ตอนที่แล้วบทที่ 69 รับฟังเสียงแห่งความเป็นระเบียบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 71 ร่างตกสู่ความมืด

บทที่ 70: บันทึกประจำวันของซูรั่วจี๋


บทที่ 70: บันทึกประจำวันของซูรั่วจี๋

'วันที่ 6 พฤษภาคม อากาศแจ่มใส... วันนี้เหนื่อยมาก ไม่อยากอ่านหนังสือ ฝึกยิงปืนทั้งวัน'

'วันที่ 7 พฤษภาคม อากาศครึ้ม... วันนี้รู้สึกดีมาก วางหนังสือแล้วเดินออกไปฝึกยิงปืนต่อ'

'วันที่ 8 พฤษภาคม เมฆมาก... หนีเรียนโดนจับได้ ครูประจำชั้นกักตัวคุยทั้งบ่าย แถมยังได้ข้าวเย็นกินอีก อร่อยจริงๆ'

'วันที่ 9 พฤษภาคม ฝนตกเล็กน้อย... นานหลิงเป็นที่ที่ดี แต่พอถึงฤดูร้อนอากาศอบอ้าว สิ่งเดียวที่น่าเบื่อในฤดูร้อนคือความร้อนระอุ ถ้าไม่ติดว่ามีผลกระทบ ฉันอยากจะติดพลาสเตอร์สองแผ่นออกนอกบ้านเลยทีเดียว แล้วอีกอย่าง โรงเรียนเอาแต่สอบๆๆ ไม่เธอก็ฉัน ต้องสอบไปทำไมกัน!'

'วันที่ 10 พฤษภาคม ฝนตกหนัก... ผลการสอบออกมาแล้ว พอผ่านแบบเฉียดๆ โดนพ่อบ่น บอกว่ารั่วหลีได้คะแนนเต็ม ฉันกลับแค่ผ่านไปได้ยังไงเป็นพี่สาวได้ยังไง... โมโหจนต้องแอบกินขนมของรั่วหลีไป แต่ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าเธอจะไปแย่งของเสี่ยวอวี่จิงอีกที'

'วันที่ 11 พฤษภาคม ไม่มีอะไร ฝึกยิงปืน'

'วันที่ 13 พฤษภาคม อากาศร้อนจัด ใกล้จะระเบิด... แต่ก็ต้องฝึกยิงปืนต่อไป'

'วันที่ 15 พฤษภาคม เสวี่ยจ่าวก็เข้าสู่ช่วงวิกฤติ ฉันรู้สึกกดดันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ต้องพยายามแล้ว ถ้าความสามารถไม่ถึงก็ต้องทดแทนด้วยความพยายาม ฝึกยิงปืนต่อไป'

'วันที่ 19 พฤษภาคม ฝนตกหนัก... ปืนหักแล้ว!'

ไป๋อวี๋และเถารูซูมองบันทึกประจำวันบนกระดาษด้วยความเงียบงันพร้อมกัน

"บันทึกนี้ออกจะแปลกดีนะ" เถารูซูให้ความเห็น

"คนปกติจะไม่เขียนบันทึกหรอก ใครที่เขียนบันทึกคงไม่ปกติแน่" ไป๋อวี๋เอามือคลึงหว่างคิ้ว "พูดก็พูดเถอะ ทำไมบันทึกของซูรั่วจี๋ถึงมาอยู่ในหอฝึกยุทธ์เหย๋ยซุยล่ะ?"

"คงเป็นของที่ทิ้งไว้เป็นที่ระลึกมั้ง ของส่วนตัวของคนดังบางอย่างมักถูกเก็บไว้เป็นที่ระลึกอยู่แล้ว" เถารูซูเป่าปาก "หากจำเป็นก็เอาเป็นของรางวัลแจกออกไปก็ได้..."

ไป๋อวี๋ยักไหล่โดยไม่พูดอะไร

เขาเปิดหน้าต่อไป

บันทึกหน้าก่อนๆ นั้นเป็นของแถม แต่ที่สำคัญอยู่ที่บทความสั้นๆ หน้าสุดท้าย

'ช่วงวิกฤติ เป็นอุปสรรคแรกก่อนเข้าสู่ระดับหนึ่งของผู้เหนือธรรมชาติ จากประสบการณ์ส่วนตัวของฉัน เวลาของช่วงวิกฤติไม่ควรยาวเกินไป ควรจะไม่เกินหนึ่งเดือน ยิ่งเวลาของการกระตุ้นยิ่งสั้น ยิ่งสามารถเข้าถึงทักษะเหนือธรรมชาติได้ง่าย หากยืดเวลาไปนานเกินไป อาจจะทำให้เกิดทักษะเหนือธรรมชาติที่สองหรือสาม ซึ่งหมายถึงการอ่อนแอลงของทักษะเดิม'

'หากต้องการกระตุ้นการตอบสนองวิกฤติของตนเองอย่างรวดเร็ว การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งจำเป็น เป็นพื้นฐานในการเข้าสู่ช่วงวิกฤติ นอกจากนี้ยังต้องการการกระตุ้นจากด้านต่างๆ ผู้ที่ไม่เคยกระโดดบันจี้จัมพ์สามารถลองกระโดดจากที่สูง หรือคนที่กลัวผีให้ลองปิดตัวเองอยู่ในห้องแล้วดูซีรีส์สยองขวัญตอนกลางคืน ส่วนคนที่ไม่มีคู่ให้หาคู่แล้วลองทรมานตัวเองสักหนึ่งเดือน สรุปคือจะทำอะไรก็ต้องให้มันรู้สึกตื่นเต้น... ถ้าถึงขั้นนี้แล้วยังไม่เกิดการตอบสนองวิกฤติ คุณอาจจะต้องบีบตัวเองเข้าสู่สภาพคับขัน'

'สภาพคับขันนี้คืออะไร มีแต่เจ้าตัวที่จะตัดสินใจได้... สอบไม่ผ่านก็ถือเป็นสภาพคับขันในความหมายหนึ่งเหมือนกัน'

'อย่างไรก็ตาม การกระตุ้นการตอบสนองวิกฤติแบบนี้ถือเป็นการฉวยโอกาส ในความหมายหนึ่ง การจะเข้าสู่ช่วงวิกฤติและเข้าสู่ระดับเหนือธรรมชาติที่แท้จริง อันที่จริงต้องการเพียงการตอบสนองวิกฤติที่ถูกต้องในเวลาที่เพียงพอ... ช่วงวิกฤติที่แท้จริงคือการที่มันยาวนานและสามารถรักษาไว้ได้ แต่แบบนี้มักเรียกว่า การรู้แจ้งและการตื่นรู้ ไม่แน่ใจว่ามันจะใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงได้หรือไม่ แต่จากประสบการณ์ของฉันเอง ฉันเข้าสู่สภาวะรู้แจ้งในครั้งที่สามของการตอบสนองวิกฤติ ซึ่งขั้นตอนเฉพาะคือ...'

บทความสั้นยาวเป็นพันคำ เนื้อหานั้นทั้งมีประโยชน์และไม่มีประโยชน์

มีประโยชน์คือมันเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ที่แท้จริง แต่ไม่มีประโยชน์เพราะมันเป็นเพียงการอ้างอิง ไม่ใช่คำแนะนำ

การตอบสนองวิกฤติขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้จักตนเองอย่างลึกซึ้ง... ถ้าดูหนังผีแล้วเกิดการตอบสนองวิกฤติ นั่นถือว่าเป็นโชคดีมาก เพราะคนส่วนใหญ่ทั้งกลัวและไม่กลัว

เมื่ออ่านจบบทความ ไป๋อวี๋ก็ได้ยินเสียงเตือน

【ไอเท็ม: บันทึกประจำวันของซูรั่วจี๋】

【เก็บรวบรวมแล้ว: 1/4】

มันเป็นของสะสม!

แต่มันยังมีแค่หนึ่งในสี่ ยังต้องเก็บอีกสามส่วนถึงจะครบ... แล้วถ้าเก็บครบจะทำอะไรได้ล่ะ?

สามารถไปขู่ซูรั่วจี๋ด้วยการพูดว่า 'เธอไม่อยากให้ประวัติของตัวเองถูกเปิดเผยใช่ไหม?' ได้ไหมนะ?

'วันที่ 20 พฤษภาคม ฟ้าครึ้ม... วันนี้เจอกับเรื่องไม่คาดคิด จู่ ๆ ก็มีคนมาบอกว่าจะพาฉันไปดูงาน ฉันไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ก็ต้องทำตามคำสั่ง หลังจากนั้นรู้สึกถึงความกดดันที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน... โลกนี้ยังมีสิ่งที่ฉันไม่รู้จักอีกมากมาย'

'วันที่ 21 พฤษภาคม อากาศเย็น... หัวใจเริ่มหนักอึ้ง วันนี้ออกไปฝึกยิงปืนตามปกติ แต่คราวนี้รู้สึกว่ากระสุนที่ยิงออกไปนั้นเต็มไปด้วยความสับสนและความไม่มั่นใจ ทุกครั้งที่เหนี่ยวไก เหมือนกำลังยืนยันบางสิ่งบางอย่างในตัวเอง'

'วันที่ 22 พฤษภาคม ลมแรง... บ่ายวันนี้มีการฝึกฝนร่วมกับเพื่อนร่วมรุ่น ฉันไม่อยากยอมแพ้ ถึงแม้ความรู้สึกภายในจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว การเผชิญหน้ากับคู่แข่งทำให้ฉันตระหนักว่าฉันยังมีข้อบกพร่องที่ต้องปรับปรุงอีกมากมาย'

'วันที่ 23 พฤษภาคม ฝนตก... ฉันหนีออกจากการฝึกครั้งนี้ ในใจรู้สึกหน่วง ๆ เหมือนกำลังถูกทดสอบโดยสิ่งที่มองไม่เห็น การเผชิญหน้ากับความเป็นจริงช่างยากเย็น เหมือนกำลังจมอยู่ในความกดดันที่ไม่รู้จะหลุดพ้นได้อย่างไร'

'วันที่ 24 พฤษภาคม ท้องฟ้าสดใส... วันนี้กลับไปที่สนามฝึกปืน คราวนี้ได้เจอกับเถารูซูที่ยืนรออยู่ เธอยิ้มและบอกกับฉันว่า "บางครั้งการเผชิญหน้ากับความกลัวคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เราก้าวข้ามอุปสรรคได้" คำพูดนั้นกระตุ้นให้ฉันคิดถึงสิ่งที่อยู่ในใจมาตลอด... ความกลัวที่แท้จริงของฉันคืออะไร?'

'วันที่ 25 พฤษภาคม มีหมอก... เช้านี้เริ่มฝึกยิงปืนด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ ฉันตั้งใจว่าจะไม่ยอมให้ความกลัวมาหยุดฉันอีกต่อไป ทุกครั้งที่เหนี่ยวไก เหมือนเป็นการลบล้างความสับสนและความไม่มั่นใจออกไปทีละนิด'

'วันที่ 26 พฤษภาคม อากาศหนาว... ได้รับข้อความจากไป๋อวี๋ เขาถามว่าฉันโอเคไหม ฉันไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะแม้แต่ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองโอเคหรือเปล่า แต่ฉันก็รู้สึกอบอุ่นใจเล็กน้อยที่มีคนห่วงใย'

'วันที่ 27 พฤษภาคม พายุฝน... ฝึกยิงปืนอยู่กลางสายฝน ทั้งตัวเปียกโชกแต่ในใจกลับรู้สึกอิสระ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันไม่ได้ใส่ใจกับความสมบูรณ์แบบ แค่เพียงฝึกยิงอย่างเต็มที่ ฉันพบว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีจริง ๆ'

'วันที่ 28 พฤษภาคม อากาศแจ่มใส... วันนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองก้าวข้ามบางอย่างไปได้แล้ว ราวกับมีแรงบันดาลใจที่ไม่รู้จบ ฉันตระหนักได้ว่าการเอาชนะความกลัวไม่ได้หมายถึงการทำลายมัน แต่เป็นการอยู่ร่วมกับมันอย่างกล้าหาญ'

บันทึกนี้ของซูรั่วจี๋ยังคงแฝงด้วยความรู้สึกและความมุ่งมั่นที่ไม่เคยจางหาย และมันก็ทำให้ไป๋อวี๋และเถารูซูเงียบลงอีกครั้งหลังจากที่ได้อ่านจบ

"เธอเริ่มเติบโตขึ้นจริงๆ" เถารูซูเอ่ยขึ้นเบาๆ

"ใช่" ไป๋อวี๋ตอบพลางพยักหน้า "บางครั้งการต่อสู้ที่ยากที่สุดก็คือการต่อสู้กับตัวเอง"

“แล้ว...นี่เป็นบันทึกส่วนที่สองที่เราตามหาอยู่หรือเปล่านะ?” ไป๋อวี๋เปิดบันทึกที่ถืออยู่และเห็นข้อความปรากฏขึ้นอีกครั้ง

【ไอเท็ม: บันทึกประจำวันของซูรั่วจี๋】

'วันที่ 29 พฤษภาคม ฝนปรอย... วันนี้รู้สึกเหงาแปลกๆ ตอนเช้าไปที่สนามฝึกยิงปืนเหมือนเดิม แต่จู่ๆ ก็รู้สึกว่าวันเวลาช่างยาวนาน คิดถึงวันเก่าๆ ที่เคยสนุกสนานกับเพื่อนๆ เถารูซูมาหาฉันและนั่งลงข้างๆ เธอไม่ได้พูดอะไร แค่ส่งขวดน้ำให้ ฉันยิ้มเล็กๆ พลางรับมา "ขอบใจนะ" ฉันพูด'

'วันที่ 30 พฤษภาคม อากาศแจ่มใส... วันนี้ได้ข่าวจากโรงเรียนว่าจะมีการทดสอบอีกครั้งในสัปดาห์หน้า รู้สึกไม่ค่อยกดดันเหมือนครั้งก่อน อาจเพราะตอนนี้เริ่มทำใจได้มากขึ้น ว่าการทดสอบคือส่วนหนึ่งของชีวิตที่จะต้องเผชิญต่อไป'

'วันที่ 31 พฤษภาคม มีลมแรง... วันนี้เป็นวันหยุด ฉันนอนหลับพักผ่อนทั้งวัน สะดุ้งตื่นมาตอนบ่ายๆ เห็นข้อความจากไป๋อวี๋ เขาส่งรูปอาหารกลางวันที่เขาทำเองมาให้ดู "เก่งนะ ทำอาหารได้แล้ว" ฉันพิมพ์ตอบกลับไป พยายามไม่ให้ตัวเองรู้สึกโดดเดี่ยว'

'วันที่ 1 มิถุนายน ฝนตกหนัก... วันนี้ฝึกยิงปืนท่ามกลางสายฝนเหมือนที่เคยทำมาก่อน รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝึกจิตใจไปด้วย น้ำฝนที่ตกกระทบใบหน้าทำให้ใจเย็นลงอย่างบอกไม่ถูก เสียงปืนที่ดังขึ้นทุกครั้งที่ยิง เป็นเหมือนเสียงที่ยืนยันให้รู้ว่า "ฉันยังคงอยู่ที่นี่" '

'วันที่ 2 มิถุนายน อากาศครึ้ม... วันนี้ไป๋อวี๋มาหาฉัน เขามาชวนฉันไปทานข้าวที่ร้านอาหารเล็กๆ ข้างถนน อาหารที่เรียบง่ายแต่กลับทำให้รู้สึกอบอุ่น ขณะที่เรานั่งพูดคุยกัน ฉันรู้สึกว่าความกลัวและความกังวลในใจเริ่มเบาบางลง การได้พูดคุยกับคนที่เข้าใจเรา ทำให้ทุกอย่างดูง่ายขึ้น'

'วันที่ 3 มิถุนายน อากาศเย็น... วันนี้ไม่ได้ฝึกยิงปืน แค่นั่งพักผ่อนบนสนามหญ้า ฉันนั่งมองท้องฟ้า เห็นก้อนเมฆเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า พลางคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ทำไมถึงต้องยึดติดกับความสมบูรณ์แบบมากขนาดนั้น? ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่การเป็นคนที่เก่งที่สุด แต่คือการเป็นตัวของตัวเองในแบบที่ดีที่สุด'

