่ 73 กุญแจสู่ซากโบราณ
ยามดึก
ณ โรงเตี๊ยมเซียนเมา
ฮือ ฮือ ฮือ...
เสียงสะอื้นแผ่วเบาดังขึ้นภายในโรงเตี๊ยม
ในขณะนี้ เย่หลัวที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องพัก ได้ยินเสียงร้องไห้นั้น จึงลืมตาขึ้นมองออกไปนอกห้องเล็กน้อย
สุดท้ายก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
เจ้าของโรงเตี๊ยมคนนี้
ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไร
พอรู้ระดับขั้นของอาจารย์ ก็เริ่มร้องไห้ขึ้นมา
ร้องไห้มาตั้งครึ่งวันแล้ว
แต่เดิมเย่หลัวคิดจะจากไป
แต่ถูกเจ้าของโรงเตี๊ยมที่กำลังร้องไห้ขอร้องให้อยู่ต่อ
บอกว่าอยากให้พักค้างคืนสักคืน
เย่หลัวเห็นสภาพเจ้าของโรงเตี๊ยมที่ดูไม่ค่อยปกติ ก็เลยตกลง
จึงเกิดเป็นภาพเหตุการณ์นี้ขึ้น
ยามดึกสงัด
เจ้าของโรงเตี๊ยมร้องไห้อยู่ชั้นล่าง
"ไอ้หมอนี่ร้องไห้เรื่องอะไรกัน?"
เย่หลัวงุนงง แต่ก็ไม่ได้อยากจะไปสืบเสาะ
เขาโบกมือ
ชั้นพลังวิถีปกคลุมห้องของเขา ตัดขาดเสียงจากภายนอก
จากนั้นเย่หลัวก็หยิบกุญแจเปิดสุสานของจอมกระบี่โบราณที่อยู่ในอกเสื้อออกมา
ตั้งใจจะใช้เวลาคืนนี้ทั้งคืนเพื่อพินิจพิเคราะห์
ดูว่าจะสามารถเข้าใจอะไรได้บ้างไหม
พอถึงพรุ่งนี้ เขาก็จะสามารถกลับไปรายงานต่ออาจารย์ได้
เย่หลัวหยิบกุญแจออกมา กำลังจะปรับสภาพจิตใจ ตั้งสมาธิเพื่อพินิจพิเคราะห์
แต่ยังไม่ทันได้เริ่ม
เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในสมองของเขาอย่างกะทันหัน
"นายท่าน สิ่งนี้... สิ่งนี้ของท่าน เป็นกุญแจเปิดสุสานของจอมกระบี่โบราณใช่ไหม? นายท่านไปหามาจากที่ไหนกัน?"
เสียงนี้ดังมาจากวิญญาณของน้ำเต้ากระบี่อนันต์อย่างชัดเจน
เย่หลัวที่กำลังจะเริ่มพินิจพิเคราะห์ถูกขัดจังหวะ ก้มลงมองน้ำเต้าที่เอวตัวเองแวบหนึ่ง
"ถูกต้อง นี่คือกุญแจเปิดสุสานของจอมกระบี่โบราณ"
"กุญแจนี้อาจารย์ของข้ามอบให้ เป็นอะไรหรือ? เจ้ามีวิธีทำให้ข้าเข้าใจความลับของกุญแจนี้ได้เร็วขึ้นหรือ?" เย่หลัวถามอย่างสนใจ
น้ำเต้ากระบี่อนันต์นี้ก็เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่ง
วิญญาณของวัตถุศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่ง ไม่รู้ว่าเกิดมานานเท่าไหร่แล้ว
อาจจะมีวิธีช่วยให้เขาเข้าใจความลับของกุญแจนี้ก็ได้
ตั้งแต่เขาได้กุญแจนี้มา เขาก็ไม่มีวิธีใดๆ ที่จะเข้าใจมันได้เลย
จากตอนแรกที่ไม่ใส่ใจ ค่อยๆ กลายเป็นให้ความสำคัญ
อาจารย์มอบกุญแจนี้ให้เขา
ชัดเจนว่าต้องการมอบโชคชะตาครั้งใหญ่ให้เขา
ถ้าเขาไม่สามารถเข้าใจมันได้เป็นเวลานาน เขาจะมีหน้าไปพบอาจารย์ได้อย่างไร?
