เรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 20
[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]
<เรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 20>
***********
กลีบดอกไม้ปลิวไสว
แท้จริงแล้วมันคือเศษเสี้ยวของมิติที่กำลังสลายไป
โลกแห่งความโกลาหลที่สูญเสียผู้ควบคุมกำลังพังทลาย
ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตาตั้งแต่เริ่มต้น
ทิวทัศน์แห่งหายนะทั้งหลายเลือนหายไปในระยะไกล
ท่ามกลางแสงนั้น ฮาน อิสรัตยืนตระหง่านอยู่
"..."
เสื้อคลุมปลิวไสว
แววตาเย็นชาและดุร้ายเมื่อตอนฆ่าไนอัลหายไป ตอนนี้ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไร้อารมณ์
ไรก็ได้ไม่สามารถรู้ได้ว่าฮานกำลังคิดอะไรอยู่
เธอเพียงแต่เฝ้ามองโลกที่กำลังพังทลายกลายเป็นอนุภาคของแสงไปพร้อมกับเขา
ในที่สุด เมื่อช่องว่างแห่งความโกลาหลถูกแสงกลืนกินจนหมด เธอก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย
เมื่อได้สติอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคย
"ยินดีต้อนรับทั้งสองท่านค่ะ"
ยูเน็ตกล่าวทักทาย
ไรก็ได้เบิกตากว้าง
ที่นี่คือ...
'ที่นี่อีกแล้วเหรอ?'
เป็นอาคารร้างที่เธอเคยถูกจับตัวไป
เธอได้พบกับเหล่าวีรบุรุษแห่งวัลฮัลลาและประชุมวางแผนที่นี่
เธอกลับมาที่เดิมที่เธอจากมา
"ดีใจที่พวกคุณปลอดภัยค่ะ"
ยูเน็ตยิ้มอย่างอ่อนโยน
'ทุกคนอยู่ที่นี่'
เมื่อครู่นี้ พวกเขาก็ร่วมต่อสู้ด้วยกัน
พวกเขาช่วยป้องกันการโจมตีเธอหลายครั้ง
ถ้าไม่มีพวกเขา เธออาจได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ระหว่างไนอัลและฮาน
"ว้าว สนุกสุด ๆ ไปเลย! การท่องเที่ยวบนโลก สุดยอดไปเลย!"
นิฮาคุยิ้มร่าเริงและยกมือขึ้นสูง
รีเจียนเงียบและยืนพิงเสาอยู่ ส่วนอารอนโค้งคำนับอย่างสุภาพเมื่อสบตากับเธอ
"ขอแสดงความยินดีกับชัยชนะค่ะนายท่าน"
เซริสเป็นตัวแทนกล่าวกับนายท่านของพวกเธอ
ฮานโบกมือปฏิเสธ
"ชัยชนะบ้าบออะไรกัน รู้ไว้ซะว่าจะไม่มีครั้งที่สองอีก"
"ค่ะ ต่อไปนี้เราจะรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของศัตรูแล้ว ดังนั้นเราจะวางแผนใหม่ค่ะ"
"ที่นี่ทุกคนปลอดภัย แล้วความเสียหายของวัลฮัลลาล่ะ?"
คราวนี้ยูเน็ตเป็นคนตอบ
"ตอนนี้กำลังเชื่อมต่ออยู่ค่ะ โปรดรอสักครู่นะคะ"
"นานแค่ไหน?"
"ประมาณครึ่งวันค่ะ"
ยูเน็ตตอบพลางมองไปที่ไรก็ได้
'ทำไมมองมาที่เธอล่ะ?'
ไรก็ได้เอียงศีรษะด้วยความสับสน
ยูเน็ตพูดต่อ
"ตอนนี้ส่งสัญญาณไปแล้ว เรือเหาะจะมารับในไม่ช้าค่ะ ก่อนหน้านั้น พวกคุณอยากจะพักผ่อนสบาย ๆ ไหมคะ?"
"พักผ่อนสบาย ๆ?"
"โลก เป็นบ้านเกิดของนายท่านไม่ใช่เหรอคะ? พักผ่อนในสถานที่แห่งความทรงจำอะไรทำนองนั้น..."
"สถานที่แห่งความทรงจำ?"
ฮานหัวเราะเยาะ
"ฉันไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก"
"จริงเหรอคะ? ไม่คิดถึงโลกเลยเหรอคะ? คนส่วนใหญ่ที่จากบ้านเกิดไปนาน ๆ จะคิดถึงบ้านนะคะ"
"อย่างน้อยก็ไม่ใช่ฉัน ที่นี่มีแต่ความลำบาก"
โลก
ถึงจะเป็นบ้านเกิดของเขา แต่ก็ไม่มีความทรงจำที่ดีนัก
ตั้งแต่เด็ก เขาต้องลำบากมาโดยตลอดโดยไม่มีพ่อแม่หรือญาติพี่น้อง
พอจะเริ่มมีชีวิตที่ดีขึ้นหน่อย ก็ถูกโมเบียสลักพาตัวไป
ฮานบ่นพึมพำ
"งั้นก็ไม่มีธุระอะไรเป็นพิเศษสินะคะ?"
"แล้วถ้าไม่มีล่ะ?"
"ถ้าอย่างนั้น นายท่านกับฮีโร่จะใช้เวลาด้วยกันสักหน่อยไหมคะ?"
"อะไรนะ?"
รอยยิ้มของยูเน็ตขยายกว้างขึ้น
"ถ้าต้องการ พวกเราจะออกไปจากที่นี่จนกว่าจะมีการติดต่อจากวัลฮัลลามาค่ะ"
"ฉันกับฮาน ไม่สิ คุณฮานเหรอคะ?"
ไรก็ได้ตกใจ
ยูเน็ตตอบอย่างไม่ใส่ใจ
"ค่ะ ไม่ได้เจอกันนาน…คงมีเรื่องจะคุยกันเยอะแยะเลยใช่ไหมคะ?"
"ฉัน..."
"ไม่มีอะไรจะคุยหรอก"
ฮานตอบอย่างเฉียบขาด
"โอ๊ะ"
"จะคุยอะไรกัน เธอไม่รู้อะไรสักหน่อย ปล่อยเธอไปเถอะ"
"...ค่ะ"
"หืม?"
