ตอนที่ 214 ช่วยให้เขาทำผลงานเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ!
เก้าสำนักเซียนใหญ่กระจายตัวอยู่ในสามทวีป ได้แก่ เขตชิงโจว, เจตซางโจว และเขตหวงโจว โดยสำนักสุริยันจันทร์ทรา, ตระกูลเจียง, และเผ่าจั่นตั้งอยู่ในทวีปซางโจว ส่วนดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวง, สำนักเต๋าหยาง, และหุบเขาหมื่นพิษตั้งอยู่ในทวีปชิงโจว และสำนักที่เหลือ ได้แก่ สำนักเกาซาน, วิหารเจ็ดเทพ, และนครดาบไร้ขอบเขต ตั้งอยู่ในเขตหวงโจว!
หลังจากเก้าสำนักเซียนใหญ่ถูกจัดอันดับขึ้นมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการแบ่งปันผลประโยชน์ใหม่ในดินแดนตะวันออก สำนักเซียนเก้าสำนักในรอบก่อนจะต้องคืนสิทธิ์การควบคุมทรัพยากรและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เคยครอบครอง สิ่งเหล่านี้เป็นทรัพยากรที่แบ่งปันกันในดินแดนตะวันออกมาตั้งแต่โบราณ และประเพณีนี้ถูกสืบสานจนถึงปัจจุบัน แม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหย่ากวงและสำนักสุริยันจันทร์ทราก็ไม่เคยคิดที่จะครอบครองทุกอย่างเพียงลำพัง
สำนักเกาซานในรอบก่อนอยู่ในอันดับที่หก รอบนี้ก็ยังคงอยู่ที่หกเช่นเดิม ดังนั้นจึงไม่มีการแบ่งปันทรัพยากรใด ๆ ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามเดิม
หลังจบการแข่งขัน เจ้าสำนักจางหยุนเทียนก็พาสมาชิกของสำนักเกาซานกลับไปยังที่พัก พวกเขาตั้งใจว่าจะออกเดินทางกลับสำนักในอีกไม่กี่วัน
“เฮ้อ ที่จริงเราก็ไม่ได้อยากจะเป็นสำนักเซียนเก้าใหญ่สักหน่อย แต่ก็โดนบีบให้ต้องเป็น” เทียนจีเจินเหรินพูดขึ้นระหว่างทางด้วยรอยยิ้ม
“ใช่แล้ว เรามีทางเลือกอะไรกันล่ะ? มีดจ่อคอแล้ว จะไม่ขัดขืนก็ไม่ได้” อู๋จีเจินเหรินพูดเสริม
“พี่ใหญ่ทั้งสอง คนข้าง ๆ อย่างข้าฟังแล้วอดไม่ได้ที่จะอยากต่อยพวกท่านจริง ๆ” เซี่ยเซวียนเจินเหรินกลอกตา ยกยิ้มเล็ก ๆ พลางพูด สองคนนี้เหมือนกับร้องคู่กันไปมาเกินไป โชคดีที่โกวหยวนเจินเหรินไม่อยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นสามคนรวมกันยิ่งทำให้วุ่นวายหนักเข้าไปอีก
“น้องสาวจ๋า เจ้าก็รู้ดีว่าพลังของพี่ใหญ่ พี่ก็กลัวว่าเจ้าจะอยากลงมือ แต่สุดท้ายจะสู้พี่ใหญ่ไม่ได้เท่านั้นแหละ” เทียนจีเจินเหรินพูดด้วยเสียงหัวเราะ ถึงแม้เขาจะแพ้ให้กับโกวหยวนเจินเหริน แต่เขาก็ยังคงเป็นผู้แข็งแกร่งในระดับ มหาเต๋า ไม่ใช่ใครที่จะมาแตะต้องได้ง่าย ๆ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยเซวียนเจินเหรินยิ้มมุมปาก ไม่ได้พูดอะไร สายตาเธอหันมองเทียนจีเจินเหริน ความหมายในแววตานั้นยากที่จะอธิบายเป็นคำพูด
“แค่ก ๆ ๆ…” เทียนจีเจินเหรินเห็นสายตานั้นก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้ เขาจึงรีบกระแอมแก้เก้อ ก่อนจะหันไปมองหลินหยางที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “หลินหยางเอ๋ย เมื่อจบศึกเซียนครั้งนี้ เรื่องงานแต่งของเจ้า ก็คงต้องเริ่มวางแผนได้แล้วนะ”
“เชื่อว่าเจ้าเองก็คงทนรอไม่ไหวแล้วสินะ?”