'วันที่ 4 มิถุนายน มีหมอก... วันนี้เจอกับเถารูซูอีกครั้ง เธอชวนฉันไปเดินเล่นในเมือง เราคุยกันหลายเรื่อง ทั้งเรื่องอดีตและอนาคต เธอเล่าว่าเธอก็เคยมีช่วงเวลาที่สับสน แต่การได้เผชิญกับสิ่งต่างๆ มันทำให้เธอเติบโตขึ้น ฉันพยักหน้าเข้าใจสิ่งที่เธอพูด แต่ในใจยังคงสงสัยว่า เมื่อไหร่ฉันจะเติบโตและปลดปล่อยตัวเองจากความกลัวได้เสียที'

'วันที่ 5 มิถุนายน ท้องฟ้าแจ่มใส... วันนี้ฉันรู้สึกสดชื่นกว่าทุกวัน หยิบปืนขึ้นมาฝึกอีกครั้ง คราวนี้ความรู้สึกแตกต่างไป ฉันไม่ได้ยิงปืนเพื่อลบล้างความกลัวอีกต่อไป แต่เป็นการยิงเพื่อค้นหาความสงบในใจตนเอง ไป๋อวี๋และเถารูซูมาหาฉัน พวกเขายืนดูอยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไร ฉันยิ้มเล็กๆ และหันไปพูดกับพวกเขา "ขอบใจนะ ที่อยู่เคียงข้างกัน"'

บันทึกนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกและการเติบโตที่ซูรั่วจี๋ได้เผชิญหน้า ผ่านความกลัวและความกังวล ไป๋อวี๋และเถารูซูที่ยืนอ่านบันทึกพร้อมกันต่างก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวซูรั่วจี๋

"เธอค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปทีละนิด" เถารูซูเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ

"ใช่ ทุกคนก็ต้องผ่านช่วงเวลาแบบนี้" ไป๋อวี๋ตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ

เขามองไปที่บันทึกอีกครั้ง และได้เห็นข้อความปรากฏขึ้นอีกครั้ง

【ไอเท็ม: บันทึกประจำวันของซูรั่วจี๋】

【เก็บรวบรวมแล้ว: 3/4】

“เหลืออีกแค่หนึ่งส่วนก็จะครบแล้ว...” ไป๋อวี๋พึมพำ

“งั้นเราต้องตามหากันต่อไป” เถารูซูพูดพร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

'วันที่ 6 มิถุนายน อากาศครึ้ม... วันนี้ฉันนั่งอ่านบันทึกเก่าของตัวเอง พลางคิดถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ความกลัวที่ฉันเคยมีอยู่ตอนนี้มันเหมือนลดน้อยลงไป ฉันเริ่มมองเห็นทิศทางใหม่ที่ไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน โลกภายนอกมันกว้างใหญ่ มีสิ่งที่ฉันยังไม่ได้เรียนรู้อีกมากมาย การได้เห็นการเติบโตของตัวเองในบันทึกนี้ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับได้พบเพื่อนเก่าที่กำลังบอกเล่าเรื่องราวอันยาวนาน'

'วันที่ 7 มิถุนายน ฝนตกปรอยๆ... วันนี้ไป๋อวี๋มาหาฉันอีกครั้ง เขาไม่พูดอะไรมาก แค่ยื่นขวดน้ำให้เหมือนเคย ฉันรับมาและนั่งลงข้างๆ เขาเงียบๆ เราไม่ได้คุยกันเลย แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก แค่นั่งอยู่ด้วยกันเงียบๆ ก็เพียงพอแล้ว ทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาเข้าใจฉัน แม้ไม่ได้พูดอะไรเลย'

'วันที่ 8 มิถุนายน อากาศแจ่มใส... ฉันไปฝึกยิงปืนอีกครั้ง คราวนี้มีเถารูซูมาด้วย เธอหยิบปืนขึ้นมายืนข้างฉัน "มาลองแข่งกันสักรอบไหม?" เธอพูดด้วยรอยยิ้ม ฉันพยักหน้าและตั้งใจฝึกเหมือนที่เคยทำมา ความรู้สึกที่ครั้งหนึ่งเคยหนักอึ้งตอนนี้กลับรู้สึกเบาบางลง การฝึกครั้งนี้เหมือนการปล่อยวางทุกอย่างที่เคยแบกไว้ในใจ'

'วันที่ 9 มิถุนายน ท้องฟ้าแจ่มใส... วันนี้ฉันตัดสินใจลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน ฉันเริ่มเรียนทำอาหาร! ใช่ ฟังดูอาจไม่เกี่ยวข้องกับการฝึกยิงปืน แต่ฉันพบว่าการทำอาหารช่วยให้ฉันสงบและมีสมาธิ พอทำเสร็จฉันก็ยิ้มและชวนไป๋อวี๋กับเถารูซูมาชิม "รสชาติยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่พยายามเต็มที่แล้วนะ" พวกเขาหัวเราะและบอกว่า "ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็กินได้ล่ะน่า!" '

'วันที่ 10 มิถุนายน ฝนตกหนัก... วันนี้ฝึกยิงปืนในสภาพฝนตกอีกครั้ง น้ำฝนที่กระเซ็นใส่หน้าทำให้รู้สึกสดชื่น ไม่รู้สึกหงุดหงิดเหมือนแต่ก่อน ฉันรู้สึกว่าตัวเองเริ่มคุ้นเคยกับการฝึกในทุกสภาพอากาศ ไม่ว่าจะเป็นแดดร้อน ฝนตก หรืออากาศเย็น มันเหมือนกับฉันกำลังฝึกฝนจิตใจไปด้วย'

'วันที่ 11 มิถุนายน ฟ้าโปร่ง... วันนี้ฉันไม่ได้ไปฝึกยิงปืน ฉันเลือกที่จะนั่งพักและอ่านหนังสือแทน เป็นหนังสือที่เถารูซูแนะนำให้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองและการยอมรับข้อบกพร่องในตัวเอง ขณะที่อ่าน ฉันก็ได้เรียนรู้ว่าไม่ใช่แค่การฝึกยิงปืนเท่านั้นที่สำคัญ แต่การรู้จักตัวเองและยอมรับในสิ่งที่เราเป็นก็คือสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน'

'วันที่ 12 มิถุนายน ลมเย็นสบาย... วันนี้ไป๋อวี๋ชวนฉันและเถารูซูไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ มันเป็นการเดินเล่นที่เรียบง่าย แต่กลับรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เราหัวเราะและพูดคุยเรื่องต่างๆ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ จนถึงเรื่องอนาคตที่เรายังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ฉันเริ่มเข้าใจว่า บางครั้งชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องเต็มไปด้วยความสมบูรณ์แบบ แค่ได้อยู่กับคนที่เข้าใจเรา มันก็เพียงพอแล้ว'

'วันที่ 13 มิถุนายน มีหมอก... วันนี้ฉันกลับไปที่สนามฝึกยิงปืนอีกครั้ง คราวนี้รู้สึกสงบและมั่นคงกว่าครั้งก่อนๆ ปืนที่อยู่ในมือฉันตอนนี้ ไม่ใช่แค่เครื่องมือที่ใช้ในการฝึกฝน แต่เป็นสิ่งที่ช่วยให้ฉันเข้าใจตัวเองและเผชิญหน้ากับความกลัวในใจได้อย่างมั่นใจ ฉันยิ้มและหันไปมองเถารูซูที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอพยักหน้าให้เหมือนจะบอกว่า "เธอมาถูกทางแล้ว" '

หลังจากอ่านจบบันทึกส่วนนี้ ไป๋อวี๋รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวซูรั่วจี๋อย่างชัดเจน เถารูซูเองก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความภูมิใจในเพื่อนของเธอ

“ในที่สุด เธอก็เริ่มเข้าใจตัวเองแล้ว” เถารูซูพูดเบาๆ

ไป๋อวี๋พยักหน้า “ใช่ การเดินทางของการรู้จักตัวเองและก้าวผ่านความกลัว ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เธอก็ทำได้”

ขณะที่เขามองไปที่บันทึกประจำวันนั้น ข้อความใหม่ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

【ไอเท็ม: บันทึกประจำวันของซูรั่วจี๋】

【เก็บรวบรวมแล้ว: 4/4】

ในที่สุดเขาก็เก็บบันทึกครบทั้งหมด!

“ในเมื่อเก็บครบแล้ว แล้วต่อไปเราจะทำอะไรดีล่ะ?” เถารูซูถามด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

ไป๋อวี๋มองบันทึกในมือ แล้วยิ้มขึ้นอย่างมั่นใจ “เราก็ต้องหาวิธีใช้มันให้เป็นประโยชน์ต่อซูรั่วจี๋ไงล่ะ เพื่อให้เธอก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง”

ทั้งคู่มองหน้ากันและพยักหน้าให้กัน รู้สึกได้ว่าการผจญภัยและการเรียนรู้ของพวกเขาเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น

'วันที่ 14 มิถุนายน ฟ้าแจ่มใส... วันนี้เป็นวันที่แปลก ฉันรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าความหนักอึ้งที่เคยกดทับอยู่บนไหล่ของฉันนั้นได้จางหายไป ฉันมองดูบันทึกประจำวันที่เขียนขึ้นมาเต็มเล่ม รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้า ขณะที่ฉันคิดถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองในช่วงที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่การฝึกยิงปืน แต่เป็นการเผชิญหน้ากับความกลัว ความไม่มั่นใจ และการเรียนรู้ที่จะเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด'

'วันที่ 15 มิถุนายน มีหมอก... วันนี้ฉันและไป๋อวี๋ไปเยี่ยมโรงเรียนเก่าด้วยกัน สถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำและช่วงเวลาที่ฉันเคยกดดันตัวเองให้สมบูรณ์แบบ เราเดินผ่านห้องเรียนและสนามฝึกที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและน้ำตา ไป๋อวี๋ยืนอยู่ข้างฉัน เขาไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้มและตบไหล่ฉันเบาๆ เหมือนกับจะบอกว่า "เธอทำได้ดีแล้ว"'

'วันที่ 16 มิถุนายน ลมแรง... วันนี้เถารูซูชวนฉันไปที่หอฝึกยุทธ์เหย๋ยซุยอีกครั้ง เรานั่งคุยกันยาว เธอเล่าถึงการเดินทางของเธอที่เต็มไปด้วยความยากลำบากและการต่อสู้กับตัวเอง ฉันฟังเธอด้วยความตั้งใจและรู้สึกว่าเราสองคนต่างก็ผ่านการต่อสู้ที่คล้ายคลึงกัน ในขณะเดียวกันก็เติบโตและเรียนรู้จากมัน'

'วันที่ 17 มิถุนายน ฝนตกหนัก... วันนี้ฉันตัดสินใจออกไปฝึกยิงปืนท่ามกลางสายฝน แม้จะเปียกโชกทั้งตัวแต่ในใจกลับรู้สึกอิสระอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ฉันรู้สึกว่าได้ปลดปล่อยความกดดันในใจทั้งหมดออกมาในทุกครั้งที่เหนี่ยวไกปืน สายฝนที่ตกลงมาเหมือนล้างความกลัวและความกังวลออกไป ทิ้งไว้เพียงแค่ความมั่นใจในตัวเอง'

'วันที่ 18 มิถุนายน อากาศเย็น... วันนี้ฉันใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่บ้าน อ่านบันทึกเก่าของตัวเองและนั่งทบทวนสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมา ทุกข้อความที่เขียนลงในบันทึกนี้เป็นเหมือนหลักฐานของการเติบโตของฉันเอง ฉันเรียนรู้ว่าความกลัวและความกังวลเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้โดยไม่ต้องให้มันควบคุมเรา'

'วันที่ 19 มิถุนายน อากาศร้อน... ฉันเดินทางกลับไปที่สนามฝึกอีกครั้ง คราวนี้มาพร้อมกับไป๋อวี๋และเถารูซู พวกเขายืนมองฉันฝึกยิงปืนอย่างตั้งใจ เสียงปืนดังขึ้นในสนามฝึกพร้อมกับความรู้สึกที่แน่วแน่ในใจของฉัน ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่การเอาชนะใคร แต่คือการเอาชนะใจตัวเองและยอมรับตัวเองในทุกๆ ด้าน'

หลังจากฝึกเสร็จ ฉันเดินมาหาไป๋อวี๋และเถารูซู พวกเขายิ้มและพยักหน้าให้ฉัน "เธอทำได้ดีมาก" ไป๋อวี๋พูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

"ขอบคุณนะ ที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอด" ฉันพูดด้วยรอยยิ้มที่กว้างขึ้น พลางรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่กระจายอยู่ในใจ

หลังจากที่เก็บรวบรวมบันทึกของซูรั่วจี๋ครบทุกส่วน ไป๋อวี๋และเถารูซูตัดสินใจที่จะนำมันไปมอบให้กับเธอในวันถัดไป พวกเขารู้ว่าบันทึกนี้ไม่ได้เป็นแค่ของสะสมธรรมดา แต่มันเป็นบทบันทึกของการเติบโต

'วันที่ 20 มิถุนายน ท้องฟ้าครึ้ม... วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันเริ่มต้นการฝึกครั้งใหม่ หลังจากที่ได้พูดคุยกับไป๋อวี๋และเถารูซู ฉันตัดสินใจที่จะยกระดับการฝึกฝนของตัวเองขึ้นไปอีกขั้น ไม่ใช่เพื่อพิสูจน์ให้ใครเห็น แต่เพื่อตัวฉันเอง ฉันต้องการที่จะใช้ความรู้และความเข้าใจที่ได้จากการเผชิญหน้ากับตัวเองมาเป็นแรงผลักดันในการพัฒนา ฉันหยิบปืนขึ้นมา ตั้งสมาธิ แล้วฝึกยิงครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่เหนี่ยวไก ฉันรู้สึกถึงความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้นในใจ'

'วันที่ 21 มิถุนายน ฝนตกหนัก... วันนี้ฉันตื่นแต่เช้า ฝนตกหนักจนมองไม่เห็นทางข้างหน้า แต่ฉันไม่ปล่อยให้สภาพอากาศมาขวางการฝึกของฉันอีกต่อไป การเดินลุยฝนไปยังสนามฝึกนั้นทำให้ฉันรู้สึกเข้มแข็งขึ้น เหมือนกับว่าตอนนี้ไม่มีสิ่งใดจะหยุดฉันได้ ฉันฝึกยิงปืนต่อไปท่ามกลางสายฝน ปล่อยให้หยดน้ำเย็นเฉียบตกกระทบใบหน้า มันทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นและสงบอย่างบอกไม่ถูก'

'วันที่ 22 มิถุนายน อากาศร้อน... วันนี้อากาศร้อนจัด แต่ฉันรู้สึกสบายใจ ฉันได้กลับมาที่สนามฝึกเพื่อซ้อมการยิงปืนและฝึกสมาธิให้แน่วแน่ ไป๋อวี๋และเถารูซูก็มาด้วย พวกเขามายืนดูอยู่ข้างๆ และให้กำลังใจฉัน พวกเขาไม่ได้พูดอะไรมาก แต่การมีพวกเขาอยู่ใกล้ๆ ก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าไม่ต้องแบกทุกอย่างไว้เพียงลำพัง'

'วันที่ 23 มิถุนายน ท้องฟ้าแจ่มใส... วันนี้เถารูซูชวนฉันไปที่หอฝึกยุทธ์เหย๋ยซุยอีกครั้ง ฉันตอบตกลงและพวกเราไปฝึกด้วยกัน การฝึกในวันนี้ต่างจากครั้งก่อนๆ เพราะเราไม่ได้แข่งขันกัน แต่ฝึกฝนเพื่อพัฒนาตัวเอง เถารูซูบอกฉันว่า "การฝึกที่ดีที่สุดคือการรู้จักจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง และใช้มันเพื่อก้าวไปข้างหน้า" ฉันพยักหน้าเห็นด้วย คำพูดของเธอทำให้ฉันเริ่มคิดมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการฝึกฝนที่เหมาะสมกับตัวเอง'

'วันที่ 24 มิถุนายน ลมเย็น... วันนี้เป็นวันที่เงียบสงบ ฉันไม่ได้ไปสนามฝึก แต่เลือกที่จะนั่งสมาธิในห้องพักของตัวเอง เสียงลมพัดผ่านหน้าต่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีสมาธิ การไตร่ตรองถึงสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ในช่วงที่ผ่านมานั้นช่วยให้ฉันเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ฉันรู้สึกว่าตอนนี้ฉันพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต'

'วันที่ 25 มิถุนายน มีหมอก... วันนี้ฉันและเถารูซูตัดสินใจไปเยี่ยมชมหมู่บ้านเล็กๆ ในเขตภูเขา ที่นี่มีบรรยากาศเงียบสงบและเป็นธรรมชาติ ฉันรู้สึกว่าการได้มาที่นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้พักผ่อนและฟื้นฟูพลังงาน ทั้งคู่ของเราเดินเล่นไปตามทางที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจี มันทำให้ฉันรู้สึกถึงความสงบและความสุขที่มาจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ธรรมชาติมอบให้'

