ตอนที่ 14 ข้อพิพาทเรื่องอาหารค่ำ
ตอนที่ 14 ข้อพิพาทเรื่องอาหารค่ำ
ไม่นานหลังจากที่เสิ่นจื้อกุย และคนอื่นๆ จากไป ก็ถึงเวลาที่ฉู่เจียงเยว่จะต้องเลิกงาน เธอปิดประตูโรงแรมโดยไม่ลังเลแล้วเริ่มทำอาหารเย็นให้กับตัวเอง
เมื่อทำอาหารผ่านไปได้ครึ่งทาง มันก็ดึงดูดชายอ้วนทั้งสอง และหลิวอี้อี้ให้เข้ามาหา
“เถ้าแก่ อาหารเย็นที่คุณกำลังทำอยู่ พอจะขายให้เราบ้างได้ไหม?”
ฉู่เจียงเยว่เพิกเฉยต่อพวกเขา คนที่พูดคือ ชายอ้วนที่ยุ่งอยู่กับเรื่องต่างๆ อยู่เสมอ
“ลุงเจียงกำลังพูดกับเธออยู่นะ เธอเมินเฉยต่อเขาเช่นนั้น มันไม่ใช่นิสัยที่ดีเลย”
หลิวอี้อี้มีความสุขมากที่มีคนสร้างปัญหาให้กับฉู่เจียงเยว่ เมื่อเธอได้ยินเจียงจ้งช่วยพูดแทนเธอ
ส่วนชายอ้วนอีกคนแม้จะไม่พูดอะไร แต่ในมุมมองของฉู่เจียงเยว่ คนประเภทนี้เป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุด เขาไม่ทำอะไรเลย แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เขาจะได้รับประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน
“ดูเหมือนว่าวันนั้น ฉันจะเตะคุณแรงไม่พอ คุณถึงกลับมากระโดดโลดเต้นต่อหน้าฉันได้อีก”
ฉู่เจียงเยว่ทำอาหารเสร็จแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองหลิวอี้อี้
สีหน้าของหลิวอี้อี้แข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่งเมื่อฉู่เจียงเยว่กล่าวถึงประวัติอันมืดมนของเธอในการถูกเตะ
"คุณได้เตะคนอื่นด้วยเหรอ? ในฐานะเจ้าของโรงแรม ทัศนคติในด้านการบริการของคุณแย่มาก!"
เจียงจ้งเริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าก่อนหน้านี้ดูเหมือนฉู่เจียงเยว่จะไม่สนใจเขาเลย
“หากนายมีปัญหาอะไรกับฉันก็สามารถออกจากโรงแรมนี้ไปได้เลย ไม่อย่างนั้น...ก็หุบปากไปซะ!”
“เธอก็ด้วย ถ้าไม่อยากโดนฉันเตะอีก ก็ม้วนเก็บหางไว้ให้ดีแล้วอย่าสร้างปัญหา ไม่อย่างนั้น... พี่เหวินอันของเธอน่าจะมีความสุขที่ได้พักที่โรงแรมนี้เพียงลำพังโดยไม่มีใครมาคอยกวน”
หลังจากพูดจบ ฉู่เจียงเยว่ก็นำอาหารที่เตรียมไว้ไปที่โต๊ะรับประทานอาหารในห้องโถงชั้นหนึ่ง
“จิ้งจอกน้อย ครั้งต่อไปที่โรงแรมมีการอัพเกรด เธอช่วยย้ายห้องครัว และห้องรับประทานอาหารไปไว้ข้างห้องของฉันได้หรือเปล่า ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก”
หากห้องครัว และห้องรับประทานอาหารอยู่ที่ชั้นบน แม้ว่ากลิ่นหอมจากการทำอาหารของเธอจะลอยไปถึงชั้นหนึ่ง ก็ไม่มีใครสามารถบุกรุก และเข้ามารบกวนความสงบของเธอได้
“โฮสต์ การอัพเกรด และตกแต่งภายในโรงแรมเป็นไปได้ตามระเบียบที่วางไว้ ฉันไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวในตอนนี้ได้”
มันยังเป็นมือใหม่ และไม่มีอำนาจใดๆ มากนัก มันต้องพยายามค้นพบสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง
ฉู่เจียงเยว่ถอนหายใจ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เหล่าตัวละครหลักที่ถูกเลือกถึงไม่ค่อยได้เรื่อง อีกฝ่ายยังเป็นมือใหม่ และไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ฉู่เจียงเยว่จะได้นั่งลงแล้วเริ่มกิน ตอนที่เธอกำลังจะนั่ง ไม่รู้ว่าเจียงจ้งคิดอะไรอยู่ จู่ๆ เขาก็คว้าจานอาหารที่ฉู่เจียงเยว่เพิ่งวางลงบนโต๊ะไปอย่างรวดเร็ว
[ คำเตือน! คำเตือน! ตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของแขก เพื่อรักษาระเบียบ และความสงบของโรงแรม แขกเจียงจ้งที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมจะถูกลงโทษด้วยไฟฟ้าช็อต และถูกไล่ออกจากโรงแรมเป็นเวลาหนึ่งวัน ]
ในเวลานั้น พลังวิเศษของฉู่เจียงเยว่ก็เปลี่ยนเป็นเถาวัลย์ซึ่งมัดร่างของเจียงจ้งเอาไว้
จานอาหารในมือของเขาก็ถูกฉู่เจียงเยว่ดึงกลับมา และวางกลับลงบนโต๊ะ
“นี่...นี่มันอะไรกัน!”
