ตอนที่ 1315 ไม่มีใครกล้าขยับ (ฟรี)
ตอนที่ 1315 ไม่มีใครกล้าขยับ
ชงฉีพุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว มันเหมือนกับลูกศรที่ถูกปล่อยออกมา
จื่อเหวินจื่อกับจื่อหวู่จื่อตกตะลึง
ชงฉีลอยตัวอยู่กลางอากาศ มันเห่าไปยังรถม้าลอยฟ้า จากนั้นมันก็ยกขาหลังขึ้นก่อนจะฉี่ลงมา
“...”
ชงฉีไม่ใช่สัตว์ร้ายธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ถูกหล่อเลี้ยงโดยเมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่า มันก็ยิ่งเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มันฉลาดมาก มันรู้ว่ารถม้าลอยฟ้านั้นอันตราย ดังนั้นหลังจากที่ฉี่เสร็จ มันก็หันหลังกลับและบินจากไป
ทุกคนงุนงง พวกเขาไม่เข้าใจพฤติกรรมของชงฉี
โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!
“ชงฉีบอกว่าคนคนนั้นเป็นของมัน...” หอยสังข์กล่าว
จื่อเหวินจื่อ “...”
หมิงซี่หยินรู้ทันที เขาชี้นิ้วไปยังผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในรถม้าลอยฟ้า “แบบนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าหมาน้อยของข้าถึงได้หนีออกไปจากบ้านเมื่อสองสามวันก่อน เจ้า...เจ้ายั่วยวนหมาของข้างั้นเหรอ?!”
ผู้ฝึกยุทธคนนั้นหน้าแดงก่ำ เขาอับอายมาก “ไม่...ไม่ใช่แบบนั้น...ข้าก็แค่เดินผ่านมา ข้าจะไปยั่วยวนมันได้ยังไง?”
“...”
ทุกคนต่างก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
จื่อเหวินจื่อกับจื่อหวู่จื่อขมวดคิ้ว พวกเขาคิดว่าลูกน้องคนนั้นไร้ประโยชน์จริงๆ
“ท่านจื่อ นี่คือหลักฐานที่ไม่อาจโต้แย้งได้ พวกท่านจะอธิบายยังไงล่ะ?” จ้าวหยูกล่าว
“จริงอยู่ที่เขาเคยมาที่บ้านพักของจ้าวหยู แต่อย่างไรก็ตามในวันนั้นมีพลังชีวิตมารวมตัวกันอย่างผิดปกติเหนือบ้านพักของจ้าวหยู ดังนั้นข้าเลยสั่งให้เขาไปตรวจสอบดู เขาไม่ได้ไปที่นั่นแค่คนเดียว ผู้ฝึกยุทธมากมายต่างก็มาที่นี่ หากพวกท่านไม่เชื่อ ก็ลองไปถามดูสิ” จื่อเหวินจื่อกล่าว เขาหยุดไปชั่วขณะก่อนจะพูดต่อ “แต่ยังไงซะ...ในคืนที่ท่านแม่ทัพซีเสียชีวิต ชายหนุ่มคนนั้นก็ไม่อยู่ที่บ้านพักของท่าน”
“เจ้ามันพูดจาเก่งจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ศิษย์น้องเจ็ดไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่อย่างงั้นพวกเจ้าคงไม่กล้าพูดแบบนี้...” หมิงซี่หยินกล่าว
“พวกเจ้าอยากได้หลักฐานงั้นเหรอ? ข้าจะแสดงให้เจ้าดู” จื่อเหวินจื่อยังคงยิ้ม ก่อนจะพูดต่อ “ยกมันขึ้นมา”
ผู้ฝึกยุทธสองคนยกเปลหามออกมาจากรถม้าลอยฟ้าก่อนจะร่อนลงที่ลานบ้าน จากนั้นพวกเขาก็เอาผ้าคลุมออก เผยให้เห็นศพของซีกีชู
หยวนเอ๋อที่เหลือบมองมันตกใจ นางก้มตัวลงทำท่าเหมือนกับจะอาเจียน นางดึงหอยสังข์เอาไว้ “น่าขยะแขยง! เจ้าพวกนี่น่ารำคาญจริงๆ! ไปหาท่านอาจารย์กันเถอะ!”
