ตอนที่ 61 ในความมืด
“เกาป๋อ คุณจะบ้าไปถึงไหน?”
คำพูดของเจียงเย่ ทำให้พี่เฉินที่กำลังหวาดกลัว ตกตะลึง
ผู้ชมในห้องถ่ายทอดสดก็เหมือนกับเธอ เต็มไปด้วยคำถาม
เกาป๋อ?
เขาไม่ใช่สามีของพี่เฉินเหรอ? เขาไม่ใช่ตัวละครเอกของเรื่องนี้เหรอ?
ผู้ดำเนินรายการบอกว่าเขาเป็นบ้า หมายความว่ายังไง?
“คุณไม่ออกมาเจอภรรยากับลูกด้วยตัวเองเหรอ? หรือว่าต้องให้ผมเชิญ?”
ถึงแม้ว่าเจียงเย่จะมองดูห้องถ่ายทอดสด แต่เขามองไม่เห็นพี่เฉินและก็มองไม่เห็นอู๋ซาน
ลมพัดมาเบาๆต้นไม้พัดไหวตามแรงลม
มีร่างหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังพี่เฉินกับเฉินเฉิน แต่พวกเขายังไม่รู้ตัว
“พี่เฉิน หันกลับไป เฉินเฉินลืมตาขึ้น พ่อของหนู.. เขามาหาหนูแล้ว”
เจียงเย่พูดจบ พี่เฉินกับเฉินเฉินก็หันกลับไปพร้อมกัน
ถึงแม้ว่าร่างที่ยืนอยู่ข้างหลังจะก้มหน้า แต่พี่เฉินกับเฉินเฉินก็จำได้ เขาคือสามี คือพ่อของเฉินเฉิน
“สามี?”
“พ่อ!”
ทั้งสองตะโกนพร้อมกัน แต่เขายังคงก้มหน้า
เจียงเย่มองดูเขา พูดอย่างเย็นชา "ไม่คิดเลยว่าคุณจะดุร้ายขนาดนี้ ดูเหมือนว่าความตายก็ปลุกคุณไม่ตื่น ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ ตื่นได้แล้วมั้ง?"
สิ้นเสียง เกาป๋อก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
ใบหน้าซีดเซียวดูงุนงง แต่ไม่นานเขาก็เหมือนได้สติ
“เสี่ยวหยา? เฉินเฉิน?”
เกาป๋อตะโกน พี่เฉินกับเฉินเฉินก็รีบวิ่งเข้าไปหาเขา
แต่มันเป็นไปไม่ได้ พวกเธอวิ่งทะลุร่างของเกาป๋อ
ภาพนี้ทำให้แม่ลูกตกใจ ตอนที่พวกเธอกำลังจะลองอีกครั้ง จียงเย่ก็พูดว่า "มองหน้ากันก็พอ เขากอดคุณไม่ได้ คุณก็กอดเขาไม่ได้"
เกาป๋อมองดูภรรยากับลูกสาว แล้วก็มองดูเจียงเย่ด้วยความหวาดกลัว
“จำได้หมดแล้วใช่ไหม?” เจียงเย่ถาม
เกาป๋อพยักหน้า แล้วก็พูดกับภรรยา ลูกสาวและอู๋ซาน “ขอโทษ”
พี่เฉิน ลูกสาวและอู๋ซานไม่เข้าใจว่าคำขอโทษนี้หมายถึงอะไร ผู้ชมในห้องถ่ายทอดสดก็งง
คนที่เข้าใจมีแค่เจียงเย่ เขาถามเกาป๋อ "ขอโทษผมหรือว่าขอโทษตัวเอง?"
เกาป๋อไม่พูด ดูเหมือนว่าเขาไม่กล้าพูด
“คุณตายไปนานแล้ว ยังมีอะไรอยากจะพูดอีกเหรอ?” เจียงเย่พูดอย่างเย็นชา
เกาป๋อเงยหน้ามองดูเจียงเย่ "ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงเป็นแบบนั้น แต่มีกี่คนที่เข้าใจความกดดันที่ผมเผชิญในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่?"
"ผมเป็นพ่อ เป็นสามี เป็นลูกเขยและก็เป็นลูกชาย พอผมโตขึ้น ผมก็สาบานว่าจะเป็นลูกที่ดี ดูแลพ่อแม่ ให้พวกเขามีชีวิตที่ดี ตอนที่ผมแต่งงาน ผมก็ตั้งใจว่าจะเป็นสามีที่ดี ให้ภรรยามีชีวิตที่น่าอิจฉา"
"ตอนที่ลูกสาวของผมเกิด ผมมองดูเธอ แล้วก็ตั้งเป้าหมายให้ตัวเองอีกครั้ง ผมอยากให้เธอโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่มีความสุข ไม่ต้องกังวลอะไร เพื่อที่จะทำแบบนั้น ผมก็เลยทำงานหนักทุกวัน ผมคิดว่างานของผมสบาย แค่พิมพ์งานอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องตากแดด ตากฝน"
"แต่เงินมันไม่ได้หล่นมาจากฟ้า ผมทำได้แค่เขียนนิยายผี แต่วันหนึ่ง ผมก็พบว่าผมเขียนไม่ออก รายได้ของผมก็น้อยลงเรื่อยๆ ภรรยาของผมก็เริ่มกังวล ทะเลาะกับผมเพราะว่าเงินในบัญชีน้อยลง ส่วนพ่อแม่ของผมก็แก่แล้ว ต้องกินยาประจำ ผมก็เลยรู้สึกกลัว ตลอดเวลา ผมรู้สึกหวาดกลัว"
"ผมอยากหาเงิน อยากสร้างรายได้จากความสามารถของผม แต่พอผลงานของผมถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แถมยังโดนดูถูก ผมก็รับไม่ได้ แต่ผมก็ต้องยอมรับความจริง ผมก็เลยกดดันตัวเอง หลังจากที่ภรรยาของผมหลับ ผมก็จะลุกขึ้นตอนกลางคืน แล้วก็ขังตัวเองอยู่ในห้องทำงาน"
"ผมไม่ได้เปิดไฟ แค่นั่งเงียบๆในความมืด สัมผัสความรู้สึกที่มืดมิด หรือฟังเสียงต่างๆในความเงียบสงัด ผมอยากหาแรงบันดาลใจ อยากเขียนนิยายที่ทำให้ผมรวย ผมก็เลยติดนิสัยแบบนั้น ผมชอบอยู่ในความมืด ความเงียบที่ได้ยินเสียงกระซิบของวิญญาณ"
"ตอนนั้น ผมไม่รู้ตัวเลยว่าผมเป็นบ้า ผมบ้ามากถึงขนาดที่ไม่พอใจกับสิ่งนั้น และอยากจะตื่นเต้นมากกว่านี้ ผมไปที่บ้านเก็บศพ แอบไปที่สุสาน ดูรูปถ่ายบนหลุมศพ"
"ถ้าตอนนั้น ผมรู้ตัว ผมคงไม่ตายเร็วขนาดนี้ แต่ชีวิตไม่มีคำว่าถ้า ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน ก็ไม่มีใครอยากเป็นบ้า ใช่ไหม?"
เกาป๋อถามเจียงเย่ เหมือนกับว่าถามตัวเอง
พี่เฉินได้ยินแบบนั้นก็ร้องไห้ เธอไม่รู้เลยว่าก่อนตาย สามีของเธอต้องเจอกับอะไรบ้าง
เธอนึกไม่ออกเลยว่าตอนที่สามีของเธอซ่อนตัวอยู่ในความมืด สีหน้าของเขาเป็นยังไง
เธอนึกไม่ออกเลยว่าสามีของเธอ แอบไปสุสานตอนกลางคืน ดูรูปถ่ายบนหลุมศพ
ที่เขาทำแบบนั้น เพราะว่าเขาเป็นบ้า เขาไม่ใช่เกาป๋อคนเดิม
แต่เธอไม่รู้อะไรเลย ในฐานะภรรยา เธอก็เหมือนกับเจ้าหญิง ได้รับการปกป้อง เธอมีความสุขกับชีวิตที่สามีสร้างให้ แต่ไม่เคยสนใจความรู้สึกของเขา
“ขอโทษ ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ!” พี่เฉินพูดกับเกาป๋อ
เกาป๋อส่ายหัว "ไม่มีใครผิดใครถูก แต่ผมผิดเอง ผมทำร้ายคนอื่น ถ้าผมควบคุมตัวเองได้ เขาคงไม่ตายเพราะผม ผมทำร้ายเขา ทำร้ายพ่อแม่ ทำร้ายคุณ ทำร้ายเฉินเฉิน เฮ้อ.."
เกาป๋อถอนหายใจ มองดูเจียงเย่ โค้งคำนับให้กับห้องถ่ายทอดสด "ขอบคุณที่ปลุกผมให้ตื่น ไม่งั้น ผมคงจะ.. กลายเป็นผีร้าย ไม่มีวันได้เกิดใหม่"
เจียงเย่ยิ้ม พยักหน้า "ใช่ คุณเดาถูก คุณตายในสภาพที่เป็นบ้า ตายไปแล้วก็ยังไม่รู้ตัว คุณเป็นผีบ้า คุณกินโจวหยาง แม้กระทั่งในสภาพที่เป็นบ้า คุณก็ยังเป็นคนเห็นแก่ตัว อยากได้ทุกอย่าง คุณพาภรรยากับลูกสาวไปที่ถนนปรโลก อยากจะพาพวกเธออยู่ด้วยในนรก”
"ใช่ครับ พอนึกถึงเรื่องนี้ ผมก็ยังรู้สึกกลัว ขอบคุณจริงๆ ไม่งั้น ถ้าวันหนึ่งผมได้สติขึ้นมา ผมคงไม่มีวันให้อภัยตัวเอง"
"แล้วหลังจากที่คุณเข้าไปทำงานที่บ้านเก็บศพ คุณเป็นยังไงบ้าง?" เจียงเย่ถาม