อ้อจริงสิ
เขาบอกให้เธอพูดแบบไม่เป็นทางการได้นี่นา
ไรก็ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคืองเล็กน้อย
"มะ ไม่ใช่ ฉันก็รู้เรื่องทั้งหมดนะ!"
"รู้อะไร?"
"โลกิ! โมเบียส! พิกมีอัพ! ฉันรู้ทุกอย่าง คุณยูเน็ตบอกฉันหมดแล้ว"
"บอกหมดแล้ว?"
คิ้วของฮานขมวดเข้าหากัน
สายตาคมดุจมีดมองไปที่ยูเน็ต แต่เธอกลับเมินเฉย
"ฉันรู้ว่าในเกมนั้นมีคนตายและมีชีวิตจริง ๆ ฉันรู้ว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฟื้นคืนชีพโมเบียส ฉันรู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร นายเป็นใคร ฉันรู้...ทุกอย่าง"
ฮานยกมือขึ้นแตะหน้าผาก
"ก็ว่าอยู่ ทำไมมันแปลก ๆ..."
"นายท่าน อย่าเข้าใจผิดนะคะ นายท่านไรก็ได้ขอร้องเองค่ะ ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างรู้ความจริงแล้ว คงมีเรื่องจะคุยกันแล้วใช่ไหมคะ?"
ไรก็ได้ก้าวออกมา
"ชะ ใช่! ฉันมีเรื่องจะพูด ฉันอยากจะขอโทษ..."
"ไม่ต้อง"
ฮานตอบ
"เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องขอโทษ ไม่ต้องขอบคุณ จบแค่นั้นแหละ"
"จบ...แค่นั้นเหรอ?"
"เธอเล่นเกม ส่วนฉันเอาชีวิตรอดเรื่องมันก็แค่นั้นแหละ"
"งั้น...เหรอ"
พอมานึกดูแล้ว มันก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักจากก่อนที่เธอจะรู้ความจริง
'ไม่สิ'
มันเปลี่ยนไปแล้ว
มีความแตกต่างอย่างมาก
'เธอรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ของปลอม'
คนที่อยู่ตรงหน้าเธอไม่ใช่สิ่งที่เธอมโนขึ้นมา
แต่เป็นคนจริง ๆ
แค่นั้นก็ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่แล้ว
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอต้องทนทุกข์กับความกังวลว่าทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตาหรือไม่
แต่ตอนนี้เธอได้รับความมั่นใจแล้ว
เธอไม่ลังเลอีกต่อไป
'แต่ ถึงจะรู้แล้ว'
อะไรจะเปลี่ยนแปลงไปล่ะ
นั่นก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง
“อะแฮ่ม”
ไรก็ได้กระแอ่มเล็กน้อย
ไม่ว่ายังไง ก่อนที่ฮานและพรรคพวกจะจากไป เธอยังพอมีเวลาอยู่บ้าง
เธอควรทำอะไรดี
หรือว่าควรถามพวกเขามาที่นี่ทำไมดีไหม?
ตอนนี้เวลาบนโลกยังคงผ่านไปเรื่อยๆ
.
.
ชั้นบนสุดของอาคารร้าง
ไรก็ได้เอามือแตะเสาเหล็กที่โครงสร้างโผล่ออกมา
มุมหนึ่งของกำแพงพังทลายลงจนหมด ทำให้เธอมองเห็นทิวทัศน์อันเงียบสงบของกรุงโซลได้จากตรงนั้น
'กลับมาแล้ว'
กลับสู่เมืองที่สงบสุขที่เธอรู้จัก
ไม่มีการก่อการร้าย
ไม่มีการรุกรานของมนุษย์ต่างดาว
ไม่มีหุ่นยนต์ยักษ์
ไม่มีเหตุการณ์ประหลาดใด ๆ เกิดขึ้น
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน
ผู้คนในชุดสูทเต็มไปหมดนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานในตึก รถติดยาวเหยียดบนท้องถนนรอการจราจรคลี่คลาย
แสงแดดส่องลงมาอย่างอบอุ่น
เป็นครั้งแรกที่ไม่มีฝุ่นละเอียดเลย
ท้องฟ้าสีครามและเมฆสีขาวที่สว่างสดใส
โลกนั้นคือชีวิตประจำวันของเธอ
ไม่มีความโกลาหล ไม่มี ความกลัว ไม่มีหายนะ ไม่มีเลือด ไม่มีสงคราม ไม่มีความตาย
ช่องว่างระหว่างโลกเมื่อครู่กับโลกนี้มันกว้างใหญ่เกินไปจนเธอเผลอยิ้มออกมา
'มันกลายเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นสินะ'
ตามคำอธิบายของยูเน็ต ระบบป้องกันของโลกทำงานได้ผล
ประวัติศาสตร์ที่โกลาหลเมื่อกี้ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
เหตุการณ์ก่อการร้ายต่าง ๆ ไม่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่แรก
ไรก็ได้กดเปิดสมาร์ทโฟนของเธอ
แม้แต่วันที่ก็เช่นกัน
เธอใช้เวลาเกือบสามวันในโลกที่ไม่ธรรมดาใบนั้น
แต่ตอนนี้ วันที่และเวลากลับไปเป็นอดีต
กลับไปเป็นวันก่อนที่เธอจะถูกลักพาตัว
'เฮ้อ'
ตอนนี้ในโทรศัพท์มีข้อความดุจากหัวหน้าเต็มไปหมดว่าทำไมเธอไม่มาทำงาน
เธอตัดสินใจลาหยุดหนึ่งวัน
ตั้งแต่เธอกลับมาวันแรก เธอก็มาสายแล้ว
'...'