'วันที่ 26 มิถุนายน อากาศแจ่มใส... วันนี้ฉันกลับมาที่สนามฝึกด้วยจิตใจที่สดชื่นและมุ่งมั่นมากขึ้น ฉันเริ่มฝึกยิงปืนอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่การยิงแบบเดิมๆ ฉันพยายามหาวิธีใหม่ๆ ในการปรับปรุงทักษะของตัวเอง การทดลองสิ่งใหม่ๆ ทำให้ฉันได้เรียนรู้และเข้าใจว่าการฝึกฝนที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ที่ความสมบูรณ์แบบ แต่อยู่ที่การเปิดใจให้กว้างและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง'

'วันที่ 27 มิถุนายน อากาศเย็นสบาย... วันนี้ไป๋อวี๋ชวนฉันและเถารูซูไปปีนเขา การปีนเขานี้เป็นการทดสอบทั้งร่างกายและจิตใจของฉัน แต่ฉันก็มุ่งมั่นที่จะไปถึงยอดเขา เมื่อเราปีนขึ้นไปถึงยอดสุด ฉันมองไปรอบๆ เห็นทิวทัศน์ที่กว้างไกล ท้องฟ้าใสและลมที่พัดผ่านทำให้รู้สึกถึงความสำเร็จที่ได้ฝ่าฟันมาจนถึงจุดนี้ ฉันหันไปมองเพื่อนๆ ของฉัน ทั้งคู่ยิ้มให้ และฉันก็รู้สึกได้ว่าเราได้สร้างความทรงจำที่สำคัญร่วมกัน'

ในช่วงนี้ การเดินทางของซูรั่วจี๋เต็มไปด้วยการเติบโตและการเรียนรู้ เธอเริ่มเปิดใจรับความเปลี่ยนแปลงและยอมรับตัวเองในทุกๆ ด้าน บันทึกประจำวันของเธอยังคงบันทึกเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ความหวัง และมิตรภาพที่แน่นแฟ้น

หลังจากฝึกซ้อมและใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนๆ ต่อไป ซูรั่วจี๋เริ่มรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงในตัวเอง ไม่ใช่แค่ความแข็งแกร่งทางร่างกาย แต่เป็นความแข็งแกร่งทางจิตใจที่เติบโตขึ้นจากการเผชิญหน้ากับความกลัวและการเปลี่ยนแปลง

ไป๋อวี๋และเถารูซูมองซูรั่วจี๋ด้วยความภูมิใจ พวกเขาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวเธอที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ในที่สุดเธอก็ได้ค้นพบความกล้าหาญที่อยู่ภายในตัวเอง และพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าในเส้นทางที่เธอเลือก

"ตอนนี้เธอพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งแล้ว" เถารูซูกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ซูรั่วจี๋พยักหน้า "ใช่ ฉันพร้อมแล้ว ขอบคุณพวกนายที่อยู่เคียงข้างกันมาเสมอ"

ทั้งสามคนเดินออกไปด้วยกัน พร้อมกับเสียงหัวเราะและความสุขที่สะท้อนอยู่ในดวงตา การเดินทางของพวกเขาในฐานะเพื่อนร่วมทางเพิ่งจะเริ่มต้นใหม่ พร้อมกับความทรงจำและมิตรภาพที่จะแนบแน่นขึ้นในทุกก้าวของการเดินทางนี้

'วันที่ 28 มิถุนายน ฝนตกปรอยๆ... วันนี้ฉันเริ่มต้นวันด้วยความรู้สึกสดชื่นเหมือนทุกสิ่งเริ่มเข้าที่เข้าทาง ตอนเช้าเถารูซูชวนฉันไปออกกำลังกายที่สนามฝึกยุทธ์เหย๋ยซุย พวกเราฝึกด้วยกันอย่างสนุกสนาน รู้สึกเหมือนเป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่ง หลังจากฝึกเสร็จ เรานั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่ มองดูหยาดฝนโปรยปรายรอบตัว รู้สึกสงบใจเหมือนกับว่าปัญหาและความกังวลทั้งหมดได้ถูกล้างออกไปกับสายฝน'

'วันที่ 29 มิถุนายน ฟ้าแจ่มใส... วันนี้ฉันกลับไปที่สนามฝึกตามปกติ ไป๋อวี๋บอกว่าตอนนี้ฉันไม่ใช่แค่ยิงปืนเก่งขึ้น แต่ยังมีความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นในตัวเองด้วย ฉันฟังคำพูดของเขาแล้วยิ้มเล็กๆ ขณะที่หยิบปืนขึ้นมา ฉันรู้ว่าทักษะที่ฉันฝึกฝนมาจนถึงตอนนี้ไม่ใช่แค่เพราะการฝึกหนักเท่านั้น แต่เป็นเพราะการเรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเองและก้าวข้ามความกลัวไป'

'วันที่ 30 มิถุนายน ลมเย็น... วันนี้ฉันใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่บ้านเพื่อทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด ขณะที่มองดูบันทึกที่เขียนเต็มไปด้วยความทรงจำ ฉันรู้สึกซาบซึ้งในทุกๆ ช่วงเวลาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกท้อแท้หรือช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุข ทุกอย่างนั้นรวมกันทำให้ฉันเป็นฉันในตอนนี้ ฉันยิ้มให้กับตัวเองและปิดบันทึกด้วยใจที่สงบ'

'วันที่ 1 กรกฎาคม อากาศร้อน... วันนี้ฉันตัดสินใจออกไปเที่ยวคนเดียวเพื่อทดสอบความรู้สึกและตัวเอง ฉันเดินไปตามถนนในเมืองและแวะชมร้านค้าเล็กๆ บรรยากาศที่อบอุ่นและผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ทำให้ฉันรู้สึกได้ว่าชีวิตนั้นเต็มไปด้วยสีสันและความหมาย การเดินคนเดียวในครั้งนี้ทำให้ฉันมั่นใจมากขึ้น ว่าฉันสามารถเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง'

'วันที่ 2 กรกฎาคม ท้องฟ้าแจ่มใส... วันนี้ฉันและเถารูซูไปเยี่ยมเยียนหมู่บ้านเล็กๆ ในชนบทอีกครั้ง ที่นี่อากาศบริสุทธิ์และเต็มไปด้วยความสงบ เราสองคนเดินเล่นในทุ่งนาและพูดคุยกันถึงเรื่องอนาคต เธอถามฉันว่า "แล้วเธอมีเป้าหมายอะไรต่อไปหลังจากนี้?" ฉันนิ่งคิดสักครู่แล้วตอบว่า "ฉันอยากใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ฝึกฝนตนเองต่อไป และอยู่กับสิ่งที่ฉันรักโดยไม่ลังเล" เธอยิ้มและบอกว่า "นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เธอควรทำแล้วล่ะ"'

'วันที่ 3 กรกฎาคม ฝนตกหนัก... วันนี้ฝนตกหนักทั้งวัน ฉันนั่งอยู่ที่สนามฝึกและมองดูสายฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย มันทำให้ฉันรู้สึกถึงการเดินทางที่ยาวนานและท้าทายที่ฉันได้ผ่านมา ตอนนี้ฉันไม่กลัวฝนอีกต่อไปแล้ว เพราะฉันรู้ว่าหลังฝนตก ฟ้าก็จะใสสว่างเสมอ เช่นเดียวกับชีวิตที่เราจะต้องก้าวผ่านอุปสรรคไป'

'วันที่ 4 กรกฎาคม ลมเย็น... วันนี้ฉันและไป๋อวี๋ตัดสินใจจะร่วมกันตั้งกลุ่มฝึกยุทธ์เล็กๆ สำหรับฝึกฝนและแบ่งปันประสบการณ์ให้กับคนอื่นๆ ฉันอยากจะใช้ความรู้และประสบการณ์ที่ฉันได้ผ่านมาเพื่อช่วยเหลือคนอื่นที่กำลังต่อสู้กับความกลัวในใจของตัวเอง การช่วยเหลือและสนับสนุนผู้อื่นเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกมีคุณค่าและความสุข'

'วันที่ 5 กรกฎาคม อากาศแจ่มใส... วันนี้เป็นวันที่เราก่อตั้งกลุ่มฝึกยุทธ์อย่างเป็นทางการ คนที่มาร่วมในวันนี้มีทั้งนักเรียนและคนที่สนใจจะฝึกฝนตนเอง ฉันมองเห็นแววตาของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหวัง มันทำให้ฉันนึกถึงตัวเองในอดีต และฉันยิ้มให้พวกเขา พูดว่า "ทุกคนมีเส้นทางที่ต้องก้าวผ่านกันทั้งนั้น มันไม่สำคัญว่าเราจะใช้เวลานานแค่ไหน แต่สำคัญที่เราจะไม่หยุดที่จะพยายาม" '

ไป๋อวี๋และเถารูซูมองซูรั่วจี๋ในขณะที่เธอกล่าวกับกลุ่มผู้ร่วมฝึกฝนใหม่ด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ พวกเขาต่างรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเพื่อนของพวกเขา ซูรั่วจี๋ได้เปลี่ยนแปลงจากคนที่เคยกลัวและไม่มั่นใจในตัวเอง สู่คนที่เข้มแข็งและพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นในการเผชิญหน้ากับความกลัวของตนเอง

"ดูเหมือนเธอจะพบเส้นทางของตัวเองแล้ว" เถารูซูพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม

ไป๋อวี๋พยักหน้า "ใช่ ตอนนี้เธอได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ แล้ว"

ทั้งสามคนยืนมองกลุ่มผู้ฝึกฝนที่กำลังเริ่มการฝึกอย่างขะมักเขม้น ซูรั่วจี๋หันมายิ้มให้กับเพื่อนของเธอ “ขอบใจพวกนายที่อยู่เคียงข้างและสนับสนุนฉันมาตลอดนะ”

“ไม่เป็นไร พวกเราจะเดินไปด้วยกัน” ไป๋อวี๋ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

การเดินทางของซูรั่วจี๋ในบทนี้อาจจะจบลง แต่การเดินทางครั้งใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความหวังเพิ่งเริ่มต้นขึ้น เธอพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยจิตใจที่มั่นคง และพร้อมที่จะเป็นกำลังใจให้กับผู้อื่นในเส้นทางที่ต้องเดินผ่านไปด้วยเช่นกัน

'วันที่ 6 กรกฎาคม ฟ้าแจ่มใส... วันนี้เป็นวันแรกที่กลุ่มฝึกยุทธ์ของพวกเราเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ผู้คนมาร่วมมากกว่าที่คาดคิดไว้ แต่ละคนมีเหตุผลที่แตกต่างกันในการเข้าร่วม บางคนมองหาความท้าทาย บางคนต้องการเอาชนะความกลัวในใจ และบางคนเพียงแค่อยากพบเจอเพื่อนใหม่ในเส้นทางนี้ ฉันยืนอยู่หน้ากลุ่ม พลางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า "ยินดีต้อนรับทุกคนที่มาร่วมเดินทางไปกับพวกเรา วันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ขอให้ทุกคนจงพยายามและไม่ย่อท้อในเส้นทางของตัวเอง" '

'วันที่ 7 กรกฎาคม อากาศร้อน... วันนี้เราเริ่มการฝึกแบบเบาๆ เพื่อให้สมาชิกใหม่ได้ปรับตัวและรู้จักกันมากขึ้น ฉันและเถารูซูสอนการฝึกพื้นฐานการยิงปืนและการออกกำลังกายที่เน้นการฝึกจิตใจ ทุกคนทำได้ดี แม้ว่าจะมีบางคนที่รู้สึกท้อแท้ในตอนแรก แต่เมื่อพวกเขาเห็นการสนับสนุนจากคนรอบข้าง ก็กลับมาฮึดสู้ใหม่อีกครั้ง ฉันมองดูพวกเขาด้วยความภูมิใจและรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำสิ่งที่มีความหมาย'

'วันที่ 8 กรกฎาคม ลมพัดเย็น... วันนี้ไป๋อวี๋เข้ามาช่วยสอนการฝึกสมาธิ เขามีวิธีการสอนที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง ทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายและมีสมาธิได้ง่ายขึ้น ฉันยืนมองดูเขาที่กำลังสอนด้วยความตั้งใจและมีความสุขที่ได้เห็นว่าทุกคนกำลังพยายามอย่างเต็มที่ การฝึกสมาธินั้นสำคัญมาก มันช่วยให้เราโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และลดความกังวลที่สะสมอยู่ในใจ'

'วันที่ 9 กรกฎาคม ฝนตกหนัก... วันนี้แม้ฝนจะตกหนัก แต่พวกเราไม่ได้ยกเลิกการฝึกซ้อม สมาชิกในกลุ่มทุกคนยังคงมาที่สนามฝึกพร้อมด้วยกำลังใจที่เต็มเปี่ยม ฉันแนะนำให้พวกเขาฝึกยิงปืนในสายฝน เพื่อทดสอบความมุ่งมั่นและการตั้งสมาธิของพวกเขา ทุกคนต่างทำได้ดี แม้ว่าฝนจะตกลงมาอย่างหนัก แต่เสียงหัวเราะและเสียงสนับสนุนกันในกลุ่มทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น'

'วันที่ 10 กรกฎาคม ท้องฟ้าแจ่มใส... วันนี้เป็นวันพักฝึกซ้อม พวกเราตัดสินใจจัดงานเลี้ยงเล็กๆ เพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อนและสนุกสนาน พวกเรานำอาหารมาร่วมกันแบ่งปันและนั่งพูดคุยกัน ฉันได้ยินเสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขของทุกคน ฉันคิดว่าเป้าหมายของกลุ่มฝึกยุทธ์นี้ไม่ใช่แค่การฝึกฝนทักษะ แต่คือการสร้างสังคมเล็กๆ ที่เราสามารถเป็นที่พึ่งให้กันและกันได้'

'วันที่ 11 กรกฎาคม มีหมอก... วันนี้ฉันและเถารูซูพาสมาชิกกลุ่มไปฝึกยิงปืนที่ภูเขา หมอกที่ลอยรอบตัวเราทำให้บรรยากาศเงียบสงบและลึกลับ ฉันบอกพวกเขาว่า "การยิงปืนในหมอกหนาทึบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จงจำไว้ว่า สายตาและจิตใจของเราคือสิ่งที่นำทางเรา" ทุกคนตั้งใจฝึกอย่างจริงจัง แม้จะมองเห็นไม่ชัด แต่การฝึกครั้งนี้ทำให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะเชื่อในตัวเอง'

'วันที่ 12 กรกฎาคม ลมเย็นสบาย... วันนี้ฉันได้พูดคุยกับสมาชิกบางคนที่มีปัญหากับการฝึกฝน พวกเขาบอกว่ารู้สึกไม่มั่นใจและกังวลว่าจะไม่สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองได้ ฉันยิ้มให้พวกเขาและเล่าเรื่องราวของฉันเองในอดีตที่เคยประสบปัญหาและความกลัวเช่นเดียวกัน "เราทุกคนต่างมีช่วงเวลาที่รู้สึกไม่มั่นใจ แต่สิ่งที่สำคัญคือการไม่ยอมแพ้ จงให้โอกาสตัวเองได้ผิดพลาดและเรียนรู้ แล้ววันหนึ่งเธอจะพบว่าเธอแข็งแกร่งขึ้น"'

'วันที่ 13 กรกฎาคม อากาศเย็น... วันนี้ไป๋อวี๋มาพร้อมกับความคิดใหม่ๆ เขาบอกว่าเราควรเริ่มสอนการฝึกจิตใจให้กับสมาชิกในกลุ่มด้วย นอกจากการฝึกทักษะร่างกายแล้ว การฝึกจิตใจก็สำคัญไม่แพ้กัน ฉันเห็นด้วยกับความคิดของเขา ดังนั้นเราจึงเริ่มเตรียมแผนการฝึกใหม่สำหรับทุกคน เพื่อให้พวกเขาได้ฝึกความอดทนและการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง'

'วันที่ 14 กรกฎาคม ฟ้าแจ่มใส... วันนี้ฉันรู้สึกถึงความสุขที่มากขึ้นในใจ ขณะที่มองดูสมาชิกทุกคนที่กำลังฝึกซ้อมอย่างตั้งใจ ฉันนึกถึงเส้นทางที่ยาวนานที่ฉันได้ผ่านมา ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทุกก้าวที่ฉันได้เดินมาเต็มไปด้วยความหมาย ฉันได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นจากการเผชิญหน้ากับความกลัว และตอนนี้ฉันได้พบกับกลุ่มคนที่พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน ฉันรู้สึกว่าเส้นทางของเราเพิ่งจะเริ่มต้นและยังมีเรื่องราวมากมายที่รออยู่ข้างหน้า'

