Chapter 42: โรงเรียนเซนต์เปาโล
ก่อนที่มือข้างนั้นจะยื่นมาถึงกระเป๋าเสื้อโค้ทของฉินหราน ฉินหรานก็ตะปบมันอย่างแรงและบิด เสียงกระดูกเคลื่อนดังมาให้ได้ยิน
[การคว้าจับ: ระดับสูงกว่าเป้าหมาย 2 ระดับ ก่อความเสียหาย 20 แต้มต่อเป้าหมาย กระดูกแขนของเป้าหมายเคลื่อน...]
"ปล่อย! ปล่อยโว้ย! มือฉัน!!" หัวขโมยกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
เมื่อเผชิญกับความเจ็บปวดที่กรีดแทงขึ้นมา หัวขโมยนั่นก็ปิดบังใบหน้า มันตะโกนสุดเสียง ทิ้งร่างลงไปคุกเข่าจากความเจ็บปวดรุนแรง น้ำมูกน้ำตาทะลักออกมานองเต็มหน้าในทันที
เสียงตะโกนที่ดังขึ้นกะทันหันและการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้าง กระทั่งคนร้ายและตัวประกัน รวมทั้งคาร์ลที่เผชิญหน้าคนร้ายอยู่
คนร้ายตอบสนองเร็วกว่าคาร์ล มันผลักตัวประกันใส่คาร์ลป้องกันไม่ให้เขาตามมันไป และจากนั้นก็สะบัดมีดในมือไปรอบ ๆ อย่างบ้าคลั่งแหวกผ่านฝูงชนที่ล้อมไว้ออกไป ฝูงชนที่มุงอยู่เห็นฆาตรกรบ้าคลั่งแกว่งมีดไปมาก็รีบถอยให้พ้นทาง พริบตาเดียวก็เปิดเป็นเส้นทางหนีรอด
แต่ที่สุดทางนั่นมีฉินหรานยืนอยู่
"หลบไป!" คนร้ายพุ่งเข้าใส่ฉินหรานพร้อมมีดในมือ
ฉินหรานเป็นเพียงคนเดียวที่ขวางทางหนีของมันดังนั้นมันจึงไม่คิดจะไว้ชีวิตฉินหราน มีดพุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็วแต่มันไม่แม่นยำ ขาดเทคนิคที่ควรมี และด้วยสกิล [อาวุธมีคม (กริช)] ระดับผู้มีฝีมือของเขา ฉินหรานบอกได้เลยว่าเทคนิคการแทงของคนร้ายเต็มไปด้วยจุดบกพร่อง
นอกจากแรงของคนร้ายเองแล้วก็ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย
แรงที่ใช้แทงออกมาก็ไม่ได้มากไปกว่าแรงโดยเฉลี่ยของผู้ชายทั่วไป
ฉินหรานยืนอยู่กับที่ คำนวณการจู่โจมโดยไม่คิดจะหลบหรือหนี
ภาพที่เกิดขึ้นนี้เกินกว่าที่ฝูงชนเข้าใจได้ มันเหมือนฉินหรานจะตกตะลึงจากการโจมตีที่พุ่งเข้าไปหาและไม่สามารถขยับตัวได้
ชายผู้น่าสงสาร
คนที่อยู่รอบ ๆ รู้สึกสงสารเขา นั่นคือทั้งหมดที่จิตใจอันเมตตาของเขาทำได้ในขณะนี้ พวกเขาช่วยฉินหรานจากการโจมตีไม่ได้ พวกเขาเว้นระยะห่างจากคนร้ายเพราะกลัวเลือดจะกระเด็นมาใส่ นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่อธิบายทางเลือกของพวกเขาได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่ขลาดกลัว
"ระวัง!" คาร์ลอดตะโกนบอกฉินหรานไม่ได้
เขาผลักตัวประกันออกแล้วตะกายลุกขึ้นและพุ่งตัวไปทางฉินหราน
แต่ตอนที่ตำรวจหนุ่มลุกขึ้นมา ฆาตกรคลั่งที่พุ่งตัวไปข้างหน้ากลับถูกส่งปลิวกลับมา ผู้ชายคนนั้นล้มลงบนพื้น มีเลือดไหลออกจากปาก
เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นน่ะ?
คาร์ลยืนอยู่กับที่สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย กลุ่มคนรอบ ๆ ก็มีสีหน้าแบบเดียวกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในพริบตา ไม่มีใครเห็นเลยว่าที่จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น
คนเดียวที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็คือฉินหราน
ตอนที่คนร้ายกำลังจะถึงตัว ฉินหรานก็ขยับตัวเล็กน้อยและเตะออกไปตรง ๆ มีดของคนร้ายกรีดโดนเสื้อโค้ทของฉินหรานแต่ลูกเตะของฉินหรานกระแทกเข้าที่ท้องของคนร้ายเต็ม ๆ
ระดับ [พลังโจมตี] ของฉินหรานตอนนี้คือ E- แต่เมื่อเขาใช้ขา ผลลัพธ์พิเศษจากสกิล [การต่อสู้มือเปล่า] จะเพิ่มพลังโจมตีของเขาไปเป็น E ชั่วคราว เป็นระดับความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าคนทั่วไป ตามที่ลอว์เลสอธิบายและใช้ [พลังโจมตี] เป็นตัวอย่าง แต่ละระดับสามารถแบ่งได้ดังนี้
F-: ความแข็งแกร่งต่ำกว่าผู้ชายเต็มวัย ความแข็งแกร่งในระดับผู้หญิง
F : ความแข็งแกร่งระดับผู้ชายเต็มวัยทั่วไป
F+: ความแข็งแรงและกล้ามเนื้อในระดับกุลีที่ทำงานตามสถานีรถไฟหรือท่าเรือ
E-: ประมาณนักยกน้ำหนัก
E : นักยกน้ำหนักมืออาชีพ
E+: นักยกน้ำหนักระดับแชมป์โลก
ส่วนคนที่อยู่ในระดับ D หรือสูงกว่า ก็จะมีความแข็งแกร่งระดับซูเปอร์แมน
ระดับความแข็งแกร่งของฉินหรานยังไม่ถึงระดับซูเปอร์แมน หรือแม้แต่ E+ นักยกน้ำหนักแชมป์โลก ตามข้อเท็จจริงแล้วเขาก็จะมีระดับ E นักยกน้ำหนักมืออาชีพก็ต่อเมื่อเรียกใช้สกิล [การต่อสู้มือเปล่า] ที่มีผลลัพธ์พิเศษติดมาด้วย แต่อย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าฉินหรานแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป
ฆาตกรที่กระอักเลือดนั่นเป็นข้อพิสูจน์ที่เพียงพอ
[เตะตรง: ก่อความเสียหาย 70 แต้มแก่เป้าหมาย (การต่อสู้มือเปล่า (ผู้มีฝีมือ))...]
"คาร์ล ผมคิดว่าผู้ชายคนนั้นคือฆาตกรที่สารวัตรของคุณตามจับอยู่ พาตัวเขาไปให้จอห์นมันจะช่วยบรรเทาความกังวลของเขาลงได้บ้าง ส่วนผู้ชายคนนี้ ผมคิดว่าเขาเป็นสมาชิกแก๊งนะ คุณน่าจะได้จับกุมแก๊งล้วงกระเป๋าเพิ่มด้วย!"
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน มันก็ยุติธรรมดีแล้ว
กับพวกหัวขโมย ฉินหรานเลือกที่จะไม่เข้าไปยุ่งด้วยเพราะเขารู้ดีว่าพวกขโมยรอบ ๆ สถานีรถไฟนี่ก็เหมือนหญ้าป่า คุณถอนออกต้นหนึ่งก็มีอีกต้นมาแทนที่ ต่อให้จุดไฟเผาหญ้าทั้งหมดไป พอลมฤดูใบไม้ผลิพัดมามันก็งอกงาม
แต่ว่าหัวขโมยคนนี้ดันมายุ่งกับฉินหรานแถมเกือบจะพังแผนการของเขา ฉินหรานไม่มีทางอยู่เงียบ ๆ เมื่อถูกกระทำแน่นอน เขาไม่ใช่คนที่จะทนกับอะไรแบบนี้ เขาเป็นคนแบบที่จะออกไปเผชิญกับปัญหามากกว่า
"ครับ.. ครับท่าน!" ตำรวจหนุ่มรับคำตะกุกตะกักหลังจากรวมสติได้ เขายังคงตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉินหรานต้องกังวลแล้ว
[ภารกิจย่อย: ศพหญิงสาวในสถานีตำรวจ (สำเร็จ)]
เมื่อพบว่าภารกิจย่อยของเขาสำเร็จแล้ว ฉินหรานก็รีบไปที่ริมถนนและเรียกรถม้า เขายังไม่ลืมว่าเขายังมีเรื่องร้อนกว่าให้ต้องจัดการ
"ไปที่โรงเรียนเซนต์เปาโล!" ฉินหรานบอกคนขับรถม้า
...
