3 - ใช้สงครามหล่อเลี้ยงสงคราม
3 - ใช้สงครามหล่อเลี้ยงสงคราม
หลี่ซื่อหลงเดินเข้าไปประคองฉินเซียงหรูขึ้น พลางเอ่ยถามอย่างตกใจเล็กน้อย "เซียงหรู ตาของเจ้าไปโดนอะไรมา?"
ฉินเซียงหรูรู้สึกอับอายเล็กน้อย "กระหม่อมลื่นล้มที่บ้านพะย่ะค่ะ ไม่เป็นอะไรมาก!"
"อ้อ แล้วเจ้าทำความผิดอะไรมา?"
"ฝ่าบาท กระหม่อมสั่งสอนบุตรไม่ดี เขาทำเรื่องชั่วร้าย กระหม่อมขอฝ่าบาททรงลงโทษด้วย!"
ฉินเซียงหรูเห็นสีหน้าของฮ่องเต้ดูงุนงงจึงรู้ว่าองค์หญิงยังไม่เข้ามาฟ้องเรื่องของฉินโม่
หลี่ซื่อหลงหันไปมองฉินโม่ "เจ้าโง่ฉิน เจ้าทำผิดอะไร?"
เขารู้ดีว่าฉินโม่มักสร้างปัญหาอยู่เป็นประจำ หากไม่ใช่เพราะตอนที่เขายกทัพปราบกบฏ ฉินเซียงหรูยอมสละชีวิตเพื่อช่วยเขา ไม่มีทางที่หลี่ซื่อหลงจะยกบุตรสาวให้แต่งงานกับคนปัญญาอ่อนเช่นนี้แน่
ฉินโม่มองดูหลี่ซื่อหลงในใจคิดว่า "นี่คือฮ่องเต้หรือ? ก็ดูไม่ต่างจากคนธรรมดาเท่าไหร่"
เมื่อคิดเช่นนั้นเขาก็ทำหน้าตาโง่ๆ แล้วกล่าวว่า "ท่านพ่อตา ข้าไม่รู้เลยว่าข้าทำผิดอะไร อยู่ดีๆ ท่านพ่อก็ตีข้ายกใหญ่ แล้วท่านพ่อยังบอกว่าท่านจะฆ่าข้าอีกด้วย!"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินเซียงหรูถึงกับเลือดขึ้นหน้า "เจ้าโง่! เจ้าเล่นซนอีกแล้ว!"
ฉินโม่กล้าเรียกฝ่าบาทว่า "ท่านพ่อตา" ทำให้เหล่าขุนนางที่อยู่ใกล้ๆ ต่างยิ้มขำกับความกล้าของเขา
"หากมีลูกโง่เช่นนี้ต่อให้มีสิบหัวก็ไม่พอตัด!" หนึ่งในขุนนางกล่าวพร้อมหัวเราะ
"ฮ่าๆๆ! ครั้งก่อนเขายังเรียกข้าว่า 'ตาเฒ่า' อยู่เลย!" บัณฑิตคนหนึ่งกล่าวขึ้น
"ฝ่าบาท กระหม่อม..." ฉินเซียงหรูพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง
"พอแล้ว! มีอะไรก็เอาไว้คุยทีหลัง ตอนนี้มาปรึกษาเรื่องสำคัญก่อน!"
หลี่ซื่อหลงกล่าวพร้อมมองฉินโม่ที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและใบหน้าเลอะเทอะด้วยดิน จึงสั่งให้ขันทีมาช่วยฉินโม่เช็ดหน้า "เขาเป็นเพียงคนโง่จะไปทำความผิดอะไรกันมากมาย คงไม่พ้นการทะเลาะเบาะแว้งกับองค์หญิง"
ฉินโม่ก็คิดในใจเช่นกัน "ดูท่าว่าฮ่องเต้ยังมีความเอ็นดูตัวข้าในฐานะลูกเขยอยู่บ้าง ขาของข้าคงปลอดภัยแล้ว!"