ปัด ปัด
เธอเลื่อนดูรายชื่อแอปในสมาร์ทโฟน
ขึ้น ลง ซ้าย ขวา
'ไม่มี'
ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่เจอ
แอปหายไปแล้ว
เธอก็พอจะเดาได้อยู่แล้ว
หลังจากที่เธอกลับมาที่นี่
ด้วยเหตุผลบางอย่าง สมาร์ทโฟนที่น่าจะพังไปแล้วตอนที่เธออัญเชิญฮานกลับมาอยู่ในสภาพดีในกระเป๋าของเธอ
แต่เกม 'พิกมีอัพ' ถูกลบไปแล้ว
แอปนั้นคงไม่ปรากฏขึ้นอีก
นั่นคงเป็น
การอัญเชิญครั้งสุดท้ายของเธอในฐานะนายท่าน
คลิก คลิก
ไรก็ได้ขยับพวงกุญแจที่ห้อยอยู่กับสมาร์ทโฟน รูปปั้นม้าศึกที่ห้อยอยู่ก็แกว่งไปมาด้วย
'อันนี้ยังอยู่'
ไรก็ได้ยิ้มอีกครั้ง
เหตุผลที่ฮานและพรรคพวกมาที่โลกก็เพื่อเอารูปปั้นนี้คืน
ตอนที่รู้จุดประสงค์นั้น เธอหัวเราะหนักมาก
'ก็เป็นอย่างที่คิด'
ฮานชอบรูปปั้นม้าศึกมาก ๆ เลย
จริงอยู่ว่าตอนแรกเขาโยนรูปปั้นม้าศึกทิ้งไป แต่ตั้งแต่นั้นมา เขาต้องทนทุกข์กับความอยากได้ม้าศึกอย่างรุนแรงอย่างแน่นอน
ใช่แล้ว
ถึงแม้จะรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว
ก็ยังมีบางสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง
รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้มีเพียงสองคนในอาคารร้างแห่งนี้
เมื่อครู่นี้ยูเน็ตสามารถติดต่อกับวัลฮัลลาได้แล้ว และเหล่าฮีโร่ที่เหลือก็ออกไปเที่ยวชมโลกจนกว่าเรือเหาะจะมารับ
ดังนั้น เสียงฝีเท้าที่ดังมาจากด้านหลังจึงเป็นของคน ๆ เดียวเท่านั้น
"..."
เขาไม่พูดอะไร
เธอเองก็เงียบ
แปลกที่ไม่มีบรรยากาศอึดอัดเกิดขึ้น
ในเกมก็เป็นแบบนี้บ่อย ๆ
เธอมักจะเปิดหน้าจอค้างไว้และดูชีวิตประจำวันของเหล่าฮีโร่ที่ปรากฏในห้องพักโดยไม่ทำอะไรเลย
ถ้าเหล่าฮีโร่เหล่านี้เป็นคนจริง ๆ พวกเขาจะคิดอะไรอยู่ตอนนี้
พวกเขากำลังทำอะไร
เธอสร้างโลกหลังกราฟิกขึ้นมาใหม่ผ่านตัวกรองแห่งจินตนาการ
"จะไปแล้วแล้วใช่ไหม?"
ไรก็ได้หันพูดกับคนที่อยู่ด้านหลัง
"เมื่อเสร็จธุระแล้วก็ต้องกลับบ้าน"
"หมายถึงอันนี้เหรอ?"
เธอหันกลับไป
และหยิบรูปปั้นม้าศึกที่สึกกร่อนออกมา
"..."
ฮานยิ้มแห้ง ๆ
"รู้สึกผิดที่ให้แล้วเอากลับคืนเหรอ? ไม่เป็นไรหรอก ฉันตั้งใจจะคืนให้อยู่แล้ว"
เธอวางรูปปั้นม้าศึกไว้ในมือของฮาน
ฮานจ้องมองรูปปั้นม้าศึกในมืออย่างตั้งใจ แล้วเก็บมันใส่กระเป๋าเสื้อ
'เธอเองคิดว่าถ้าได้เจอกันแบบนี้ คงมีเรื่องจะคุยกันเยอะแยะ'
เรื่องราวในอดีต ตอนที่เธอเป็นนายท่านและฮานเป็นฮีโร่
พูดคุยทักทายกัน
และคุยเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ดำเนินต่อไป
'คงไม่จำเป็นต้องพูดถึงอดีตแล้วล่ะ'
สิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้มีเพียงอนาคตเท่านั้น
ไรก็ได้จะกลับไปที่โลก
ฮาน อิสรัตจะกลับสู่วัลฮัลลา
ต่างคนต่างกลับไปยังที่ของตัวเอง
"นี่"
"ว่าไง?"
"..."
ไรก็ได้พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้า
"ไม่มีอะไรหรอก คือว่า ฉันมีธุระด่วนต้องกลับบ้านก่อน เดี๋ยวฉันกลับมานะ"
"กลับมา?"
"ก็ต้องไปส่งกันหน่อยสิ"
"...ตามใจ"
ไรก็ได้ออกจากอาคารร้าง
ก่อนจะไป เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีของบางอย่างที่ต้องส่งคืน
เธอเรียกแท็กซี่ด้วยโทรศัพท์มือถือและมุ่งหน้ากลับบ้าน
และเมื่อเธอกลับมาที่ลานจอดรถ ทุกอย่างก็พร้อมแล้ว
'เวลามัน...'
เมื่อครู่นี้เธอยังคิดว่าเป็นเวลากลางวันอยู่เลย
เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยไม่ตั้งใจ และเห็นแสงสนธยา
เหล่าฮีโร่ที่วัลฮัลลาที่ออกไปเที่ยวชมโลกกลับมาแล้ว และตรงกลางลานจอดรถเก่า ๆ ...มีวัตถุขนาดใหญ่ที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกตาจอดอยู่หนึ่งลำ
สิ่งที่เธอเคยเห็นในเกม
และสิ่งที่เธอเคยเห็นในความทรงจำที่ห้องสมุด
มันคือเรือเหาะ
[จริง ๆ นะคะ! ฉันเกือบตายแล้ว! ตอนที่พวกนั้นบุกเข้ามาโดยไม่มีโลกิ ฉันต้องสู้คนเดียว รู้ไหมว่ามันยากแค่ไหน? แต่ฉันเป็นใครกันล่ะ? ฉันออกคำสั่งได้ทันเวลา วางแผนการรบได้อย่างยอดเยี่ยม สั่งให้ทำแบบนั้นแบบนี้ แล้วสุดท้ายก็ป้องกันพวกนั้นได้สำเร็จ!]
