ตอนที่ 1310 ฝาแฝดจักรพรรดิ (ฟรี)
ตอนที่ 1310 ฝาแฝดจักรพรรดิ
หมิงซี่หยินตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าผู้เป็นอาจารย์จะลงมือแบบนี้ และเขาก็ไม่เคยคิดที่จะป้องกันการโจมตีของผู้เป็นอาจารย์มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เขาป้องกัน มันก็คงไร้ผล หมิงซี่หยินไขว้แขนและรับการโจมตีนั้นตรงๆ
ปัง!
ไม่ต้องสงสัยเลย หมิงซี่หยินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลู่โจว เขาถูกผลักจนถอยหลังไปกว่าสิบก้าว หมิงซี่หยินเกือบจะล้มลง หลังจากที่ทรงตัวได้ เขาก็ไอออกมาอย่างรุนแรง เมื่ออาการดีขึ้น เขาก็รีบระงับความตื่นตระหนกเอาไว้ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา “ท่านอาจารย์ ท่านช่างแข็งแกร่ง ใครจะไปเทียบเคียงกับท่านได้?”
ทุกคนเบือนหน้าหนี พวกเขารู้สึกได้ถึงพลังของฝ่ามือนั้น ถึงแม้ความเร็วของมันจะไม่ได้มากมายอะไร แต่หมิงซี่หยินกลับถูกผลักจนถอยหลังก่อนไอออกมา เห็นได้ชัดว่าเขากำลังแสดงละคร
‘ฝีมือการแสดงของเขาไม่เลว’
‘เขาเรียนรู้มาจากศิษย์น้องแปดมาสินะ?’
ยู่ฉางตงที่รู้ทันหมิงซี่หยินพูดขึ้น “ฝ่ามือของท่านอาจารย์มีออร่าที่ลึกลับซ่อนอยู่ มันทรงพลังจริงๆ”
ทุกคน “...”
ทุกคนในศาลาปีศาจลอยฟ้ารู้จักยู่ฉางตงดี เขาต่างจากซู่ฮ่องกง ดาบปีศาจไม่มีทางที่จะประจบประแจงใคร
ลู่โจวมองดูหมิงซี่หยิน เขาไม่ได้เปิดโปงการกระทำของหมิงซี่หยิน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “จำเอาไว้ ศาลาปีศาจลอยฟ้าคือบ้านของพวกเจ้า”
ทุกคนสะดุ้ง ดูเหมือนว่าลู่โจวพยายามอบรมสั่งสอนหมิงซี่หยินและเตือนเขาว่าอย่าได้คิดทรยศต่อศาลาปีศาจลอยฟ้า
หมิงซี่หยินเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของท่านอาจารย์ เขาโค้งคำนับและกล่าว “ข้าจะจำไว้ ท่านอาจารย์”
“ท่านผู้อาวุโส คนจากวังหลวงเดินทางมาที่นี่เพื่อสืบสวนเรื่องการตายของท่านแม่ทัพซี คุณชายจ้าวอยากจะเชิญท่านไปพบ” ลูกน้องคนหนึ่งกล่าว
ลู่โจวลุกขึ้นยืน เขากล่าวอย่างใจเย็น “ไม่”
จากนั้น ลู่โจวก็กลับเข้าไปในห้องเพื่อฝึกฝน
“...”
ลูกน้องคนนั้นถึงกับพูดไม่ออก
“ท่านอาจารย์ของข้าไม่ใช่คนที่อยากจะพบก็พบได้หรอก” หมิงซี่หยินจ้องมองลูกน้องคนนั้น
“...”
คนของศาลาปีศาจลอยฟ้าเดินทางมายังดินแดนดอกบัวเขียวก็เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์โดยรวมและพักผ่อนหลังจากที่อาศัยอยู่ในดินแดนที่ไม่รู้จักมานาน หากพวกเขาต้องพบกับทุกคนที่อยากพบ พวกเขาคงไม่เหนื่อยเพิ่มขึ้นน่ะเหรอ?
“ตะ...แต่...นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน...” ลูกน้องคนนั้นกล่าว
“ข้าไปดูให้ก็แล้วกัน” หมิงซี่หยินกล่าว
“ไปด้วยกันเถอะ” ยู่เฉิงไห่กล่าว
…
ทุกคนยกเว้นหยวนเอ๋อ หอยสังข์ คงเหวิน และน้องๆ ของเขา ติดตามลูกน้องคนนั้นไปยังโถงต้อนรับแขกของจ้าวหยู
เมื่อพวกเขามาถึงหน้าห้อง พวกเขาก็เห็นผู้ฝึกยุทธและทหารมากมายประจำการอยู่ที่ลานบ้าน รวมแล้วมีมากกว่าร้อยคน
“คนเยอะเหมือนกันนะ” หมิงซี่หยินกล่าว
พวกเขาเดินเข้าไปในห้อง เมื่อเข้ามาในห้อง พวกเขาก็เห็นคนแปลกหน้าสองคน คนหนึ่งอ้วน คนหนึ่งผอม ผมของพวกเขาถูกถักเป็นเปีย พวกเขาสวมชุดเกราะ บนใบหน้ามีดอกไม้สีดำ แถมยังมีการเขียนขอบตาอีกต่างหาก พวกเขาดูแปลกประหลาดมาก
หมิงซี่หยินตกใจกับรูปลักษณ์ของพวกเขา
ยู่ฉางตงและยู่เฉิงไห่ดูเหมือนจะชินกับเรื่องแบบนี้
“ท่านผู้อาวุโสอยู่ที่ไหน?” จ้าวหยูรีบลุกขึ้นยืนต้อนรับ
“ท่านอาจารย์ของข้าไม่ว่างหรอก บอกมา มีอะไรรึเปล่า?” หมิงซี่หยินกล่าว
“เอ่อ...ขอแนะนำให้รู้จัก พวกเขาคือท่านจื่อหวู่จื่อกับท่านจื่อเหวินจื่อจากวังหลวง” จ้าวหยูกล่าว
ข้าราชการฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊มาถึงแล้ว
“หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน” หมิงซี่หยินที่พยักหน้าให้กับพวกเขากล่าว ท่าทางโอ้อวดของทั้งสองทำให้เขาไม่พอใจ
“เดี๋ยวก่อน” จื่อเหวินจื่อกล่าว
“มีอะไรก็รีบบอกมา ข้ายุ่ง” หมิงซี่หยินกล่าว
“พวกเราได้รับราชโองการให้มาสืบสวนเรื่องการตายของท่านแม่ทัพซี เซียนเกา มือขวาของท่านแม่ทัพซี ตายที่นี่ ใช่รึเปล่า?” จื่อเหวินจื่อถาม
จื่อเหวินจื่อเป็นคนที่ตรงไปตรงมา
หมิงซี่หยินมองดูจ้าวหยู เขาไม่รู้ว่าจ้าวหยูพูดอะไรไปบ้าง เพราะยังไงจ้าวหยูก็เห็นเหตุการณ์ตอนที่ท่านอาจารย์สังหารเซียนเกา สุดท้ายแล้วเขาจึงแกล้งทำเป็นตกใจ “ตายแล้วงั้นเหรอ?! ใครเป็นคนฆ่าเขากันล่ะ?!”
“?”
จื่อเหวินจื่อขมวดคิ้ว
“ข้าบอกท่านไปแล้วไง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา” จ้าวหยูกล่าว
“เมื่อคืนเจ้าอยู่ที่ไหน?” จื่อเหวินจื่อจ้องมองไปยังหมิงซี่หยิน
“นี่ข้าต้องรายงานทุกอย่างให้ท่านฟังเลยรึไง? เมื่อคืนข้าอาบน้ำที่นี่ ข้ายังเข้าห้องน้ำก่อนอาบน้ำอีกต่างหาก พอใจรึยังล่ะ?” หมิงซี่หยินกล่าว
“ตอนที่เซียนเกามาที่นี่ มีคนได้ยินเสียงต่อสู้ ข้าได้ส่งคนไปตรวจสอบลานบ้านทางตอนใต้ พวกเขาพบว่ากระเบื้องหลังคาถูกเปลี่ยนใหม่ มีร่องรอยการต่อสู้ เจ้าจะอธิบายยังไง?” จื่อเหวินจื่อกล่าว
ในขณะที่จ้าวหยูกำลังจะอธิบาย จื่อเหวินจื่อก็พูดแทรก “ข้ากำลังถามเขา ไม่ใช่เจ้า คุณชายจ้าว”
หมิงซี่หยินเลิกคิ้ว “ท่านก็แค่กล่าวหาว่าข้าฆ่าเซียนเกา จะอ้อมค้อมไปทำไม?”
จื่อเหวินจื่อพยักหน้าก่อนจะโบกมือ “ข้ามีเหตุผลเพียงพอที่จะสงสัยเจ้า”
ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ด้านนอกพุ่งเข้ามาในห้อง ผู้ฝึกยุทธที่เหลืออยู่ด้านนอกล้อมรอบอาคารเอาไว้ บางคนบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
“พอได้แล้ว!” จ้าวหยูตะโกน
“คุณชายจ้าว?”