"เจ้าโง่! อยู่เฉยๆ อย่าวิ่งไปไหน เดี๋ยวเสร็จเรื่องข้าจะทุบตีเจ้าอีกรอบ!" ฉินเซียงหรูเตือนก่อนจะเดินไปทักทายขุนนางที่อยู่ใกล้ๆ "จ้าวกว๋อกง เฉิงอ๋อง เจิ้งกว๋อกง"
ขุนนางเหล่านั้นล้วนเป็นคนสนิทของหลี่ซื่อหลง ทุกคนแอบหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นใบหน้าที่ปูดบวมของฉินเซียงหรู
แต่ละคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นทหาร พวกเขารู้ดีว่านี่คือร่องรอยของการถูกทำร้ายอย่างแน่นอน
"ฝ่าบาท เจ้าโง่ฉินก็อยู่ที่นี่ด้วย ไล่เขาออกไปก่อนดีกว่า"
"ช่างเถอะ ก็แค่คนปัญญาอ่อน ไม่เข้าใจอะไรหรอก!" หลี่ซื่อหลงกล่าวกับกงซุนอู๋จี้ก่อนจะชี้ไปที่แผนที่ "เมื่อสามปีก่อนเผ่าฮั่นถูกเราโจมตีจนต้องถอยร่นออกไป แต่ตอนนี้มีข่าวด่วนมาจากตะวันตกเฉียงใต้ว่า เหมาโถแห่งเผ่าฮั่นได้ล้มล้างเผ่าเซียนเปยพร้อมกับประกาศผนวกเผ่าเกี๊ย เผ่าเตี๋ย และเผ่าเซียงเป็นหนึ่งเดียว”
"ฝ่าบาท กระหม่อมยินดีนำทัพไปกวาดล้างพวกมัน!" ขุนนางบุ๋นหน้าดำร่างกายสูงใหญ่ตะโกนออกมา "สุนัขตัวเหม็นเหล่านี้มารุกรานชายแดนทุกปี ให้กระหม่อมอาสาบุกเข้าไปทำลายพวกมันถึงดินแดนบรรพชน"
"ถูกต้อง ฝ่าบาท เราควรจะจัดการเสียที!" ฉินเซียงหรูค้อมตัวคำนับ "กระหม่อมขอนำทัพไปต่อสู้กับพวกฮั่นเอง!"
แม้เขาจะมีผลงานการรบอันยิ่งใหญ่เหนือกว่าแม่ทัพนายกองทุกคนในจักรวรรดิ แต่ด้วยความผิดที่ฉินโม่ก่อไว้ เขาจึงกลัวว่าฮ่องเต้จะยกเลิกการหมั้นนี้
เพื่อช่วยเจ้าโง่ฉิน เขาจึงต้องถ่อสังขารออกไปรบอีกสักครั้ง
"ไม่ไหว! ขณะนี้คลังหลวงยังว่างเปล่า จะเอาเงินที่ไหนมาทำสงคราม!" เสนาบดีกรมคลังเหลียงเจิ้งค้อมตัวคำนับและกล่าวว่า
"ฝ่าบาท บ้านเมืองได้ผ่านสงครามมานานหลายสิบปี หากต้องทำสงครามอีก ประชาชนจะต้องอดอยากอย่างหนัก โปรดให้ประชาชนมีเวลาพักผ่อนบ้างเถิดพะยะค่ะ!"
เมื่อเขาเคยขึ้น เหล่าเสนาบดีกรมกองต่างๆ ก็รีบก้าวออกมาข้างหน้าและตะโกนขึ้นพร้อมกัน "ฝ่าบาท ขณะนี้คลังหลวงว่างเปล่าไม่มีทางสนับสนุนการรบได้อีกแล้ว!"
เมื่อเหล่าแม่ทัพนายกองเห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ชี้หน้าตะโกนด่าด้วยความโกรธ "ไอ้พวกขี้ขลาด! ศัตรูมารุกรานถึงหน้าประตูแล้ว ยังต้องอดทนอีกหรือ?"
"เจ้าบอกว่าใครขี้ขลาด?"