การฝึกฝนและการสร้างมิตรภาพในกลุ่มฝึกยุทธ์นี้ทำให้ซูรั่วจี๋ได้พบกับความหมายใหม่ของชีวิต ไม่ใช่แค่การฝึกฝนทักษะเพื่อให้เก่งขึ้น แต่คือการสร้างความสัมพันธ์และการช่วยเหลือกันในเส้นทางของการเติบโต

ไป๋อวี๋และเถารูซูยืนมองกลุ่มคนที่ฝึกซ้อมอยู่ด้วยความภาคภูมิใจ พวกเขาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวซูรั่วจี๋ที่กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ในที่สุด การเดินทางของพวกเขาก็ไม่ใช่การเดินทางของแต่ละคนอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นการเดินทางร่วมกันของกลุ่มคนที่พร้อมจะสนับสนุนและเติบโตไปด้วยกัน

“นี่แหละคือสิ่งที่เราฝันไว้” ไป๋อวี๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรากำลังสร้างอะไรที่สำคัญมากจริงๆ”

“ใช่” ซูรั่วจี๋ตอบพร้อมกับสายตาที่มุ่งมั่น “เรากำลังสร้างสังคมที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและการสนับสนุน ซึ่งจะทำให้ทุกคนได้เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด”

และเช่นนั้นเอง การเดินทางที่แท้จริงของพวกเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้น ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความไม่แน่นอน แต่ตอนนี้ พวกเขามีสิ่งหนึ่งที่มั่นคงอยู่เสมอ นั่นคือ มิตรภาพและความหวัง

'วันที่ 15 กรกฎาคม ฝนตกหนัก... วันนี้ฉันตื่นมาและพบว่าฝนตกหนักตั้งแต่เช้าจนมองไม่เห็นท้องฟ้า แต่ฉันก็ยังออกไปที่สนามฝึกยุทธ์เหมือนทุกวัน พอไปถึงก็เห็นสมาชิกทุกคนยืนรออยู่แล้ว แม้จะเปียกฝนไปทั้งตัวแต่แววตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ฉันยิ้มและรู้สึกตื้นตันใจ พวกเขาไม่ได้มาเพราะการฝึกเพียงอย่างเดียว แต่เพราะมิตรภาพและการสนับสนุนที่เรามอบให้กันและกัน'

'วันที่ 16 กรกฎาคม อากาศแจ่มใส... วันนี้ฉันและไป๋อวี๋วางแผนการฝึกแบบใหม่ที่เน้นการฝึกทักษะและการปรับจิตใจไปพร้อมกัน เราเริ่มด้วยการนั่งสมาธิกลางสนามฝึก ท่ามกลางความเงียบสงบที่ปกคลุมทุกคน ฉันบอกให้พวกเขาโฟกัสที่ลมหายใจของตัวเองและปล่อยความกังวลออกไป เราฝึกฝนแบบนี้อยู่สักพักก่อนจะเริ่มการฝึกทักษะการยิงปืน ทุกคนทำได้ดีขึ้นมาก การฝึกสมาธิช่วยให้พวกเขามีสติและโฟกัสกับเป้าหมายที่อยู่ตรงหน้า'

'วันที่ 17 กรกฎาคม ลมเย็นสบาย... วันนี้เถารูซูเข้ามาช่วยสอนวิธีฝึกการใช้ร่างกายและจิตใจร่วมกัน เธอเน้นถึงความสำคัญของการรักษาสมดุลระหว่างทักษะการต่อสู้และการควบคุมอารมณ์ เธอพูดว่า "การต่อสู้ที่แท้จริงไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในสนามฝึก แต่เกิดขึ้นในใจของเราเองด้วย" ฉันมองดูสมาชิกทุกคนที่ฟังเธออย่างตั้งใจและรู้สึกว่าเรากำลังไปในทิศทางที่ถูกต้อง'

'วันที่ 18 กรกฎาคม ฝนปรอย... วันนี้เราตัดสินใจพาสมาชิกกลุ่มไปฝึกในป่า เพื่อให้พวกเขาได้สัมผัสกับบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิม การฝึกในป่าไม่ได้เป็นแค่การทดสอบทักษะ แต่ยังเป็นการฝึกใจให้กล้าเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดคิด เราเดินฝ่าป่าท่ามกลางฝนปรอยๆ และเสียงธรรมชาติรอบตัว มันทำให้พวกเขารู้สึกถึงความสงบที่มาจากการอยู่กับธรรมชาติ'

'วันที่ 19 กรกฎาคม ฟ้าแจ่มใส... วันนี้เรากลับมาที่สนามฝึกยุทธ์อีกครั้ง ทุกคนพร้อมที่จะฝึกอย่างหนัก ฉันแนะนำให้พวกเขาทดลองสิ่งใหม่ๆ ในการฝึกของตัวเอง เช่น เปลี่ยนท่าทางการยิงปืนหรือฝึกการเคลื่อนไหวที่ไม่เคยทำมาก่อน พวกเขาดูเหมือนจะสนุกกับการค้นหาสิ่งใหม่ๆ ในตัวเอง ฉันมองดูพวกเขาด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ เพราะฉันรู้ว่าพวกเขากำลังเติบโตและก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเอง'

'วันที่ 20 กรกฎาคม มีหมอก... วันนี้เป็นวันที่เราจัดกิจกรรมพิเศษให้กับสมาชิกกลุ่ม เราตั้งหัวข้อสนทนาที่ให้ทุกคนแชร์เรื่องราวของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความกลัว ความล้มเหลว หรือความสำเร็จ ทุกคนต่างเปิดใจพูดคุยกันอย่างไม่อาย มันทำให้เราทุกคนรู้สึกเชื่อมโยงกันมากขึ้น พอจบกิจกรรมฉันรู้สึกได้ถึงความสามัคคีและกำลังใจที่เต็มไปด้วยพลังบวกในกลุ่มของเรา'

'วันที่ 21 กรกฎาคม อากาศร้อน... วันนี้เราเน้นการฝึกทักษะที่ใช้พละกำลังเป็นหลัก ฉันและเถารูซูช่วยกันสอนวิธีการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและความยืดหยุ่นของร่างกาย ทุกคนดูเหนื่อยแต่ยังไม่ย่อท้อ พวกเขายังคงฝึกฝนต่อไป ฉันเห็นแววตาของพวกเขาที่เปลี่ยนไปจากตอนแรกที่มาที่นี่ พวกเขามีความมุ่งมั่นและความกล้าเผชิญหน้ากับทุกความท้าทาย'

'วันที่ 22 กรกฎาคม ลมเย็น... วันนี้ไป๋อวี๋พูดกับฉันและเถารูซูเกี่ยวกับแผนการจัดการแข่งขันฝึกซ้อมในกลุ่ม เป็นการทดสอบทักษะและความก้าวหน้าของทุกคน ฉันเห็นด้วยกับความคิดนี้ เพราะมันจะเป็นโอกาสที่ทุกคนจะได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ฉันตื่นเต้นและรู้สึกว่ามันจะเป็นวันที่สำคัญอีกวันหนึ่งในเส้นทางการฝึกฝนของพวกเรา'

การฝึกฝนและการเติบโตของกลุ่มฝึกยุทธ์ในทุกๆ วันทำให้ซูรั่วจี๋เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวสมาชิกทุกคน พวกเขากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ ทุกคนไม่ได้มองว่าการฝึกเป็นแค่การพัฒนาทักษะทางกาย แต่เป็นการพัฒนาจิตใจและการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น

"เรากำลังสร้างสิ่งที่มีคุณค่ามากจริงๆ" ซูรั่วจี๋พูดขึ้นเมื่อมองดูสมาชิกทุกคนในสนามฝึก

"ใช่ มันมากกว่าแค่การฝึกยุทธ์ แต่มันคือการสร้างชุมชนที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและการสนับสนุนกัน" ไป๋อวี๋ตอบพร้อมรอยยิ้ม

“และนี่ก็เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น” เถารูซูเสริมด้วยความมุ่งมั่น

ทั้งสามคนยืนมองสนามฝึกที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงพูดคุย และเสียงของการฝึกซ้อม พวกเขารู้ว่าการเดินทางของกลุ่มนี้ยังคงต้องไปต่ออีกยาวไกล แต่พวกเขามีความมั่นใจว่าพร้อมจะก้าวผ่านทุกอุปสรรคไปด้วยกัน

'วันที่ 23 กรกฎาคม อากาศร้อน... วันนี้เป็นวันพิเศษที่ทุกคนรอคอย เพราะเราจัดการแข่งขันฝึกซ้อมภายในกลุ่มขึ้นเป็นครั้งแรก สนามฝึกเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สมาชิกทุกคนต่างก็ตั้งใจฝึกฝนมาอย่างหนักเพื่อวันนี้ ฉันยืนอยู่ด้านหน้า มองดูพวกเขาในขณะที่อธิบายกติกาและกฎของการแข่งขัน "การแข่งขันนี้ไม่ใช่เพื่อหาผู้ชนะหรือผู้แพ้ แต่เพื่อให้พวกเธอได้ทดสอบและรู้จักตัวเองมากขึ้น ดังนั้นจงสนุกกับมันให้เต็มที่" ฉันกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ทุกคนพยักหน้าและเตรียมตัวเข้าสู่สนาม'

'วันนี้มีหลายประเภทของการแข่งขัน ทั้งการยิงปืน การฝึกสมาธิ การประลองต่อสู้ และการทดสอบความอดทน ทุกคนลงแข่งขันกันด้วยความมุ่งมั่น บางคนรู้สึกตื่นเต้นและประหม่า แต่เมื่อมองไปที่เพื่อนๆ ในกลุ่มที่ส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจ ก็ทำให้พวกเขามีพลังใจมากขึ้น ฉันและเถารูซูช่วยกันดูแลการแข่งขันอย่างใกล้ชิดและให้คำแนะนำเมื่อจำเป็น ไป๋อวี๋เป็นคนคอยดูแลการประเมินผลและให้คะแนนอย่างยุติธรรม'

'การประลองในวันนี้ไม่ได้มีเพียงการชิงชัยเท่านั้น แต่ยังเป็นการเรียนรู้และให้กำลังใจกันในกลุ่ม ทุกคนต่างสอนกัน แบ่งปันเทคนิคและประสบการณ์ของตัวเอง ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น ฉันเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่มาจากใจของพวกเขา แม้ว่าจะเหนื่อยล้าจากการแข่งขัน แต่ก็ไม่มีใครย่อท้อ'

'ในตอนบ่าย การแข่งขันได้มาถึงช่วงสุดท้าย คือการฝึกสมาธิขั้นสูงที่ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก ทุกคนต้องนั่งสงบนิ่งและโฟกัสที่การหายใจของตัวเอง เถารูซูยืนข้างๆ คอยแนะนำและให้กำลังใจ "จงมองเข้าไปในใจของตัวเอง ปล่อยความคิดและความกังวลออกไปให้หมด แล้วเธอจะพบความสงบที่แท้จริง" เสียงของเธอนุ่มนวลและสร้างความมั่นใจให้กับทุกคน'

'หลังจากการแข่งขันจบลงในตอนเย็น พวกเรานั่งล้อมวงกันเพื่อสรุปและพูดคุยถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากวันนี้ สมาชิกแต่ละคนแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกตื่นเต้น ความกลัว ความท้าทาย หรือความภูมิใจที่ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ฉันฟังพวกเขาด้วยความตื้นตันใจ มันทำให้ฉันรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้มีความหมายเพียงใด'

'ในที่สุด ฉันประกาศผลการแข่งขัน แม้จะมีผู้ชนะในแต่ละประเภท แต่สิ่งที่ฉันพูดกับพวกเขาคือ "พวกเธอทุกคนคือผู้ชนะ เพราะพวกเธอได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง และนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด" พวกเขาต่างปรบมือให้กันและกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและมิตรภาพ'

'วันที่ 24 กรกฎาคม ฝนตก... วันนี้เป็นวันพักผ่อนหลังจากการแข่งขันเมื่อวาน ทุกคนต่างรู้สึกเหนื่อยล้าแต่ก็ภูมิใจในตัวเอง ฉันเห็นสมาชิกบางคนนั่งพูดคุยกันเรื่องการแข่งขัน แบ่งปันความคิดและทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้ พวกเขาเริ่มสนิทสนมและเข้าใจกันมากขึ้น มิตรภาพในกลุ่มนั้นเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน ฉันมองดูพวกเขาด้วยความสุขใจ เพราะรู้ว่าเราได้สร้างสังคมเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยการสนับสนุนและการยอมรับซึ่งกันและกัน'

'วันที่ 25 กรกฎาคม ฟ้าโปร่ง... วันนี้เราเริ่มการฝึกซ้อมตามปกติ แต่ทุกคนดูเหมือนมีพลังมากขึ้น อาจเป็นเพราะการแข่งขันเมื่อวานทำให้พวกเขามีแรงบันดาลใจใหม่ๆ พวกเขามีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาตัวเองและแบ่งปันสิ่งที่ได้เรียนรู้ให้กับเพื่อนๆ ฉันเห็นพวกเขาสอนกันและให้กำลังใจกันอย่างเป็นธรรมชาติ มันทำให้ฉันตระหนักว่า เราไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เก่งที่สุด แต่การอยู่ในกลุ่มที่พร้อมจะพัฒนาตัวเองและสนับสนุนกันไปเรื่อยๆ นั้นคือสิ่งที่มีค่าที่สุด'

บรรยากาศของกลุ่มฝึกยุทธ์เปลี่ยนไปอย่างมาก สมาชิกทุกคนเริ่มมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นและเข้าใจกันมากขึ้น พวกเขากลายเป็นครอบครัวเล็กๆ ที่พร้อมจะสนับสนุนกันในการเผชิญหน้ากับความท้าทายไปข้างหน้า ซูรั่วจี๋, ไป๋อวี๋ และเถารูซูรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของกลุ่มที่พวกเขาร่วมกันสร้างขึ้น

"เธอเห็นไหม? พวกเขาเปลี่ยนไปมากแค่ไหน" เถารูซูพูดกับซูรั่วจี๋ด้วยรอยยิ้ม

"ใช่ พวกเขาทั้งแข็งแกร่งขึ้นและมีความมั่นใจมากขึ้น" ซูรั่วจี๋ตอบพร้อมกับมองดูสมาชิกในกลุ่มที่กำลังฝึกซ้อมอย่างมุ่งมั่น

"และนั่นก็เป็นเพราะเธอด้วยนะ ซูรั่วจี๋" ไป๋อวี๋กล่าว "เธอเป็นแรงบันดาลใจและผู้นำที่ทำให้ทุกคนกล้าก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง"

ซูรั่วจี๋ยิ้มออกมา "ไม่ใช่แค่ฉันหรอก พวกนายก็เช่นกัน พวกเราทุกคนร่วมกันสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา"

และเช่นนั้นเอง กลุ่มฝึกยุทธ์ของพวกเขายังคงดำเนินต่อไป ด้วยมิตรภาพ ความทุ่มเท และความมุ่งมั่นที่จะเติบโตไปด้วยกัน พวกเขาได้ค้นพบแล้วว่าการเดินทางนี้ไม่ใช่เพียงแค่การฝึกยุทธ์ แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและยอมรับตัวเองในแบบที่ดีที่สุด

'วันที่ 26 กรกฎาคม อากาศร้อน... วันนี้เป็นวันที่ร้อนอบอ้าว ฉันพาสมาชิกกลุ่มไปฝึกกลางแจ้งเพื่อทดสอบความอดทนของพวกเขา ฉันบอกกับพวกเขาว่า "อากาศร้อนหรือสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากคือบททดสอบหนึ่งของชีวิต แต่ถ้าเราสามารถฝ่าฟันไปได้ ทุกอย่างจะดูง่ายขึ้นในภายหลัง" พวกเขาพยักหน้าเข้าใจและเริ่มต้นฝึกอย่างขะมักเขม้น แม้ว่าจะมีเหงื่อท่วมตัว แต่ก็ไม่มีใครบ่น ทุกคนยังคงตั้งใจและทำอย่างเต็มที่'

'ฉันสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในพวกเขาอย่างชัดเจน จากที่เคยกลัวการเผชิญหน้ากับความยากลำบาก ตอนนี้พวกเขากลับมีความมุ่งมั่นและความอดทนที่มากขึ้น พวกเขาไม่ได้เพียงแค่ฝึกเพื่อพัฒนาทักษะ แต่ฝึกเพื่อเสริมสร้างจิตใจให้เข้มแข็งไปพร้อมกัน การเห็นการเติบโตนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่าความพยายามของเราในการสร้างกลุ่มฝึกยุทธ์นี้ไม่ได้เสียเปล่าเลย'

'วันที่ 27 กรกฎาคม ฝนตกหนัก... วันนี้ฝนตกหนักจนต้องยกเลิกการฝึกซ้อมกลางแจ้ง พวกเราจึงเปลี่ยนแผนมาฝึกในห้องฝึกยุทธ์แทน สมาชิกทุกคนยังคงกระตือรือร้นเหมือนเดิม ฉันและเถารูซูตัดสินใจจัดการฝึกที่เน้นการฝึกสมาธิและการเคลื่อนไหวช้า เพื่อให้ทุกคนได้ฝึกควบคุมจิตใจและร่างกาย พวกเขานั่งลง หลับตา และตั้งสมาธิบนการหายใจของตัวเอง ฉันยืนอยู่ข้างๆ คอยแนะนำว่า "จงให้จิตใจของเธอสงบและรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว แต่อย่าให้มันมารบกวนเธอ"'

'เมื่อฝึกเสร็จ สมาชิกทุกคนดูผ่อนคลายและสงบมากขึ้น ฉันบอกพวกเขาว่า "การควบคุมจิตใจคือสิ่งสำคัญที่สุดในทุกๆ สถานการณ์ ไม่ว่าภายนอกจะวุ่นวายหรือยากลำบากเพียงใด ถ้าเราสามารถควบคุมจิตใจได้ ทุกอย่างก็จะดูง่ายขึ้น" พวกเขายิ้มและพยักหน้า บรรยากาศในกลุ่มเต็มไปด้วยความรู้สึกที่สงบและมั่นคง'

'วันที่ 28 กรกฎาคม ฟ้าแจ่มใส... วันนี้เป็นวันพักผ่อนของกลุ่ม เราจัดกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้สมาชิกได้ผ่อนคลายจากการฝึกซ้อม เราเริ่มด้วยการปิกนิกที่สวนสาธารณะใกล้ๆ สนามฝึก ทุกคนเตรียมอาหารมาร่วมกัน มันเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ฉันนั่งมองพวกเขาด้วยความสุขใจ รู้สึกว่ากลุ่มฝึกยุทธ์นี้ได้กลายเป็นครอบครัวเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความรักและการสนับสนุนกัน'

'ในช่วงบ่าย เราเล่นเกมและทำกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความสามัคคี เช่น เกมวางแผนและแก้ปัญหา พวกเขาทำงานร่วมกันได้ดี แบ่งหน้าที่และสนับสนุนกันอย่างเต็มที่ ฉันเห็นความสามัคคีและการเรียนรู้ที่จะรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น มันทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจและตระหนักว่าการฝึกยุทธ์ไม่ใช่เพียงแค่การฝึกทักษะร่างกาย แต่เป็นการพัฒนาทักษะการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นด้วย'

'วันที่ 29 กรกฎาคม ลมเย็นสบาย... วันนี้เราเริ่มการฝึกซ้อมที่เข้มข้นขึ้นเล็กน้อย ฉันบอกพวกเขาว่า "วันนี้เราจะลองสิ่งใหม่ๆ ลองท้าทายตัวเองมากขึ้นอีกนิด" พวกเขาดูมีความพร้อมและอยากจะลองสิ่งใหม่ๆ ฉันเห็นการเปลี่ยนแปลงในแววตาของพวกเขา ไม่ใช่ความกลัวอีกต่อไป แต่เป็นความตื่นเต้นและความมุ่งมั่นที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง'

'พวกเราฝึกท่าทางและเทคนิคใหม่ๆ ในการต่อสู้และการป้องกันตัว ฉันเห็นพวกเขาพยายามและไม่ยอมแพ้ แม้จะมีบางคนทำพลาดหรือไม่เข้าใจในครั้งแรก แต่พวกเขาก็ไม่ยอมละทิ้งและพยายามต่อไป ฉันและเถารูซูช่วยกันแนะนำและให้กำลังใจ จนในที่สุดพวกเขาก็สามารถทำได้สำเร็จ'

'วันที่ 30 กรกฎาคม ฝนตกปรอย... วันนี้ฉันและไป๋อวี๋ตัดสินใจพาสมาชิกกลุ่มไปทำกิจกรรมเพื่อสังคม เราไปที่บ้านเด็กกำพร้าในชุมชนใกล้ๆ เพื่อนำสิ่งของจำเป็นไปมอบให้และใช้เวลาเล่นกับเด็กๆ กิจกรรมนี้เป็นการสอนให้พวกเขาเรียนรู้การให้และการแบ่งปัน เมื่อเรามาถึง เด็กๆ ต่างยิ้มและต้อนรับเราอย่างอบอุ่น ฉันเห็นสมาชิกในกลุ่มหัวเราะและเล่นกับเด็กๆ อย่างสนุกสนาน มันเป็นภาพที่ทำให้หัวใจของฉันรู้สึกอบอุ่น'

'ในช่วงบ่าย เรานั่งลงและพูดคุยกับเด็กๆ สมาชิกในกลุ่มของเราบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขาและสอนเด็กๆ เรื่องการเผชิญหน้ากับความกลัวและความยากลำบาก พวกเขาสอนด้วยความจริงใจและเต็มไปด้วยความรัก เด็กๆ ฟังอย่างตั้งใจและดูสนใจในสิ่งที่พวกเขาพูด ฉันมองดูเหตุการณ์นั้นด้วยรอยยิ้ม เพราะรู้ว่ากลุ่มฝึกยุทธ์ของเรากำลังทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อพัฒนาตนเอง แต่เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นด้วย'

ในทุกๆ วัน ซูรั่วจี๋และกลุ่มฝึกยุทธ์ของเธอยังคงดำเนินไปข้างหน้า ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความสามัคคี พวกเขาไม่เพียงแค่ฝึกฝนทักษะเพื่อพัฒนาตนเอง แต่ยังช่วยกันสร้างสังคมเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยการสนับสนุนและการเรียนรู้ที่จะให้และแบ่งปันแก่กัน

"เรากำลังสร้างสิ่งที่มีค่าและยั่งยืนจริงๆ" ไป๋อวี๋กล่าวขึ้นเมื่อมองดูสมาชิกทุกคนที่กำลังเล่นกับเด็กๆ

"ใช่ มันเป็นมากกว่าการฝึกฝนยุทธ์ แต่คือการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างผู้คน" ซูรั่วจี๋ตอบด้วยความภาคภูมิใจ

“และฉันเชื่อว่ามันจะส่งผลดีต่อพวกเราทุกคนในอนาคต” เถารูซูเสริม พร้อมกับยิ้มให้เพื่อนๆ ของเธอ

การเดินทางของกลุ่มฝึกยุทธ์นี้ยังคงยาวไกล พวกเขาได้สร้างมิตรภาพและความเข้าใจที่แน่นแฟ้น ซึ่งจะกลายเป็นแรงผลักดันให้พวกเขาเผชิญหน้ากับความท้าทายในวันข้างหน้าด้วยความกล้าหาญและจิตใจที่เข้มแข็ง

'วันที่ 31 กรกฎาคม ฟ้าแจ่มใส... วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งเดือนที่กลุ่มฝึกยุทธ์ของเราได้ก่อตั้งขึ้น ฉันตื่นเต้นมากและเตรียมกิจกรรมพิเศษให้กับสมาชิกทุกคน ฉันตัดสินใจจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ที่สนามฝึกยุทธ์ โดยมีการเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม และของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เพื่อแสดงความขอบคุณต่อการร่วมเดินทางในเส้นทางนี้'

'สมาชิกทุกคนต่างมาถึงสนามฝึกด้วยรอยยิ้ม ฉันเห็นเถารูซูและไป๋อวี๋ช่วยกันจัดเตรียมสถานที่และต้อนรับทุกคน ทุกคนดูตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความสุข ฉันยืนขึ้นตรงกลางเพื่อกล่าวเปิดงาน "วันนี้เป็นวันพิเศษของพวกเรา เพราะพวกเราได้ร่วมกันฝึกฝนและเติบโตขึ้นมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา สิ่งที่สำคัญไม่ใช่แค่ทักษะที่พัฒนาขึ้น แต่คือมิตรภาพและความเชื่อมั่นในตัวเองที่เราได้สร้างขึ้นมา ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันจนถึงวันนี้" ฉันกล่าวด้วยความตื้นตันใจ'

'หลังจากการเปิดงาน เราทุกคนก็เริ่มสนุกสนานกับการรับประทานอาหารและพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง ทุกคนเล่าเรื่องราวและประสบการณ์ของตัวเองในช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วยความสุข ฉันรู้สึกได้ว่าทุกคนมีความผูกพันกันมากขึ้นจากการฝึกฝนและใช้ชีวิตร่วมกันในกลุ่มนี้ เราไม่ได้เป็นเพียงแค่กลุ่มฝึกยุทธ์ แต่กลายเป็นครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรักและการสนับสนุนกัน'

'ในช่วงบ่าย ฉันได้เตรียมกิจกรรมพิเศษให้กับทุกคน คือการเขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต ฉันแจกกระดาษและปากกาให้สมาชิกทุกคน และบอกว่า "ลองเขียนความรู้สึกในวันนี้ และเป้าหมายที่อยากทำให้สำเร็จในอนาคตไว้ในจดหมายนี้ เก็บมันไว้ในใจของเธอ แล้ววันหนึ่งเมื่อเปิดอ่านอีกครั้ง เธอจะเห็นถึงการเติบโตของตัวเอง" ทุกคนต่างนิ่งคิดแล้วเริ่มเขียนลงไปในกระดาษอย่างตั้งใจ'

'ฉันเองก็นั่งลงเขียนจดหมายถึงตัวเอง ฉันเขียนถึงความรู้สึกภูมิใจในตัวเองที่ได้เผชิญหน้ากับความกลัวและเติบโตขึ้นมากในเดือนที่ผ่านมา ฉันยังเขียนถึงเป้าหมายของกลุ่มฝึกยุทธ์นี้ว่า ฉันอยากให้มันเป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถเข้ามาฝึกฝน สร้างความมั่นใจ และสร้างมิตรภาพที่ยั่งยืนต่อไป'

'เมื่อทุกคนเขียนเสร็จ ฉันขอให้พวกเขาพับจดหมายเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเอง "เก็บจดหมายนี้ไว้เป็นความทรงจำ และอย่าลืมเป้าหมายที่พวกเธอเขียนไว้ในวันนี้" ฉันพูดพร้อมกับยิ้ม ทุกคนพยักหน้าอย่างมุ่งมั่น และเราก็เก็บจดหมายไว้ในใจ'

'ในตอนเย็น เราทุกคนร่วมกันดูพระอาทิตย์ตกดินที่สนามฝึก ฉันรู้สึกได้ถึงความสงบและความอุ่นใจที่เกิดขึ้นในบรรยากาศรอบๆ นี้ เรานั่งล้อมวงกันและพูดคุยถึงสิ่งที่เราวางแผนจะทำในอนาคต เถารูซูพูดว่า "จากวันนี้ไป เราจะต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดที่จะเรียนรู้ แต่ไม่ใช่เพียงเพื่อพัฒนาทักษะเท่านั้น แต่เพื่อพัฒนาจิตใจและสร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง" ฉันพยักหน้าเห็นด้วย เพราะการฝึกยุทธ์ที่แท้จริงไม่ได้อยู่แค่ที่การต่อสู้ แต่ยังเป็นการเดินทางภายในใจของเราเอง'

'หลังจากพระอาทิตย์ตกดิน เราก็เริ่มงานเลี้ยงเล็กๆ ต่อไป เราจัดกิจกรรมเล่นเกมเพื่อสร้างความสนุกสนานและความสนิทสนมในกลุ่ม ทุกคนหัวเราะและสนุกกันอย่างเต็มที่ การได้เห็นสมาชิกทุกคนมีความสุขและเชื่อมโยงกัน ทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาด้วยกัน'

'วันที่ 1 สิงหาคม อากาศเย็น... วันนี้เรากลับมาสู่การฝึกตามปกติ แต่มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป ฉันรู้สึกได้ถึงพลังและความมุ่งมั่นในตัวสมาชิกทุกคน พวกเขามีความพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าและเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ฉันเห็นว่าพวกเขาไม่ได้แค่ฝึกทักษะเพื่อความเก่งกาจเท่านั้น แต่ฝึกเพื่อความแข็งแกร่งภายในใจที่พัฒนาขึ้นมาจากมิตรภาพและการสนับสนุนในกลุ่มนี้'

'เราฝึกฝนอย่างเข้มข้นและสนุกสนานไปพร้อมกัน ฉันและเถารูซูช่วยกันแนะนำทักษะและเทคนิคใหม่ๆ ที่ท้าทายมากขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้พัฒนาตัวเองไปอีกขั้น ทุกคนทำได้ดีมากและแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่น่าประทับใจ ฉันยิ้มและรู้สึกภาคภูมิใจในตัวพวกเขา เพราะรู้ว่าการเดินทางนี้ยังคงต้องไปต่ออีกยาวไกล และพวกเขาก็พร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่งที่จะเข้ามา'

วันเวลาที่ผ่านมาทำให้ซูรั่วจี๋เห็นถึงพลังและความมุ่งมั่นของสมาชิกในกลุ่มฝึกยุทธ์ ทุกคนไม่ได้ฝึกฝนเพียงเพื่อทักษะการต่อสู้ แต่พวกเขากำลังฝึกฝนเพื่อเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับชีวิตในทุกๆ ด้าน มิตรภาพและความเชื่อมั่นในตัวเองที่พวกเขาสร้างขึ้นได้กลายเป็นพลังที่ทำให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

"พวกเราได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ด้วยกัน" ไป๋อวี๋กล่าวขึ้นขณะที่เขามองดูสมาชิกทุกคนในสนามฝึก

"ใช่ และเราจะก้าวไปข้างหน้าต่อไปด้วยกัน" ซูรั่วจี๋ตอบด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวัง

"เส้นทางนี้ยังคงมีเรื่องราวมากมายให้เรียนรู้ และฉันรู้สึกตื่นเต้นกับทุกๆ ก้าวที่เราจะเดินต่อไป" เถารูซูเสริมด้วยความมุ่งมั่น

พวกเขายืนอยู่เคียงข้างกัน มองดูสมาชิกทุกคนที่กำลังฝึกฝนด้วยความตั้งใจ การเดินทางของพวกเขาอาจเพิ่งเริ่มต้น แต่ด้วยมิตรภาพและการสนับสนุนที่พวกเขามีให้กัน พวกเขามั่นใจว่าจะสามารถก้าวผ่านทุกความท้าทายและสร้างเส้นทางแห่งการเติบโตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน

'วันที่ 2 สิงหาคม ฝนตก... วันนี้ฝนตกหนักทั้งวัน ฉันเดินออกไปที่สนามฝึกยุทธ์และเห็นสมาชิกหลายคนมารออยู่แล้ว ทั้งๆ ที่อากาศไม่ค่อยเป็นใจ แต่ทุกคนยังคงมาด้วยความมุ่งมั่น ฉันยิ้มและรู้สึกภูมิใจในตัวพวกเขา เราตัดสินใจย้ายไปฝึกในห้องฝึกด้านในแทน'

'วันนี้เราเริ่มการฝึกด้วยการทบทวนทักษะพื้นฐานต่างๆ เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสได้ปรับปรุงและทำความเข้าใจในสิ่งที่ฝึกมาแล้ว ฉันและเถารูซูช่วยกันสอนอย่างใกล้ชิด และไป๋อวี๋เองก็เข้ามาช่วยแนะนำเทคนิคเพิ่มเติม ทำให้การฝึกในวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและเต็มไปด้วยการเรียนรู้'

'ในตอนบ่าย ฉันได้จัดกิจกรรมเล็กๆ ที่เรียกว่า "การแบ่งปันความรู้สึก" ฉันเชิญชวนให้สมาชิกทุกคนมานั่งล้อมวงกัน แล้วเล่าเรื่องราวหรือความรู้สึกของตัวเองในช่วงเดือนที่ผ่านมา หลายคนพูดถึงการก้าวข้ามความกลัวและอุปสรรค บางคนเล่าถึงความรู้สึกที่ดีขึ้นเมื่อมีเพื่อนๆ ในกลุ่มคอยสนับสนุน'

