ตอนที่แล้วตอนที่ 14 ข้อพิพาทเรื่องอาหารค่ำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16 อัพเกรดเป็นโรงแรมระดับสาม

ตอนที่ 15 แขกจำนวนมาก


ตอนที่ 15 แขกจำนวนมาก

เสียงเตือนที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ฉู่เจียงเยว่ไม่พอใจอย่างยิ่ง

“จิ้งจอกน้อย! เธอกำลังทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย นี่มันกี่โมงกี่ยามเอง?”

ตอนนี้กี่โมงแล้ว?

เธอบอกชัดเจนให้ปลุกตอน 9 โมงเช้าของวันถัดไป แต่ตอนนี้เพิ่งเที่ยงคืน เที่ยงคืนเท่านั้น!

“โฮสต์ ฉันก็ไม่ได้อยากรบกวนคุณ! มันเป็นเสิ่นจื้อกุย และคนอื่นๆ ที่กลับมาพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่ง”

คนเหล่านี้คือ ผู้ที่มีโอกาสจะเป็นแขกของโรงแรม และความล่าช้าในการต้อนรับพวกเขาจะถือว่าเป็นการสูญเสีย

ฉู่เจียงเยว่ยิ้มแต่พูดว่า “ช่างหัวพวกเขาสิ ถ้าทุกคนมาในช่วงนอกเวลางานของฉัน ฉันก็ต้องมาเปิดประตูให้พวกเขาตลอดเลยเหรอ งั้นเวลาทำงานที่ฉันตั้งไว้จะมีไว้เพื่ออะไร”

รู้ไหมว่าจุดแข็งของการผูกขาดตลาดคืออะไร มันหมายความว่าเธอมีอำนาจเหนือกว่า และทุกคนต้องทำตามกฎของเธอ ถ้าไม่ก็ไม่มีอะไรต้องพูดคุยกัน ด้วยจุดแข็งของโรงแรมเจียงหลิน ยิ่งเวลาสิ้นโลกผ่านไปนานเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งเด่นชัดมากขึ้นเท่านั้น!

“จิ้งจอกน้อย ฉันไม่ตำหนิเธอสำหรับความไม่รู้ในช่วงสองสามวันแรก แต่ต่อจากนี้ไปแม้ว่าจะมีแขกมาหลังเวลาเลิกงาน ก็อย่ารบกวนฉันหากไม่ใช่เรื่องฉุกเฉิน เธอเข้าใจไหม?”

ฉู่เจียงเยว่รู้สึกว่าถ้าเธอไม่คุยกับจิ้งจอกน้อยในเรื่องนี้ สถานการณ์เช่นนี้อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต

ฉู่เจียงเยว่ไม่ต้องการถูกลากออกจากเตียงกลางดึก

"ขอโทษด้วยโฮสต์... ฉันคงใจร้อนเกินไป"

จิ้งจอกน้อยหูตก และก้มหน้าซุกอก มันดูน่าสงสารมาก

“เอาล่ะ ไว้ว่ากันครั้งหน้า เสิ่นจื้อกุย และทีมของเขานำผู้รอดชีวิตกลับมากี่คน?”

คงมีคนมากมาย มันจึงจะทำให้จิ้งจอกน้อยตื่นเต้นจนพยายามปลุกเธอ

“ไม่มากไม่น้อย กว่า 100 คน ภารกิจของโฮสต์อาจสำเร็จในวันนี้เลยก็เป็นได้!”

ภารกิจของฉู่เจียงเยว่ในปัจจุบันคือ ออกบัตรประจำตัวให้ลูกค้าครบ 100 คน

ฉู่เจียงเยว่รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยหลังจากได้ยินว่าจะเร่งเวลาในการทำภารกิจได้ และเธอจึงไม่กลัวจิ้งจอกน้อยที่มาปลุกกลางดึกอีก

"ลงไปดูกันเถอะ"

เสิ่นจื้อกุย และคนอื่นๆ เดิมทีต้องการพาคนกลุ่มนี้มาในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าจู่ๆ พวกเขาจะได้พบกับคลื่นซอมบี้ในตอนกลางคืน

ไม่มีทางที่เสิ่นจื้อกุย และทีมของเขาอีกไม่กี่คนจะจัดการกับซอมบี้มากมายขนาดนั้นได้

ในท้ายที่สุด หลังจากชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้ว พวกเขาก็ทำได้เพียงพาคนอื่นๆ ออกเดินทางต่อในยามค่ำคืน อย่างไรก็ตาม มีเพียงครึ่งหนึ่งของทั้งหมดที่เดิมมีมากถึงสองร้อยคนเท่านั้นที่สามารถหลบหนีมาได้

