บทที่ 36 บรรยากาศแสนสงบ
หลังจากยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารเป็นเวลาสองชั่วโมง ท้องฟ้าก็มืดสนิท อาหารสำหรับ 6,000 คนก็เสร็จสมบูรณ์ และเย่ฉางชิงก็รู้สึกเหนื่อยล้าสุดขีด
ศิษย์หลายคนเริ่มตักอาหารของตนเอง เมื่อเห็นเมนูใหม่สามอย่างสายตาของพวกเขาก็เป็นประกายด้วยความดีใจ
ทุกคนได้รับไก่ตุ๋นในหม้อไอน้ำหนึ่งชามและข้าวที่เต็มจนพูนเป็นกองใหญ่ ทุกคนกินกันอย่างสนุกสนาน
อาจจะเพราะวันนี้ใช้พลังปราณไปมาก จำนวนอาหารที่พวกเขากินก็เพิ่มขึ้น
หากอาหารไม่เพียงพอ ศิษย์บางคนก็เริ่มใช้กลอุบายเล็กๆ น้อยๆ
“สหาย ดูสิ!มังกร!”
“เฮ้ย! ที่ไหน?”
รีบหันไปดู แต่ไม่เห็นอะไรพอหันกลับมาที่ชามของตน เนื้อวัวในชามก็หายไปครึ่งหนึ่ง
“เจ้า...เจ้าขโมยเนื้อข้าเหรอ?”
“สหาย อย่าพูดแบบนั้น ข้าขโมยเนื้อท่านเมื่อไหร่กัน?”
“จะพูดโกหกก็กรุณากลืนเนื้อในปากก่อน จะโกหกได้ชัดเจนกว่านี้”
ยังมีบางคนที่คิดจะตอบแทน
“สหายดูสิ วันนี้ที่เหวพยัคฆ์ดำ เจ้าเกือบจะถูกสัตว์อสูรทำร้ายไม่ใช่เหรอ? ข้าช่วยเจ้าไว้นะ”
“พี่ชาย อย่าพูดมากเลย นอกจากข้าวจานนี้ ข้าจะให้ทุกอย่างกับท่าน แม้แต่ชีวิตของข้าก็ไม่ยักจะมีปัญหา”
“ข้าจะเอาชีวิตเจ้าไปทำไม? พูดให้มันน้อยๆหน่อย ให้ข้าได้กินไก่ตุ๋นเดวนี้!”
“อย่าหวัง!”
“เจ้าเป็นคนไม่รู้บุญคุณเหรอ? ข้าช่วยชีวิตเจ้านะ”
“ข้าพูดแล้ว นอกจากข้าวจานนี้ ทุกอย่างให้ได้เลย พี่ชายไม่ต้องเกรงใจ”
“ข้าแค่อยากได้ข้าวจานนี้ แบ่งให้ข้าครึ่งหนึ่ง”
“ไม่ได้ แม้หัวข้าจะหลุด เนื้อก็ต้องกินแยกชามกัน”
ศิษย์หลายพันคนเกิดความวุ่นวายในลานบ้าน พยายามหาวิธีเพื่อให้ได้กินเพิ่มขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนและเสียงโวยวาย เย่ฉางชิงที่นอนอยู่บนเก้าอี้เอนหลังเริ่มยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อตอนที่เขาเพิ่งข้ามมาโลกนี่แรกๆ พูดตามตรง เย่ฉางชิงรู้สึกวิตกเล็กน้อย
การที่เย่ฉางชิงต้องมาที่โลกที่แปลกใหม่ทั้งหมดโดยที่ไม่มีใครรู้จัก แม้จะมีการถ่ายทอดความทรงจำจากชีวิตก่อนหน้านี้
แต่ว่าสำหรับเย่ฉางชิงแล้ว โลกที่กว้างใหญ่แห่งนี้ก็ยังคงเป็นสถานที่ทีเขายังไม่คุ้นเคยอย่างมาก
แม้ว่าเขาจะมีความทรงจำจากชีวิตก่อนหน้านี้ แต่โลกนี้สำหรับเย่ฉางชิงยังคงเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง
เหมือนกับใบไม้ลอยน้ำที่ไร้รากในโลกนี้ เย่ฉางชิงรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถหาจุดยืนของตนยังไงดี
แต่ตอนนี้ เย่ฉางชิงรู้สึกถึงความรู้สึกถึงสิ่งที่เรียกว่า ครอบครัว
มันเป็นความรู้สึกที่มั่นใจว่าเมื่อมีปัญหา จะมีคนจำนวนมากอยู่เคียงข้างเสมอ
ทำให้เย่ฉางชิงรู้ว่าตนเองไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกนี้
"ดีจริงๆ"
เย่ฉางชิงพึมพำเบาๆ ไม่ทันรู้ตัว สียงของหลูยูอูก็ดังขึ้นข้างๆ
"อะไรดีเหรอ?"
"อ๋อ? ไม่มีอะไรหรอกขอรับ ศิษย์พี่หญิงมีอะไรหรือเปล่า?"
เมื่อเห็นหลูยูอูและหลิวซวงที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เดินมาอยู่ข้างๆ เย่ฉางชิงก็เพียงแต่ตอบรับไปอย่างลวกๆ
"ไม่มีอะไรหรอก กินเสร็จแล้วมาคุยด้วยเฉยๆนะ"
ทั้งสามคนเริ่มพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง แม้กระทั่งหลิวซวงที่มักจะเย็นชาในชีวิตประจำวัน ต่อหน้าของเย่ฉางชิงก็สามารถพูดคุยได้บ้าง โดยส่วนใหญ่จะเป็นการพูดคุยระหว่างเย่ฉางชิงกับหลูยูอู
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ศิษย์คนอื่นๆก็เริ่มสังเกตเห็นพวกเขา
หลังจากกินเสร็จและกำลังพักผ่อน ศิษย์หลายคนก็เริ่มสงสัย
"พวกเจ้าดูสิ ศิษย์พี่หลูกับศิษย์พี่หลิว"
"ทำไมล่ะ? มันก็ปกตินี่"
"ข้าหมายถึง พวกเจ้าไม่รู้สึกหรือว่า ศิษย์พี่หลูกับศิษย์พี่หลิวดูเหมือนจะชอบสหายฉางชิง?"
"อืม...ดูเหมือนจะจริงนะ ศิษย์พี่หลิวยังยิ้มด้วย"
"ใช่ไหม ข้าบอกแล้วว่า สหายฉางชิงมีเสน่ห์จริงๆ"
"แน่นอน ด้วยหน้าตาของสหายฉางชิง แม้แต่ตอนที่ข้าเป็นวัยรุ่นก็ยังต้องถอย นี่คือเสน่ห์ที่ไม่มีใครเทียบได้ในยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์แล้ว"
"ใช่ๆ ตอนนั้นเจ้าถอยหนีกันไปตลอดชีวิตเลยใช่ไหม"
"แต่ข้าคิดว่าศิษย์พี่หลูกับศิษย์พี่หลิวกับสหายฉางชิงเหมาะสมจริงๆ แค่สหายฉางชิงยังมีระดับฝีมือที่ต่ำกว่านิดหน่อย"
"อันนี้ไม่สำคัญหรอก ศิษย์พี่หลูกับศิษย์พี่หลิวเก่งอยู่แล้ว จะให้สหายฉางชิงทำหน้าที่ในบ้านก็พอแล้ว สหายฉางชิงทำอาหารได้ดี ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่เหมาะสมกับศิษย์พี่หลูกับศิษย์พี่หลิว"
ศิษย์หลายคนพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้และสิ่งที่พวกเขาพูดก็ถูกหลูยูอูและหลิวซวงได้ยินไปด้วย แม้กระทั่งเย่ฉางชิงเองก็ได้ยิน
ทันใดนั้น บรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการพูดคุยก็เงียบลง ทั้งสองหญิงสาวหน้าแดงและเงียบไป คิดถึงสิ่งที่ศิษย์พูดคุยกัน
"หญิงทำงานนอกบ้าน ชายทำงานในบ้าน ดูเหมือนไม่เลวเลย"
หลูยูอูพูดพึมพำอย่างไม่รู้ตัว
"พี่สาวพูดอะไรนะ?"
"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก มืดแล้วข้ากลับก่อนนะ!"