'เถารูซูพูดขึ้นว่า "ความกลัวไม่ใช่สิ่งที่เราจะต้องหลบหนี แต่เป็นสิ่งที่เราต้องเข้าใจและยอมรับ แล้วค่อยๆ ก้าวผ่านไปพร้อมกัน" คำพูดของเธอทำให้หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย ฉันรู้สึกได้ถึงความเชื่อมโยงระหว่างพวกเรา ที่ตอนนี้แน่นแฟ้นและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น'

'หลังจากการแบ่งปัน ฉันตัดสินใจบอกพวกเขาว่า "จากนี้ไปเราจะเริ่มการฝึกที่เข้มข้นขึ้น แต่ไม่ต้องกังวล เพราะพวกเราอยู่ที่นี่เพื่อสนับสนุนกันและกันในทุกย่างก้าว" ทุกคนต่างมองหน้ากันและพยักหน้าอย่างมุ่งมั่น พวกเขาพร้อมที่จะเผชิญกับการฝึกที่ท้าทายมากขึ้น เพื่อก้าวสู่การเติบโตในระดับถัดไป'

'วันที่ 3 สิงหาคม ฟ้าแจ่มใส... วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส เราเริ่มการฝึกกลางแจ้งกันอีกครั้ง ฉันเตรียมการฝึกที่เน้นการใช้ร่างกายและจิตใจร่วมกันมากขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้ฝึกการควบคุมสติและพัฒนาทักษะการต่อสู้ พวกเราฝึกตั้งแต่ทักษะพื้นฐานไปจนถึงท่าทางการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อน ทุกคนทำได้ดีมาก มีความกระตือรือร้นที่จะลองสิ่งใหม่ๆ และฝึกฝนอย่างเต็มที่'

'ในช่วงบ่าย เราฝึกสมาธิกันท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ที่ตกกระทบสนามฝึก ฉันให้ทุกคนหลับตา โฟกัสที่ลมหายใจ และปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปตามธรรมชาติ การฝึกสมาธินี้ทำให้ทุกคนสงบและสามารถจดจ่อกับการฝึกซ้อมได้ดีขึ้น "การควบคุมจิตใจเป็นสิ่งสำคัญในทุกการฝึก" ฉันบอกพวกเขา "เมื่อเราควบคุมจิตใจได้ เราก็สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายได้เช่นกัน"'

'วันที่ 4 สิงหาคม ลมพัดเย็น... วันนี้ฉันจัดกิจกรรมพิเศษให้กับกลุ่ม เป็นการฝึกผจญภัยในธรรมชาติ ฉันพาพวกเขาไปที่ป่าบนภูเขาใกล้ๆ เพื่อฝึกการเคลื่อนไหวในพื้นที่ที่แตกต่างไปจากสนามฝึกปกติ เราเดินป่าและปีนเขาด้วยกัน เรียนรู้วิธีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและปลอดภัยท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง'

'การฝึกในวันนี้ไม่ใช่แค่การทดสอบทักษะทางกายเท่านั้น แต่ยังเป็นการทดสอบจิตใจ พวกเขาต้องเผชิญกับความกลัวและความไม่แน่นอน เมื่ออยู่ในป่าที่เต็มไปด้วยเสียงของธรรมชาติและการเคลื่อนไหวที่ไม่คุ้นเคย ฉันเห็นบางคนที่ดูตื่นเต้นและบางคนที่ดูประหม่า แต่พวกเขาทั้งหมดก็พยายามก้าวข้ามความกลัวในใจและเดินหน้าต่อไป'

'เถารูซูและไป๋อวี๋คอยช่วยแนะนำและให้กำลังใจทุกคนตลอดทาง ในที่สุด เมื่อเราปีนขึ้นไปถึงยอดเขา ฉันเห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความภูมิใจของพวกเขา "เธอทำได้แล้ว!" ฉันพูดขึ้นด้วยความยินดี "การก้าวข้ามความกลัวในใจคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ" ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ และเราก็ยืนมองทิวทัศน์อันกว้างใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า มันเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสงบและการยอมรับในความสามารถของตัวเอง'

'วันที่ 5 สิงหาคม ฝนตกปรอยๆ... วันนี้เราอยู่ที่สนามฝึกเพื่อสรุปประสบการณ์จากการฝึกในป่าเมื่อวาน สมาชิกหลายคนแบ่งปันความรู้สึกของตัวเอง มีทั้งความท้าทาย ความกลัว และความภูมิใจที่ได้ก้าวข้ามมันไปได้ ฉันบอกพวกเขาว่า "ทุกคนได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความกล้าหาญไม่ได้หมายถึงการไม่มีความกลัว แต่หมายถึงการกล้าเผชิญหน้ากับมัน"'

'หลังจากการแบ่งปัน เราเริ่มฝึกการเคลื่อนไหวและเทคนิคที่ได้เรียนรู้จากการฝึกในป่า พวกเราลองนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาใช้ในสนามฝึก ทุกคนทำได้ดีมากและมีความมั่นใจมากขึ้น ฉันเห็นความก้าวหน้าที่ชัดเจนในตัวพวกเขา พวกเขาไม่ได้กลัวที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทาย'

ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ทำให้ซูรั่วจี๋ได้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของสมาชิกในกลุ่มฝึกยุทธ์ ทุกคนได้ก้าวข้ามความกลัวและเติบโตขึ้นในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทักษะการต่อสู้ การควบคุมจิตใจ หรือการสร้างความมั่นใจในตัวเอง มิตรภาพที่พวกเขาได้สร้างขึ้นนั้นกลายเป็นพลังสำคัญที่ทำให้พวกเขาพร้อมที่จะเผชิญกับอนาคต

"พวกเรามาไกลกันมากจริงๆ" ไป๋อวี๋พูดขณะมองดูสมาชิกที่กำลังฝึกฝนกันด้วยความตั้งใจ

"ใช่ และเราจะยังคงเดินทางต่อไปด้วยกัน" ซูรั่วจี๋ตอบด้วยรอยยิ้มที่มุ่งมั่น

"เส้นทางนี้เต็มไปด้วยความท้าทาย แต่พวกเรามีทั้งความกล้าและความเชื่อมั่นที่จะก้าวผ่านมันไปได้" เถารูซูเสริมพร้อมกับรอยยิ้ม

ทั้งสามคนยืนมองสนามฝึกที่เต็มไปด้วยสมาชิกที่กำลังฝึกฝนและสนับสนุนกัน พวกเขารู้ดีว่าการเดินทางของกลุ่มนี้ยังคงต้องดำเนินต่อไป แต่ด้วยความสามัคคีและความมุ่งมั่นที่พวกเขามีให้กัน พวกเขาพร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่งที่อนาคตจะนำพามา

'วันที่ 6 สิงหาคม อากาศแจ่มใส... วันนี้ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น ในสนามฝึกยุทธ์ พวกเราเตรียมการฝึกใหม่ที่มุ่งเน้นการใช้ทักษะและความคล่องตัวไปพร้อมๆ กัน ฉันบอกกับสมาชิกว่า "วันนี้เราจะทดสอบการประสานงานระหว่างการเคลื่อนไหวและสมาธิ ให้จำไว้ว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่แค่ความรวดเร็ว แต่คือการเคลื่อนไหวอย่างมีสติและความแม่นยำ"'

'การฝึกเริ่มต้นด้วยการวอร์มร่างกายแบบเข้มข้น ตามด้วยการฝึกฝนท่าทางการต่อสู้ขั้นสูงที่ต้องใช้สมาธิและความไว ฉันเห็นพวกเขาตั้งใจฝึกฝน แม้ว่าบางท่าจะยากและท้าทาย แต่ทุกคนก็ตั้งใจพยายามทำให้สำเร็จ เสียงหายใจหนักๆ และเสียงเท้ากระทบพื้นดังก้องทั่วสนามฝึก แต่ฉันรู้ว่าภายใต้ความเหนื่อยล้าพวกเขากำลังเติบโตขึ้นในทุกๆ นาที'

'ในตอนบ่าย เราฝึกการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ฉันและเถารูซูได้เตรียมการจำลองสถานการณ์ที่ต้องใช้การตัดสินใจอย่างรวดเร็วในการต่อสู้และการหลบหลีก ทุกคนได้รับบทเรียนที่สำคัญเกี่ยวกับการตั้งสติและการใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาในทุกๆ การเคลื่อนไหว ฉันบอกพวกเขาว่า "ความยืดหยุ่นและความไวในการปรับตัวเป็นสิ่งสำคัญ จงเรียนรู้ที่จะปรับตัวตามสถานการณ์ที่เผชิญหน้า"'

'ช่วงสุดท้ายของวัน ฉันให้พวกเขามานั่งล้อมวงเพื่อพูดคุยและแบ่งปันความรู้สึกในการฝึกวันนี้ หลายคนบอกว่าพวกเขารู้สึกท้าทาย แต่ก็สนุกที่ได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ฉันยิ้มและบอกกับพวกเขาว่า "ทุกๆ ความท้าทายที่พวกเธอเผชิญหน้าในวันนี้ จะเป็นรากฐานให้พวกเธอแข็งแกร่งขึ้นในวันพรุ่งนี้"'

'วันที่ 7 สิงหาคม ลมเย็นสบาย... วันนี้เป็นวันที่ฉันตั้งใจจะจัดการฝึกสมาธิแบบเข้มข้น เราพาสมาชิกกลุ่มไปที่ริมแม่น้ำใกล้กับสนามฝึก ที่นี่มีบรรยากาศเงียบสงบและสดชื่นเหมาะกับการฝึกจิตใจ ฉันให้พวกเขานั่งลงกับพื้นหญ้า หลับตา และโฟกัสที่เสียงของธรรมชาติรอบๆ ตัว พวกเขาต้องนั่งนิ่งๆ และปล่อยให้จิตใจได้สัมผัสกับความสงบจากภายใน'

'ฉันเดินไปรอบๆ คอยแนะนำให้พวกเขาหายใจเข้า-ออกอย่างช้าๆ และปล่อยความคิดที่วุ่นวายให้จางหายไปในเสียงของสายน้ำ ทุกคนตั้งใจฟังคำแนะนำและดูสงบขึ้นเรื่อยๆ ฉันบอกกับพวกเขาว่า "การฝึกสมาธิจะช่วยให้จิตใจของเธอแข็งแกร่ง ไม่ว่าภายนอกจะมีความวุ่นวายมากแค่ไหน ถ้าจิตใจสงบ เราก็จะผ่านไปได้"'

'หลังจากนั้นเราก็ได้จัดกิจกรรมเล็กๆ คือการเดินสมาธิรอบๆ บริเวณริมแม่น้ำ ให้ทุกคนเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ และมีสติในทุกย่างก้าว ฉันสังเกตเห็นพวกเขามีความผ่อนคลายและรู้สึกได้ถึงความมั่นคงภายในใจ มันทำให้ฉันมั่นใจว่าพวกเขากำลังเติบโตขึ้น ไม่ใช่แค่ในด้านทักษะ แต่ในด้านจิตใจด้วย'

'วันที่ 8 สิงหาคม อากาศร้อน... วันนี้เรากลับมาฝึกที่สนามฝึกยุทธ์ ฉันและเถารูซูตัดสินใจลองเพิ่มความท้าทายในการฝึกให้มากขึ้น พวกเราเริ่มด้วยการฝึกท่าต่อสู้ใหม่ๆ ที่ซับซ้อนและต้องใช้ความคล่องตัว ทุกคนดูตื่นเต้นและตั้งใจฝึกอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะมีการล้มลุกคลุกคลานและความผิดพลาด แต่พวกเขาไม่ยอมแพ้และพยายามที่จะทำให้สำเร็จ'

'ฉันเห็นแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นของพวกเขา มันทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจในความกล้าหาญและความตั้งใจที่พวกเขามี พวกเขากำลังเรียนรู้ว่าการเติบโตนั้นไม่ใช่แค่การทำสิ่งต่างๆ ให้สมบูรณ์แบบ แต่เป็นการยอมรับความผิดพลาดและเรียนรู้จากมันเพื่อพัฒนาตนเอง'

'วันที่ 9 สิงหาคม ฝนตกหนัก... วันนี้ฝนตกหนักมากจนไม่สามารถฝึกกลางแจ้งได้ เราจึงเปลี่ยนมาฝึกในห้องฝึกยุทธ์ด้านในแทน ฉันและไป๋อวี๋เตรียมการฝึกแบบใหม่ที่เน้นการฝึกฝนทักษะในพื้นที่จำกัด เช่น การหลบหลีกในพื้นที่แคบและการตอบสนองอย่างรวดเร็วเมื่อถูกโจมตี ทุกคนตั้งใจฝึกอย่างเต็มที่แม้จะรู้สึกอึดอัดในพื้นที่แคบ แต่พวกเขาก็ไม่ย่อท้อ'

'ในช่วงบ่าย ฉันให้พวกเขาแบ่งกลุ่มเพื่อฝึกสถานการณ์จำลองที่แตกต่างกันออกไป ทุกคนต้องใช้ทักษะและความคิดสร้างสรรค์ในการหลบหลีกและรับมือกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง ฉันเห็นพวกเขาสนุกกับการฝึกนี้และเรียนรู้ที่จะปรับตัวตามสถานการณ์ต่างๆ มันทำให้ฉันยิ่งมั่นใจว่าพวกเขาพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายทุกอย่างที่เข้ามา'

'วันที่ 10 สิงหาคม ฟ้าแจ่มใส... วันนี้เราออกไปฝึกกลางแจ้งอีกครั้ง ฉันพาสมาชิกทุกคนไปที่สนามฝึกใหม่ที่อยู่ในป่าลึก เพื่อให้พวกเขาได้ฝึกในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยและฝึกการเอาชีวิตรอด เราเริ่มด้วยการสำรวจพื้นที่และสร้างที่พักชั่วคราว สมาชิกทุกคนทำงานร่วมกันอย่างสามัคคีและแบ่งหน้าที่กันอย่างเป็นระบบ'

'ในช่วงบ่าย เราฝึกทักษะการเคลื่อนไหวในป่า การหลบหลีกสิ่งกีดขวาง และการใช้ประสาทสัมผัสในการค้นหาเส้นทาง ทุกคนดูสนุกและตื่นเต้นกับการฝึกในสภาพแวดล้อมที่ต่างจากสนามฝึกยุทธ์ปกติ การได้ฝึกในสถานที่แบบนี้ทำให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัวเองและเพื่อนร่วมทีมในการเอาชนะความยากลำบาก'

หลังจากการฝึกในวันนี้ ซูรั่วจี๋มองดูสมาชิกทุกคนที่กำลังพักผ่อนใต้ร่มไม้ พวกเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากการฝึกฝนและการผจญภัยที่ผ่านมาร่วมกัน เธอรู้สึกได้ว่าพวกเขากลายเป็นกลุ่มคนที่ไม่ใช่แค่มีความสามารถทางร่างกาย แต่ยังมีจิตใจที่แข็งแกร่งและเชื่อมโยงกันด้วยมิตรภาพที่แน่นแฟ้น

"ทุกคนทำได้ดีมากในวันนี้" เธอกล่าวขึ้นเมื่อทุกคนมารวมตัวกัน "พวกเราไม่ใช่แค่กลุ่มฝึกยุทธ์อีกต่อไปแล้ว แต่เราเป็นทีม เป็นครอบครัวที่พร้อมจะเผชิญกับทุกความท้าทายไปด้วยกัน"

ไป๋อวี๋และเถารูซูยืนเคียงข้างซูรั่วจี๋ มองไปยังกลุ่มสมาชิกที่เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ พวกเขารู้ว่าการเดินทางนี้ยังคงมีความท้าทายรออยู่ แต่พวกเขามั่นใจว่าด้วยมิตรภาพ ความมุ่งมั่น และการสนับสนุนที่มีให้กัน พวกเขาจะสามารถก้าวข้ามทุกสิ่งและเติบโตไปด้วยกัน

'วันที่ 11 สิงหาคม ลมพัดเย็น... วันนี้เราเริ่มการฝึกแบบเบาๆ หลังจากการผจญภัยในป่าลึกเมื่อวาน ฉันเห็นว่าทุกคนดูเหนื่อยล้าจากการฝึกที่เข้มข้นตลอดหลายวัน แต่ในขณะเดียวกัน แววตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ฉันตัดสินใจปรับการฝึกให้เน้นการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ เราเริ่มต้นด้วยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อและการฝึกหายใจเพื่อผ่อนคลาย'