เมื่อหลิวอี้อี้ได้เห็นพลังวิเศษเป็นครั้งแรก เธอก็ตกใจเป็นอย่างมาก เธอไม่รู้ว่าฉู่เจียงเยว่กำลังใช้พลังวิเศษอยู่ เธอจึงรู้สึกเหมือนว่าได้เห็นผี
ฉู่เจียงเยว่ไม่มีความตั้งใจที่จะอธิบายให้หลิวอี้อี้ฟัง เธอมองไปที่เจียงจ้งที่ถูกเถาวัลย์มัดไว้อย่างแน่นหนาด้วยพลังวิเศษของเธอ
“เมื่อฉันไม่ขายให้ นายเลยต้องการปล้นมันไปงั้นเหรอ? ช่างมีความสามารถจริงๆ!”
“เถ้าแก่ เราไม่ได้กินอาหารร้อนๆ มาหลายวันแล้ว เขาตามืดบอดไปชั่วขณะ โปรดปล่อยเขาไปเถอะ”
เจียงไห่ที่กำลังมองจากด้านข้าง เมื่อเห็นร่างของเจียงจ้งที่ถูกมัด เขาก็เอ่ยปากขอร้อง
อย่างไรก็ตามฉู่เจียงเยว่เหลือบมองเขาโดยไม่พูดอะไร และเฝ้าดูเจียงจ้งที่ค่อยๆ หายไปจากโรงแรม เหลือเพียงเถาวัลย์หลายเส้นที่เกิดจากพลังของเธอ
เมื่อตัวปัญหาหายไปแล้ว ฉู่เจียงเยว่ก็ดึงเถาวัลย์ทั้งหมดที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นกลับมา และในที่สุดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เหมือนไม่เคยมีมาก่อน
“ทำไมเธอถึงเลือดเย็นถึงขนาดนี้? ถ้าลุงเจียงถูกขับไล่ออกไปยังที่ๆ มีซอมบี้อยู่ เขาจะต้องตายเป็นแน่?”
หลิวอี้อี้พยายามอย่างมากกว่าจะทำให้เจียงจ้ง และเจียงไห่ออกหน้าแทนได้ หากเสียอีกฝ่ายไปเช่นนี้ สิ่งที่เธอทำมาก็จะสูญเปล่า
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ เธอจึงมองไปที่ฉู่เจียงเยว่พร้อมกับพร่ำบ่น
“เธอนี่เป็นคนดีจริงๆ ถ้าอยากไปช่วยเขา ฉันก็จะยินดีจะช่วยให้เธอสมปรารถนา ว่าไงล่ะอยากไปไหม?”
ฉู่เจียงเยว่มองหลิวอี้อี้ด้วยรอยยิ้ม อยากให้อีกฝ่ายทำผิดกฎ เธอจะได้หาทางเตะโด่งหญิงจ้าวปัญหาคนนี้ออกไปได้
ไม่งั้น เธอก็ยังไม่สามารถโยนใครออกไปตามใจชอบได้ในตอนนี้
เจียงไห่ก็มองไปที่หลิวอี้อี้เช่นกัน เดิมทีทั้งหมดนี้เป็นเพราะหลิวอี้อี้ต้องการสร้างปัญหาให้กับฉู่เจียงเยว่ แต่เมื่อมีความเสี่ยง เธอกลับเลือกที่จะเงียบทำให้เขาไม่ค่อยพอใจ
“แล้วนายล่ะ ต้องการไปช่วยเขาไหม?”