จะมีหน้าสืบทอดตำแหน่งประมุขนิกายอู๋เต้าในอนาคตได้อย่างไร?
โอ้!!
น้ำเต้ากระบี่อนันต์ที่เดิมอยู่ที่เอวของเย่หลัว หลังจากได้ยินคำพูดของเย่หลัวแล้ว ก็เปล่งประกายวาบหนึ่ง ค่อยๆ ลอยขึ้นมา
หมุนรอบกุญแจในมือของเย่หลัวสองรอบ
เสียงหนึ่งดังออกมาจากน้ำเต้า
"นายท่าน บนกุญแจนี้มีชั้นของเจตนากระบี่ที่แข็งแกร่งมากปกคลุมอยู่ ดูเหมือนจะป้องกันกุญแจอยู่ นี่ก็เป็นสาเหตุที่นายท่านไม่สามารถเข้าใจมันได้ ข้าจะดูดซับเจตนากระบี่นี้ นายท่านก็น่าจะสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว"
เสียงจบลง
แสงสีฟ้าเข้มชั้นหนึ่งวาบขึ้นบนน้ำเต้ากระบี่อนันต์
อักษร 'กระบี่' โบราณบนตัวน้ำเต้าดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา สั่นไหวไม่หยุด
ในเวลาเดียวกัน
กุญแจในมือของเย่หลัวก็ลอยขึ้นมา
ในสายตาของเย่หลัว
แสงสีขาวสายหนึ่งบนกุญแจถูกดูดเข้าไปในน้ำเต้ากระบี่อนันต์
เพียงแวบเดียวก็หายไป
แต่เย่หลัวก็ยังคงมองเห็น
"เรียบร้อยแล้ว นายท่าน ที่เหลือท่านลองพินิจพิเคราะห์ด้วยตัวเองเถิด กุญแจนี้เป็นโชคลาภอันยิ่งใหญ่ ได้รับโชคลาภนี้แล้ว อนาคตนายท่านต้องเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดแน่นอน!"
เสียงนี้ดังออกมาจากภายในน้ำเต้ากระบี่อนันต์
พูดจบ
น้ำเต้ากระบี่อนันต์ก็กลับเป็นน้ำเต้าธรรมดา แขวนอยู่ที่เอวของเย่หลัวอีกครั้ง
เย่หลัวยังอยากจะถามอะไรบางอย่าง แต่เห็นกุญแจที่ลอยอยู่กลางอากาศกำลังจะตกลงมา
ก็ไม่มีเวลาจะถามอะไรแล้ว
ยื่นมือออกไปรับกุญแจเอาไว้
ก้มหน้าลงมอง
กุญแจเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
เห็นกุญแจในมือของเขาเปล่งแสงสีขาวอ่อนๆ รอยบากและร่องรอยของกระบี่ที่เคยมีอยู่หายไปหมดแล้ว แทนที่ด้วยพลังวิถีที่แข็งแกร่งยิ่ง
เย่หลัวมองดูกุญแจอยู่นาน นิ้วทั้งห้าค่อยๆ หุบลง กำกุญแจไว้ พลังวิถีห่อหุ้มกุญแจเอาไว้
ในชั่วพริบตา พลังวิถีบนกุญแจก็ถ่ายทอดมาสู่ตัวเย่หลัว
โครม!
สมองของเย่หลัวสั่นสะเทือน แผนที่ภาพหนึ่งปรากฏขึ้นในใจเขาอย่างรวดเร็ว
นี่คือ...
แผนที่ไปสู่สุสานของจอมกระบี่โบราณ!
เขาเข้าใจแล้วสินะ?!
ฮึ...
เย่หลัวสูดหายใจลึก มองดูแผนที่อย่างละเอียด จดจำตำแหน่งเอาไว้
ไม่มีความคิดที่จะนั่งสมาธิต่อแล้ว
ลุกขึ้นเตรียมกลับไปยังประตูนิกาย เพื่อไปรายงานต่ออาจารย์
แต่คิดดูอีกที
ถ้าเขาไปรายงานตอนนี้ แล้วค่อยไปที่สุสาน
ไม่สู้ไปที่สุสานโดยตรง แล้วค่อยเอาของที่ได้จากในสุสาน
กลับไปรายงานอาจารย์พร้อมกัน
ตอนนั้นจะได้เซอร์ไพรส์อาจารย์
จะไม่วิเศษกว่าหรือ?
