ตอนที่แล้วตอนที่ 8 เธอเป็นนักต้มตุ๋น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10 ฉินอวี้ตัวปลอม

ตอนที่ 9 การโจมตียามค่ำคืน


ตอนที่ 9 การโจมตีในยามค่ำคืน

บ้านที่เวิ่นหยุนซีได้รับไม่ใช่แค่เก่าเท่านั้น แต่ยังทรุดโทรมอย่างสมบูรณ์แบบและว่างเปล่า ไม่มีอะไรให้เลย

ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ ไม่มีเครื่องครัว มีแต่หน้าต่างแถมไม่มีหลังคา เงยหน้าขึ้นไปก็มองเห็นดาว ก้มหน้าลงมาก็มองเห็นทะลุพื้น

ที่จริงแล้ว เหตุผลที่เวิ่นหยุนซีรีบเข้าบ้านนั้น นอกจากจะไม่อยากถูกคนอื่นชี้นิ้วด่าต่อไป ก็คือ เธอแค่อยากจะอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เท่านั้น

น่าเสียดายที่หาอะไรในบ้านไม่ได้เลย บ้านว่างเปล่าเกลี้ยงจนแม้แต่กระบวยตักน้ำก็ยังไม่มี ไม่รู้ว่าเจ้าของเดิมเป็นคนประหยัดมาก หรือว่าบ้านหลังนี้เคยโดนโจรปล้นไปแล้ว

ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งสามคนต้องกระโดดลงไปล้างตัวในลำธาร พวกเขาไม่ได้มีนิสัยชอบอวดเรือนร่างตอนกลางวันแสกๆ จึงต้องใส่ชุดนักโทษลงไปล้างตัว แม้จะรู้สึกไม่สบายตัว แต่ก็ไม่ทำให้ประเจิดประเจ้อ

เมื่อโคลนที่หนาทึบ บนร่างกายถูกล้างออกไป พวกเขาทั้งสามคนก็เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง เสี่ยวเล่อดึงแก้มเนื้อนิ่มๆ ของตัวเอง แล้วมองเวิ่นหยุนซีและฉินอวี้ด้วยสายตาขอบคุณ

แม้เขาจะยังเด็ก แต่ก็เข้าใจดีว่าถ้าไม่ใช่เพราะพี่สาวทั้งสองช่วยเหลือและปกป้อง เขาคงไม่รอดมาถึงที่นี่

เวิ่นหยุนซีมองดูผิวของตัวเองด้วยความประหลาดใจ โคลนนี่มันเป็นเกราะกันแดดชั้นดีจริงๆ แม้ต้องเดินทางกลางแดดตลอดสามสิบกว่าวัน แต่ผิวของเธอก็ยังคงขาวเนียนอยู่

เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็เพ่งมองเงาของตัวเองในน้ำอีกครั้ง ดวงตาที่เรียวยาว จมูกที่โด่งสวยอย่างลงตัว ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน เมื่อยิ้มออกมาก็ดูคล้ายกับหน้าตาเดิมของเธออยู่บ้าง

เป็นใบหน้าที่เหมาะกับการ "แกล้งทำเป็นหมู เพื่อกินเสือ" โดยแท้

ตอนที่เธอบอกว่าตัวเองเป็นนักต้มตุ๋น ถ้าเปิดเผยใบหน้าสวยๆนี้ อาจจะโดนด่าน้อยลงก็ได้

ฉินอวี้ก็กำลังพิจารณาใบหน้าของตัวเองอยู่เช่นกัน พอเห็นเวิ่นหยุนซีหันมามอง ก็รีบซ่อนมือที่เต็มไปด้วยรอยแห้งกร้านไว้ด้านหลังอย่างอัตโนมัติ

“ซ่อนทำไมล่ะ ข้าเห็นมานานแล้ว”

เวิ่นหยุนซีเดินฝ่าน้ำไป ในขณะที่ฉินอวี้ตกตะลึงอยู่ เธอก็รีบคว้ามือฉินอวี้มาดูอย่างละเอียด

หลังจากตรวจดูแล้ว เวิ่นหยุนซีก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น แม้เธอจะมาจากบ้านตระกูลขุนศึก แต่ในฐานะลูกสาวคนเล็ก ครอบครัวคงไม่ยอมให้มือของเธอหยาบกร้านขนาดนี้ และเมื่อมีพี่ชายเป็นถึงแม่ทัพ ก็คงไม่ปล่อยให้เธอต้องลำบากเช่นนี้

"เธอไม่ใช่ฉินอวี้!" เวิ่นหยุนซีพูดเสียงเข้ม

ฉินอวี้ที่เตรียมตัวมาอย่างดีก็เพียงแต่ยิ้มหวาน เผยให้เห็นฟันเสือคู่เล็ก ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ “พี่สาวเวิ่น ข้าก็คือ ฉินอวี้ จริงๆ นะ”

เวิ่นหยุนซีปล่อยมือเธออย่างไม่ใยดี แล้วกระโจนลงไปในน้ำเพื่อจับปลา พอจับได้สองตัวและโผล่ขึ้นมา ก็เห็นฉินอวี้ยืนจ้องอยู่ที่เดิม

