กำราบภพด้วยระบบกลไกลสวรรค์ ตอนที่ 452 เพื่อเมืองนิรันดร์เทียนหวงหรือ

กำราบภพด้วยระบบกลไกลสวรรค์ ตอนที่ 452 เพื่อเมืองนิรันดร์เทียนหวงหรือ

“ดูแลกิจการของเมืองนิรันดร์เทียนหวงชั่วคราวหรือ”

ได้ยินประโยคนี้ สายตาของผู้คนมากมายต่างเป็นประกาย

เช่นนั้นเอง

เจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ผู้นั้นช่างลึกลับยิ่งนัก เขาคงไม่มีเวลามาดูแลเมืองนิรันดร์เทียนหวง การมอบให้เจ้าเมืองคนเดิมดูแลก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ท้ายที่สุด

เมืองแห่งนี้ก็ถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าเมือง สำหรับเรื่องราวภายในเมืองคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขา

“เจ้าเมือง พวกเราจะเข้าไปในโลกสวรรค์ก่อกำเนิดเมื่อใดหรือ”

หงเซวียนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

ตอนนี้เมืองนิรันดร์เทียนหวงยังคงลอยอยู่ในปฐมโกลาหล ยังไม่ได้เข้าไปในโลกสวรรค์ก่อกำเนิด จึงไม่นับว่าเป็นขุมอำนาจของโลกสวรรค์ก่อกำเนิด และไม่ได้รับผลประโยชน์ใด ๆ จากโลกสวรรค์ก่อกำเนิด

ตอนนี้ระดับของโลกสวรรค์ก่อกำเนิดได้เปลี่ยนไป มรรคาสวรรค์ชัดเจนขึ้น ความเข้มข้นของปราณวิญญาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าทุกพื้นที่ล้วนเป็นดินแดนผาสุกถ้ำเทวา หากอยู่ในโลกเช่นนี้ แม้จะเป็นคนโง่เขลา ตบะก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เรื่องนี้ ทำให้พวกเขาอิจฉายิ่งนัก

ก่อนหน้านี้ คนของเมืองนิรันดร์เทียนหวงต่างก็ดูถูกโลกสวรรค์ก่อกำเนิด ท้ายที่สุดแล้วโลกสวรรค์ก่อกำเนิดเทียบกับโลกเพลิงนิลในอดีตยังคงห่างไกลยิ่งนัก ไม่อาจเทียบเคียงได้

แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป

โลกสวรรค์ก่อกำเนิดได้เข้าใกล้ระดับของโลกเพลิงนิลในอดีต หากก้าวไปข้างหน้าอีกขั้น คงจะแซงหน้าโลกเพลิงนิลในอดีต

หากไม่สามารถช่วงชิงตำแหน่งที่ดีก่อนที่โลกสวรรค์ก่อกำเนิดจะแข็งแกร่งขึ้น ในอนาคต หากต้องการเข้าไปในโลกสวรรค์ก่อกำเนิด คงต้องไตร่ตรองให้ดี

ลองเปรียบเทียบกับขุมอำนาจของโลกเซียนปฐพีก็เพียงพอแล้ว

ตอนนี้เข้ามาไม่ได้ ในอนาคตคงจะไม่มีโอกาส

สิ่งมีชีวิตในแต่ละโลก การต่อต้านคนต่างโลกเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครต้องการให้ขุมอำนาจจากต่างโลกเข้ามายึดครองดินแดน

คนที่ทำเช่นนี้ มักถูกเรียกว่าผู้บุกรุก

พวกเขา คนของเมืองนิรันดร์เทียนหวง ไม่อยากถูกมองว่าเป็นผู้บุกรุก ท้ายที่สุดแล้ว เมืองนิรันดร์เทียนหวงแม้จะแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นเพียงขุมอำนาจหนึ่ง

ไม่อาจต่อกรกับโลกทั้งใบได้

ยิ่งไปกว่านั้น สภาพของเจ้าเมืองไม่ค่อยดีนัก ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเมืองนิรันดร์เทียนหวง ทำให้ทุกคนรู้สึกหนักใจ