บนดาดฟ้าเรือเหาะ นางฟ้าตัวน้อยกำลังพูดไม่หยุด
เธอชื่อไอเซลไม่ใช่เหรอ?
ปัจจุบันเธอถูกเรียกด้วยชื่อเล่นใหม่ว่าเฟรย์
[แต่ว่า ต้องกลับไปทันทีที่เพิ่งมาถึงเนี่ยนะคะ?]
"เรามาเที่ยวเล่นที่นี่ไม่ได้หรอก ตอนนี้ได้ของแล้ว ต้องกลับไปประเมินสถานการณ์ก่อน เธอมาคนเดียวใช่ไหม?"
[แน่นอน! มีกองทัพเรือเหาะคุ้มกันรออยู่ข้างนอก]
"งั้นเหรอ? คงไม่โดนโจมตีสองครั้งหรอกนะ"
ฮานพยักหน้าหลังจากคุยกับนางฟ้าตัวน้อยเสร็จ
"อ้อ นายท่านไรก็ได้"
ยูเน็ตเดินเข้ามาหา
"สิ่งที่คุณถืออยู่นั่นคือ...?"
"ของขวัญค่ะ"
ไรก็ได้ตอบ
เธอถือกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งอยู่ในมือซ้าย
"ฉันรู้สึกไม่ดีที่จะให้พวกคุณกลับไปมือเปล่า..."
"ตายจริง ขอบคุณมากเลยค่ะ"
ยูเน็ตรับกระเป๋าเดินทางมา
"ถึงจะไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร แต่ฉันจะรับไว้ด้วยความขอบคุณนะคะ"
ยูเน็ตยิ้มหวาน
ดูจากสีหน้าแล้ว เธอน่าจะรู้อยู่แล้ว
[ผู้หญิงคนนั้นคือนายท่านเหรอ? นายท่านไรก็ได้งั้นเหรอ? เจ้าเด็กแสบ!]
สายตาของนางฟ้ามองมาพอดี
เฟรย์บินเข้ามาพร้อมกับโปรยผงดาว แล้วบินวนรอบ ๆ ตัวเธอ
[หึ]
"สวัสดีค่ะ"
[เธอนี่เอง ฮึ่ม! โลกิต้องลำบากเพราะเธอมากแค่ไหนรู้ไหม?]
"ฉะ ฉันขอโทษค่ะ"
[ช่างเถอะ ฉันใจดี ฉันจะยกโทษให้ก็ได้ ยังไงซะ ฉันก็ไม่ใช่นางฟ้าทาสของเธอคนเดิมแล้ว! อย่ามาดูถูกเพราะฉันตัวเล็กนะ! ]
"ค่ะ..."
[อ่า ถ้าเธอมาเกาะแกะกับโลกิ ฉันจะไม่ปล่อนเธอไว้แน่! หลักฐานคือที่นั่งที่ไหล่ของโลกิคือที่นั่งพิเศษของฉัน...กรี้ด!]
ฮานจับปีกของเฟรย์แล้วเหวี่ยงไปด้านหลัง
นางฟ้าหมุนติ้ว ๆ และปลิวไป
"..."
ไรก็ได้มองไปรอบ ๆ ลานจอดรถ
ไม่เห็นคนอื่นเลย
ก็เขาบอกว่ามีการสร้างเกราะป้องกันการมองเห็น คนทั่วไปจะมองไม่เห็นอยู่แล้ว
ทุกคนมารวมกันอยู่ที่นี่
ทุกคนคือเหล่าฮีโร่จากวัลฮัลลา
มีเพียงเธอเท่านั้นที่เป็นคนธรรมดาจากโลก
'บรรยากาศแบบนี้'
ไม่ต้องพูดก็รู้
พวกเขากำลังจะไปที่วัลฮาลาแล้ว
พวกเขากำลังจะกลับไปยังที่ที่พวกเขาจากมา
"นายท่านวัลฮาลา"
"คะ?"
เซริสเดินเข้ามาหา
"ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับความช่วยเหลือของคุณค่ะ"
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ”
"ฉันไม่ได้ทำอะไรมากมายเลยค่ะ"
"เธอถ่อมตัวเกินไป ถ้าไม่มีเธอ มันคงอันตรายจริง ๆ"
"เธอมีพรสวรรค์ของนักรบนะ ข้อนี้ขอชมเชย"
รีเจียนพูด
นิฮาคุยกมือขึ้น
"เท่มากเลย โดยเฉพาะตอนท้าย จงเปิดออกซะ ประตูแห่งจักรวาล!"
"..."
หน้าไรก็ได้แดงก่ำ
พวกเขาเห็นหมดเลยเหรอเนี่ย
"ถ้ามีสิ่งใดที่พวกเราพอจะตอบแทนได้ โปรดบอกมา"
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันได้รับไปแล้ว"
"อ้อ หมายถึงหุ้น เงินดิจิทัล สมุดบัญชี และโฉนดที่ดินสินะคะ น่าเสียดายที่คุณยังไม่ได้ใช้มันเลย"
เธอยิ้มให้กับคำพูดของยูเน็ต
"ถ้ามีเรื่องต้องใช้เงินเร่งด่วน ฉันจะใช้มันค่ะ"
แต่ดูเหมือนวันนั้นจะไม่มีวันมาถึง
"นายท่านไรก็ได้"
ยูเน็ตพูดขึ้น
"ค่ะ"
"พวกเราจะกลับวัลฮัลลาแล้วค่ะ"
"ค่ะ"
"ไม่ใช่แค่นั้นค่ะ"
สีหน้าของยูเน็ตเคร่งขรึม
"เราจะปิดประตูมิติที่เชื่อมต่อไปยังโลกค่ะ"
"...คะ?"
"ที่เจ้าแห่งความโกลาหล...เขาชื่อไนอัลใช่ไหมคะ? ที่มันมาโลกได้ง่าย ๆ ก็เพราะผ่านประตูมิติบานมานั้นแหละค่ะ"
ยูเน็ตอธิบาย
เส้นทางที่เชื่อมระหว่างโมเบียสและโลกถูกเปิดขึ้นตั้งแต่สมัยพัฒนาเกม 'พิกมีอัพ'
เส้นทางนั้นต้องใช้พลังงานมหาศาลเพื่อเชื่อมต่อ
"ตอนนี้เราจะปิดประตูบานนั้นอีกครั้ง คุณคงรู้เหตุผลใช่ไหมคะ?"
