ตอนที่ 5 ความหวาดกลัวในป่าหมอก
ตอนที่ 5 ความหวาดกลัวในป่าหมอก
ป่าใหญ่ในจินตนาการนั้นอุดมสมบูรณ์ แต่ในความเป็นจริงกลับแห้งแล้ง
แม้จะมีอะไรเกิดขึ้นได้อีกมากมายในอนาคต แต่ตอนนี้เธอยังคงอยู่ในระหว่างการถูกเนรเทศ และต้องดูแลเด็กสองคนนี้
“พี่สาวเวิ่น เมื่อวานนี้มีขนมปังเหลือไหม?”
เมื่อถูกเด็กน้อยที่มีดวงตาสดใสและเป็นประกายมอง เวิ่นหยุนซีจึงยิ้มอย่างจำใจและลูบหัวเขาเบาๆ “คืนนี้ข้าจะเอากลับมาด้วย”
ตอนนี้เธอต้องไปดูแลอ๋องหลินทุกวัน จึงสามารถเอาอาหารและน้ำกลับมาได้บ้าง
“พี่สาวเวิ่น ข้าอยากกินขนมถั่วเขียว”
เวิ่นหยุนซีถอนหายใจลึกๆ นี่เธอได้ทำบาปอะไรไว้ถึงได้ช่วยเหลือเด็กสองคนนี้
เมื่อถึงแคว้นหลานโจว เธอจะต้องชดใช้อีกเป็นทวีคูณ!
คิดถึงตรงนี้ เวิ่นหยุนซีก็เรียกหน้าจอระบบขึ้นมาดู
เห็นคะแนนเหลือ 1,574 แต้ม เธอจึงไปดูค่าสถานะของตนเอง แต่ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ
“ระบบ ฉันสามารถใช้ไอเทมอะไรเพื่อเพิ่มสติปัญญาได้บ้าง?”
【สติปัญญาและจิตใจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ สติปัญญาของคุณอยู่ระดับปานกลาง แต่จิตใจอยู่ระดับสูงเกินกว่าผู้ที่เข้าร่วมทำภารกิจคนอื่นๆ โปรดมั่นใจในตนเอง】
ไม่ใช่ย่ะ ฉันมั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว!
อย่าทำให้รู้สึกถึงการถูกด้อยค่า ไปมากกว่านี้
“ถ้าหากเวลาชีวิตที่ต่ออายุของฉันยังเหลืออยู่ คนอื่นจะสามารถฆ่าฉันได้ไหม?”
【คุณสามารถถูกฆ่าได้ กรุณาระมัดระวังในการใช้ชีวิต】
เวิ่นหยุนซี: “……”
“ฉินอวี้ ถ้ามีเหตุการณ์ฉุกเฉินอะไรเกิดขึ้น จำไว้ว่าต้องพาเสี่ยวเล่อไปด้วยนะ ห้ามทิ้งน้องโดยเด็ดขาด”
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าในการเนรเทศไปแคว้นหลานโจวหลายครั้ง เมื่อถึงที่หมาย จะเหลือจำนวนนักโทษและผู้คุมรวมกันแล้วไม่เกินสี่สิบคน
ในตอนนี้เหลือนักโทษเพียงสองร้อยกว่าคน ซึ่งดูไม่ปกติ
วันนั้นเมื่อมีแมลงปะหลาดโจมตี แม้ว่าเธอจะไม่ได้รับแจ้งจำนวนที่แน่ชัดจากผู้คุม แต่ก็มีคนตายไปอีกประมาณร้อยกว่าคน และในจำนวนนี้ก็ยังไม่ถูกต้องทั้งหมด
ตอนนี้พวกเธอได้ข้ามภูเขามาถึงเขตแคว้นหลานโจวแล้ว โดยไม่มีอันตรายใดๆมาติดต่อกันหลายวันแล้ว
ดังนั้น ความอันตรายต่อไปที่ต้องเจอจะอยู่ที่ไหน?