“ยืนอึ้งทำไม รีบไปจับปลาอีกสองตัวสิ ไม่งั้นไม่มีข้าวเย็นให้กิน”

ฉินอวี้หันมามองเวิ่นหยุนซีอย่างประหลาดใจ ก่อนจะยิ้มแล้วทำตามเวิ่นหยุนซี กระโจนลงน้ำไปจับปลาบ้าง

เวิ่นหยุนซีปล่อยให้ฉินอวี้จับปลาเอง แล้วพาเสี่ยวเล่อกลับบ้าน ทั้งสามคนวุ่นวายกันอยู่นาน จนกระทั่งตอนเย็นก็ได้เริ่มย่างปลา

ในเวลานั้นเอง หมู่บ้านก็เริ่มมีควันไฟจากการทำอาหารลอยขึ้นมา กลิ่นหอมต่าง ๆ ลอยมาปะทะจมูกทำให้พวกเขาทั้ง3คน อดกลืนน้ำลายไม่ได้

แต่แล้วควันจากการย่างปลาของพวกเขาก็เริ่มหนาขึ้น

“แค่ก แค่ก แค่ก...”

เวิ่นหยุนซีสำลักควันปลาทำให้ไอไม่หยุด “เจ้าทำเป็นไหมเนี่ย!”

“เก่งนักก็ทำเองสิ!”

ฉินอวี้ที่มีเขม่าดำเปื้อนเต็มหน้าโต้กลับอย่างฉุนเฉียว

เสี่ยวเล่อกลัวว่าทั้งสองจะทะเลาะกัน จึงรีบวางกองหญ้าในมือแล้ววิ่งไปหา “พี่ฉินอวี้ ข้ามาช่วยเติมฟืนให้เอง”

“ไม่ต้อง” ฉินอวี้ขึ้นเสียง “ให้คนที่แม้แต่ปลายังฆ่าไม่เป็นมาทำดีกว่า!”

“ใช่ เจ้านี่แหละเก่งที่สุดแล้ว ทั้งที่ควักไส้ปลาไม่เป็น ก็เอาแต่หักปลาทั้งตัวเป็นท่อนๆ” เวิ่นหยุนซีประชดกลับ

ฉินอวี้นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดแก้ตัวเบา ๆ “ก็จะได้ย่างได้ทั่วดีไง”

เวิ่นหยุนซีพึมพำในใจหลายครั้งว่า "สงบใจเข้าไว้" แล้วจึงข่มอารมณ์ หันไปจัดสวนหน้าบ้านต่อ

เพียงแค่สงบลงได้ไม่นาน ก็มีคนเดินเข้ามา

“โธ่ ดีที่ข้าแวะมาดู ไม่งั้นเจ้าคงได้ย่าง จนไหม้หมดแล้ว”

ชายหนุ่มร่างอวบขาวยิ้มให้ด้วยท่าทางเป็นมิตร พลางเดินเข้าใกล้พวกเขา

เวิ่นหยุนซีเช็ดมือที่เปื้อนของตัวเองแล้วลุกขึ้นยืน “ท่านคือใคร?”

หลังจากชายหนุ่มร่างอวบจ้องมองเวิ่นหยุนซีอย่างพิจารณา ใบหน้าของเขาก็ยิ่งแย้มยิ้มมากขึ้น

“ข้าชื่อหลิวหลิน อาศัยอยู่ทางตะวันออกของหมู่บ้าน เรียกข้าว่า หลิว ก็ได้ เมื่อตอนบ่ายที่ข้าเอาผลไม้มาให้พวกเจ้าไง”

เขาพูดพลางเกาศีรษะเบา ๆ ก่อนจะเปิดฝาหม้อดินที่ถือมา กลิ่นหอมของอาหารลอยออกมา ทำเอาทั้งสามคนกลืนน้ำลายตาม

หลิวหลินมองพวกเขาด้วยความพอใจ แล้วส่งหม้อดินให้เวิ่นหยุนซี “พวกเจ้ายังเด็กอยู่แท้ ๆ แต่ต้องมาโดนเนรเทศ ข้าเลยตั้งใจตุ๋นไก่บ้านมาให้พวกเจ้าไว้ กินบำรุงร่างกาย กินเถอะ อย่าเกรงใจ”

เสี่ยวเล่อมองเวิ่นหยุนซีด้วยสายตาเต็มไปด้วยความหวัง เวิ่นหยุนซีจึงไม่ปฏิเสธและรับหม้อดินมา พร้อมกล่าวขอบคุณ

“กินเร็วเถอะ ถ้าเย็นแล้วจะไม่อร่อย” หลิวหลินยิ้ม พลางเร่งเร้า

ยังไม่ทันที่เวิ่นหยุนซีจะได้พูดอะไร ฉินอวี้ก็โวยวายขึ้นมา “ข้าไม่ยอม ข้าย่างปลาครั้งแรกนะ พวกเจ้าต้องรอกินปลาของข้าให้เสร็จก่อน แล้วค่อยกินตุ๋นไก่!”