หากเจ้าเมืองไม่สนใจพวกเขา คาดว่าเมืองนิรันดร์เทียนหวงก็เป็นเพียงเมืองที่ขึ้นตรงกับหอคอยกลไกสวรรค์ ไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ

เพียงแค่มหาจักรพรรดิไม่กี่คน ไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้

เพราะอีกไม่นาน ระดับมหาจักรพรรดิอาจจะไม่ใช่ระดับสูงสุด ระดับเซียนแท้ต่างหากคือระดับสูงสุด

“สามชั่วยามหลัง ข้าจะนำเมืองนิรันดร์เทียนหวงเข้าไปในโลกสวรรค์ก่อกำเนิด”

ฉือหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาเย็นชา

แต่เขายังพูดไม่จบ สีหน้าที่สงบนิ่งของเขาก็เปลี่ยนไป

ในดวงตาปรากฏความประหลาดใจ

ในตอนนี้ อารมณ์ของเขากลับมาเป็นปกติ ไม่เหมือนกับเมื่อครู่ที่ราวกับหุ่นเชิดไร้วิญญาณ ตอนนี้เขาดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

“เจ้าเมือง”

หงเซวียนไม่เข้าใจจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“คนจากบ้านเกิดมาถึงแล้ว”

ฉือหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงแหบแห้ง

แต่พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นในน้ำเสียง

กี่ปีแล้ว

ในช่วงเวลาอันยาวนานนี้ เขากลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของบ้านเกิด แม้ว่ากลิ่นอายนี้จะอ่อนแอ แต่เขาก็ยังคงสัมผัสได้

ท้ายที่สุด ตอนนี้เขาก็แตกต่างจากในอดีต ไม่อาจเทียบเคียงได้

“บ้านเกิดหรือ”

หงเซวียนตกตะลึง จากนั้นก็เข้าใจในทันที

เขาถามอย่างไม่แน่ใจ “เจ้าเมืองหมายถึง คนจากโลกเพลิงนิลหรือ”

ในตอนนั้น เขาเคยถามเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ด้วยตนเอง และคำตอบของเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ก็ชัดเจนยิ่งนัก โลกเพลิงนิลได้แตกสลายออกเป็นสามส่วน กลายเป็นโลกสามใบ

แต่โลกเพลิงนิลในอดีตนั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก แม้จะแตกออกเป็นสามส่วน แต่ละส่วนก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าโลกเซียนปฐพี

ตอนนี้ เจ้าเมืองสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของบ้านเกิด คาดว่าน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตจากหนึ่งในสามโลก

โลกแสงนิล โลกสุเมรุ หรือว่าโลกยุทธ์แท้

ก่อนที่หงเซวียนจะคิดได้ ในส่วนลึกของปฐมโกลาหล แสงสว่างสีเงินปรากฏขึ้น แสงสว่างสีเงินแผ่ขยายออกไป กลายเป็นเส้นทางดารา ทอดยาวมาจากส่วนลึกของปฐมโกลาหล

บนเส้นทางดาราสีเงิน ปราณเซียนปกคลุม เสียงสวรรค์ดังกึกก้อง มังกรแท้ หงส์เซียน และสัตว์เทพอื่น ๆ กำลังโบยบิน น่ากลัวยิ่งนัก

ทุกคนสามารถมองเห็น บนเส้นทางดารา เงาร่างหนึ่งกำลังเดินทางมา

ใบหน้าของเขาดูธรรมดา สวมชุดคลุมยาว เสื้อผ้าของเขาไม่เหมือนกับเสื้อผ้าของโลกสวรรค์ก่อกำเนิด ดูเหมือนว่าเป็นเสื้อผ้าโบราณ เดินทางมาจากยุคโบราณ

เขายังมาไม่ถึง แต่กลิ่นอายอันไร้ขอบเขตของเขาก็ราวกับคลื่นยักษ์ในมหาสมุทร แผ่ขยายออกไปไกลหลายหมื่นล้านลี้ ปกคลุมเมืองนิรันดร์เทียนหวง