เวิ่นหยุนซีคิดและเตรียมตัวตลอดทาง เมื่อเดินเข้าสู่ป่าทึบ
ป่าทึบไม่มีขอบเขตที่มองเห็นได้ชัดเจนนัก ชนิดของต้นไม้ก็สูงใหญ่จนต้องใช้สิบคนโอบกอดกัน กิ่งไม้และเถาวัลย์พันกันอยู่ บางครั้งเห็นแมงมุมและงูสีสดใส
แปลกที่งูเหล่านี้ไม่โจมตีพวกเธอ และก็ไม่ได้หลบหนี เพียงแค่เลื้อยอยู่บนกิ่งไม้และมองพวกเธออยู่นิ่งๆ
เดี๋ยว! เสียงนั้นมาจากที่ไหน?!
เวิ่นหยุนซีรีบกระโดดไปชนคนข้างหน้า สั่งเสียงดังว่า “อย่าหันหลังกลับ ทุกคนรีบวิ่งไปที่ชายป่าเร็ว!”
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ความเจ็บปวดก็มาที่ขาของเธอ จากนั้นร่างกายของเธอก็ถูกแรงมหาศาลดึงกลับไป
เวิ่นหยุนชีพยายามดิ้นรนอย่างหนัก หมุนสะโพกและแทงไปที่ดวงตาของงูใหญ่ ถึงแม้ว่างูจะกัดเธอและสะบัดอย่างรุนแรง เธอก็ไม่หยุดโจมตีแม้แต่นาทีเดียว
ในสถานการณ์เช่นนี้ การโจมตีที่ดวงตาของงูใหญ่เป็นทางเดียวที่มีโอกาสรอดชีวิต
ในที่สุด เธอก็ทำลายจุดสำคัญบางแห่งจนงูใหญ่ทรุดตัวลงและไม่ขยับอีก
เมื่อเวิ่นหยุนซีคลานออกมาจากปากงูใหญ่ เธอสังเกตเห็นว่าป่านี้เริ่มมีหมอกปกคลุม มองเห็นได้แค่ระยะไม่ถึงสิบเมตร
และได้ยินเสียงกรีดร้องจากรอบๆ อย่างพร่าเบลอ
เธอไม่ได้รีบเดินต่อ แต่เลือกที่จะใช้ยาจากระบบที่แลกมาและพักฟื้นก่อนจึงค่อยออกเดินต่อ
แปลกที่เสียงกรีดร้องที่เคยส่งเสียงดังไปทั่ว ตอนนี้เธอเดินมาเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่กลับไม่พบศพเลย
หรือว่าจะถูกงูใหญ่กินไปหมดแล้ว?
"มีใครอยู่ไหม?"
ไม่มีเสียงตอบกลับ แม้แต่เสียงกรีดร้องก็เงียบไป
เวิ่นหยุนซีกลืนน้ำลายและรู้สึกกลัวว่าเธออาจจะเหลือตัวคนเดียว
ขณะที่คิดถึงเรื่องนี้ มีเงาที่แปลกประหลาดพุ่งผ่านข้างๆ ตัวเธอ เวิ่นหยุนชีตั้งใจจะหลบ แต่ถูกดึงความสนใจด้วย สีม่วงนั้น
เธอเดินตามไปอย่างไม่รู้ตัว และแน่นอนว่าเธอรู้สึกคุ้นเคยกับบุคคลนั้น
ทันใดนั้นอ๋องหลินสังเกตเห็นเธอ เขาเงยหน้าขึ้นข้างบนและทำท่าทาง "หนี" ให้เธอดู
ในขณะเดียวกัน ชายลึกลับคนนั้นที่พันตัวเองด้วยกิ่งไม้และใบไม้ก็หันมาทางเธอ
ใบหน้าที่มีลวดลายสีสันหลากหลายทำให้ไม่สามารถมองเห็นหน้าตาของเขาได้ชัดเจน แต่ฟันที่ขาวโพลนนั้นเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
เวิ่นหยุนซีร้องออกมาอย่างตกใจและสั่นเทา แล้วเดินถอยหลังไป แต่โชคร้ายที่ต้นไม้ใหญ่ขวางทางหนีของเธอ เธอจึงตกใจและยกมือขึ้นสั่นๆ
“อย่าทำร้ายข้าเลย ข้าไม่ได้เห็นอะไรเลย”
ชายลึกลับคนนั้นหัวเราะอย่างน่ากลัว ก่อนจะโยนอ๋องหลินลงพื้นและดึงมีดพกจากเอวขึ้นมาฟันไปที่ดวงตาของเวิ่นหยุนซี
เวิ่นหยุนชีตกใจรีบเบี่ยงตัวหลบ หน้าจอระบบที่เด้งขึ้นมาช่วย ให้เธอรีบโรยปูนขาวออกไปได้ในทันที
จากนั้นเธอหลับตาและนอนกลิ้งไปทางขวา ยกอ๋องหลินขึ้นบ่าของเธอแล้ววิ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเสียงน้ำ
เสียงกรีดร้องและเสียงน้ำตกดังมาจากด้านหลัง
"โง่จริงๆ!"
เวิ่นหยุนซีหันกลับมาพูดใส่อ๋องหลินที่อยู่บนบ่า และวิ่งต่อไป หายใจหอบๆอย่างเหนื่อยล้า
เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกติดตาม เธอจึงโยนขนสัตว์ของอ๋องหลินไปในทิศทางตรงกันข้ามและใช้กิ่งไม้และใบไม้คลุมร่างของพวกเขาเป็นการปลอมตัว
อ๋องหลินมองเห็นภาพทิวทัศน์ที่ถอยหลังไปเรื่อยๆ และได้ยินเสียงหายใจที่เร่งรีบของเวิ่นหยุนซี
ความรู้สึกหลากหลายหลั่งไหลเข้ามาในใจ เขารู้สึกอ่อนแรง และการถูกจับอาจเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
"หนีไปเถอะ..."
เขายังพูดไม่ทันจบ เวิ่นหยุนซีก็หยุดเดินและอุ้มเขากระโดดลงไปในหลุมดินข้างๆ
"เงียบๆ"
เวิ่นหยุนซีใช้มือปิดปากของอ๋องหลิน
ไม่ช้า กลุ่มคนสองกลุ่มเดินมาทางหลุมดินที่พวกเขาซ่อนอยู่
"อูจิ เจ้าจับได้แค่สามสิบกว่าคน และดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์เลย"
"กูลู่ เจ้าตาบอดหรือไง คนที่ข้าจับได้ เป็นถึงองค์รักษ์ขององค์ชาย นี่ก็มีค่ามากกว่าคนอื่นพวกที่เจ้าจับได้ตั้งหลายเท่า"
เวิ่นหยุนซีมองไปที่กลุ่มคนที่ลากผู้คนเป็นสิบๆ คนมา ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นในใจของเธอ
กลุ่มคนเหล่านี้เป็นพวกโสมมจริงๆ จับพวกเขามาเป็นเหยื่อ!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอไม่เห็นศพเลยสักร่าง เพราะพวกเขาถูกจับไปหมด