ปิดประตู
เหตุผล
"เพื่อฉันหรือเปล่าคะ?"
"ค่ะ เราไม่อยากให้คุณเดือดร้อนอีก ถ้าปล่อยประตูมิติไว้ อาจเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้"
"..."
"เราจะไม่แค่ปิด แต่จะทำลายมันเลยค่ะ ไม่มีใครผ่านไปได้ ถ้าใครพยายามจะเปิดมันด้วยพละกำลัง เราจะรับรู้ถึงการแทรกแซงนั้นได้"
ยูเน็ตตอกย้ำ
"นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เรามายังโลกค่ะ แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ที่ต้องเปิดประตูอีกครั้ง แต่อาจต้องใช้เวลาหลายสิบปีตามเวลาของโลก"
อย่างนี้นี่เอง
ไรก็ได้เข้าใจทันที
นี่คือการบอกลาอย่างแท้จริง
"เข้าใจแล้วค่ะ"
เมื่อพวกเขาจากไป เส้นทางที่เชื่อมระหว่างโลกและโมเบียสก็จะถูกปิดลง
เธอจะไม่สามารถเดินทางไปมาระหว่างสองโลกได้อีกต่อไป
แม้ว่าจะเชื่อมต่อเส้นทางได้อีกครั้ง ก็ต้องใช้เวลานาน
และไม่มีใครรู้ว่าไรก็ได้และฮานจะได้พบกันอีกครั้งไหมเมื่อถึงเวลานั้น
"นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วสินะคะ"
"ถึงแม้ว่าเราจะได้พบกันจริง ๆ เพียงสองครั้ง แต่ฉันมีความสุขมากค่ะ ถ้าเราได้พบกันในสถานการณ์ที่สงบสุขกว่านี้ คงจะได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างคุ้มค่ามากกว่านี้ น่าเสียดายจริง ๆ"
"ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงก็สนุกมากเลยค่ะ"
ยูเน็ตโค้งคำนับ
คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน
ทุกคนกล่าวลาในแบบของตัวเอง
"ขอคารวะในความกล้าหาญของคุณค่ะ นายท่านไรก็ได้"
เซริส
"แล้วเจอกัน"
รีเจียน
"ขอให้นายท่านมีสุขภาพแข็งแรงนะครับ"
อารอน
"สนุกมากเลย! หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะ!"
นิฮาคุ
"โชคดีนะคะ"
และยูเน็ต
หลังจากกล่าวลาเสร็จ ทุกคนก็เดินไปที่เรือเหาะผ่านบันไดที่เลื่อนลงมา
[ไปกันเถอะ! รีบขึ้นมา! เราจะออกเดินทางแล้ว!]
วู้ม!
เรือเหาะที่สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วเริ่มสั่นเบา ๆ
คนที่เหลืออยู่คนสุดท้ายคือ ฮาน อิสรัต
เขากำลังจ้องมองรูปปั้นม้าศึกที่สึกกร่อนอยู่ในมือของเขา
"...ไม่ไปเหรอ?"
"กำลังคิดอะไรนิดหน่อย"
"คิดอะไร?"
"หืม ไม่รู้สิ"
ดูเหมือนเขากำลังพยายามนึกอะไรบางอย่าง
เธอไม่สามารถรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
"ฮาน"
เขาหันมามองเธอ
สายตาเย็นชาที่ทำให้เธอรู้สึกเสียวสันหลังเพียงแค่สบตา
แต่ภายในดวงตานั้นเต็มไปด้วยจิตใจของมนุษย์
ไรก็ได้ที่เฝ้ามองทุกอย่างมาตลอด ในที่สุดก็สามารถรับรู้ได้
"อย่ายอมแพ้พวกนั้นล่ะ"
"พูดอะไรของเธอ"
"ฉันจะคอยเชียร์นายจากที่นี่"
พวกเขาคงจะ…
ใช้ชีวิตอยู่กับการต่อสู้และสงครามตลอดไป นับจากวินาทีที่พวกเขากลับไป จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของการดำรงอยู่
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายทั้งหมด
เพราะพวกเขามีเพื่อนและสหายอยู่เคียงข้าง
และเธอเองก็เช่นเดียวกัน
ที่ผ่านมาเธอไม่ได้ต่อสู้
เธอปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับกาลเวลาที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้าและใช้ชีวิตไปวัน ๆ
เธอยอมแพ้และบอกกับตัวเองว่าชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละ
'เธอก็จะลองสู้ดูบ้าง'
การต่อสู้ไม่ได้หมายถึงแค่การแกว่งดาบหรือยิงปืนเท่านั้น
เช่น การฝืนตื่นนอนในตอนเช้าทั้งที่อยากนอนต่อ
การอดทนต่อความอยากอาหาร
การรวบรวมความกล้าเพื่อออกกำลังกายหรือหาเวลาว่าง
และอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน
มันคือการต่อสู้กับชีวิตประจำวันที่น่าเบื่อและจำเจ
บางทีมันอาจจะทำให้เธอมีชีวิตที่สมบูรณ์มากขึ้น?