“ข้าเคารพพวกท่านทั้งสองมาโดยตลอด แต่พวกท่านกำลังทำอะไร? ข้าจะบอกอีกครั้ง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับสหายของข้า! รีบออกไปซะ!” จ้าวหยูกล่าว
จื่อเหวินจื่อกับจื่อหวู่จื่อตกใจกับท่าทีของจ้าวหยู ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คุณชายจ้าวที่อ่อนแอกลายเป็นคนกล้าหาญแบบนี้?
“พวกเจ้ากล้าขัดราชโองการงั้นเหรอ?” จื่อเหวินจื่อขมวดคิ้ว
“ฝ่าบาทสั่งให้พวกท่านมาสืบสวน ไม่ได้สั่งให้พวกท่านมาใส่ร้ายคนอื่น! ข้าจะรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฝ่าบาทฟัง!” จ้าวหยูกล่าวอย่างโกรธเคือง
จื่อเหวินจื่อกับจื่อหวู่จื่อลุกขึ้นยืน พวกเขาโค้งคำนับจ้าวหยู
“คุณชายจ้าว อย่าได้โกรธไปเลย วันนี้พวกเราผิดเองที่เสียมารยาท ข้าคงต้องขอตัวก่อน ลาก่อน” จื่อเหวินจื่อกล่าว
จากนั้น จื่อเหวินจื่อก็โบกมือและพาทุกคนจากไป
ความเงียบกลับคืนสู่ห้อง
“ดูเหมือนว่าใครๆ ก็สามารถเหยียบย่ำเจ้าได้สินะ...” หมิงซี่หยินกลอกตา
จ้าวหยูถอนหายใจ “พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาเป็นถึงมือขวาของจักรพรรดิแห่งต้าฉิน พวกเขาเป็นตัวแทนของจักรพรรดิ”
“ว้าว วันนี้เจ้ากลายเป็นวีรบุรุษไปแล้วสินะ ที่กล้าต่อกรกับพวกเขา” หมิงซี่หยินกล่าว
“พวกเขาทั้งสองเป็นยอดฝีมือจากแคว้นต้าจิน หลังจากที่แคว้นต้าจินล่มสลาย พวกเขาก็ติดตามจักรพรรดิแห่งต้าฉิน พวกเขาถูกเรียกว่าฝาแฝดจักรพรรดิ พลังฝึกฝนและเคล็ดวิชาของพวกเขานั้นล้ำลึกมาก” จ้าวหยูกล่าว
“ตอนนี้เจ้ายังเชื่อพวกมันอีกเหรอ?” หมิงซี่หยินถาม
จ้าวหยูนั่งลง “ท่านพูดถูก ข้ามันโง่จริงๆ ข้ามันโง่ที่สุดในบ้านจ้าวแล้วล่ะ”
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ยากที่จะยอมรับ แต่ความโหดร้ายของความจริงก็ทำให้จ้าวหยูต้องตื่นจากฝัน
“ไม่ทราบว่าพลังฝึกฝนของฝาแฝดจักรพรรดิอยู่ขั้นไหน?” ยู่ฉางตงถาม
“ข้าก็ไม่รู้ แต่ข้าคิดว่าพวกเขาน่าจะแข็งแกร่งกว่าซีกีชู” จ้าวหยูตอบกลับ
…
หลังจากที่จื่อเหวินจื่อกับจื่อหวู่จื่อพาลูกน้องออกจากบ้านของจ้าวหยูไปแล้ว จื่อหวู่จื่อก็ถาม “พี่ใหญ่ ท่านแน่ใจแล้วเหรอ?”
“ใช่ ชายหนุ่มคนนั้นเป็นคนฆ่าเซียนเกาและซีกีชู ส่วนชายหนุ่มที่ถือดาบเป็นพวกเดียวกันกับมัน” จื่อเหวินจื่อพยักหน้า
“แล้วทำไมพวกท่านไม่จับพวกมันไปล่ะ?” จื่อหวู่จื่อถาม
“ข้าค้นพบอะไรบางอย่างเข้า” จื่อเหวินจื่อกล่าว เขามองไปยังบ้านพักของจ้าวหยู “พวกมันมีกลิ่นอายของซีกีชูติดตัว ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน พวกมันก็ไม่สามารถขจัดมันออกไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังมีกลิ่นคาวเลือด มันเป็นอะไรที่พลังการฝึกฝนสัมผัสไม่ได้...”
“ข้าเชื่อพี่ใหญ่” จื่อหวู่จื่อกล่าว
“สิ่งที่ข้าค้นพบก็คือ...ข้าได้กลิ่นอะไรบางอย่างจากชายหนุ่มคนนั้น” จื่อเหวินจื่อพูดต่อ
“อะไรเหรอ?”
“กลิ่นอายของเมิ่งหมิงซื่อ...”