“ตกลง”
เด็กสาวทั้งสองรีบเดินไปยังหลังบ้าน
คนอื่นๆ ไม่ได้สนใจเด็กสาวทั้งสอง พวกเขาจดจ่ออยู่กับศพ
ยู่ฉางตงกับยู่เฉิงไห่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางคมดาบมาตลอด พวกเขาเห็นศพมามากมาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ตกใจอะไรกับศพของซีกีชู
เมื่อยู่ฉางตงมองดูศพของซีกีชู เขาก็นึกถึงคืนที่ศิษย์น้องสี่บ้าคลั่งขึ้นมา
จ้าวหยูขมวดคิ้ว เขาสนิทกับซีกีชูมาก พวกเขาเคยเป็นเหมือนพี่น้องกัน ใครจะไปรู้ว่าเมื่อพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง ซีกีชูจะตายไปแล้ว? แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้เศร้าโศกกับการตายของซีกีชู ตรงกันข้ามกัน เขารู้สึกโกรธมาก
ซีกีชูหลอกใช้เขา แถมยังใช้อิทธิพลที่เขามีไล่คนรับใช้และสาวใช้ที่บริสุทธิ์หลายคนออกไป นอกจากนี้เขายังไม่พอใจการกระทำของฝาแฝดจักรพรรดิ พวกมันนำศพเข้ามาในบ้านพักของเขาโดยที่ไม่ได้ขออนุญาต
“จื่อเหวินจื่อ ท่านกำลังทำอะไรอยู่?!” จ้าวหยูกล่าวอย่างเย็นชา ตอนนี้เขาไม่สนใจมารยาทใดๆ ในเมื่อพวกมันไม่เคารพเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องเคารพพวกมัน
“หลักฐานไง” จื่อเหวินจื่อกล่าวเพียงแค่คำเดียว
“หากท่านไม่อธิบายให้ชัดเจน...” จ้าวหยูพูดไม่ออก เขาไม่รู้จะทำยังไงกับจื่อเหวินจื่อ เขาจะไปข่มขู่จื่อเหวินจื่อได้ยังไง? จื่อเหวินจื่อมีจักรพรรดิแห่งต้าฉินหนุนหลัง
ยู่ฉางตงเหลือบมองจ้าวหยู “ไม่ว่าจื่อเหวินจื่อจะอธิบายรึเปล่า แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาดูถูกท่าน ใครที่ดูถูกผู้อื่นก็ควรจะถูกลงโทษ ใครก็ตามที่ทำให้ผู้บังคับบัญชาไม่พอใจก็สมควรที่จะถูกลงโทษ...”
จื่อเหวินจื่อ “...”
“เจ้ากล้าดียังไง?! ในเมื่อเจ้าเป็นถึงผู้สมรู้ร่วมคิดในการฆาตกรรม?!” จื่อหวู่จื่อกล่าวอย่างโกรธเคือง
“งั้นเหรอ? เจ้าอยากจะฆ่าข้างั้นสินะ?” ยู่ฉางตงไม่ได้รู้สึกกลัว เขาถามกลับพร้อมรอยยิ้ม
“แค่นี้เรื่องจิ๋บจ๋อย!” จื่อหวู่จื่อกล่าว
“ก็ลองดูสิ” ยู่ฉางตงยิ้มจางๆ เขาแตะพื้นดินเบาๆ
“ศิษย์พี่รอง!”
“ท่านสอง!”
ไม่มีใครคิดเลยว่ายู่ฉางตงจะลงมือ เขาหายตัวไปและปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะหยุดเคลื่อนไหว ดาบยืนยาวก็บินออกมาจากฝัก มันลอยเข้าไปอยู่ในมือของเขา
จื่อหวู่จื่อเป็นคนที่ชื่นชอบการต่อสู้ เมื่อเห็นยู่ฉางตงลงมือ เขาก็ไม่ได้รู้สึกกลัว แต่กลับกัน เขากลับรู้สึกตื่นเต้น เขารีบพุ่งเข้าหายู่ฉางตงโดยไม่ลังเล
ยู่ฉางตงยกมือขึ้น เขาใช้เคล็ดวิชาตัดวิญญาณสามส่วนหวนกลับ เงาสามเงาปรากฏตัวขึ้น
“เคล็ดวิชาชั้นต่ำ! ไสหัวไป!” จื่อหวู่จื่อตะโกน
จื่อหวู่จี่ปลดปล่อยผนึกพลังงานออกไปโจมตี
แต่เมื่อผนึกพลังงานนั้นโจมตียู่ฉางตง มันกลับพุ่งทะลุผ่านร่างของเขาไปโดยที่ไม่ส่งผลกระทบอะไร
“หืม?”
เงาทั้งสามของยู่ฉางตงรวมเป็นหนึ่ง ยู่ฉางตงพุ่งเข้าหาจื่อหวู่จื่อ เขาเหวี่ยงดาบออกไป
จื่อหวู่จื่อรีบหลบการโจมตี แต่ไม่นานนักเขาก็รู้ตัวว่าความเร็วของศัตรูนั้นรวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ดาบพลังงานโจมตีเข้าใส่จื่อหวู่จื่อ ยู่ฉางตงฟันดาบยืนยาวลงมา
จื่อหวู่จื่อยกมือขึ้นป้องกัน
“หลบเร็วเข้า!” จื่อเหวินจื่อตะโกน เขาเห็นแสงสีทองนับสิบที่ดูเหมือนกับมีดที่แหลมคมพุ่งตามดาบยืนยาวมา
ฟิ้ว!
จื่อเหวินจื่อตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขารีบปลดปล่อยผนึกพลังงานออกไปดึงจื่อหวู่จื่อกลับมา
เสียงฉีกขาดดังขึ้น
พวกเขาประเมินความยาวของดาบพลังงานต่ำไป เสื้อคลุมของจื่อหวู่จื่อถูกดาบพลังงานตัดขาด
จื่อหวู่จื่อที่ถอยหลังไปได้ไม่กี่เมตรมองดูหน้าอกของตัวเอง เขาสังเกตเห็นรอยเลือดบางๆ ไม่นานนักเลือดก็ไหลออกมาจากรอยแผลนั้น เขารีบกดมือลงไปเพื่อรักษารอยแผล
ฟิ้ว!
ดาบยืนยาวบินกลับเข้าไปในฝัก
“ก็แค่วิชาพื้นๆ ...” ยู่ฉางตงมองดูจื่อหวู่จื่อพร้อมรอยยิ้ม
“...”
จื่อหวู่จื่อที่ใจร้อนไม่อาจทนกับคำพูดเย้ยหยันนั้นได้ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็อดทนเอาไว้ เขาให้สัญญากับพี่ชายแล้วว่าจะไม่ทำอะไรโดยไม่ปรึกษา ยิ่งไปกว่านั้นในเมื่อพวกเขามีกองกำลังในตำนานหนุนหลัง พวกเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องลงมือในวันนี้
“เจ้ามาจากดินแดนดอกบัวทองคำสินะ” จื่อเหวินจื่อกล่าวอย่างเย็นชา
“เจ้ามาจากดินแดนดอกบัวทองคำ แล้วทำไมถึงได้กล้าทำตัวโอหังในดินแดนดอกบัวเขียวแบบนี้ได้ล่ะ?”
ในโลกแห่งการฝึกยุทธ ไม่มีใครไม่รู้ว่าดินแดนดอกบัวแดงกับดินแดนดอกบัวทองคำนั้นอ่อนแอมาก แม้แต่ผู้ฝึกยุทธจากดินแดนดอกบัวเขียวที่อ่อนแอกว่าปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติยังกล้าแอบเข้าไปยังดินแดนอื่น แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่กล้าแสดงพลังอวตารหรือใช้พลังลมปราณ เพราะหากพวกเขาถูกผู้รักษาสมดุลจับได้ พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน มีหลายกรณีที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์
เส้นแบ่งเขตห้ามพวกเขาไม่ให้ทำอะไรโดยพลการ แต่อย่างไรก็ตามก็มีบางคนอย่างผู้ฝึกยุทธอิสระที่ไม่กลัวตาย พวกเขาเดินทางไปมาระหว่างดินแดนทั้งหลายอย่างอิสระ ถึงแม้พวกเขาจะมีอิสระ แต่พวกเขาก็ยังคงตกอยู่ในอันตรายอยู่ดี
ในเวลานี้ โจวผิงก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา แต่อย่างไรก็ตามมันก็หายไปอย่างรวดเร็ว เขายิ้มออกมา “สหายจากดินแดนดอกบัวทองคำ ใจเย็นๆ ก่อน พวกเขาฆ่าท่านแม่ทัพซีจริงๆ งั้นเหรอ?”