เย่หลัวพยักหน้าเบาๆ คิดว่าเป็นไปได้
เขาโบกมือเบาๆ สลายพลังวิถีในห้องทั้งหมด
เสียงสะอื้นก็ดังเข้ามาอีกครั้งในทันที
เย่หลัวมองออกไปนอกห้องอย่างปวดหัว
ความคิดที่จะเดินออกประตูใหญ่ก็ถูกเขาล้มเลิกไป
สุดท้าย เย่หลัวก็เลือกที่จะออกทางหน้าต่าง
กระโดดขึ้น เหยียบกระบี่บิน กลายเป็นสายแสงพุ่งออกจากโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว
...
ชั้นล่างของโรงเตี๊ยม
เจ้าของโรงเตี๊ยมร่างอ้วนนั่งอยู่บนพื้น ร้องไห้อย่างน่าสงสาร
น้ำมูกน้ำตาเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้า
ครั้งหนึ่งเคยมีโอกาสครั้งใหญ่วางอยู่ตรงหน้าข้า ข้าไม่ได้ทะนุถนอมมัน พอสูญเสียไปแล้วถึงได้รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง
ความทุกข์ที่สุดในโลกมนุษย์คงไม่มีอะไรเกินกว่านี้
ถ้าสวรรค์จะให้โอกาสข้าอีกครั้ง ข้าจะพูดกับยอดฝีมือผู้นั้นสามคำว่า "เพิ่มสิบเท่า!"
อย่าว่าแต่หนึ่งแสนตำลึงทองคำต่อปีเลย ล้านตำลึง เขาก็จะต้องขายหม้อขายไห หามาให้ได้
การเปิดโรงเตี๊ยมที่เชิงเขาของนิกายชั้นยอด นั่นหมายถึงอะไร?
นั่นคือบ้านใกล้โรงเรียนชั้นดีชัดๆ!
ไม่ต้องพูดถึงธุรกิจ โอกาสที่ลูกหลานจะได้เข้าเรียนในนิกายชั้นยอดก็มากขึ้นมากมายนะ
แต่ตอนนี้ไม่มีโอกาสแล้ว
เขา เจ้าของโรงเตี๊ยม ชัดเจนว่าเดินทางผิด!
ไม่ถูก
ยอดฝีมือชูผู้นั้น เคยให้เหรียญเงินเขาสองสามเหรียญไม่ใช่หรือ ยังบอกให้เก็บรักษาไว้ดีๆ อนาคตจะมีค่ามากด้วย
เหรียญเงินของเขาอยู่ไหน?!
เจ้าของโรงเตี๊ยมชะงักไป ไม่ร้องไห้แล้ว ตะโกนออกไปข้างนอก
"เด็กเสิร์ฟ รีบมาหาข้าเดี๋ยวนี้!!"
เด็กเสิร์ฟที่แต่เดิมหลบอยู่นอกโรงเตี๊ยม ตัวสั่นงันงก ไม่กล้าเข้ามา ได้ยินเสียงเรียกนี้ ก็ได้แต่กัดฟันเดินเข้ามา
"เจ้าของร้านขอรับ!" เด็กเสิร์ฟพูดอย่างระมัดระวัง
"ห่อของที่ข้าให้เจ้าครั้งก่อนล่ะ? ไม่ใช่สิ เหรียญเงินสองสามเหรียญในห่อนั้นน่ะ อยู่ไหน?!" เจ้าของโรงเตี๊ยมพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ
"นี่... นี่ไม่ใช่ทิ้งไปแล้วหรือขอรับ? ท่านเจ้าของสั่งให้ข้าทิ้งลงท่อน้ำเสียเองนะขอรับ ยังบอกว่าต้องให้ข้าเห็นกับตาว่ามันถูกน้ำพัดไปแล้วถึงจะกลับมาได้..." เด็กเสิร์ฟก้มหน้าพูด
เจ้าของโรงเตี๊ยม "..."
ข้าเคยทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้ด้วยหรือ???
เสียใจเหลือเกินที่ไม่รู้มาก่อน!!!