'หลังจากนั้น ฉันให้ทุกคนนั่งลงและนั่งสมาธิท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องลงมายังสนามฝึก ฉันบอกกับพวกเขาว่า "จงใช้เวลานี้ทบทวนสิ่งที่เธอได้เรียนรู้ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา แล้วปล่อยให้จิตใจได้พักผ่อน" ทุกคนหลับตาและปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความสงบ ฉันมองดูพวกเขาและรู้สึกได้ถึงความสงบที่แผ่กระจายอยู่รอบๆ สนามฝึก'

'ในตอนบ่าย ฉันพาพวกเขาไปที่ริมแม่น้ำอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้มาเพื่อฝึก แต่เพื่อพักผ่อนและทำกิจกรรมที่สนุกสนานร่วมกัน พวกเรานั่งล้อมวงเล่นเกมและเล่าเรื่องราวตลกๆ ให้กันฟัง เสียงหัวเราะดังไปทั่วบริเวณ มันเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุขและการผ่อนคลายอย่างแท้จริง'

'วันที่ 12 สิงหาคม อากาศร้อน... วันนี้เรากลับมาสู่การฝึกที่ท้าทายอีกครั้ง ฉันได้เตรียมโปรแกรมการฝึกที่เน้นการพัฒนาความคล่องตัวและความแม่นยำของทุกคน เราฝึกท่าทางการต่อสู้ที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวรวดเร็วและการตัดสินใจที่เฉียบคม ทุกคนทำได้ดีมาก แม้จะมีบางครั้งที่ทำพลาด แต่พวกเขาก็เรียนรู้ที่จะปรับปรุงและพยายามทำให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป'

'ไป๋อวี๋เข้ามาช่วยแนะนำสมาชิกในกลุ่มอย่างใกล้ชิด เขาอธิบายถึงรายละเอียดของแต่ละท่าและวิธีการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้ ฉันเห็นว่าสมาชิกในกลุ่มตั้งใจฟังและนำไปปรับใช้ในการฝึกของตัวเอง มันทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจในความมุ่งมั่นของพวกเขา พวกเขากำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาตัวเองให้ก้าวข้ามขีดจำกัดที่เคยมี'

'วันที่ 13 สิงหาคม ฝนตกปรอยๆ... วันนี้ฝนตกปรอยๆ ตั้งแต่เช้า ฉันตัดสินใจให้ทุกคนฝึกในห้องฝึกยุทธ์ด้านใน เราเริ่มด้วยการฝึกสมาธิเพื่อให้ทุกคนสามารถโฟกัสกับสิ่งที่ทำได้ดีขึ้น ฉันบอกกับพวกเขาว่า "การฝึกสมาธิไม่ใช่แค่การนั่งนิ่งๆ แต่เป็นการฝึกให้จิตใจของเราสงบและมั่นคงแม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก"'

'จากนั้นฉันจัดกิจกรรมการจำลองสถานการณ์การต่อสู้ในพื้นที่จำกัด เพื่อฝึกให้ทุกคนเรียนรู้ที่จะปรับตัวและใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการหลบหลีกและโจมตี สมาชิกทุกคนทำได้ดีมาก พวกเขามีการประสานงานกันอย่างดีเยี่ยมและมีการสื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพ ฉันเห็นว่าพวกเขามีความมั่นใจมากขึ้นและพร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทาย'

'วันที่ 14 สิงหาคม ฟ้าแจ่มใส... วันนี้เราออกไปฝึกกลางแจ้งที่สนามฝึกยุทธ์ ฉันเตรียมการฝึกที่ท้าทายยิ่งขึ้น โดยให้พวกเขาฝึกการเคลื่อนไหวและการโจมตีที่ต้องใช้ทักษะการใช้ร่างกายและจิตใจร่วมกัน ฉันเน้นย้ำว่า "จงเชื่อมั่นในทักษะที่เธอฝึกมาและใช้จิตใจที่มั่นคงเป็นตัวนำทาง" ทุกคนตั้งใจฝึกอย่างเต็มที่และพยายามใช้ทักษะทั้งหมดที่ได้เรียนรู้มา'

'ในช่วงบ่าย ฉันให้พวกเขาฝึกเป็นคู่ เพื่อฝึกการประสานงานและการรับมือกับคู่ต่อสู้แบบจำลอง ฉันเห็นว่าพวกเขาทำได้ดีมาก พวกเขาเริ่มเรียนรู้ที่จะอ่านการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้และปรับตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป มันเป็นการฝึกที่ทำให้พวกเขาเติบโตขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจ'

'วันที่ 15 สิงหาคม ลมพัดเย็น... วันนี้ฉันพาสมาชิกทุกคนไปยังจุดชมวิวบนภูเขาที่เราเคยไปฝึกเมื่อครั้งก่อน การเดินทางขึ้นเขาทำให้พวกเขาต้องใช้พละกำลังและความอดทน แต่พอขึ้นไปถึงยอด พวกเขาก็ได้เห็นทิวทัศน์ที่งดงามเบื้องหน้า ฉันให้ทุกคนนั่งลงและมองไปที่เส้นขอบฟ้า แล้วบอกพวกเขาว่า "สิ่งที่พวกเธอเห็นนี้ คือเส้นทางที่เราได้ผ่านมาด้วยกัน มันเต็มไปด้วยความท้าทายและความเหนื่อยล้า แต่ก็คุ้มค่ากับการเดินทางทุกย่างก้าว"'

'เรานั่งอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน พูดคุยถึงเป้าหมายและความฝันของแต่ละคน ฉันเห็นว่าทุกคนมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น พวกเขารู้ว่าเส้นทางข้างหน้ายังยาวไกลและเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะเดินต่อไปด้วยกัน ด้วยมิตรภาพและความเข้มแข็งที่ได้สร้างขึ้นในกลุ่มนี้'

ในทุกๆ วัน ซูรั่วจี๋เห็นถึงความก้าวหน้าและการเติบโตของสมาชิกในกลุ่มฝึกยุทธ์ของเธอ พวกเขาไม่เพียงแต่พัฒนาทักษะการต่อสู้ แต่ยังเรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในตัวเองและการทำงานร่วมกับผู้อื่น การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความท้าทายและบทเรียนที่สำคัญ แต่พวกเขารู้ดีว่าทุกสิ่งที่ได้ฝึกฝนและเรียนรู้มา จะทำให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้นในทุกๆ ก้าวที่เดินต่อไป

"เราได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นมาก" ไป๋อวี๋กล่าวขึ้นขณะที่เขามองดูสมาชิกทุกคนที่กำลังยืนชมทิวทัศน์บนยอดเขา

"ใช่" ซูรั่วจี๋ตอบพร้อมรอยยิ้ม "และเส้นทางข้างหน้าจะยังคงเต็มไปด้วยสิ่งที่พวกเราจะได้ค้นพบ"

"พวกเราพร้อมแล้วที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน" เถารูซูกล่าวด้วยความมุ่งมั่น

ทั้งสามคนยืนอยู่เคียงข้างกัน มองไปที่เส้นทางเบื้องหน้า พวกเขารู้ว่าการเดินทางของกลุ่มฝึกยุทธ์นี้ยังคงมีเรื่องราวมากมายให้ค้นหาและเรียนรู้ แต่พวกเขามั่นใจว่าด้วยความสามัคคี มิตรภาพ และการสนับสนุนที่มีให้กัน พวกเขาจะสามารถเผชิญกับทุกสิ่งที่เข้ามาในเส้นทางนี้ได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคง

'วันที่ 16 สิงหาคม อากาศเย็น... วันนี้ฉันกลับมาที่สนามฝึกยุทธ์ด้วยความรู้สึกที่เบาใจและมั่นใจมากขึ้น สังเกตเห็นว่าสมาชิกทุกคนดูมีพลัง แม้จะผ่านการฝึกหนักมาในหลายวันที่ผ่านมา ฉันตัดสินใจจัดการฝึกแบบทดสอบเพื่อให้พวกเขาได้ทบทวนทักษะทั้งหมดที่ฝึกมาในช่วงที่ผ่านมา'

'เราจัดสถานีฝึกที่มีการทดสอบหลากหลาย ทั้งการต่อสู้ระยะประชิด การใช้ปืนฝึกซ้อมเพื่อวัดความแม่นยำ การหลบหลีกในพื้นที่จำกัด และการฝึกสมาธิในสถานการณ์ที่กดดัน ทุกคนต่างมีความมุ่งมั่น พวกเขาแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่ก้าวกระโดดในการใช้ทักษะและการควบคุมจิตใจ ฉันเห็นว่าพวกเขาไม่ได้แค่พยายามเอาชนะข้อทดสอบ แต่พวกเขากำลังสนุกและเรียนรู้จากทุกขั้นตอน'

'ในตอนบ่าย ฉันจัดการทดสอบสุดท้าย คือการประลองต่อสู้ในคู่ ให้แต่ละคนได้ฝึกการอ่านการเคลื่อนไหวและการตอบสนองต่อคู่ต่อสู้ ทุกคนทำได้ดีมาก ฉันเห็นพวกเขาใช้ทั้งทักษะและจิตใจในการควบคุมสถานการณ์ หลายคนสามารถปรับตัวและเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นการทำงานเป็นทีมและการสื่อสารที่ดีในแต่ละคู่ ฉันรู้สึกภูมิใจในความสำเร็จที่พวกเขาทำได้'

'หลังจากการฝึกวันนี้เสร็จสิ้น ฉันให้ทุกคนมานั่งล้อมวงและแบ่งปันความรู้สึกของตัวเอง หลายคนเล่าถึงความรู้สึกภูมิใจและความมั่นใจในตัวเองที่เพิ่มขึ้น มีบางคนบอกว่าพวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะทำได้ขนาดนี้ ฉันยิ้มและบอกกับพวกเขาว่า "ความสำเร็จของพวกเธอในวันนี้ไม่ได้มาจากทักษะที่ฝึกฝนเพียงอย่างเดียว แต่มาจากความพยายามและการไม่ยอมแพ้ในตลอดเส้นทางที่ผ่านมา"'

'วันที่ 17 สิงหาคม ฟ้าแจ่มใส... วันนี้เราจัดการฝึกแบบผ่อนคลายมากขึ้น ฉันตัดสินใจให้พวกเขาได้ฝึกการเคลื่อนไหวช้าๆ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความสมดุลของร่างกาย หลังจากฝึกเสร็จ พวกเรานั่งลงล้อมวงกันอีกครั้ง ฉันบอกกับพวกเขาว่า "บางครั้งการฝึกที่ยากที่สุดไม่ใช่การฝึกทักษะใหม่ๆ แต่เป็นการรู้จักตัวเองและรู้ว่าความสามารถของตัวเองอยู่ที่ไหน"'

'เถารูซูเสริมว่า "การรู้จักตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันทำให้เรารู้ว่าควรพัฒนาส่วนไหนและควรยอมรับในสิ่งใด" ทุกคนพยักหน้าและเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเป้าหมายของตัวเอง บางคนต้องการพัฒนาทักษะต่อสู้ให้ดีขึ้น บางคนอยากฝึกสมาธิเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน การได้ยินเป้าหมายของแต่ละคนทำให้ฉันรู้สึกถึงความมุ่งมั่นในตัวพวกเขา'

'วันที่ 18 สิงหาคม ลมเย็น... วันนี้ฉันพาสมาชิกไปฝึกที่สนามกว้างในป่าอีกครั้ง เราเตรียมกิจกรรมพิเศษเพื่อทดสอบทักษะและความอดทน ฉันตั้งสถานีฝึกหลายจุดที่มีการทดสอบต่างๆ เช่น การปีนป่ายข้ามสิ่งกีดขวาง การยิงเป้าหมายที่เคลื่อนไหว และการเคลื่อนที่อย่างเงียบเชียบในป่า ทุกคนดูตื่นเต้นและตั้งใจมาก'

'ระหว่างการฝึก ฉันสังเกตเห็นว่าพวกเขาเริ่มมีการประสานงานและช่วยเหลือกันได้ดีขึ้น บางคนคอยช่วยชี้ทางและให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีม บางคนสอนเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่ตัวเองถนัด มันทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในกลุ่มนี้ พวกเขาไม่ได้แข่งขันเพื่อเอาชนะกันเอง แต่พวกเขากำลังพยายามดึงความสามารถที่ดีที่สุดออกมาจากกันและกัน'

'วันที่ 19 สิงหาคม ฝนตกหนัก... วันนี้ฝนตกหนักตั้งแต่เช้า ฉันจึงตัดสินใจเปลี่ยนแผนจากการฝึกภายนอกเป็นการฝึกสมาธิและการพูดคุยในห้องฝึกยุทธ์ เรานั่งล้อมวงกันและฉันถามคำถามว่า "เธอคิดว่าเธอได้เรียนรู้อะไรจากการฝึกฝนที่ผ่านมา?" ทุกคนเริ่มพูดถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ ทั้งทักษะการต่อสู้ การควบคุมอารมณ์ และการเชื่อมั่นในตัวเอง'

'ไป๋อวี๋พูดขึ้นว่า "การฝึกไม่ได้เกี่ยวกับแค่การเป็นคนที่เก่งที่สุด แต่มันเกี่ยวกับการเป็นตัวของตัวเองในแบบที่ดีที่สุด" ฉันเห็นทุกคนพยักหน้าและเห็นด้วยกับคำพูดของเขา ฉันรู้สึกดีใจที่ได้เห็นว่าพวกเขาเข้าใจแก่นแท้ของการฝึกฝนในครั้งนี้'

'ช่วงบ่าย ฉันให้พวกเขาเขียนบันทึกความรู้สึกและเป้าหมายใหม่ที่อยากจะทำให้สำเร็จในอนาคต ฉันบอกกับพวกเขาว่า "จงเก็บบันทึกนี้ไว้เพื่อเตือนตัวเองถึงสิ่งที่เธอได้เรียนรู้และความมุ่งมั่นที่มีในวันนี้"'

'วันที่ 20 สิงหาคม อากาศแจ่มใส... วันนี้เรากลับมาที่สนามฝึกยุทธ์พร้อมกับความรู้สึกที่สดชื่น ฉันเห็นว่าพวกเขามีความมั่นใจมากขึ้นและพร้อมที่จะเริ่มการฝึกครั้งใหม่ ฉันจึงตัดสินใจเพิ่มการฝึกที่ท้าทายยิ่งขึ้น โดยให้พวกเขาลองฝึกการเคลื่อนไหวในสถานการณ์จำลองที่ซับซ้อนกว่าเดิม ทุกคนทำได้ดีมากและมีความกล้าที่จะลองสิ่งใหม่ๆ อย่างไม่ลังเล'

ซูรั่วจี๋เฝ้ามองดูการฝึกฝนและการเติบโตของสมาชิกทุกคนด้วยความภาคภูมิใจ พวกเขาได้ก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเองและเรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในทีมเวิร์คและมิตรภาพที่พวกเขาสร้างขึ้นมา ทุกคนเข้าใจว่าเส้นทางการฝึกฝนนั้นไม่ใช่เพียงแค่การพัฒนาทักษะ แต่คือการเรียนรู้ที่จะเป็นตัวของตัวเองและทำในสิ่งที่รักอย่างเต็มที่

"การเดินทางนี้ทำให้เราเห็นชัดเจนว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงมาจากภายในใจของเรา" เถารูซูพูดขณะมองสมาชิกในกลุ่มที่กำลังฝึกซ้อม

"ใช่" ซูรั่วจี๋ตอบพร้อมกับรอยยิ้ม "และการที่เรามีกันและกันในเส้นทางนี้ มันทำให้เราพร้อมที่จะก้าวผ่านทุกความท้าทายที่กำลังจะเข้ามา"

"เราไม่ใช่แค่กลุ่มฝึกยุทธ์อีกต่อไปแล้ว" ไป๋อวี๋กล่าวเสริม "พวกเราเป็นทีม เป็นครอบครัวที่พร้อมจะสนับสนุนกันในทุกๆ ก้าว"

พวกเขายืนมองไปที่สมาชิกทุกคนที่กำลังฝึกด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในตัวเอง เส้นทางการฝึกนี้ยังคงต้องดำเนินต่อไป แต่ด้วยมิตรภาพที่แน่นแฟ้นและการสนับสนุนที่มีให้กัน พวกเขารู้ว่าพร้อมจะเผชิญกับทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้า