หากทั้งสองคนยังอยู่ที่นี่ ฉู่เจียงเยว่คงไม่มีความอยากอาหาร เธอจึงต้องการกำจัดพวกเขาโดยเร็วที่สุด
แม้ว่าเจียงไห่จะโกรธที่ฉู่เจียงเยว่เตะน้องชายของเขาออกจากโรงแรม แต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะออกไปเสี่ยงชีวิตเพื่อค้นหา
หลังจากพูดได้ไม่กี่คำ เขาก็หาข้ออ้างแล้วเดินกลับห้องไป
ไม่มีใครอยู่รอบๆ ดังนั้นหลิวอี้อี้จึงกลัวที่จะถูกฉู่เจียงเยว่เตะอีกครั้ง เธอไม่อยากกระอักเลือดอีก เธอจึงแอบกลับเข้าไปในห้อง
หลังจากที่คนอื่นๆ จากไป ในที่สุดฉู่เจียงเยว่ก็สามารถนั่งกินเงียบๆ ได้ในที่สุด
ล้วนแต่ไม่ใช่ตะเกียงพร่องน้ำมันกันทั้งนั้น น่ารังเกียจจริงๆ
เพราะหลิวอี้อี้ และพี่น้องแซ่เจียง ฉู่เจียงเยว่จึงทานอาหารเย็นเสร็จช้ากว่าปกติเป็นชั่วโมง
บัดนี้ ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว และเริ่มมืดลง
อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ในชีวิตก่อน ฉู่เจียงเยว่รู้ว่าตั้งแต่วันที่ไวรัสซอมบี้ระบาด เวลาที่ดวงอาทิตย์ตกช้าลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดปรากฏการณ์แสงตะวัน
ปรากฏการณ์แสงตะวันคือ วันที่มีสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูง มีอากาศร้อนจัดโดยสิ้นเชิง
ในเวลานั้น วันสิ้นโลกถึงจะได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
ฉู่เจียงเยว่มองออกไปข้างนอก ใส่จาน และตะเกียบลงในเครื่องล้างจานอัตโนมัติในครัว แล้วขึ้นไปที่ชั้นสอง
“จิ้งจอกน้อย เธอคิดว่าเสิ่นจื้อกุย และคนอื่น ๆ จะกลับมาได้อย่างราบรื่นในคืนนี้หรือไม่?”
“โฮสต์ ฉันก็ไม่รู้”
เสิ่นจื้อกุย และทีมของเขารวมถึงเซี่ยซีหลินไม่ได้ปรากฏตัวในเนื้อเรื่องที่มันได้รับ ดังนั้นมันจึงไม่มีทางรู้ชะตากรรมของคนเหล่านี้ได้
นอกจากนี้ เนื่องจากการเกิดขึ้นของโรงแรมเจียงหลิน การพัฒนาโครงเรื่องจึงบิดเบี้ยวไปจากเดิมแล้ว แต่มันรู้สึกว่าปัญหายังไม่ร้ายแรงอะไร ดังนั้นมันจึงไม่เข้าไปยุ่งจะได้ไม่เกิดเรื่องยุ่งยากตามมาอีก
ไม่ว่าพวกเขาจะได้กลับมาหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับชะตากรรมของพวกเขาเอง
ฉู่เจียงเยว่ไม่ใช่คนที่จะเข้าไปพัวพันกับคนอื่นมากนัก เมื่อเธอไม่ได้รับคำตอบจากจิ้งจอกน้อย และเธอก็ไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป จากนั้นก็ไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดนอน
มีผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และเครื่องสำอางมากมายอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง หลังจากที่ฉู่เจียงเยว่ออกจากห้องอาบน้ำเธอก็หยิบมาส์กหน้ามาใช้
ต้องบอกว่าชีวิตของเธอในตอนนี้นั้นสบายกว่าก่อนวันสิ้นโลกมาก
หลังจากบำรุงผิวเสร็จแล้ว ฉู่เจียงเยว่ก็ไม่ได้นอนดึก และปีนขึ้นไปบนเตียงด้วยความพึงพอใจแล้วเตรียมตัวเข้านอน
“พรุ่งนี้ปลุกฉันตอน 9 โมงเช้า”
เธอเริ่มทำงานตอน 10 โมง การตื่นนอนตอน 9 โมงจึงไม่ถือว่าช้าเกินไป
“ตกลงโฮสต์ ราตรีสวัสดิ์”
"ราตรีสวัสดิ์"
‘แม้ว่าฉันจะไม่จำเป็นต้องนอนก็เถอะ’ จิ้งจอกน้อยคิด
zzzZZ…
เวลาเที่ยงคืน
"โฮสต์ตื่นสิ ตื่นเร็วเข้า!" จู่ๆ เสียงๆ หนึ่งก็ทำลายความสงบของฉู่เจียงเยว่ลง