อ๋องหลินสะกิดที่มือของเวิ่นหยุนซี ให้เธอหันหน้ามาที่เขา ก่อนจะชี้ไปที่ตัวเองและชี้ไปที่ข้างนอกแล้วทำท่าวิ่งหนี
เวิ่นหยุนซีเข้าใจความหมายของเขา จับมือของเขาแล้วส่ายไปมา จากนั้นหันกลับไปสังเกตกลุ่มคนนั้น
เธอไม่สามารถทิ้งเขาแล้วหนีไปคนเดียวได้ ถ้าเธอช่วยเขาแล้ว ก็ต้องช่วยจนสุดความสามารถ เธอเองก็อยากใช้เขาเป็นบันไดในการก้าวไปข้างหน้า จึงไม่สามารถปล่อยให้เขาถูกจับได้
เวิ่นหยุนซีซีสังเกตกลุ่มคนข้างนอกอย่างละเอียด พวกเขาทำเป็นปลอมตัวและวาดลวดลายบนใบหน้าที่คล้ายกับกลุ่มคนปะหลาดที่เคยเจอมาก่อนหน้านี้
แต่เธอยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นกลุ่มไหน เพราะการที่พวกเขาปกปิดด้วยลวดลายบนใบหน้าแสดงว่าพวกเขาตั้งใจทำให้สับสนหรือจงใจปลอมตัว
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนทั้งสอง มีความคิดเห็นไม่ลงรอยกัน ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดี
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เวิ่นหยุนซีที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลน ลากอ๋องหลินที่ถูกมัดด้วยเถาวัลย์ขึ้นมาจากหลุมดิน แล้วเดินตามไปรวมกลุ่ม
อ๋องหลินหนาวจนสลบไปแล้ว ไม่มีแรงแม้แต่จะพูด เขามองไปที่เวิ่นหยุนซีที่มีแต่โคลนดำ จนผลอยหลับไป
ไม่นานก็มีคนเริ่มสังเกตเห็นเธอ
“เหม็นชะมัด ออกห่างๆไปจากตัวข้า”
เวิ่นหยุนซีไม่พูดอะไร แล้วยิ้มอย่างเจือนๆ
ขณะยิ้ม เศษโคลนไหลหลุดออกจากมุมปากเธอหยดลงพื้น
“เฮ้อ ทำไมถึงมีคนบ้า เดินตามมาด้วย”
คนพูด ดูเหมือนจะกลัวการติดเชื้อโรคบ้า ตาเขาเบิกกว้างมองเวิ่นหยุนซีแล้วเดินต่อไป พร้อมทั้งถอยห่างจากเธอ
เวิ่นหยุนซีเดินตามไปอีกสักพัก ก็พบกับคนประหลาดที่เคยจับอ๋องหลินได้ก่อนหน้านี้ คนนี้ดูเหมือนจะมีตำแหน่งสูง หลังจากด่าพรรคพวกสองคนว่าเป็นพวกไร้ประโยชน์แล้ว เขาก็พาผู้ติดตามเดินไปข้างหลัง ทำให้ไม่ทันสังเกตเห็นเวิ่นหยุนซีที่เดินตามอยู่
ขบวนยังเดินต่อไป ใกล้ถึงแม่น้ำมากขึ้น
เวิ่นหยุนซีเลือกจังหวะที่เหมาะสม ดึงอ๋องหลินไปที่ริมแม่น้ำ ก่อนจะยิ้มให้กับกลุ่มคนข้างหน้า พร้อมลูบหน้าด้วยโคลนแล้วทำท่าทางเหมือนทรมาน
มีบางคนไม่พอใจที่เธอเดินแตกแถวออกจากขบวน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เวิ่นหยุนซีเดินไปที่ริมแม่น้ำ แต่ไม่ได้ลงน้ำจริงๆ เพียงแค่ทำตามแผนเดิมเพื่อจะหลบหนี จนกระทั่งพวกเขาหนีออกจากป่าได้
“ปี! ปีศาจ!” คนด้านนอกป่า เมื่อเห็นเธอแล้วก็ตกใจ ร้องเสียงดัง
เวิ่นหยุนซีไม่ทันได้อธิบายอะไร เธอรีบตะโกนไปที่กลุ่มของอ๋องหลินว่า: “รีบเตรียมน้ำและชุดยาเร็ว!”
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
หากพบเจอคำที่พิมพ์ผิด แจ้งได้เลยนะ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ต่อไปนะ