หลูยูอูตกใจเล็กน้อยหลีกเลี่ยงการมองหน้าเย่ฉางชิงแล้วรีบเดินหนีไป หลิวซวงก็ไม่ต่างกัน
เห็นสองสาวหนีไปอย่างเขินอาย ศิษย์หลายคนก็ยิ้มอย่างรู้ทัน เหมือนกำลังบอกว่า ‘ดูสิ!ข้าเดาถูกแล้ว สองพี่สาวชอบสหายฉางชิงจริงๆ’
"ก็มีคำกล่าวในโลกมนุษย์ที่ว่า ต้องจับหัวใจของผู้หญิงให้ได้ ก่อนที่จะจับท้องของเจ้า"
"คำนี้มาจากไหน? ทำไมข้าไม่เคยได้ยิน?"
"ข้าพูดเองในโลกมนุษย์นี่แหละ"
"ไปตายซะ"
ศิษย์หลายคนพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องสหายฉางชิงและหลังจากนั้นก็เริ่มแยกย้ายกันไปยังที่พักของตน ต่างคนต่างพูดทักทายกับเย่ฉางชิง และเย่ฉางชิงก็ตอบกลับทุกคน
เมื่อทุกคนเดินออกไปแล้ว ลานบ้านก็เงียบสงัด เย่ฉางชิงก็นึกในใจ
"เปิดหน้าต่างสถานะ"
【ผู้ใช้: เย่ฉางชิง】
【ตำแหน่ง: ศิษย์บำรุงที่ตำหนักเต๋า】
【ระดับการฝึกฝน : ลมปราณขั้นแรก (5216/10000)】
【วิชา : มิ่งซินเจวี่ย ระดับสูงสุด (9820/10000)】
【ชื่อเสียง : เริ่มเป็นที่รู้จัก】
【พรสวรรค์ : ระดับกลางขั้นกลาง (3068/50000)】
【รากฐาน : ระดับกลางขั้นกลาง (2631/50000)】
【ปัญญา : ระดับสูงขั้นกลาง (1997/100000)】
การเติบโตในครั้งนี้ถือว่าเป็นการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ระดับการฝึกฝนได้ทะลุผ่านขั้นใหญ่ไปสู่ขั้นลมปราณได้แล้ว
เย่ฉางชิงสามารถรู้สึกถึงการไหลของพลังปราณตามธรรมชาติรอบตัวได้อย่างชัดเจน และเมื่อฝึกฝนวิชามิ่งซินเจวี่ย เขาสามารถดูดซับพลังปราณนี้เข้าไปในร่างกายได้แล้ว
มิ่งซินเจวี่ยก็ได้พัฒนาขึ้นถึงระดับสูงสุด
พรสวรรค์และรากฐานของเขาก็พัฒนาขึ้นเป็นระดับกลางขั้นกลาง ทั้งสองได้บรรลุไประดับที่สูงขึ้น
การพัฒนาของเขาได้เติบโตขึ้นอย่างมาก ความเร็วในการฝึกฝนก็เร็วขึ้นเยอะ เมื่อรู้สึกถึงการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เย่ฉางชิงก็ไม่สามารถหยุดยิ้มได้
ดีมาก! ดีมาก! การพัฒนาแบบนี้ ควรจะรางวัลให้ตัวเองคืนนี้ ดังนั้นไม่ต้องฝึกฝนแล้ว
เขาไปอาบน้ำแล้วเข้านอน ในขณะเดียวกันที่ยอดเขาของยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ จ้าวเจิ้งผิงที่รออยู่หน้าถ้ำ ในที่สุดก้เห็นผผู้นำยอดเขา หงจุ้น
เขาพูดด้วยความรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งว่า
"ท่านอาจารย์! ท่านไปที่ไหนมาขอรับ?"
วันนี้ศิษย์ของยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากออกไปข้างนอกอย่างวุ่นวาย
แม้กระทั่งซูเจี้ยน, หลิวซวง, หลูยูอู ก็หายตัวไป รวมถึงอาจารย์ของเขา แต่เขาในฐานะพี่ใหญ่ของภูเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ กลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย
สิ่งนี้ทำให้จ้าวเจิ้งผิงรู้สึกไม่สบายใจ เขารู้สึกเหมือนอาจารย์และศิษย์น้องคนอื่นๆ มีความลับบางอย่างซ่อนจากเขา