เผชิญหน้ากับกลิ่นอายเช่นนี้ เมืองนิรันดร์เทียนหวงที่เคยแข็งแกร่งกลับราวกับเรือที่ลอยอยู่ในมหาสมุทร อาจจะล่มสลายได้ทุกเมื่อ

“เซียนแท้หรือ”

หงเซวียนเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ

“ไม่ใช่”

ฉือหลินตอบคำถามของเขาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ในดวงตาของเขาปรากฏความเคร่งขรึม เขาพึมพำกับตนเอง “เขาคือเซียนยืนยง”

เซียนแท้สองคำนี้ไม่ได้หมายถึงอะไร

ท้ายที่สุดแล้ว เซียนแท้ ก็ถูกเรียกว่าเซียนเช่นกัน

เช่นเดียวกับที่ระดับกึ่งจักรพรรดิ บางครั้งก็ถูกเรียกว่ามหาจักรพรรดิ เป็นเพียงคำเรียกที่สุภาพ ไม่ได้หมายถึงระดับตบะที่แท้จริง

แต่หากเป็นเซียนยืนยง ความหมายก็จะแตกต่างออกไป

หมายความว่าคนผู้นี้ได้ก้าวข้ามสายธารแห่งกาลเวลา กลายเป็นอมตะ ตราบใดที่เขาไม่ทำลายตนเอง ก็ไม่มีวันตาย สามารถอยู่คู่กับดวงตะวันและดวงจันทรา

ฟ้าดินไม่แตกสลาย เขาก็ไม่มีวันตาย

แม้ว่าฟ้าดินจะล่มสลาย เขาก็ยังคงรอดชีวิต!

ทำไมคนผู้นี้ถึงมาที่โลกสวรรค์ก่อกำเนิด

หงเซวียนมองบุรุษผู้นั้น สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก

ตามหลักแล้ว การพบเจอคนจากโลกเพลิงนิลในดินแดนไกลโพ้นเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องดี การปรากฏตัวของเขาหมายถึงว่าพวกเขามีความหวังที่จะกลับบ้าน

แต่น่าเสียดาย สถานการณ์ในตอนนี้แตกต่างจากในอดีต

โลกเพลิงนิลแตกออกเป็นสามส่วน แต่ละส่วนแม้จะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่อาจเทียบกับโลกสวรรค์ก่อกำเนิดที่ระดับได้เปลี่ยนไป

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาไม่อยากกลับไป

ไม่ว่าจะเป็นโลกแสงนิล หรือโลกสุเมรุ เขามั่นใจว่าไม่มีใครเทียบเท่าเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ได้ เช่นนั้นพวกเขาจะกลับไปทำไม

หากกลับไป ความสำเร็จในชีวิตก็คงมีเพียงเท่านี้

แต่หากอยู่ในโลกสวรรค์ก่อกำเนิด ตราบใดที่เจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ยังคงหลอมรวมโลกอื่น ๆ พลังของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางทีอาจจะบรรลุระดับเซียน

“หรือว่าเขามาเพราะเมืองนิรันดร์เทียนหวง”

หงเซวียนขมวดคิ้ว

เจ้าเมืองสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอีกฝ่าย เช่นนั้นอีกฝ่ายก็ต้องสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเมืองนิรันดร์เทียนหวง ทั้งสองมาจากโลกเดียวกัน

ในปฐมโกลาหล ราวกับดวงประทีปที่ส่องสว่าง

การดึงดูดอีกฝ่ายให้มาที่นี่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

แต่หลังจากดึงดูดมาแล้วเล่า

หงเซวียนไม่ใช่ผู้บำเพ็ญที่เพิ่งเข้าสู่โลกแห่งการบำเพ็ญ เขารู้ดีว่าคนที่แข็งแกร่งล้วนไม่ใช่คนใจดี โลกเพลิงนิลในอดีตก็มีคนใจโหดเหี้ยมอยู่มากมาย

หากคนผู้นี้ไม่ได้มาด้วยความหวังดี

ไม่เพียงแต่เมืองนิรันดร์เทียนหวงจะตกอยู่ในอันตราย แม้แต่โลกอื่น ๆ ก็อาจจะถูกทำลาย!