นั่นก็เป็นการต่อสู้อย่างหนักเช่นกัน
การเปลี่ยนชีวิตที่ไร้สีสันและน่าเบื่อให้มีสีสันและน่าตื่นเต้น
แค่มีความกล้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ชีวิตก็อาจเปลี่ยนไป
เช่นเดียวกับเมื่อหลายปีก่อน เธอเอาชนะความขี้เกียจ เปิดสมาร์ทโฟน แล้วติดตั้งเกม 'พิกมีอัพ'
ด้วยความกล้าเพียงเล็กน้อย
เธออาจสร้างความทรงจำที่จะทำให้ชีวิตเปล่งประกาย
ดังนั้น
"...ลาก่อน"
เธอพูดขึ้นเบาๆ
เหมือนกับตอนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน
ตอนนั้นก็เหมือนกัน
มีหลายสิ่งที่อยากจะพูด แต่สุดท้ายก็แทบไม่ได้คุยกันเลย
ตอนนี้ก็เหมือนกัน
เธอรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับ 'พิกมีอัพ' แล้ว
ดังนั้นเธอจึงเข้าใจว่าทำไมฮานถึงทำแบบนี้
เธอรู้ว่าทำไมเขาถึงพยายามรักษาระยะห่างจากเธอ
มันเป็นความเอาใจใส่
เขารู้มาตั้งนานแล้ว
ว่าเส้นทางของทั้งสองแตกต่างกัน
ฮานอยู่ที่วัลฮัลลา
ส่วนเธออยู่บนโลก
ชีวิตของคนสองคนที่เป็นเส้นขนานไม่เหมาะที่จะมาบรรจบกัน
ครั้งหนึ่งเคยมีปาฏิหาริย์ ที่ทำให้พวกเขาเชื่อมต่อกันได้ชั่วคราวผ่านเกม 'พิกมีอัพ'
แต่ในวันนี้ สายใยแห่งปาฏิหาริย์นั้นขาดสะบั้นลงอย่างสิ้นเชิง
คนทั้งสองมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายชีวิตที่แตกต่างกัน
"ดูแลตัวเองด้วยล่ะ"
ฮานตอบ
แล้วหันหลังเดินขึ้นบันได
ในไม่ช้า ร่างของเขาก็หายลับไปหลังราวบันได
แกร๊ก
บันไดเลื่อนพับเก็บ และเรือเหาะก็เริ่มลอยขึ้น
'จบแล้ว'
การผจญภัยของนายท่านไรก็ได้…มันได้จบลงแล้ว
เธอต้องกลับไปเป็นคนธรรมดาบนโลกและใช้ชีวิตประจำวันต่อไป
ใช้ชีวิตประจำวันที่แสนธรรมดาแต่สงบสุข
ถ้าลองมองหาอย่างจริงจัง เธออาจจะพบสิ่งที่เปล่งประกายในชีวิตประจำวันแบบนี้ก็ได้
ที่ผ่านมาเธอแค่เพิกเฉยมันเท่านั้นเอง
'ลองหาดูสิ'
เพื่อที่จะมีชีวิตที่มีค่ามากขึ้น
เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่อย่างขยันขันแข็ง
เพื่อที่จะมีชีวิตที่สนุกสนานมากขึ้น
วู้มมม!
เรือเหาะค่อย ๆ ไต่ระดับสูงขึ้นไป
เธอไม่สามารถมองเห็นเหล่าฮีโร่บนดาดฟ้าได้อีกต่อไป
'แต่ว่า'
เมื่อภาพนั้นหายไป
เธอก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
'เธอตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง'
แต่พูดไม่ออก
เธอพูดอะไรไม่ออกเลย
เป็นเพราะเธอขาดความกล้าหรือเปล่า
ในวินาทีที่เธอพยายามจะเอ่ยคำพูดนั้น
คำพูดที่ว่า "พาฉันไปด้วย"
ใบหน้าของแม่ก็ผุดขึ้นมาในความคิด
รอยยิ้มของเพื่อน ๆ
เสียงบ่นของจิโฮ น้องชายที่เธอรักเหมือนน้องแท้ ๆ
ช่วงเวลาอันมีค่าที่เธอใช้ชีวิตอยู่บนโลก
'สำหรับเธอ... สำหรับเธอ...'
เธอไม่มีความกล้า
ที่จะทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังแล้วจากไป
แต่ทุกอย่างล้วนมีค่า
ครอบครัว เพื่อน ๆ และญาติ ๆ ก็สำคัญสำหรับเธอพอ ๆ กับที่เธอรักความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นใน 'พิกมีอัพ'
ดังนั้น
"...ฮึก"
เธอกอดเก็บมันไว้
เป็นความทรงจำที่ล้ำค่าและน่าจดจำ
เป็นสมบัติที่ทำให้ช่วงหนึ่งของชีวิตเธอเปล่งประกาย
เมื่อใดก็ตามที่เธอต้องเผชิญกับวิกฤตในชีวิต
เมื่อใดก็ตามที่เธออยากจะยอมแพ้ทุกอย่าง
ความทรงจำในตอนนี้จะมอบพลังให้เธอ
ก้าวต่อไปข้างหน้าของชายผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่อความยากลำบากและความอยุติธรรมใด ๆ จะมอบความกล้าหาญให้เธออีกครั้ง
"..."
เรือเหาะค่อย ๆ ห่างออกไป
เรือเหาะลำใหญ่ค่อย ๆ เล็กลงจนลับตา
ความทรงจำของเธอโบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเกม 'พิกมีอัพ'
แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แค่เกม
นี่คือเรื่องราวของผู้คนที่ต่อสู้อย่างไม่สิ้นสุด
มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้
เรื่องราวที่ฉันไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้
เรื่องราวที่เธอไม่สามารถบอกใครได้
เรือเหาะจากไปแล้ว
กลายเป็นดวงดาวและหายไปในแสงสนธยาสีส้ม
เธอมองภาพเรือเหาะที่เลือนรางและห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ ด้วยสายตาพร่ามัว
'กลับบ้าน...ดีไหมนะ'
แม่คงบ่นเธอแน่ ๆ ว่าทำไมไม่ไปทำงาน
แต่วันนี้เธอไม่อยากคิดอะไรแล้ว
แค่อยากนอน
นอนหลับให้เต็มอิ่มสักคืน แล้วทุกอย่างคงจะดีขึ้น
ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น
เธอหันกลับไป
ในวินาทีนั้น
ฉึก!
โซ่ที่ยื่นออกมาจากไหนไม่รู้พันร่างของเธอไว้
"เหวอ?!"
เธอไม่ทันตั้งตัว
เธอถูกลากขึ้นไปเหมือนปลาที่ติดเบ็ด
"ว๊ายยยยย!"
เธอลอยขึ้นไปบนฟ้า
สูงขึ้นไปอีก
ลมแรงปะทะทั่วร่างกายเธอ
ทิวทัศน์ของเมืองที่ห่างไกลออกไปหมุนวนไปมา
"เอ๊ะ?"