"เจ้าคนขี้ขลาดแซ่เหลียง ชีวิตเจ้ารู้จักแต่เสพสุขกอดอนุภรรยาซ้ายขวาเข้านอน จะรู้จักความทุกข์ยากของราษฎรได้อย่างไร!"
เหลียงเจิ้งโกรธจนมือสั่น "ไอ้คนถ่อย ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!"
ฉินโม่หัวเราะเบาๆ กับภาพที่เห็น "นี่หรือขุนนางในยุคโบราณ แค่เถียงกันนิดหน่อยก็จะต่อสู้กันเลย?"
แต่เมื่อฟังไปนานๆ เขาก็เข้าใจว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
ฮ่องเต้อยากทำสงคราม ขุนนางฝ่ายทหารก็อยากรบ แต่ขุนนางฝ่ายพลเรือนไม่เห็นด้วย เพราะคลังหลวงดูเหมือนจะว่างเปล่าไปแล้ว
พวกเขาอยากทำสงคราม แต่ไม่อยากให้สิ้นเปลืองงบประมาณมากมาย ก็มีวิธีนี่!
"เหตุใดไม่ใช้สงครามหล่อเลี้ยงสงคราม!" ฉินโม่เอ่ยออกมา
ตำหนักไท่จี๋นั้นกว้างขวาง ทำให้เสียงสะท้อนดังไปทั่วทั้งตำหนัก แม้เขาจะพูดเบาๆ แต่ทุกคนก็ได้ยินชัดเจน
พูดจบ ฉินเซียงหรูก็รีบเข้ามาหาอุดปากฉินโม่พร้อมกับลากตัวออกไป
"ออกไป! ไปเล่นข้างนอกซะ!"
"โอ้!" ฉินโม่ตอบอย่างไม่เต็มใจ
แต่หลี่ซื่อหลงกลับครุ่นคิด "ใช้สงครามหล่อเลี้ยงสงคราม"
เขาตบขาของตัวเอง "ใช่แล้ว! ทำไมข้าถึงคิดเรื่องนี้ไม่ได้!"
เขารีบเดินเข้ามาหาฉินโม่ "เจ้าโง่ฉิน เจ้ากล้าแอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน?"
ฉินโม่คิดเร็วตอบเร็ว "ข้าไม่ได้แอบฟัง ข้าฟังแบบเปิดเผยต่างหาก!"
หลี่ซื่อหลงหัวเราะพร้อมส่ายหน้า "แล้วเจ้ารู้เรื่องใช้สงครามหล่อเลี้ยงสงครามได้อย่างไร?"
"ข้าแค่พูดส่งเดชไปเท่านั้น!"
ฉินโม่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ "ท่านพ่อตา อย่าบอกนะว่าท่านถือสาคำพูดของคนโง่ด้วย?"
ทุกคนหัวเราะออกมา บรรยากาศที่ตึงเครียดเมื่อครู่ก็ผ่อนคลายลงทันที
หลี่ซื่อหลงหัวเราะเบาๆ "เจ้านี่มันโง่จริงๆ!"
"แต่ถ้าท่านต้องการคำแนะนำ ข้าก็ยินดีบอก"
ฉินโม่เชิดหน้าขึ้นพูดว่า "ท่านพ่อตา หากท่านตอบสนองข้อเรียกร้องของข้าสักหนึ่งข้อ ข้าจะบอกท่านวิธีแก้ปัญหาคลังหลวงที่ว่างเปล่า โดยไม่ต้องทำให้ประชาชนเดือดร้อน และยังสามารถส่งทัพไปโจมตีพวกฮั่นได้!"
"เจ้าโง่ หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว!"
ฉินเซียงหรูรีบตัดบท "ฝ่าบาท บุตรชายของกระหม่อมมีปัญหาที่สมอง เขาพูดจาไม่คิด โปรดอย่าใส่พระทัย!"
แต่หลี่ซื่อหลงโบกมือ "ถ้าเจ้าสามารถแก้ปัญหานี้ได้ ข้าจะตอบสนองทุกข้อเรียกร้องของเจ้า!"
…………