หลังจากหลิวหลินเดินออกไป ทั้งสามคนนำตุ๋นไก่และปลาย่างขึ้นไปบนบ้าน

ฉินอวี้กับเวิ่นหยุนซีมองตากัน แต่ก็ยังไม่มีใครเริ่มกินก่อน

เสี่ยวเล่อรออยู่สักพักจนทนไม่ไหว เขาหยิบกระบวยแล้วพยายามจะตักตุ๋นไก่ แต่ฉินอวี้รีบยั้งเขาไว้ แล้วหยิบเอาเนื้อปลามาใส่ในกระบวยที่เสี่ยวเล่อถืออยู่

เสี่ยวเล่อทำหน้าเลิ่กลั่ก “พี่ฉินอวี้ ข้าอยากกินเนื้อไก่”

เวิ่นหยุนซีคีบเอาเนื้อปลาบนกระบวยของเสี่ยวเล่อขึ้นมากัดคำหนึ่ง แล้วก็ต้องรีบคายออกทันที

"ปลาถูกเผา จนไหม้หมด เจ้าไม่รู้อะไรพวกนี้บ้างเหรอ?" เวิ่นหยุนซีบ่น

ฉินอวี้ทำเสียงจิ๊ปาก "งั้นก็กินไก่ในหม้อสิ!"

เวิ่นหยุนซี "..."

เธอยังไม่มีแต้มพอจะแลกยาถอนพิษเลย หากกินตุ๋นไก่นั่นเข้าไป เกรงว่าจะตายเพราะพิษ ก่อนที่ไก่จะย่อย มันไม่คุ้มกันเลย

"พวกเจ้าคิดว่า ข้าจะถูกเขาวางยาพิษไหม ?" เวิ่นหยุนซีถาม

ฉินอวี้เล่นกับนิ้วมือเรียวยาวของตน "ก็คงเพราะเขาหมายตาเธอน่ะสิ ไอ้หลิวหลินนั่นก็แทบจะน้ำลายไหลอยู่แล้ว"

เสี่ยวเล่อฟังอยู่ข้าง ๆ มองซ้ายมองขวา ก็พอจะเข้าใจเรื่องราว

เขาปิดฝาหม้อตุ๋นไก่ที่ใส่ยาพิษ แล้วก็ไม่แม้แต่จะมองปลาเผาอีกเลย จากนั้นก็หามุมหนึ่งม้วนตัวนอนทันที

เวิ่นหยุนซีเดินเข้าไปดึงเขามากอดไว้ แล้วหลับตาม

ฉินอวี้มองทั้งสองคนด้วยความหงุดหงิด สุดท้ายก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินไปที่หน้าต่าง หยิบปลาเผาขึ้นมากินอย่างเงียบ ๆ

"อืม... แย่จริง ๆ รสชาติไม่เอาไหนเลย"

ดวงจันทร์พึ่งขึ้นถึงยอดไม้ เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นจากชั้นล่าง คาดว่ามีสองสามคนเดินอยู่ข้างล่าง

ฉินอวี้กำลังคิดจะลงไปจัดการพวกนั้น แต่เวิ่นหยุนซีก็รีบลุกขึ้นมาปิดปากฉินอวี้ไว้แล้วกดตัวเธอลงกับพื้น

เวิ่นหยุนซีฟังเสียงชั้นล่างอย่างเงียบ ๆ เธออยากรู้ว่าคนเหล่านี้คิดจะทำอะไรกันแน่

เสียงฝีเท้าค่อย ๆ ใกล้เข้ามา...

บ้านสั่นเล็กน้อย มีคนกำลังปีนขึ้นมาชั้นบนแล้ว

ในขณะนั้นเอง ก้อนหินก้อนหนึ่งถูกขว้างมากระแทกหน้าต่าง เสียงก้อนหินกระทบกันดัง ก้อนหินหลายก้อนกระแทกผนังไม้ชั้นสอง บางก้อนพุ่งทะลุหน้าต่างเล็ก ๆ เข้ามาในห้อง

เวิ่นหยุนซีแนบตัวกับหน้าต่างแล้วชะโงกหน้าออกไปดู เห็นคนร่างสูงผอมคนหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้าน ผมที่ทำเป็นจุกสองข้าง ดูแล้วเหมือนหูมิกกี้เมาส์ สะดุดตามาก

เพราะการปรากฏตัวของคนผู้นี้ คนที่กำลังจะปีนขึ้นมาก็ถอยลงไป แล้วรีบวิ่งหนีไปอย่างเงียบ ๆ

เวิ่นหยุนซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคว้าก้อนหินที่ถูกขว้างเข้ามาในบ้าน ขว้างออกไปใส่คนผู้นั่น สี่ครั้งติด

คนผู้นั้นชะงักเล็กน้อย แล้วจ้องมองก้อนหินบนพื้นอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินจากไป

เวิ่นหยุนซียิ้มอย่างพอใจ ดูท่าคนผู้นั้นคงเข้าใจสัญญาณแล้ว

จากนั้น ก็แค่รอให้เขามาหาเธอก็พอ

...โปรดติดตามตอนต่อไป...

หากพบคำที่พิมพ์ผิด แจ้งได้เลยนะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด