Chapter 41: วางเหยื่อล่อ
"ฉันต้องได้ฟังรายละเอียดทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนจบ!" ฉินหรานร้องขอขณะมองไปที่คำอธิบายที่ดูเรียบง่ายของภารกิจย่อย
"ไม่ใช่ว่านายต้องตามหาลูกสาวของฮันเตอร์หรอกเหรอ? ไอ้หมอนั่นทำอย่างกับว่าทุกคนที่สถานีเป็นคนรับใช้ของเขางั้นแหละ!" จอห์นแสดงความไม่ชอบใจฮันเตอร์ออกมา เขามองฉินหรานอย่างไม่พอใจอยู่วินาทีหนึ่งแต่ก็บอกทุกอย่างที่รู้เกี่ยวกับคดีให้ฟังอยู่ดี
"ศพถูกพบโดยไอ้ขี้เมาคนหนึ่งใกล้ ๆ สถานีรถไฟเมื่อตอนเช้าวันนี้ ศพถูกทิ้งไว้ที่มุมหนึ่งแถวนั้นเหมือนเป็นขยะชิ้นหนึ่ง ฉันเคยเจอพวกชั่ว ๆ มาเยอะนะแต่ไม่มีสักคนที่ทำกับศพแบบนั้น!" ตอนที่เขาเล่าคดีฆาตกรรมที่อยู่ในมือ จอห์นดูโมโห เขาจุดบุหรี่และยื่นให้ฉินหรานด้วย
ฉินหรานปฏิเสธ
เขาบอกจอห์นว่าเขาเอากล้องยาเส้นของตัวเองมา ไม่มียาสูบอยู่ด้านใน และฉินหรานก็ไม่พกไม้ขีดแต่เขาก็ยังโน้มน้าวจอห์นได้
"กล้องยาสูบนั่นวุ่นวายไปสำหรับฉัน บุหรี่สะดวกกว่ามาก โดยเฉพาะยี่ห้อนี้ นายน่าจะลองดูนะ" จอห์นจุดบุหรี่ในมือและเริ่มพ่นควัน หลังจากอัดควันบุหรี่เข้าปอดได้สองสามครั้งเขาก็กลับมาพูดต่อ "เอาละ ตอนนี้พวกเราคนไม่พอ เพราะงั้นถ้านายอยากจะช่วยฉันก็ขอบคุณมาก นี่เป็นจดหมายพร้อมลายเซ็นต์ของฉัน มันจะช่วยให้นายเข้าไปในโรงเรียนของอัลทิลลี่ ฮันเตอร์ได้ ฉันหวังว่านายจะเจออะไรที่นั่น"
ตอนที่เขาพูดกับฉินหราน จอห์นก็เขียนบางอย่างลงในกระดาษแผ่นหนึ่ง สองสามวินาทีถัดมา เขาก็ยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ฉินหราน นี่คือสิ่งที่เขียนอยู่บนกระดาษนั้น
ฉินหราน ที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการซึ่งได้รับการว่าจ้างจากสถานีตำรวจ
สารวัตรจอห์น
ผู้กำกับแพททริก
4.1.1861
ที่ใต้ชื่อมีตราประทับของสถานีตำรวจ
เมื่อเขาเห็นลายเซ็นของผู้กำกับสถานี ฉินหรานก็มองจอห์นด้วยใบหน้าอึ้ง ๆ
"ไอ้ห่านั่นลาไปฮันนีมูนตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อน ตอนนี้ฉันรับผิดชอบทุกอย่าง ดังนั้นเลยต้องจัดการกับไอ้เรื่องห่าเหวพวกนี้ด้วย!" หลังจากโวยวายเรื่องผู้กำกับเสร็จ จอห์นก็ดูดบุหรี่อีกเฮือกใหญ่
"ฉันคิดว่านายจะส่งใครสักคนมาช่วยฉันสืบเสียอีก" ฉินหรานโบกจดหมายในมือไปทางจอห์น
"ก็อย่างที่บอก ตอนนี้เราคนไม่พอจริง ๆ ไม่พอแบบสุด ๆ ไปเลย!" จอห์นโวยวายมากขึ้นอีกถึงสถานการณ์ปัจจุบัน
ฉินหรานยักไหล่ให้คำตอบเกรี้ยวกราดนั้น
ไม่ต้องสงสัยเลย นี่เป็นความช่วยเหลือทั้งหมดที่ฉินหรานหาได้จากสารวัตรคนนี้ ถ้าฉินหรานต้องการความช่วยเหลือมากกว่านี้ก็คงต้องทำภารกิจย่อยให้สำเร็จก่อน
นี่มันน้อยกว่าที่เขาคาดไว้เล็กน้อย แต่อย่างน้อยเขาก็มาถูกทางแล้ว
"ต่อให้ฉันไม่เจอภารกิจย่อย จดหมายฉบับนี้ก็จะถูกมอบให้ฉันอยู่ดี ถ้าผู้เล่นไม่เจอภารกิจย่อยก็จะตรงไปที่โรงเรียนของอัลทิลลี่โดยตรง ถ้าที่นั่นมีอะไรเกิดขึ้นล่ะ? ฉันต้องรีบหน่อยแล้ว!"
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินหรานก็ลุกขึ้น เขาต้องรีบหน่อยแล้ว แวะไปสถานีรถไฟเพื่อดูจุดที่พบศพ จากนั้นไม่ว่าจะพบอะไรที่สถานที่เกิดเหตุ เขาก็ต้องรีบไปที่โรงเรียน ฮันเตอร์บอกว่าอัลทิลลี่ขึ้นรถม้าไปโรงเรียนทุกวัน ส่วนเวลาที่เหลือทั้งหมด รวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ เธออยู่กับพ่อและแม่
ฉินหรานคิดถึงกล่องที่อยู่ใต้เตียงของอัลทิลลี่ เขาสงสัยว่าโรงเรียนน่าจะเป็นจุดสำคัญมากจุดหนึ่ง มันอาจจะไม่ได้ให้เบาะแสโดยตรง แต่อย่างน้อยที่สุดเขาอาจจะพบคนที่สอนวิธีหายตัวไปให้อัลทิลลี่
ซึ่งนั่นจะเป็นเงื่อนงำไปหาที่อยู่ของเธอ
"ไว้เจอกัน!" ฉินหรานโบกมือให้จอห์น
ก่อนที่จอห์นจะทันตอบอะไร ฉินหรานก็เดินออกจากห้องทำงานของเขาแล้ว ฉินหรานออกจากสถานีตำรวจและเรียกรถม้า
"ไปสถานีรถไฟครับ" เขาบอกคนขับ
...
ฝูงชนวุ่นวายและส่งเสียงดังไปหมด อากาศมีกลิ่นเหม็น พื้นก็สกปรก
ฉินหรานลงจากรถม้าและได้เห็นอีกด้านของเมืองนี้
ไม่มีความหรูหรา ไร้ความสงบสุขและรอยยิ้ม ทั้งหมดที่เหลืออยู่คือความลำบากในการเอาชีวิตรอดที่ผู้คนต้องดิ้นรน มีชายหนุ่มที่ทำงานหนัก หญิงวัยกลางคนหอบของชำที่ซื้อมา เด็กขายหนังสือพิมพ์เพื่อดำรงชีพ และขอทาน
ยังมีคนอีกกลุ่มเหมือนจะกลมกลืนกับสภาพรอบ ๆ แต่ก็ยังมีความแตกต่างเล็กน้อย
พวกเขาสวมเสื้อผ้าเก่าขาดแต่มือทั้งคู่กลับสะอาดและดูคล่องแคล่ว พวกเขาส่วนมากนั่งยอง ๆ อยู่ตามมุม ๆ มองไปยังคนที่ผ่านไปมา พอเล็งเป้าหมายได้แล้วก็จะเดินตามไปเงียบ ๆ และใช้มือที่สะอาดและคล่องแคล่วคู่นั้นล้วงกระเป๋าเป้าหมายเหล่านั้น
ตั้งแต่ที่ฉินหรานมองคนพวกนั้นอยู่ พวกมันก็จัดการล้วงกระเป๋าคนผ่านไปมาได้ถึงสองสามรายแล้ว
ตัวตนของคนเหล่านี้นั้นชัดเจน พวกมันเป็นหัวขโมย
ฉินหรานไม่ได้ไปยุ่งกับพวกมัน เขามีอย่างอื่นที่ต้องทำ เขาสำรวจรอบตัวและพบสิ่งที่มองหาอย่างรวดเร็ว
ตำรวจในเครื่องแบบเต็มยศยังคงดึงดูดความสนใจได้ไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงไหน
ฉินหรานเดินไปหา
"หยุดอยู่ตรงนั้น ตรงนี้ห้ามเข้าชั่วคราว!" ตำรวจในเครื่องแบบเอ่ยเตือนทันทีที่เห็นฉินหราน เขาดูเป็นเจ้าหน้าที่ที่ซื่อตรงและยุติธรรม
ฉินหรานนึกชมก่อนจะดึงเอาจดหมายออกมา
ตำรวจหนุ่มนั่นดูจดหมายของฉินหรานก่อนจะทักเขาด้วยรอยยิ้ม "โอ้ คุณคือเซอร์ฉินหรานนั่นเอง! ผมเคยได้ยินชื่อคุณมาก่อน ยินดีที่ได้พบ ผมคาร์ล"
ตัวตนที่เกมจัดให้ฉินหรานก็ยังคงใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะจดหมายรับรองทำให้ฉินหรานเข้าถึงจุดเกิดเหตุได้
ฉินหรานเก็บจดหมายแล้วพูด "สวัสดีครับคุณตำรวจ ผมขอเข้าไปดูข้างในได้ไหม?"
"ได้แน่นอนครับ!"เจ้าหน้าที่ตำรวจตอบและเปิดทางให้ฉินหราน
ฉินหรานเดินผ่านเจ้าหน้าที่เข้าไปในตรอก มันสกปรกและมีกลิ่นเหม็นกว่าที่เขาเคยเจอมา เป็นตรอกที่ไม่กว้างนัก อาจจะเรียกว่าแคบเลยก็ได้ ที่ก้นตรอกเป็นกำแพงสูง คนที่มีหัวคิดสักหน่อยไม่มีทางเดินเข้ามา
ถ้าไม่เพราะมีขี้เมาคนหนึ่งมาพบเข้าโดยบังเอิญ ศพก็คงเน่าเปื่อยไปก่อนที่ใครจะมาเจอ
ฉินหรานตรวจดูตามพื้นอย่างละเอียด เขาเดินเข้าตรอกพร้อมกับเปิดใช้ [ตามรอย] เขามองเห็นรอยเท้าวุ่นวายชุดหนึ่ง รวมทั้งรอยเลือดที่เหลืออยู่ มันไม่ได้ประโยชน์เท่าไหร่ รอยเท้าทับซ้อนกันหลายชั้นจนเขาไม่สามารถระบุแยกได้ รอยเลือดบอกตำแหน่งของศพ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเช่นกัน
ฉินหรานอดขมวดคิ้วไม่ได้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขามองหา เขาสำรวจไปทั้งสองด้านของตรอก มีรอยสีแดงบนกำแพงด้านซ้าย
รอยเลือด
ฉินหรานเดินไปดูใกล้ ๆ สมองของเขาเริ่มทำงาน เขาคาดเดาสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
"ไม่มีรอยลากบนพื้น ฆาตกรจะต้องแบกศพเข้ามาที่นี่ รอยเลือดจากศพอาจจะซึมออกเล็กน้อยดังนั้นจึงเกิดรอยเลือดบนกำแพง มันไม่ควรจะมีแค่นี้ น่าจะมีรอยเลือดหยดบนพื้น นี่หมายความว่าสถานที่ที่ฆาตกรลงมือฆ่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่! ฆาตกรน่าจะทำลายใบหน้าของผู้หญิงคนนี้เพื่อไม่ให้มีคนระบุตัวตนของเธอได้"
ฉินหรานวัดความสูงของคราบเลือด
"ฆาตกรรูปร่างไม่สูงมากนัก แต่ต้องแข็งแรงมาก ไม่อย่างนั้นคงแบกศพมาที่นี่ไม่ไหว! นอกจากนี้ เขาครูดกับกำแพงด้านซ้าย แปลว่าเขาแบกศพไว้บนไหล่ซ้าย ดังนั้นเขาน่าจะถนัดซ้ายสินะ! เขายังชำแหละศพของผู้หญิงคนนั้น ดังนั้นเขาน่าจะเกลียดเธอและคุ้นเคยกับการชำแหละซากมาก ทำไมเขาถึงไม่เผาหรือฝังศพล่ะ ถ้าไม่อยากให้พบศพ?" ฉินหรานถามตัวเอง
ศพถูกทิ้งไว้ที่นี่ถึงแม้จะเป็นที่ลับตาคน แต่มันปลอดภัยกว่าถ้าเลือกฝังหรือเผา
นอกเสียจากว่า...
นอกเสียจากว่านี่สะดวกสำหรับฆาตกรมากกว่า
ไม่มีคำถามอื่นแล้ว
ฉินหรานเลื่อนสายตามองไปนอกตรอก กระทั่งอยู่ลึกเข้ามาในตรอกเขาก็ยังมองเห็นกุลีแบกของชัดเจน ดูเหมือนคนที่อาศัยแถวนี้่จะเป็นยืนยันการคาดเดาของเขาได้
"คาร์ล ผมคิดว่าผมพบบางอย่างที่นี่นะครับ!" ฉินหรานบอกตำรวจหนุ่มคนนั้น
"คุณพบอะไรหรือครับ?" ตำรวจหนุ่มดูประหลาดใจ แม้จะมีข่าวลือเรื่องทักษะของฉินหราน แต่มันก็ยังไม่น่าเชื่อว่าเขาจะสามารถพบบางอย่างเร็วขนาดนี้้
"ฆาตกรตัวเตี้ยกว่าคุณ แต่แข็งแรงมากและถนัดซ้าย ลองไปถามแถว ๆ นี้ดูว่ามีใครมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงผมแดงบ้าง เขาน่าจะเป็นคนขายเนื้อหรืออะไรคล้าย ๆ แบบนั้น คุณน่าจะได้ข้อมูลบางอย่างแหละ" ฉินหรานชี้ไปทางกุลีแบกของไม่ไกลนัก
ในฐานะตำรวจ คาร์ลจึงน่าจะมีโอกาสได้คำตอบที่ดีกว่าเมื่อไปสอบถาม อาจจะดีขึ้นไปอีกด้วยการมีอำนาจในหน้าที่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉินหรานต้องการ
ถ้าฆาตกรคือกุลีคนหนึ่งจริง ๆ นั่นก็มากพอที่จะทำให้คนผู้นั้นตื่นกลัวและเผยเงื่อนงำออกมา
"โอ้... ได้ครับ" ตำรวจหนุ่มลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังทำตามที่ฉินหรานขอ
เป็นอีกครั้งที่ตัวตนของฉินหรานเป็นประโยชน์
ทุกอย่างเป็นไปตามการคาดเดาของเขา หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ได้ยินเสียงวุ่นวายดังมาจากทางที่พวกกุลีอยู่ ชายหนุ่มสูงปานกลาง ดูแข็งแรง ดึงมีดออกมาและจับผู้ชายตัวผอมคนหนึ่งเป็นตัวประกัน
ฝูงชนกระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
ตำรวจหนุ่มพยายามควบคุมสถานการณ์แต่ไม่สำเร็จ ตรงกันข้าม กุลีหนุ่มตื่นตระหนก เขาใช้มีในมือปาดคอตัวประกัน
เลือดสด ๆ ทะลักออกมา ผู้คนรอบ ๆ ตกตะลึง
ฉินหรานต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
การใช้สถานะตำรวจของคาร์ลล่อฆาตกรออกมาได้ผล แต่เขาไม่ได้อยากเป็นต้นเหตุให้มีการตายเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ทันใดนั้น ฉินหรานก็สัมผัสบางอย่างได้และขมวดคิ้วเล็กน้อย
มีมือข้างหนึ่งยื่นมาที่กระเป๋าของฉินหรานระหว่างความวุ่นวายนี้