“เอ่อ… ไหงจู่ ๆ ก็พูดถึงข้าล่ะ?” หลินหยางชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองคนงามข้างกาย เขามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน แล้วพูดว่า “ข้ายอมรับ ว่ารอไม่ไหวจริง ๆ”
“หลินหยาง… มีคนมากมายมองอยู่ เจ้าอย่าพูดแบบนี้เลย…” มู่ชิงชิงพูดด้วยเสียงแผ่วใบหน้าเต็มไปด้วยสีแดง ทั้งคอของเธอก็แดงระเรื่อเช่นกัน ปกติแล้วเธอเป็นคนที่ค่อนข้างเปิดเผย แต่ในเรื่องนี้เธอกลับเขินอายเหมือนสาวน้อยไร้เดียงสา เพราะหลินหยางเป็นคนที่เธอหลงรักมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่อยู่เคียงข้างเธอมาโดยตลอด การที่ได้แต่งงานกับเขาคือความปรารถนาสูงสุดของชีวิตเธอ เธอเคยพูดไว้ว่าถ้าเพื่อหลินหยางแล้ว แม้จะต้องตายเธอก็ไม่หวั่น ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าเธอรักหลินหยางมากเพียงใด
“ฮ่า ๆ ทุกคนต่างก็อวยพรพวกเราทั้งนั้นแหละ” หลินหยางจับมือมู่ชิงชิงและหัวเราะอย่างร่าเริง
“ใช่แล้ว พี่หลินในอนาคตอาจจะได้เป็นถึง จ้าวสูงสุดของสำนักก็เป็นได้ ตอนนั้นพี่ชิงชิงก็คงจะยิ่งใหญ่ไม่เบาเลยนะ” หยางกานตั้งพูดแซว
“กานตั้ง เจ้าพอเถอะ…” มู่ชิงชิงหน้าแดงกว่าเดิม หัวใจเต้นแรงและร่างกายสั่นเล็กน้อย การที่ได้ยินคำแซวและคำอวยพรจากพี่น้องศิษย์ในสำนักและอาจารย์ เธอยิ่งเฝ้ารอถึงวันแต่งงานที่ใกล้จะมาถึงอย่างตื่นเต้น!
“ฮ่า ๆ หลินหยาง ชิงชิง งานแต่งของพวกเจ้า อาจารย์จะทำให้ได้รับพรจากคนทั้งโลก!”
“สำนักเกาซานที่กลายเป็นม้ามืดในรอบนี้ ดึงดูดความสนใจได้มากมาย ข้าเชื่อว่าจะมีหลายฝ่ายนำของขวัญมาอวยพรแน่นอน!” เจ้าสำนักจางหยุนเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม งานแต่งของหลินหยางและมู่ชิงชิงเป็นเรื่องที่เขาเป็นผู้จัดการ ตอนนี้สถานะของสำนักเกาซานยิ่งสูงขึ้น และอยู่ในระดับแนวหน้าของดินแดนตะวันออก งานแต่งของศิษย์เขาจึงต้องได้รับพรไม่ใช่แค่จากคนในสำนักเท่านั้น
และนอกจากนี้… เจ้าสำนักจางหยุนเทียนพูดขึ้นอีกว่า “ในวันแต่งงาน อาจารย์จะประกาศแต่งตั้งเจ้าเป็น บุตรศักดิ์สิทธิ์ ของสำนักเกาซานรุ่นนี้อย่างเป็นทางการ!”
“หลังจากนี้ต้องพยายามให้มากขึ้น อย่าให้ข้าและทุกคนในสำนักผิดหวัง!”
“ครับ ศิษย์จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสำนัก จะอุทิศชีวิตที่เหลือทั้งหมดให้กับสำนัก” หลินหยางกล่าวด้วยความดีใจในใจ แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงภาระหน้าที่ที่ตกอยู่บนบ่าของตนเช่นกัน นั่นคือความรับผิดชอบ!
“ฮ่าฮ่า สำนักเกาซานนับตั้งแต่ก่อตั้งมา มีศิษย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยได้รับตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์มาก่อน”
“แม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่จะไม่ได้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก แต่ทุกคนล้วนเป็นยอดคนผู้มีพรสวรรค์สูงสุด ซึ่งเดินไปได้ไกลมากแล้ว”
“หลินหยางได้รับตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ใหม่ ข้าก็เชื่อว่าเขาจะเดินตามรอยเท้าของพวกเขาและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!”
เหล่าศิษย์สำนักเกาซานต่างก็แสดงความยินดีกับการที่หลินหยางได้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่มีใครอิจฉาเลยแม้แต่น้อย พวกเขามีแต่ความยินดี รวมถึงเหล่าศิษย์เอกของจางหยุนเทียนก็เช่นกัน พวกเขามองหลินหยางผู้ที่เข้าสำนักมาได้ไม่กี่ปีแต่กลับเดินล้ำหน้าไปไกล พวกเขามองเขาด้วยความเอ็นดู สำหรับศิษย์น้องคนนี้ พวกเขาก็ยิ่งคาดหวังมากขึ้น ในอนาคต พวกเขาย่อมจะทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือหลินหยางให้ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ!