ครึ่งแรกของชื่ออธิบายลักษณะของโรงเรียนได้อย่างชัดเจน ที่นี่เป็นโรงเรียนคริสต์ และก็เหมือนโรงเรียนคริสต์ทั่วไป คือมีชื่อเสียงในด้านกฎระเบียบที่เข้มงวดและคุณภาพการศึกษา
ชื่อเสียงด้านการศึกษาคือสิ่งที่ทำให้พ่อแม่ของเด็ก ๆ ทุกคนในเมืองส่งลูกหลานมาเรียนที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการตั้งกฎ "ไม่บังคับให้เปลี่ยนศาสนา" ขึ้นมา
นั่นเป็นตอนที่เซนต์เปาโลขึ้นค่าธรรมเนียมและเปลี่ยนจากโรงเรียนที่ค่าเล่าเรียนไม่แพงไปเป็นโรงเรียนกึ่งเอกชนกึ่งโรงเรียนคริสต์ที่มีค่าเล่าเรียนสูง
แต่กฎอันเข้มงวดและคุณภาพการศึกษายังคงเดิม
หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง ที่นี่กลายเป็นโรงเรียนสำหรับชนชั้นสูง อย่าฝันเลยว่าจะได้เข้าเรียนที่นี่ถ้าคุณไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด
ในความทรงจำที่เตรียมไว้ให้ฉินหราน มีข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนเซนต์เปาโลนี้เพียงสั้น ๆ ให้เขานึกถึงในขณะนั่งรถม้ามา เขาไม่สามารถให้ความเห็นเรื่องการตั้งกฎ "ไม่บังคับให้เปลี่ยนศาสนา" หรือการเปลี่ยนแปลงของโรงเรียนได้
หลังจากมีการค้นพบดินปืนและปืนประดิษฐ์ ความรู้พื้นฐานทั่วไปก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นแล้ว แต่สิทธิพิเศษบางอย่างก็ยังคงอยู่
รถม้ายังอยู่ห่างจากโรงเรียนอีกหลายช่วงตึกเมื่อตอนที่ถูกตำรวจคนหนึ่งเรียก มีด่านตรวจอยู่ทั้งสองถนนที่โรงเรียนตั้งอยู่ ด่านตรวจนั้นมีตำรวจลาดตระเวนตลอด 24 ชั่วโมง
แต่ว่านี่ยังไม่ใช่รักษาความปลอดภัยเดียวรอบโรงเรียนเซนต์เปาโล ด้านในโรงเรียนเองก็มีการจ้างหน่วยรักษาความปลอดภัยเป็นการส่วนตัว เรียกเป็นกองกำลังรักษาความปลอดภัยของโรงเรียน
สำหรับฉินหราน กองกำลังรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนนี่แหละที่เป็นจุดหลักของการสืบของเขา
อย่างไรเสีย อัลทิลลี่ ฮันเตอร์ ก็คงไม่สามารถเรียนรู้การปีนรั้วหรือหายตัวไปได้ด้วยตัวเองและยังอาวุธในความครอบครองของเธอก็ไม่เข้ากับสถานะหรือตำแหน่งของเธอ เมื่อคิดถึงการปกป้องที่ฮันเตอร์มีให้ลูกสาว ของอันตรายพวกนั้นต้องถูกกีดกันเอาไว้อยู่แล้ว
อัลทิลลี่ ฮันเตอร์ ก็คงเข้าใจในจุดนี้ดีเช่นกัน ทำให้เธอเลือกที่จะซ่อนกล่องเอาไว้ใต้เตียงของเธอ ฉินหรานเดาว่าเธอคงจะเรียนรู้วิธีการซ่อนของพวกนี้มาจากใครสักคน เพราะการทำช่องว่างบนพื้นโดยไม่มีผลต่อเพดานของชั้นล่างก็ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็ไม่รู้จะทำได้ เห็นได้ชัดเจนว่าต้องมีคนสอนให้อัลทิลลี่ ฮันเตอร์รู้จักหลบหนี ยิงปืน และแม้กระทั่งศิลปะการแอบซ่อน ไม่ใช่แค่ซ่อนของแต่ซ่อนตัวเองด้วย
หลอกลวงพ่อกับแม่ของเธอก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ
บุคคลลึกลับที่สอนทุกอย่างนี้ให้อัลทิลลี่ ฮันเตอร์ ฉินหรานคิดว่าคนผู้นั้นน่าจะเป็นกุญแจไขปริศนานี้
เท่าที่ดู อัลทิลลี่ ฮันเตอร์ เชื่อถือคนคนนี้มาก จึงมีโอกาสสูงมากที่หลังจากหนีออกจากบ้านเธอจะติดต่อคนผู้นี้ ฉินหรานคิดถึงทุกความเป็นไปได้ของคดี แต่ความคิดมากมายนี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาช้าลงแม้แต่น้อย ตอนที่ตำรวจลาดตระเวนถามว่าเขาคือใครเขาก็รีบแสดงจดหมายจากสารวัตรจอห์นให้ดู
"ขอบคุณมากครับ คุณเข้าไปได้ แต่ต้องเดินไปครับ!"
"ได้" ฉินหรานไม่โต้เถียงตำรวจลาดตระเวน เขาไม่มีเหตุผลให้ต้องไปสร้างความขัดแย้งในขณะที่ยังไม่ทันได้เข้าไปสืบคดีในโรงเรียน ปัญหาบางอย่างนั้นหลีกเลี่ยงไปได้เป็นดี ฉินหรานจ่ายค่ารถม้าแล้วรีบมุ่งหน้าไปที่ทางเข้าโรงเรียน
ประตูดูเก่าแต่ก็แสดงถึงประวัติความเป็นมายาวนานของโรงเรียนเซนต์เปาโล และตึกสร้างใหม่ที่ด้านในก็ดูมีชีวิตชีวามาก
"หยุดก่อนครับ คุณ!"
เมื่อฉินหรานมาถึงประตูทางเข้า เขาก็ถูกหยุดไว้โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกครั้ง เจ้าหน้าที่คราวนี้เป็นชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะอยู่ในกองกำลังรักษาความปลอดภัยของโรงเรียน เขาสวมเสื้อคลุมหลวม ๆ แบบเดียวกับชุดบาทหลวง แต่ด้วยประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของฉินหราน เขารู้สึกได้ว่าชายคนนี้พกอาวุธไว้ใต้เสื้อผ้า
ไม่ใช่แค่มีดสักเล่มหรืออาวุธมีคมอื่น มันเป็นปืนคาบศิลากระบอกหนึ่ง
"รักษาความปลอดภัยกันแน่นหนามาก!" ฉินหรานคิดกับตัวเองในขณะให้ความร่วมมือโดยหยุดอยู่กับที่และแนะนำตัว "ผมฉินหราน เป็นที่ปรึกษาพิเศษจากสถานีตำรวจ ผมมาที่นี่เพื่อดูแลเรื่องเร่งด่วน!" ฉินหรานไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้รู้เรื่องการหายตัวไปของอัลทิลลี่ ฮันเตอร์หรือไม่ เขาคิดว่าถ้าพูดอะไรออกไปอาจจะทำให้เสียรูปคดีจึงเลือกที่จะพูดกว้าง ๆ ไป
ผู้ชายคนนั้นฟังแล้วเลิกคิ้วขึ้น แต่เมื่อมองจดหมายในมือของฉินหรานเขาก็ไม่ถามอะไรเพิ่ม เขาส่งสัญญาณมือไปที่ด้านข้างและสมาชิกกองกำลังรักษาความปลอดภัยของคนเรียนคนอื่นที่สวมชุดแบบเดียวกันก็วิ่งเข้าไปในโรงเรียน
"กรุณารอตรงนี้ ผมไม่มีสิทธิ์อนุญาตให้คุณเข้าไปโดยพลการแม้ว่าจะมีจดหมายรับรองจากสถานีตำรวจ" ผู้ชายคนนั้นพูด
"ได้ครับ" ฉินหรานยิ้มตอบ
เวลาผ่านไปทีละวินาที
ประมาณสิบนาทีให้หลัง ผู้ชายคนนั้นก็กลับมา มีหญิงสูงวัยคนหนึ่งตามมาด้วย
จากที่เห็นภายนอก เธอเป็นแม่ชีคนหนึ่ง