ตุ้บ!
เมื่อได้สติ เธอก็พบว่าตัวเองนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะ
"เอ๊ะ? เอ๊ะ?"
สมองเธอค่อยๆประมวลผล
ภาพที่ไม่คาดคิดปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเธอ
บนดาดฟ้าเรือเหาะลำเล็ก
ฮานและพรรคพวกยืนเรียงกันอยู่
เธอเห็นกระเป๋าเดินทางที่เปิดอยู่ข้าง ๆ
ไม่ต้องดูก็รู้ว่าข้างในมีอะไร
คอลเลกชันรูปปั้นม้าศึกที่เธอแกะสลักด้วยมือของเธอเอง
พวกมันอยู่เต็มไปหมดในกระเป๋า
"..."
สายตาของฮานที่มองลงไปที่กระเป๋าเดินทางเบนมาทางเธอ
'เอ๊ะ?'
ดวงตาที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
ราวกับกำลังลุกไหม้
ราวกับมีบางสิ่งกำลังลุกโชน
“เธอเหรอ?
ฮานพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
เธอนั่งงงอยู่กับที่
เมื่อครู่นี้เธอยังอยู่ในลานจอดรถอยู่เลย
แล้วจู่ ๆ ก็ถูกพามายังเรือเหาะ
"พวกนี้ เธอทำเองเหรอ?"
ฮkนถาม
เธอตอบด้วยความงุนงง
"ฉะ ฉันทำเองก็จริง...แต่วt"
"งั้นเหรอ?"
ฮันหลับตาลงช้า ๆ
"สิ่งที่ฉันเห็นตอนนั้น ไม่ใช่ภาพลวงตาสินะ"
แกร๊ก
ฮานปิดกระเป๋าเดินทางที่เปิดอยู่แล้วล็อคมัน
จากนั้นเขาก็มองลงมาที่เธอแล้วพูดว่า
"ไปกับฉัน"
น้ำเสียงหนักแน่น
"นายท่านไม่ได้บอกว่าจะปล่อยคุณไรก็ได้ไปเหรอคะ?"
ยูเน็ตเอียงศีรษะด้วยความสงสัย
ฮานตอบสั้น ๆ
"ฉันเปลี่ยนใจแล้ว"
"โอ๊ะ อะไรทำให้นายท่านเปลี่ยนใจล่ะคะเนี่ย?"
เดิมทีฮันไม่สนใจว่าในกระเป๋ามีอะไร
ในขณะเดียวกันยูเน็ตก็เปิดกระเป๋าเดินทางและขอให้ดูของขวัญนั้น
“หึหึหึ…”
ยูเน็ตหัวเราะอย่างมืดมน
“เอ่อ?”คะ?"
“คำตอบคืออะไร?”
สายตาหันมาอีกครั้ง
เธอมีดวงตากลมโตและปากเปิด
"คำตอบ… อะไร?"
ยูเน็ตอธิบาย
“ตอนนี้นายท่านตัดสินใจแล้ว ตัดสินใจพานายท่านไรก็ได้กลับไปที่วัลฮาลาด้วยค่ะ”
"อะไรนะคะ ล้อเล่นใช่ไหม?"
อะไรกัน?
เมื่อสักครู่นี้ เขาถามว่าพร้อมที่จะออกเดินทางแล้วหรือยังใช่ไหม?
ทำไมสถานการณ์ถึงเป็นแบบนี้?
“ฉันมีอะไรที่เป็นห่วงนิดหน่อยค่ะ! ฉันมีครอบครัวที่บ้าน...ฉันไม่ได้ติดต่ออะไรพวกเขาเลย….”
"ไม่ต้องกังวลค่ะ เราได้เตรียมจดหมายพร้อมเนื้อหาที่ครอบครัวและคนรู้จักของนายท่านจะเข้าใจ ฉันได้เตรียมเหตุผลที่เหมาะสมไว้แล้วด้วย”
"อะไรนะคะ?"
นี้มัน…
“ถ้านายท่านไรก็ไรไม่ใส่ใจจริงๆ เราจะให้โอกาสคุณติดต่อเราในวัลฮัลลา แม้ว่าเส้นทางตรงจะปิดแต่สามารถสื่อสารได้ สามารถโทรวิดีโอหรือส่งข้อความได้
“การอธิบายให้ละเอียดจะเป็นไรไหมคะ?”
“คุณต้องการให้ฉันอธิบายอะไรคะ?”
“มีสถานการณ์เร่งด่วนเกิดขึ้น และฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจากไป”
“คุณจะอธิบายเช่นนี้ใช่ไหมคะ?”
จู่ๆ วันหนึ่ง สาเหตุที่เธอต้องหนีออกจากบ้านและหายตัวไป
แม้ว่าจะพูดถึงเรื่องพิกมีอัพหรือวันฮาลาก็จะถือว่าเธอเป็นคนบ้าแทน
พวกเขาจะพยายามโน้มน้าวเธอยังไง?
“มากกว่านั้น..ฉันน่ะ!”
หากไม่มีครอบครัวของเธอ เธอคงไม่คิดอะไรมาก
แม่!
จิโฮ!
เพื่อน!
บริษัท!
ไม่สิ ทำไมบริษัทนี้ถึงมาอยู่ในใจล่ะ!
“ทรัพย์สินในชื่อของนายท่านไรก็ได้ได้ถูกโอนไปยังครอบครัวของคุณค่ะ”
เธอตกตะลึง
เหมือนทำไว้ล่วงหน้าหมดเลย
เธอลุกขึ้นยืนอย่างสั่นเทา
สถานการณ์ไม่สมเหตุสมผลสำหรับเธอ
เธอกำลังเตรียมบอกลา แต่จู่ๆ ก็ถูกลักพาตัวมาที่นี่และต้องไปวัลฮัลลา?
"ฉัน…
“ไม่ชอบมันเหรอ?”