จื่อเหวินจื่อหันไปมองโจวผิง จากสีหน้าของโจวผิงแล้ว เขาบอกได้เลยว่าโจวผิงคงไม่ลงมือง่ายๆ “นี่คือหลักฐาน”
จื่อเหวินจื่อโบกมือ ผงแป้งบางอย่างพุ่งเข้าหาศพของซีกีชู
เมื่อผงแป้งสัมผัสกับศพของซีกีชู มันก็กลายเป็นแสงสว่าง แสงสว่างนั้นเจิดจ้า มันตัดกับศพ
คนอื่นๆ มองดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น พวกเขาไม่รู้ว่าจื่อเหวินจื่อกำลังทำอะไร
แสงสว่างนั้นลอยขึ้นก่อนจะพุ่งเข้าหาหมิงซี่หยินและยู่ฉางตง
หมิงซี่หยินโบกมือ ไล่แสงสว่างนั้นออกไปได้อย่างง่ายดาย
ยู่ฉางตงใช้พลังป้องกันป้องกันแสงสว่างนั้น
ถึงแม้ว่าวิธีการของพวกเขาจะแตกต่างกัน แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม
หมิงซี่หยินกับยู่ฉางตงไม่พอใจ แสงสว่างที่สัมผัสกับศพนั้นสกปรก
บางที จื่อเหวินจื่ออาจจะชินกับการอยู่ในตำแหน่งสูง เขาคิดว่าเขาแค่ใช้เล่ห์เหลี่ยมเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถจัดการทุกคนได้ เขาหัวเราะ เขาชี้นิ้วไปยังศพของซีกีชู “คิดว่าไงล่ะ?”
“ผงแป้งลูกแก้วพลังลมปราณ?” โจวผิงขมวดคิ้ว เขาตกใจที่จื่อเหวินจื่อยอมใช้ของล้ำค่ากับเรื่องนี้
“ใช่ มันคือผงแป้งลูกแก้วพลังลมปราณ ท่านแม่ทัพโจวน่าจะรู้จักมันดี มันสามารถตรวจจับพลังงานที่หลงเหลืออยู่ได้ ตราบใดที่มีคนสัมผัสท่านแม่ทัพซี ผงแป้งนี้ก็จะสามารถจับพลังงานที่หลงเหลืออยู่ได้” จื่อเหวินจื่อกล่าว
ทหารม้าที่นั่งอยู่บนม้าสงครามต่างก็ตื่นตัว
แต่อย่างไรก็ตาม...
“ไร้สาระ จ้าวหยูก็เคยสัมผัสมัน ท่านก็เคยสัมผัสมัน แล้วทำไมมันถึงไม่จับพลังงานที่หลงเหลืออยู่ของพวกเขา?” หมิงซี่หยินกล่าว
“พวกเจ้าคงไม่เข้าใจผงแป้งลูกแก้วพลังลมปราณ หลักฐานชัดเจน พวกเจ้าจะเถียงไปทำไม?” จื่อเหวินจื่อกล่าว เขารู้แล้ว คนตรงหน้าเขาเป็นพวกอันธพาล การใช้เหตุผลคงจะเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์
“พอได้แล้ว! ข้าอยากจะรู้จริงๆ ใครจะกล้าลงมือ!” จ้าวหยูกล่าว
จากนั้น จ้าวหยูก็หยิบป้ายหยกสีทองออกมา
โจวผิง จื่อเหวินจื่อ และจื่อหวู่จื่อ ต่างก็ขมวดคิ้ว
“ป้ายหยกจักรพรรดิ?”
เมื่อเห็นป้ายหยกนั้น ทุกคนต่างก็ไม่กล้าขยับ
“ตาแหลมไม่เลว ข้าสั่งให้พวกเจ้าไสหัวไปซะ!” จ้าวหยูกล่าว