บทที่ 34 เจ้าคือศิษย์น้องฉางชิง?
**มีการเปลี่ยนชื่อบริบทจากสำนักเต๋าอี้เป็นนิกายเต๋าอี้,เจ้าสำนักเป็นเจ้านิกาย นะครับ**
"อะไรนะ? พวกเขายกทัพไปพรรคพยัคฆ์ดำแล้ว?"
ภายในห้องโถงหลักของยอดเขาหลักแห่งนิกายเต๋าอี้ ฉีสงได้ส่งคนไปยังเมืองเล่อซาน แต่กลับไม่พบเหล่าศิษย์แห่งนิกายเต๋าอี้เลย จนในที่สุดได้ทราบว่าพวกเขาไปที่พรรคพยัคฆ์ดำแทน
เมื่อได้ยินข่าวนี้ ฉีสงถึงกับกระตุกตาอย่างแรง "หงจุ้น เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?"
เขาหันไปสั่งการด้วยเสียงดัง "อาวุโสใหญ่เจ้าต้องไปด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม เจ้าต้องพาคนพวกนี้กลับมาให้ได้"
อาวุโสใหญ่พยักหน้าและหายตัวไปทันที
ในอีกด้านหนึ่งที่พรรคพยัคฆ์ดำ เหล่าศิษย์ของนิกายเต๋าอี้ไม่ได้สนใจคำพูดใดๆของพยัคฆ์มารเลย หลิวซวงถึงกับลงมือทันทีฟาดฟันกระบี่ใส่พยัคฆ์มารด้วยความเร็วสูง
"เลิกพูดมาก! รับกระบี่ข้าไป!"
ไม่พูดพร่ำทำเพลงหลิวซวงเริ่มการต่อสู้โดยไม่ฟังคำอธิบายใดๆของพยัคฆ์มาร ทำให้พยัคฆ์มารหน้า้บึนทึงขึ้นสุดขีด เขากัดฟันและตะโกนออกมา
"หลิวซวง!"
พยัคฆ์มารรู้จักหลิวซวงเป็นอย่างดี ในฐานะศิษย์ลำดับสองของนิกายเต๋าอี้ มีฉายาว่า เซียนดาบน้ำแข็ง พลังฝีมือของเธอไม่ด้อยไปกว่าตัวเขาเลย ดังนั้นพยัคฆ์มารจึงไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
ทั้งสองเข้าต่อสู้กันอย่างรุนแรง ท่ามกลางการสู้รบที่ดุเดือดนั้นเหล่าศิษย์นิกายเต๋าอี้ก็บุกเข้าโจมตีอสูรในพรรคพยัคฆ์ดำอย่างไม่ยั้งมือ
"หลิวซวง นิกายเต๋าอี้ของเจ้าเล่นตลกอะไรกันแน่? พรรคพยัคฆ์ดำของข้าไม่เคยล่วงเกินพวกเจ้ามาก่อนเลย!"
"เหอะ! แล้วพวกเจ้ามาที่เมืองเล่อซานทำไม?"
ในระหว่างการต่อสู้พยัคฆ์มารพยายามอธิบาย แต่หลิวซวงเพียงหัวเราะเยาะกลับมา
เมื่อได้ยินชื่อเมืองเล่อซานพยัคฆ์มารก็สะดุ้งไปชั่วขณะ เขาเริ่มคาดเดาว่าต้นเหตุน่าจะมาจากเรื่อง ไข่มุกอสูร
แต่ในความคิดของเขามันไม่น่าจะใช่ต้นเหตุสงครามมาจากเรื่องนี้ได้ เพราะไข่มุกอสูรนั้นแม้จะล้ำค่าสำหรับพวกเขา แต่ไม่น่าถึงขั้นทำให้นิกายเต๋าอี้ยกทัพออกมาตอบโต้รุนแรงขนาดนี้
พยัคฆ์มารรีบอธิบาย "ใช่! ข้าส่งคนไปที่เมืองเล่อซานจริง แต่เพราะที่นั่นมีไข่มุกอสูรข้าไม่ได้ไปทำร้ายศิษย์นิกายเต๋าอี้แต่อย่างใด!"
แม้จะเป็นไข่มุกอสูร แต่ก็ไม่น่าจะเป็นเหตุผลให้นิกายเต๋าอี้ส่งศิษย์มามากมายขนาดนี้ แถมพวกเขายังไม่ได้สูญเสียอะไรเลยแม้แต่น้อย กลับเป็นพวกเขาซะอีกที่สูญเสีย
หลิวซวงเยาะเย้ย "หึ! ไข่มุกอสูรข้าจะไม่พูดถึงก็แล้วกัน แต่พวกเจ้ากลับกล้าหมายทำร้ายศิษย์น้องฉางชิง นั่นคือโทษประหาร!"
เมื่อได้ยินชื่อของฉางชิง? พยัคฆ์มารก็ยิ่งหัวเสีย เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
"ฉางชิง? ใครที่ชื่อฉางชิง? ข้าไม่รู้จักเลยแม้แต่น้อย!"