“ท่านอาจารย์! อ้ายหยาอยากกินขนมแต่งงานของศิษย์พี่หลินหยางกับศิษย์พี่ชิงชิงค่ะ” อ้ายหยาขี่อยู่บนหลังจินจิน กระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น ส่งเสียงหัวเราะร่าเริง
“ดี ข้าจะให้ขนมชิ้นแรกกับเจ้าอย่างแน่นอน” ฮั่วหยุนเฟยยิ้มพลางลูบศีรษะของอายา จากนั้นเขาหันไปมองหลินหยางและมู่ชิงชิง สองคนที่เขาได้ช่วยชีวิตกลับมาจากประตูผี ตอนนี้ก็เติบโตขึ้นแล้ว
“ถึงเวลานั้น ข้าจะเตรียมของขวัญล้ำค่าให้พวกเขาด้วย” ฮั่วหยุนเฟยคิด
ด้านหลัง ชูชิงเอ๋อมองดูสีหน้าของเหล่าศิษย์และอาวุโสของสำนักเกาซานที่อยู่รอบตัว แล้วเงียบไป
“ความผูกพันระหว่างศิษย์และผู้อาวุโสของสำนักเกาซานมันช่างแท้จริง ไม่เจือปนด้วยสิ่งใดเลย...” เธอคิดว่าเชื่อมพันธมิตรเช่นนี้แน่นแฟ้นมากแล้ว จนกระทั่งเธอได้เข้าร่วมสำนักเกาซานและได้เห็นฉากนี้
ข่าวการแต่งงานของบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักเกาซานถูกประกาศโดยศิษย์ของจางหยุนเทียนออกไป ไม่ได้แจ้งบอกต่อพวกกลุ่มใหญ่แต่อย่างใด สำนักใหญ่มีศักดิ์ศรีของตนเอง สำนักเกาซานในตอนนี้มีอำนาจยิ่งใหญ่ในทุกทิศทาง การแต่งงานของบุตรศักดิ์สิทธิ์ ใครกล้าจะไม่ให้เกียรติ? ผู้ที่มีจิตใจก็จะมาเอง ส่วนผู้ที่ไม่มีจิตใจ สำนักเกาซานก็ไม่คิดจะเข้าหา
เผ่าจั่น เมื่ออาวุโสใหญ่ได้รับข่าวนี้ ก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เขามั่นใจมากว่าการระเบิดของรถศึกนั้นต้องเป็นฝีมือของสำนักเกาซานแน่นอน แต่เขาไม่มีหลักฐาน อีกทั้งไม่สามารถสืบหาเบาะแสใดๆ ในตอนนั้น ทำให้เขาไม่สามารถลงโทษสำนักเกาซานได้!
“พวกเจ้า ฆ่าประมุขของข้า ทำให้เหล่าอาวุโสและศิษย์รุ่นเยาว์หลายคนต้องตายอย่างโหดร้าย พวกเจ้ายังกล้าจัดงานแต่งงานอีกหรือ?” อาวุโสใหญ่เอ่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยอันตราย เผ่าจั่นยังไม่เคยเจอกับสถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้มาก่อน! การระเบิดของรถศึกในครั้งนี้ทำให้ศิษย์รุ่นเยาว์มากความสามารถหลายคนต้องเสียชีวิตไป ส่งผลให้สำนักรบต้องตกไปอยู่ในอันดับที่สี่ของเก้าสำนักเซียน ทำให้อาวุโสใหญ่รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
เผ่าจั่นที่เคยยิ่งใหญ่ เปิดยุคสมัยที่มีเก้าจ้าวสูงสุดเกิดขึ้นพร้อมกัน สร้างความเกรียงไกรไปทั่วจักรวาล กวาดล้างไปทั่วทุกทิศทาง แต่ตอนนี้กลับต้องเผชิญกับสถานการณ์อันน่าอับอายเช่นนี้ อาวุโสใหญ่ซึ่งมีสติปัญญาเป็นเลิศก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ความโกรธในใจของเขาเหมือนเพลิงเทพที่ลุกไหม้ อยากจะเผาสำนักเกาซานให้มอดไหม้!
โดยเฉพาะในเวลาที่เขาเต็มไปด้วยความโกรธและความกังวล ฝั่งสำนักเกาซานกลับกำลังจัดงานแต่งงานอย่างสนุกสนาน มีเสียงหัวเราะตลอดเวลา นั่นยิ่งทำให้เขาไม่พอใจและโกรธมากขึ้น!
“อาวุโสใหญ่ ท่านเจ้าสำนักเหย่ากวงมาแล้ว!” เสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของอาวุโสใหญ่
“เขามาทำไม?” อาวุโสใหญ่เงยหน้าขึ้น ดวงตาหรี่ลง