ฮานถาม
สำหรับคำถามที่ตรงไปตรงมานั้น
เธอไม่มีเสียงที่จะตอบออกมา
“ถ้าไม่ชอบฉันจะเอามันลง ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะลากเธอไปด้วยกำลัง”
เรือเหาะหยุดอยู่ครู่หนึ่ง
เธอมองไปรอบๆ
ทุกคนรวมทั้งฮานกำลังรอคำตอบของเธอ
'พวกเขาต้องการให้เธอพูดอะไร?'
ทำไมตอนนี้
ถึงมาทำแบบนี้กับเธอ..
"ไม่อยากไปเหรอ?"
ฮานถามย้ำ
"ก็"
ไม่อยากไป
จริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่ไม่อยากไปหรอก...
อาจจะไม่ได้ไม่อยากไปก็ได้
เป็นแบบนี้ได้ยังไง
อยู่ดี ๆ ก็จากไปแบบนี้ได้ยังไง
จากไปอย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ได้บอกลาใคร แล้วก็ทิ้งทุกคนบนโลกไป...
<นายท่านไรก็ได้ครับ>
ทันใดนั้น
เสียงของใครบางคนดังขึ้นในหัวของเธอ
เหมือนเป็นเสียงที่พูดกับเธอโดยตรง
<บางครั้ง เพื่อความสุขของตัวเอง….เราจำเป็นต้องเห็นแก่ตัว>
เป็นเสียงของอารอน
เขากำลังยิ้มและพูดกับเธอในใจ
<เลือกสิครับ เพื่อไม่ให้ต้องเสียใจในภายหลัง>
อนาคตของเธอเอง
<แน่นอน ไม่ว่าจะเลือกอะไรก็ต้องเสียใจอยู่ดี แต่ต้องก้าวต่อไปข้างหน้า ฟังเสียงของหัวใจตัวเองว่าต้องการอะไรจริง ๆ>
"..."
<นั่นคือคำสอนที่อาจารย์ของผมทิ้งไว้ให้>
อารอนพูดจบแล้ว
'และสิ่งที่เธอต้องการจริง ๆ'
มันเป็นไปไม่ได้
มันไร้ซึ่งเหตุผล
เธอรู้ดี
นี่มันเป็นเรื่องโง่เขลา
ทิ้งทุกอย่างในชีวิตแล้วจากไปเนี่ยนะ
เธอต้องเสียใจในภายหลังอย่างแน่นอน
มันก็แค่ความต้องการชั่ววูบเท่านั้น
'แต่ว่า ถึงอย่างนั้น เธอก็'
เธออธิบายไม่ได้
ว่าทำไมเธอถึงต้องการมัน
เธอหาเหตุผลที่เหมาะสมไม่ได้
มันเป็นแค่แรงกระตุ้นที่ไม่มีเหตุผล
'แต่ว่า...'
ถ้าเขาถามว่าเธอไม่อยากไปเหรอ
"...ไม่"
เธอตอบเบา ๆ
"ไม่ได้ยินเลย?"
ฮานพูด
ถึงแม้ว่าเขาจะได้ยินคำตอบนั้นแล้วก็ตาม
เธอรู้สึกหมั่นไส้เขาขึ้นมาหน่อย ๆ เลยพูดเสียงดัง
"ก็ไม่ได้...ไม่อยากไป!"
เธอไม่สามารถพูดได้ว่าเธออยากไปมาก ๆ
เลยพูดแบบนั้นออกไป
"งั้นก็ตัดสินใจแล้วสินะ"
ฮานยิ้มเจ้าเล่ห์
"ออกเดินทาง เร่งความเร็วได้"
วู้มม!
เรือเหาะที่หยุดนิ่งอยู่เริ่มทำงานอีกครั้ง
ทิวทัศน์ของกรุงโซลที่อยู่ห่างไกลปรากฏให้เห็นใต้ราวบันได
'เธอต้องจากทุกคนที่โลกไปแล้วสินะ'
แบบนี้เนี่ยนะ
แบบนี้จริงๆเหรอ?
"อ้อ แล้วก็"
"หืม?"
"เธอชื่ออะไร?"
เธอรู้สึกงุนงง
อยู่ดี ๆ ก็มาถามชื่อ
ที่ผ่านมาก็เรียกเธอว่าไรก็ได้บ้าง นายท่านบ้าง เอาแต่เรียกตามใจตัวเองไม่ใช่เหรอ
แต่เธอก็เข้าใจได้ในทันที
เธอไม่ใช่ 'ไรก็ได้' อีกต่อไปแล้ว
การผจญภัยของนายท่านไรก็ได้ใน 'พิกมีอัพ' จบลงแล้ว
ดังนั้น
การผจญภัยที่จะเริ่มต้นต่อจากนี้ไป ต้องการชื่อใหม่
"ฉันชื่อ..."
เธอพูด
บอกชื่อจริงของเธอ
ไม่ใช่ชื่อเล่น
แต่เป็นชื่อจริงที่พ่อแม่ตั้งให้
"ต่อไปนี้เรียกฉันแบบนั้นแล้วกัน"
"...อื้อ"
"อย่าคิดว่าเส้นทางข้างหน้าเธอจะง่ายนะ ถ้าทำงานไม่ได้เรื่องฉันจะไล่เธอออกทันที"
"เข้าใจแล้ว! ฉันก็แค่ต้องทำรูปปั้นม้าศึกเยอะ ๆ ใช่ไหมล่ะ?!"
เธอพยักหน้า
ฮkนขมวดคิ้ว
"นอกจากนั้น เธอยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะในฐานะคนที่มาจากโลก"
"งั้นก็ไม่ต้องการรูปปั้นแล้วเหรอ?"
"..."
ฮานเงียบ
เธอมั่นใจแล้ว
ฮานชอบรูปปั้นม้าศึกมาก ๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเธอ
และในที่สุด เรือเหาะก็กลายเป็นดวงดาวบนท้องฟ้า
และเริ่มพาเธอไปยังสถานที่ที่เธอไม่เคยไปถึงมาก่อน
อนาคตข้างหน้าที่เธอต้องเจอเริิ่มขึ้นแล้ว
และเรือเหาะก็พาเธอมุ่งหน้าไปสู่อนาคต….
<พิกมีอัพ! เรื่องราวของไรก็ได้ จบบริบูรณ์>