“ข้าไม่รู้จักเลยจริงๆ ว่าหมอนั่นเป็นใคร” พยัคฆ์มารพูดอย่างหงุดหงิด ทั้งที่ได้สอบถามกับนักรบอสูรทั้งสองไปแล้ว พวกมันก็ไม่รู้ว่า"ฉางชิง"คนนี้เป็นใครกันแน่
ไกลออกไปขณะที่เย่ฉางชิงยืนอยู่ข้างหงจุ้น เย่ฉางชิงกลับได้ยินเสียงเหมือนคนตะโกนเรียกชื่อของเขาโดยไม่คาดคิดจึงตอบกลับไปด้วยความเคยชิน
“ขอรับ? ...ใครเรียกข้า?”
ถึงเสียงจะไม่ดัง แต่สำหรับพยัคฆ์มารที่มีพลังระดับกึ่งเทพอสูร ย่อมได้ยินชัดเจนในทันที เขาหันไปมองที่เย่ฉางชิงด้วยความตกตะลึง
สิ่งที่เขาเห็นคนชื่อเย่ฉางชิง กลับเป็นเพียงศิษย์รับใช้เท่านั้น พยัคฆ์มารอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ
“เจ้าคือฉางชิง?”
“ใช่ขอรับ ข้าชื่อเย่ฉางชิง”
“พวกเจ้ากำลังปั่นประสาทข้า?”
เมื่อได้ยินคำตอบนี้พยัคฆ์มารรู้สึกเหมือนถูกล้อเล่นความโกรธแผ่ซ่านออกมาจากร่างเขาอย่างรุนแรง เรื่องนี้มันเกินไปแล้ว!
พวกยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์คิดจะดูถูกเขาขนาดนี้เชียวหรือ? ไม่เพียงแต่หงจุ้นกับหลูยูอู แต่ตอนนี้แม้แต่ศิษย์รับใช้ยังกล้ามาหยามหน้าเขาอีกหรือ?
แค่ศิษย์รับใช้ตัวเล็กๆกลับทำให้ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ถึงกับตื่นตัวขนาดนี้? คิดว่าเขาเป็นคนโง่หรืออย่างไร?
ท่ามกลางความโกรธ พยัคฆ์มารไม่รีรออีกต่อไปเขาพุ่งเข้าใส่เย่ฉางชิงทันทีพร้อมกับฟาดฝ่ามือลงมาอย่างรุนแรง
แต่ก่อนที่ฝ่ามือจะถึงตัวเย่ฉางชิง หลิวซวงพุ่งเข้ามาขวางหน้าไว้ทันทีพร้อมกับฟันดาบพุ่งสวนฝ่ามือของพยัคฆ์มารจนแตกกระจาย สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความเย็นชา
“เจ้าพยัคฆ์มาร! เจ้าคงอยากตายจริงๆสินะ”
เมื่อพยัคฆ์มารเห็นปฏิกิริยาของหลิวซวง เขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความไม่อยากเชื่อ
“นั่นใช่ ‘ฉางชิง’คนนั้นจริง ๆ หรือ?”
นี่มันเรื่องตลกอะไร? ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์จะจริงจังถึงขนาดนี้เพราะศิษย์รับใช้คนเดียวหรือ?
แต่หลิวซวงไม่ได้ตอบอะไร เธอเพียงชักดาบฟันใส่พยัคฆ์มารอีกครั้ง
“กล้าทำร้ายศิษย์น้องฉางชิง วันนี้เจ้าต้องตาย!”
พยัคฆ์มารรู้สึกเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องบ้าคลั่ง ขณะต้องต่อสู้รับการโจมตีของหลิวซวงที่รุนแรงดั่งพายุ เขาตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น
“หลิวซวง พวกเจ้าที่ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์เสียสติไปแล้วหรือไง? นั่นมันแค่ศิษย์รับใช้นะ!”
“เพื่อศิษย์รับใช้คนเดียว ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ถึงกับต้องบุกมาทำลายพรรคพยัคฆ์ดำเชียวหรือ?”