พูดตามตรง แม้แต่เสิ่นจื้อกุยก็ยังถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่สามารถกลับมาถึงโรงแรมเจียงหลินได้อย่างปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามาถึงโรงแรม และเห็นประตูโรงแรมปิดอยู่ เสิ่นจื้อกุยก็รู้ว่าสิ่งต่างๆ กำลังยุ่งยากขึ้นแล้ว

ฉู่เจียงเยว่เน้นเวลาทำงานของเธอให้พวกเขาฟังมากกว่าหนึ่งครั้ง และบอกพวกเขาว่าอย่ามารบกวนเธอนอกเวลาทำเวลาหากไม่ใช่เหตุฉุกเฉิน

แต่ตอนนี้แม้จะไม่มีนาฬิกา แต่ทุกคนก็รู้ได้ว่าจะต้องดึกมากแล้ว ในเวลานี้ฉู่เจียงเยว่คงเลิกงาน และอาจจะกำลังพักผ่อนแล้ว

หากไม่มีฉู่เจียงเยว่คอยเปิดประตูให้ ผู้รอดชีวิตเหล่านี้ก็ไม่สามารถเข้าไปในโรงแรมได้หากไม่มีบัตรประจำตัว

"นี่…"

“ชั้นสามเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเถ้าแก่ เราไม่อาจขึ้นไปได้”

"เราควรทำอย่างไรดี?"

คนกลุ่มใหญ่อยู่ที่นี่ หากพวกเขาไม่สามารถเข้าไปในโรงแรมได้ พวกเขาจะตกเป็นเป้าหมายที่มีชีวิต และดึงดูดความสนใจของซอมบี้จำนวนมาก

ตอนนี้พวกเขายังพออยู่รอดได้เพราะบริเวณรอบๆ โรงแรมมีเกราะป้องกันซอมบี้อยู่

แต่หากไม่ใช่แขกที่เข้าพัก เมื่อถึงเวลานี้พวกเขาจะถูกขับไล่ออกไป

หากโชคร้ายแล้วพวกเขาพบกับคลื่นซอมบี้ ก็มีเพียงความตายที่รออยู่เท่านั้น

“ทำไมถึงไม่เข้าไปล่ะ?”

“ใช่ มันยากที่จะหาสถานที่ๆ ไม่มีซอมบี้อยู่รอบๆ แบบนี้”

“จะพาเรามาที่นี่ทำไม หากไม่มีที่ปักหลักให้เรียบร้อย!”

“ช่างเป็นคำพูดที่ไร้สาระสิ้นดี เป็นเรื่องดีมากที่พวกเขาสามารถช่วยพาเราไปหลีกเลี่ยงคลื่นซอมบี้มาได้ พวกคุณต้องการให้คนอื่นรับผิดชอบชีวิตของตัวเองไปตลอดหรือยังไง!”

มีคนทุกประเภทในฝูงชน บางคนก็เนรคุณหลังได้รับความช่วยเหลือจากเสิ่นจื้อกุย และทีมของเขา แต่ก็ยังมีบางคนที่ยืนเคียงข้างพวกเขาเพื่อพูดแทนให้

พูดตามตรง อารมณ์ของเสิ่นจื้อกุย กับอีกห้าคนนั้นค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อยในเวลานี้

“เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้ฉันคิดว่าไฟบนชั้นสองเปิดอยู่!”

เดิมทีเซี่ยซีหลินต้องการขึ้นไปดูที่ชั้นสอง บางทีพวกเขาอาจจะโชคดีพอที่จะได้พบกับฉู่เจียงเยว่

คิดไม่ถึงว่าเขาจะได้เห็นไฟบนชั้นสองเปิดขึ้นจริงๆ

เสิ่นจื้อกุย และคนอื่นๆ ก็มองไปในทิศทางเดียวกัน และแน่นอนว่าพวกเขาก็เห็นแสงสว่าง

หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่เจียงเยว่ก็ลงมาหลังแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว แต่มีหมวกชาวประมงใบใหญ่อยู่บนหัว

“พวกนายเลือกเวลากลับมาได้ดีจริงๆ”

แม้ว่าพวกเขาจะพาคนที่อาจเป็นแขกกลับมาด้วย แต่ฉู่เจียงเยว่ก็ยังคงไม่มีความสุขเมื่อเธอต้องตื่นขึ้นมากลางดึก

เธอจึงทำได้เพียงจับจิ้งจอกน้อยบิดๆ นวดๆ เมื่อไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ อย่างไรก็ตาม มันเป็นก้อนข้อมูล เธอจึงไม่สามารถบีบมันให้ตายได้

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเสิ่นจื้อกุย และคนอื่นๆ สามารถหลบหนีความรับผิดชอบนี้ได้

“ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุ เราต้องให้ความสำคัญมากขึ้นในครั้งต่อไป”

เสิ่นจื้อกุยรู้ด้วยว่าคราวนี้มันน่าอึดอัดใจจริงๆ

“เอาล่ะ พาพวกเขาเข้ามา ให้พวกเขาตั้งแถว และพวกนายต้องคอยอธิบายให้พวกเขาฟังด้วย”

ฉู่เจียงเยว่เปิดประตูโรงแรม หาวแล้วเดินเข้าไปหลังเคาน์เตอร์ช้าๆ

เสิ่นจื้อกุย และอีกห้าคนรู้ว่าพวกเขาผิด เมื่อต้องเผชิญกับความเกียจคร้านอย่างเห็นได้ชัดของฉู่เจียงเยว่ พวกเขาไม่ได้พูดอะไรเลย และเริ่มรักษาความสงบเรียบร้อยโดยให้คนอื่นๆ ตั้งแถวเพื่อสอนพวกเขาถึงวิธีแลกเปลี่ยนเหรียญทองแดง

“ทำไมยังต้องให้เราเอาของไปแลกเงิน และสมัครบัตรประจำตัวด้วยล่ะ? หรือเธอกำลังจะพยายามฉ้อโกงเราอยู่”

ฉู่เจียงเยว่เงยหน้าขึ้นมองคนที่ตั้งคำถาม แม้เธอจะตื่น แต่สมองของเธอยังไม่ค่อยแล่นมากนัก

“ดูให้ว่าตอนนี้มันเวลาไหนแล้ว รวมถึงโลกตอนนี้เป็นอย่างไร เราไม่มีเวลาจะไปทำเรื่องไร้สาระนั้นหรอกนะ”

“ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นปัญหาก็ออกไปได้เลย เราไม่คิดจะบังคับใคร”

การเดินทางนั้นแสนเหน็ดเหนื่อย เมื่อได้ยินคำร้องเรียนจากคนเหล่านี้ และยังทำให้ฉู่เจียงเยว่ไม่พอใจ เซี่ยซีหลินก็ไม่ต้องการจะช่วยเหลือคนเหล่านี้อีก

ความตั้งใจดี แต่ไม่ได้รางวัลช่างน่าเศร้าใจจริงๆ

“ผม...ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น...”

หลายคนที่ตั้งคำถามคิดไม่ถึงว่าเซี่ยซีหลินจะขอให้พวกตนออกไป กว่าจะมาถึงที่นี่ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาไม่อยากจะไปทั้งๆ แบบนี้

ฉู่เจียงเยว่ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องตลกเล็กๆ น้อยๆ นี้ เมื่อดูภารกิจที่ใกล้สำเร็จ อารมณ์ของเธอก็ค่อยๆ ดีขึ้น

“เถ้าแก่ จากที่ฉันเห็นป้ายข้างนอกที่นี่คือ โรงแรมเหรอ?”

ในที่สุดก็มีคนสังเกตเห็นปัญหาที่สำคัญที่สุด

ฉู่เจียงเยว่เงยหน้าขึ้นมอง และพยักหน้าเล็กน้อยไปทางคนที่ถามว่า “ใช่ ผู้ที่ต้องการเข้าพักที่นี่ให้สมัครบัตรประจำตัวก่อนค่อยมาจองห้องพักกับฉันได้”

หลังจากได้ยินคำพูดของฉู่เจียงเยว่ หลายคนก็เข้าแถวอย่างมีสติ

“มีซาลาเปาขายจริงๆ เหรอ?”

พูดตามตรง เพราะวันสิ้นโลกมาถึงอย่างกะทันหัน ผู้คนจำนวนมากจีงไม่มีอาหารสำรองที่บ้าน และอีกหลายคนไม่ได้กินอาหารคาวเป็นเวลาหลายวันแล้ว

ซาลาเปายังเป็นที่นิยม มันเป็นอาหารจานหลักของคนทางตอนเหนือ

“แน่นอน ว่ามีคราบใดที่พวกคุณมีจ่ายล่ะนะ”

ฉู่เจียงเยว่ยกมือขึ้นแล้วโบกมือ และหน้าจอเสมือนจริงก็ปรากฏขึ้นที่แผนกต้อนรับ เซี่ยซีหลินก็ลุกขึ้นมาสอนว่าจะซื้อมันอย่างไร

หลังจากจ่ายเงินแล้ว หมั่นโถหรือซาลาเปาก็จะปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาในทันที

ส่วนวิธีการจัดเก็บนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องหาทางจัดการเอาเอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด