บทที่ 35 เข้าสู่ความสงบ...ละมั้ง?
เสียงโห่ร้องรอบตัวทำให้เย่ฉางชิงรู้สึกสับสน ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วทำไมเสืออสูรถึงเกลียดเขาขนาดนั้น?
เย่ฉางชิงนึกในใจว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลย แถมก็ไม่ใช่คนที่ต้องการทำลายพรรคพยัคฆ์ดำด้วย
แต่กลับกลายเป็นว่าเขาถูกเสืออสูรตนนั่นจ้องเขม็งด้วยความแค้นอย่างไม่มีเหตุผล
นี่มันเรื่องบ้าอะไร! และตอนนี้มันคืออะไรกัน?
ศิษย์ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ฆ่าล้างพรรคพยัคฆ์ดำแล้วยังไม่พอ
ยังคิดจะบุกขึ้นไปทำลายนิกายพยัคฆ์อีกงั้นหรือ?
ในขณะที่เย่ฉางชิงยังคงงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น อาวุโสใหญ่แห่งนิกายเต๋าอี ก็ปรากฏตัวขึ้นเผชิญหน้ากับเหล่าศิษย์ของยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังตะโกนกันเสียงดังว่าจะบุกขึ้นไปยังนิกายพยัคฆ์
อาวุโสใหญ่หน้าดำคร่ำเครียดตะโกนออกมาอย่างโมโห
"เงียบซะ!"
พลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายไปทั่วพรรคพยัคฆ์ดำ ทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลและเงียบกริบทันที สายตาทุกคู่หันไปมองที่อาวุโสใหญ่ที่เพิ่งมาถึง
"ตาแก่บ้า เจ้ามาทำไม?"
หงจุ้นที่อยู่ในสภาพเมามายเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นอาวุโสใหญ่ปรากฏตัว อาวุโสใหญ่ยิ่งโมโหมากกว่าเดิมเมื่อเห็นท่าทีไม่แยแสของหงจุ้น
"เจ้าพวกศิษย์ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์นี่มันเก่งกันใหญ่แล้วสินะ? ฆ่าล้างพรรคพยัคฆ์ดำไม่พอ ยังจะคิดบุกนิกายพยัคฆ์อีก? เจ้าวางแผนจะให้ศิษย์ของเจ้าทั้งหมดฆ่าตัวตายหมู่หรืออย่างไร?"
หงจุ้นยังคงตอบกลับอย่างเฉยชาและเกียจคร้าน
"ข้าไม่ผิดนี่ ศิษย์ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ของข้าก็แค่ทำหน้าที่ พรรคพยัคฆ์ดำส่งอสูรระดับสูงไปที่เมืองเล่อซาน ฝ่าฝืนกฎ!ข้าก็เลยส่งคนไปจัดการ นี่มันสมเหตุสมผลไม่ใช่หรือ?"
"สมเหตุสมผล?"
อาวุโสใหญ่ถึงกับหัวเราะด้วยความโกรธ นี่มันน่าหัวเราะเกินไป เจ้าออกศึกพร้อมกับศิษย์นับพันของยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ แล้วบอกว่านี่คือสมเหตุสมผล? มันกระทำเกินไปแล้ว!
"กลับไปค่อยว่ากันเรื่องอื่น ตอนนี้พาศิษย์ทุกคนกลับนิกายเดียวนี้!"
อาวุโสใหญ่ไม่อยากเถียงกับหงจุ้นอีกต่อไป หากปล่อยให้เหล่าศิษย์ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์บุกนิกายพยัคฆ์จริง ๆ สงครามระหว่างมนุษย์กับเผ่าพันธุ์อสูรคงจะปะทุในทันที
เมื่อเห็นอาวุโสใหญ่โมโห หงจุ้นก็ไม่ได้เถียงอะไร เขายักไหล่อย่างไม่สนใจแล้วตอบกลับอย่างขำ ๆ
"ได้ๆเรื่องใหญ่แค่นี้เอง ใจเย็นหน่อยสิอาวุโสใหญ่ เจ้าต้องฝึกความอดทนเพิ่มนะ"
"หงจุ้น..."
อาวุโสใหญ่ที่เดิมมีท่าทางสุขุม ตอนนี้หน้าของเขาแดงกร่ำด้วยความโกรธ เสียงตะโกนดังกึกก้อง
หงจุ้นหาวออกมา พลางทำท่าเหมือนไม่ใส่ใจ เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยความตกใจ
"ว้า! ถึงเวลาอาหารมื้อเย็นแล้ว!"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ศิษย์ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ตกใจเช่นกัน นี่มันเวลาอาหารมื้อเย็นแล้วจริงๆหรือนี่?
"เจ้าหนุ่มฉางชิง ไปกันเถอะ"
เมื่อถึงเวลาอาหาร หงจุ้นก็ไม่รอช้า รีบพาเย่ฉางชิงออกจากที่นั่นทันที
"ท่านผู้นำรอเดี๋ยว ข้าว่าที่คลังในครัวไม่มีเสบียงแล้ว ให้ข้าไปบอกท่านเฉียนก่อน"
"เฉียนโหยวไฉ!"
"ขอรับ!"
"ตามข้ามา"
หงจุ้นพาเย่ฉางชิงและเฉียนโหยวไฉขึ้นขี่เสี่ยวไป๋ แล้วหายตัวไปในทันที
ส่วนเหล่าศิษย์ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ที่นั่นก็รีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วของพวกเขานั้นเร็วมากจนไม่น่าเชื่อ
พรรคพยัคฆ์ดำที่เดิมเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ตอนนี้กลับมีเพียงซากศพของอสูรที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป และอาวุโสใหญ่ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ
เขายืนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมองไปรอบๆแล้วกัดฟันด่าด้วยเสียงเบา ๆ
"ศิษย์ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์พวกนี้มันบ้ากันหมดแล้ว"
เมื่อพูดจบ ร่างของอาวุโสใหญ่ก็หายไปจากที่นั่นเช่นกัน
ด้วยพลังปราณของหงจุ้นปกคลุมเสี่ยวไป๋ไว้ ทำให้ความเร็วของเสี่ยวไป๋เพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด
เมื่อรู้สึกถึงความเร็วที่น่ากลัวนี้ เย่ฉางชิงอดคิดไม่ได้ว่าที่ผ่านมาตัวเขาเองไม่สามารถดึงศักยภาพของเสี่ยวไป๋ออกมาได้อย่างเต็มที่ นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเสียจริง
ทิวทัศน์รอบข้างแทบจะมองไม่ทัน ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เย่ฉางชิงพร้อมกับหงจุ้นและเฉียนโหยวไฉก็มาถึงยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์
ทันทีที่ลงจากหลังเสี่ยวไป๋ หงจุ้นรีบร้อนพูดขึ้นว่า
“เจ้าหนุ่มฉางชิง อยากได้อะไรบอกเฉียนโหยวไฉให้เขาเตรียมไว้”
สำหรับหงจุ้นแล้วการทานอาหารของเย่ฉางชิงถือเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก ที่ไม่สามารถปล่อยให้เกิดความผิดพลาดได้แม้แต่น้อย
“ขอรับ”
เย่ฉางชิงตอบรับคำสั่ง เขาแจ้งรายการวัตถุดิบที่ต้องการให้เฉียนโหยวไฉ ซึ่งรีบไปเตรียมการในทันที หลังจากนั้น เย่ฉางชิงก็เริ่มเตรียมวัตถุดิบอยู่ในครัว
เหตุการณ์ในวันนี้แม้ว่าจะทำให้เขาสับสนไปบ้าง
แต่การที่เหล่าศิษย์ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์แสดงความร่วมมือเพื่อปกป้องเขาก็ทำให้เย่ฉางชิงรู้สึกซาบซึ้งอยู่ไม่น้อย
ดังนั้นในคืนนี้เขาจึงตั้งใจจะทำอาหารค่ำที่อุดมสมบูรณ์กว่าปกติ
จานแรกที่เย่ฉางชิงเตรียมคือ"ไก่ตุ๋นในหม้อไอน้ำ"ซึ่งมีสรรพคุณช่วยในการรักษาบาดแผลและเสริมฟื้นฟูพลังปราณ
เพราะในวันนี้มีศิษย์หลายคนที่ได้รับบาดเจ็บ ถึงแม้เวลาจะไม่มากนัก แต่ด้วยความสามารถของหงจุ้นที่ใช้พลังปราณเร่งกระบวนการปรุงได้ ทำให้ไม่เป็นปัญหา
หงจุ้นตอบตกลงทันทีโดยไม่คิดอะไรมากเพราะเรื่องอาหารสำหรับเขาแล้ว การใช้พลังปราณเล็กน้อยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
ใช้หม้อต้มขนาดใหญ่กว่า 100 ใบ และเตรียมอาหารสำหรับศิษย์จำนวน 6,000 คนที่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ในวันนี้
ถัดมาเย่ฉางชิงยังได้ทำเมนูใหม่อีกสองจาน คือ "เนื้อวัวผัดผักขึ้นฉ่าย" และ "มันฝรั่งผัดเผ็ด" เนื้อวัวเขาใหญ่เป็นอสูรที่มีค่ามากกว่าเนื้อหมูแดงลายเส้น
ซึ่งปกติแล้วเฉียนโหยวไฉจะไม่ยอมใช้เนื้อวัวนี้ในการทำอาหาร แต่ครั้งนี้ไม่ว่าเย่ฉางชิงจะขออะไร เขาพร้อมจัดหามาให้เต็มที่ ยิ่งหงจุ้นอนุญาตด้วย เฉียนโหยวไฉยิ่งไม่ลังเลแม้แต่น้อย
กลิ่นหอมของไก่ตุ๋นในหม้อไอน้ำและเนื้อวัวผัดเริ่มกระจายไปทั่วทั้งลาน ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ศิษย์ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ต่างทยอยกลับมาที่นิกาย
ทุกคนล้วนมีใบหน้าซีดเซียว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะใช้พลังปราณไปมาก
แน่นอนว่าเป็นเพราะพวกเขาเร่งกลับมาทั้งที่พลังปราณใกล้จะหมด เพื่อให้ทันมื้อเย็นจึงรีบกลับมายังยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์โดยเร็วที่สุด
เมื่อมาถึงพวกเขาไม่แม้แต่จะหยุดพัก แต่พุ่งตรงไปยังโรงครัวด้วยความเร็วที่ไม่ลดลงแม้แต่น้อย
“ต่อคิวสิ! วันนี้ข้าจะไม่ยอมพลาดอาหารมื้อนี้เด็ดขาด”
“เจ้าพึ่งจะฆ่าอสูรไปตัวเดียว ก็ยังกล้าพูดอีกหรือว่าจะได้กินอาหารของน้องฉางชิง?”
“ข้านี่สิ! ฆ่าอสูรไปถึงห้าตัว ในการปกป้องน้องฉางชิง ข้าคู่ควรกับอาหารมื้อนี้ที่สุด!”
“แค่ห้าตัวแล้วยังกล้าพูดอีกหรือ? ถ้าน้อยกว่าสิบตัว ข้าว่าเจ้าควรกลับไปคิดทบทวนตัวเองดีกว่า”
“ข้าอาจจะไม่ได้ฆ่าอสูร แต่ข้าอยู่เคียงข้างน้องฉางชิงตลอด ดังนั้นข้าย่อมมีสิทธิ์ได้กินอาหารนี้ด้วย!”
ศิษย์หลายคนพากันโต้เถียงและแย่งชิงกันมาที่โรงครัว พวกเขาคิดว่าคงจะมีการต่อสู้แย่งอาหารกันอีกครั้ง
แต่เมื่อเย่ฉางชิงเดินมาบอกว่าทุกคนที่ไปพรรคพยัคฆ์ดำในวันนี้จะได้รับอาหาร ทุกคนต่างตื่นเต้นทันที
“น้องฉางชิง ใจกว้างจริง ๆ!”
“ไม่เสียแรงที่ข้าศรัทธา เชื่อว่าน้องฉางชิงจะกลายเป็นบุคคลสำคัญในวันหน้า!”
เมื่อรู้ว่ามีอาหารเพียงพอสำหรับทุกคน เหล่าศิษย์ต่างก็สรรเสริญเย่ฉางชิงอย่างไม่ขาดปาก
อย่างไรก็ตาม เย่ฉางชิงไม่มีเวลาฟังพวกเขาเพราะการเตรียมอาหารสำหรับคน 6,000 คน แม้จะมีหงจุ้นช่วย แต่เขาก็เหนื่อยมากทีเดียว