พยัคฆ์มารไม่เคยคิดเลยว่าที่เขาต้องมาพบจุดจบของพรรคพยัคฆ์ดำอันที่เขาสร้างขึ้นด้วยความลำบาก จะเป็นเพราะศิษย์รับใช้จากนิกายเต๋าอี้เพียงคนเดียว
ทว่าการโจมตีของหลิวซวงยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆและในเวลาเดียวกัน นักรบอสูรทั้งสองตัวที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพยัคฆ์มารก็ถูกหลูยูอูและศิษย์ฝ่ายในอีกหลายคนสังหารสิ้น
เมื่อเห็นนักรบอสูรสองตัวสุดท้ายล้มลง
พยัคฆ์มารรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาแตกสลาย พรรคพยัคฆ์ดำที่เขาสร้างขึ้นมาพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะศิษย์รับใช้คนหนึ่ง ที่สำคัญคือศิษย์รับใช้คนนั้นยังไม่ได้เป็นอะไรเลย
พยัคฆ์มารคำรามด้วยความโกรธและฝืนผลักหลิวซวงออกไป
แต่ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลหลายแห่ง เลือดไหลอาบทั้งตัว ก่อนจะมองหลิวซวงด้วยความอาฆาตแค้น และหันไปจ้องมองเย่ฉางชิง
เขากัดฟันพูดอย่างชิงชัง
“ดี! นิกายเต๋าอี้ ดีมาก! ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ ดีมาก! เย่ฉางชิง ดีมาก! ข้าพยัคฆ์มารจะจดจำวันนี้ไว้แน่นอน แล้วพวกเจ้าคอยดู!”
ทันทีที่พูดจบ พยัคฆ์มารก็หยิบชิ้นส่วนผลึกสีดำออกมาและบีบมันจนแตก เส้นแสงสีแดงพุ่งลงมาจากฟากฟ้า ปกคลุมร่างของเขาไว้ทั้งหมด
“ผลึกเคลื่อนย้าย!”
เมื่อเห็นสิ่งนี้หลิวซวงฟันดาบใส่พยัคฆ์มารอีกครั้ง แต่ทันทีที่ดาบสัมผัสแสงสีแดงนั้น ปลายดาบก็แตกสลายออก ไม่สามารถทำร้ายพยัคฆ์มารได้แม้แต่น้อย
นี่คือผลึกเคลื่อยย้าย ซึ่งสามารถปกป้องชีวิตและพาเขากลับไปยังถิ่นของนิกายพยัคฆ์ ไม่มีใครคาดคิดว่าพยัคฆ์มารจะมีผลึกนี้ติดตัว
เมื่อผลึกเคลื่อยย้ายถูกเปิดใช้งาน ร่างของพยัคฆ์มารหายไปในแสงสีแดงอย่างรวดเร็ว หลิวซวงไม่สามารถหยุดเขาได้เลย
แต่ถึงพยัคฆ์มารจะหนีไปแล้ว สัตว์อสูรที่เหลือในพรรคพยัคฆ์ดำก็สิ้นชีพไร้การต่อต้าน ศิษย์ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ต่างโห่ร้องด้วยความยินดี
แม้จะปล่อยให้พยัคฆ์มารหนีไปได้ หลิวซวงก็เดินกลับมาหาหงจุ้นและเย่ฉางชิงด้วยความไม่พอใจ
“ท่านอาจารย์ ข้า...”
“เขามีผลึกเคลื่อยย้าย เจ้าไม่อาจหยุดเขาได้ ไม่แปลกเลย”
หงจุ้นตอบอย่างเรียบง่าย เพราะเขารู้ดีว่าถิ่นของนิกายพยัคฆ์ไม่เหมือนกับพรรคพยัคฆ์ดำ นั่นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าอสูรที่มีอำนาจมากพอจะต่อกรกับนิกายเต๋าอี้ได้
ในดินแดนตะวันออก เผ่าอสูรมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่สี่แห่ง และแต่ละแห่งล้วนแข็งแกร่งอย่างยิ่ง นิกายพยัคฆ์เป็นหนึ่งในนั้น
นี่จึงเป็นเหตุผลที่หงจุ้นไม่ได้ลงมือสังหารพยัคฆ์มารเองตั้งแต่แรก
แต่ศิษย์บางคนไม่ได้คิดลึกซึ้งขนาดนั้น เมื่อเห็นพยัคฆ์มารหนีไป ศิษย์ภายนอกคนหนึ่งก็ตะโกนด้วยความโกรธ
“บุกถล่มนิกายพยัคฆ์ ฆ่าพยัคฆ์มารให้สิ้นซาก!”
ด้วยเสียงตะโกนของเขา ศิษย์คนอื่น ๆ ของยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังเต็มไปด้วยความโกรธแค้นก็พร้อมใจกันโห่ร้องตาม
“บุกถล่มนิกายพยัคฆ์ ฆ่าพยัคฆ์มารให้สิ้นซาก!”
“บุกถล่มนิกายพยัคฆ์ ฆ่าพยัคฆ์มารให้สิ้นซาก!”
เสียงโห่ร้องดังสนั่นไปทั่วทั้งพรรคพยัคฆ์ดำ
เมื่ออาวุโสใหญ่ของนิกายเต๋าอี้ได้ยินเสียงนี้จากระยะไกล ขณะที่เขาเพิ่งมาถึงพรรคพยัคฆ์ดำ ก็แทบจะล้มลงด้วยความตกใจ
“พวกเจ้าบ้าไปแล้ว ยอดเขาดาบศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่? ทำลายพรรคพยัคฆ์ดำยังไม่พอ ยังคิดจะบุกนิกายพยัคฆ์อีกรึ?”