'วันที่ 21 สิงหาคม อากาศร้อน... วันนี้ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกมุ่งมั่น วันนี้เป็นวันที่ฉันเตรียมการฝึกพิเศษให้กับสมาชิกทุกคน การฝึกนี้จะเป็นการทดสอบทั้งทักษะ ร่างกาย และจิตใจ เป็นการทบทวนสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้มาในช่วงที่ผ่านมา ฉันบอกกับพวกเขาว่า "วันนี้เราจะจัดการฝึกเป็นภารกิจที่ต้องทำร่วมกัน ทั้งการแก้ไขปัญหา การทำงานเป็นทีม และการพึ่งพาซึ่งกันและกัน"'

'การฝึกเริ่มต้นขึ้น พวกเขาต้องทำงานเป็นทีมเพื่อฝ่าฟันอุปสรรคที่ฉันและเถารูซูวางไว้ ทั้งการปีนข้ามสิ่งกีดขวาง การแก้ไขปริศนา และการเคลื่อนที่ผ่านเส้นทางที่ท้าทาย ในทุกๆ ด่าน พวกเขาได้เรียนรู้ที่จะสื่อสารและทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ฉันสังเกตเห็นว่าพวกเขาไม่ได้ทำเพื่อตัวเองอีกต่อไป แต่ทำเพื่อทีมและเพื่อช่วยเหลือกันให้ไปถึงจุดหมาย'

'ในช่วงบ่าย การฝึกมาถึงด่านสุดท้าย ฉันวางสถานการณ์จำลองที่พวกเขาต้องใช้ทั้งทักษะการต่อสู้และการประสานงานกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาเริ่มต้นอย่างช้าๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาเริ่มปรับตัวและทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว ทุกคนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง ฉันเห็นความเป็นหนึ่งเดียวกันที่ชัดเจนในทีมนี้'

'เมื่อภารกิจสำเร็จ พวกเขาทุกคนยืนหอบหายใจหนัก แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ฉันยิ้มและพูดกับพวกเขาว่า "วันนี้พวกเธอไม่ได้แค่เอาชนะอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้า แต่พวกเธอได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความเข้มแข็งและความสามัคคีในทีมของพวกเรา นั่นคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" พวกเขาปรบมือและโห่ร้องด้วยความดีใจ บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข'

'วันที่ 22 สิงหาคม ลมพัดเย็น... วันนี้ฉันพาพวกเขามาที่หอฝึกยุทธ์เหย๋ยซุยเพื่อจัดกิจกรรมแบ่งปันประสบการณ์และบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากการฝึกฝนที่ผ่านมา ทุกคนได้รับโอกาสพูดถึงสิ่งที่ตนเองรู้สึกและสิ่งที่ได้เรียนรู้ในช่วงเวลาแห่งการฝึก บางคนเล่าถึงความกลัวที่เคยมี แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นความกล้าที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ'

'เถารูซูพูดขึ้นว่า "การฝึกนี้ทำให้เราได้เห็นว่าความแข็งแกร่งไม่ได้มาจากการไม่มีความกลัว แต่คือการเผชิญหน้ากับมันและเติบโตขึ้นจากมัน" คำพูดของเธอทำให้ทุกคนต่างนิ่งคิดและยิ้มให้กัน ฉันเห็นในแววตาของพวกเขาว่าพวกเขาเข้าใจถึงคุณค่าของการเดินทางที่ผ่านมา'

'ในช่วงบ่าย เราได้จัดการฝึกสมาธิแบบกลุ่มครั้งใหญ่ โดยนั่งล้อมวงกันในห้องฝึกยุทธ์ ฉันบอกให้พวกเขาหลับตาและโฟกัสที่การหายใจของตัวเอง ปล่อยให้จิตใจได้สงบและนิ่งสักครู่ เสียงหายใจที่สม่ำเสมอทำให้บรรยากาศในห้องนั้นเงียบสงบและเต็มไปด้วยความรู้สึกของการเชื่อมโยง'

'ฉันบอกกับพวกเขาว่า "การฝึกสมาธิช่วยให้เรารู้จักตัวเองและอยู่กับปัจจุบัน ไม่ว่าอนาคตจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เราสามารถใช้จิตใจที่มั่นคงเพื่อก้าวข้ามไปได้" ฉันเห็นว่าทุกคนฟังและพยักหน้า แม้ในความเงียบ แต่ฉันรู้ว่าพวกเขารู้สึกถึงความสงบและมั่นใจในตัวเองมากขึ้น'

'วันที่ 23 สิงหาคม ฝนตกปรอยๆ... วันนี้เราอยู่ในสนามฝึกเพื่อทบทวนทักษะต่างๆ ที่พวกเขาได้เรียนรู้มา ทุกคนดูมีความมั่นใจและตั้งใจมากขึ้น ฉันตัดสินใจจัดการฝึกที่ให้พวกเขาได้เลือกฝึกทักษะที่ตนเองรู้สึกว่ายังต้องปรับปรุง บางคนเลือกฝึกการยิงปืนเพื่อเพิ่มความแม่นยำ บางคนฝึกการเคลื่อนไหวเพื่อให้คล่องตัวขึ้น ฉันและเถารูซูช่วยกันให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด'

'ช่วงบ่าย ฉันให้พวกเขาทำงานกลุ่มในการจัดการจำลองสถานการณ์การต่อสู้ แต่คราวนี้ฉันไม่ได้ให้คำแนะนำใดๆ ปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจและวางแผนเอง ฉันเห็นว่าพวกเขาสามารถประสานงานกันได้อย่างดีเยี่ยม มีการแบ่งหน้าที่และสื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ออกมาดีเกินคาด ฉันยิ้มและบอกกับพวกเขาว่า "พวกเธอไม่ต้องการคำแนะนำจากฉันแล้ว เพราะพวกเธอได้กลายเป็นนักสู้ที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้แล้ว"'

'วันที่ 24 สิงหาคม ฟ้าแจ่มใส... วันนี้เป็นวันที่เราเตรียมตัวสำหรับกิจกรรมใหญ่ที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ พวกเราจะจัดการประลองฝึกซ้อมในกลุ่มเพื่อทดสอบความสามารถและการเติบโตของแต่ละคน ฉันเห็นว่าทุกคนดูตื่นเต้นและเตรียมพร้อม ฉันบอกกับพวกเขาว่า "การประลองครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการเอาชนะคนอื่น แต่คือการเอาชนะตัวเองและข้อจำกัดที่เธอเคยมี"'

'เราฝึกซ้อมและเตรียมทักษะต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการประลองในวันพรุ่งนี้ พวกเขาทุกคนมีความมุ่งมั่นและทำงานร่วมกันอย่างเป็นทีม ฉันเห็นความมั่นใจและความกล้าที่แสดงออกมาในทุกๆ การเคลื่อนไหว มันทำให้ฉันมั่นใจว่าพวกเขาพร้อมแล้วที่จะก้าวไปข้างหน้าและเผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม'

ซูรั่วจี๋มองดูสมาชิกในกลุ่มฝึกยุทธ์ของเธอที่เติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่คนที่ฝึกฝนทักษะการต่อสู้ แต่ได้กลายเป็นทีมที่มีความสามัคคีและมิตรภาพที่แน่นแฟ้น ทุกคนพร้อมที่จะสนับสนุนกันและกันในการเดินทางต่อไปข้างหน้า

"พรุ่งนี้จะเป็นวันที่สำคัญสำหรับพวกเรา" ไป๋อวี๋กล่าวขึ้นขณะที่เขามองดูสมาชิกในกลุ่มที่กำลังฝึกซ้อม

"ใช่ มันเป็นโอกาสที่เราจะได้เห็นถึงความก้าวหน้าของทุกคน" ซูรั่วจี๋ตอบพร้อมรอยยิ้ม "และฉันรู้ว่าพวกเขาจะทำได้ดี เพราะพวกเขาไม่ได้แค่ฝึกเพื่อเก่งขึ้น แต่เพื่อเป็นตัวของตัวเองในแบบที่ดีที่สุด"

"พวกเราเป็นทีมที่แข็งแกร่ง และพรุ่งนี้เราจะได้พิสูจน์มันอีกครั้ง" เถารูซูกล่าวเสริมด้วยความมั่นใจ

ทั้งสามคนยืนมองสนามฝึกที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความกระตือรือร้นจากสมาชิกในกลุ่ม การเดินทางของพวกเขายังต้องดำเนินต่อไป แต่ด้วยมิตรภาพ ความทุ่มเท และการสนับสนุนที่มีให้กัน พวกเขารู้ว่าพร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้า

'วันที่ 25 สิงหาคม ฟ้าแจ่มใส... วันนี้เป็นวันที่ทุกคนรอคอย การประลองฝึกซ้อมในกลุ่มที่เราวางแผนกันมาอย่างยาวนาน ฉันตื่นเต้นและรู้สึกภาคภูมิใจในตัวสมาชิกทุกคนที่ได้ฝ่าฟันการฝึกอันหนักหน่วงมาจนถึงวันนี้ สนามฝึกยุทธ์เต็มไปด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความคึกคัก ฉันยืนอยู่ตรงกลางสนามพร้อมกับเถารูซูและไป๋อวี๋ มองไปที่สมาชิกกลุ่มซึ่งยืนเรียงรายด้วยท่าทีที่มั่นใจ'

'ฉันเริ่มต้นด้วยการกล่าวเปิดการประลอง "วันนี้ไม่ใช่วันที่จะมองหาผู้ชนะหรือผู้แพ้ แต่คือวันที่พวกเราจะได้ทดสอบสิ่งที่เราได้ฝึกฝนมา ความสามารถที่พวกเธอมีในตอนนี้คือผลลัพธ์จากการทุ่มเทและการไม่ยอมแพ้ของพวกเธอทุกคน จงใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุด และอย่าลืมว่าคู่ต่อสู้ของเธอในวันนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวของเธอเอง"'

'การประลองเริ่มต้นขึ้น มีการแบ่งกลุ่มแข่งขันในหลายรอบ ทั้งการต่อสู้ตัวต่อตัว การใช้ทักษะการหลบหลีก และการทดสอบความแม่นยำในการยิงปืน ทุกคนแสดงทักษะของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ ฉันเห็นพวกเขาใช้กลยุทธ์ที่ได้เรียนรู้มา บางคนใช้ท่าทางที่เถารูซูเคยสอน บางคนใช้เทคนิคที่ไป๋อวี๋เคยแนะนำ มันเป็นภาพที่ทำให้ฉันตระหนักว่าพวกเขาเติบโตขึ้นมากแค่ไหน'

'ระหว่างการแข่งขัน ฉันสังเกตเห็นสิ่งที่น่าประทับใจ นั่นคือ พวกเขาไม่ได้มองคู่ต่อสู้เป็นศัตรู แต่เป็นเพื่อนร่วมการฝึก พวกเขาส่งสัญญาณให้กำลังใจกัน แม้จะอยู่ท่ามกลางการประลองที่จริงจัง มันเป็นสิ่งที่ทำให้บรรยากาศในสนามฝึกอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและความสามัคคี'

'หลังจากการแข่งขันแต่ละรอบจบลง ฉันเห็นพวกเขาเข้ามาพูดคุยและแบ่งปันข้อคิดเห็นกัน บางคนพูดถึงการเคลื่อนไหวที่พลาด บางคนให้คำแนะนำในการปรับปรุง แต่ทุกคนต่างมุ่งหวังให้เพื่อนร่วมทีมแข็งแกร่งขึ้น มันทำให้ฉันรู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่กลุ่มฝึกยุทธ์นี้ได้กลายเป็นชุมชนที่เต็มไปด้วยการสนับสนุนและความเข้าใจ'

'การประลองสิ้นสุดลงในตอนเย็น ฉันยืนอยู่ตรงกลางสนามฝึก เรียกทุกคนมารวมตัวกันเพื่อสรุปและปิดงาน "พวกเธอทุกคนทำได้ดีมากในวันนี้ และฉันหวังว่าพวกเธอจะภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองได้ทำ" ฉันกล่าวด้วยรอยยิ้ม "การประลองในวันนี้ไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นก้าวหนึ่งของเส้นทางที่พวกเราจะเดินต่อไป"'

'ทุกคนปรบมือและโห่ร้องด้วยความดีใจ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ ฉันเห็นพวกเขายิ้มและหัวเราะด้วยกัน แม้ว่าจะเหนื่อยล้าจากการแข่งขัน แต่แววตาของพวกเขากลับส่องประกายด้วยความมุ่งมั่นและความมั่นใจ'

'หลังจากนั้น เราจัดงานเลี้ยงเล็กๆ เพื่อฉลองการประลองในวันนี้ พวกเรานำอาหารและเครื่องดื่มมาร่วมกันแบ่งปัน มันเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ทุกคนพูดคุยเกี่ยวกับการประลอง แบ่งปันประสบการณ์และความรู้สึกของตัวเอง มันทำให้ฉันรู้สึกว่าเรากำลังสร้างความทรงจำที่สำคัญร่วมกัน'

'ในช่วงท้ายของงาน ฉันยืนขึ้นและกล่าวขอบคุณสมาชิกทุกคน "ขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันในเส้นทางนี้" ฉันพูด "การฝึกฝนและการประลองในวันนี้เป็นเพียงก้าวหนึ่งของพวกเรา ยังมีเส้นทางอีกยาวไกลที่พวกเราจะต้องเผชิญ แต่ฉันมั่นใจว่า ด้วยความมุ่งมั่นและมิตรภาพที่พวกเรามี เราจะสามารถก้าวข้ามทุกอุปสรรคได้"'

'เถารูซูและไป๋อวี๋ยืนเคียงข้างฉัน และกล่าวเสริมว่า "พวกเราไม่ใช่แค่กลุ่มฝึกยุทธ์ แต่เป็นครอบครัวที่พร้อมจะสนับสนุนและอยู่เคียงข้างกันในทุกๆ สถานการณ์" ทุกคนปรบมือและยิ้มให้กัน บรรยากาศในสนามฝึกยุทธ์อบอวลไปด้วยความอบอุ่นและความรัก'

'วันที่ 26 สิงหาคม ลมพัดเย็น... วันนี้เป็นวันพักผ่อนหลังจากการประลองที่เข้มข้นเมื่อวาน ฉันให้ทุกคนได้พักผ่อนและผ่อนคลาย บางคนไปนั่งเล่นริมแม่น้ำ บางคนมานั่งอ่านหนังสือใต้ร่มไม้ ส่วนฉันกับเถารูซูและไป๋อวี๋ใช้เวลานั่งพูดคุยกันถึงแผนการฝึกในอนาคต'

'เราตกลงกันว่า จากนี้ไป การฝึกจะเน้นไปที่การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับความท้าทายที่ใหญ่ขึ้น เราจะฝึกฝนทักษะที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น และเตรียมใจให้แข็งแกร่งเพื่อเผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น'

'ในช่วงบ่าย ฉันเดินไปหาสมาชิกแต่ละคนเพื่อถามถึงความรู้สึกและความคิดเห็นเกี่ยวกับการฝึกที่ผ่านมา หลายคนบอกว่าพวกเขารู้สึกแข็งแกร่งขึ้นและมีความมั่นใจมากขึ้น บางคนบอกว่า การได้มีเพื่อนร่วมการฝึกที่คอยสนับสนุนกันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขา ฉันยิ้มและรู้สึกตื้นตันใจที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น'

ซูรั่วจี๋มองดูสมาชิกทุกคนที่กำลังพักผ่อนอย่างผ่อนคลาย เธอรู้สึกได้ถึงความสงบและความสุขที่แผ่กระจายอยู่รอบๆ สนามฝึกยุทธ์ การเดินทางของพวกเขามาถึงจุดที่เต็มไปด้วยความสำเร็จและความภาคภูมิใจ แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเส้นทางที่ยาวไกลกว่านี้

"พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก" ไป๋อวี๋พูดขณะมองสมาชิกในกลุ่มด้วยรอยยิ้ม "ฉันแทบจำไม่ได้ว่าในตอนแรกพวกเขาดูแตกต่างแค่ไหน"

"ใช่" เถารูซูตอบ "และการเติบโตนี้ไม่ได้มาจากการฝึกฝนเพียงอย่างเดียว แต่มาจากการสนับสนุนและมิตรภาพที่พวกเราได้สร้างขึ้นด้วยกัน"

"เส้นทางนี้ยังคงมีเรื่องราวให้เราค้นพบอีกมากมาย" ซูรั่วจี๋กล่าว "แต่ฉันเชื่อว่าเราพร้อมแล้วที่จะก้าวเดินไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเผชิญกับอะไรในวันข้างหน้า"

ทั้งสามคนยืนมองสนามฝึกที่เต็มไปด้วยสมาชิกที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความมุ่งมั่น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด