เรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 17
[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]
<เรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 17>
***********
ไรก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นมา
ความทรงจำสุดท้ายก่อนสลบไป คือตอนที่เธอส่งกระสอบใส่รูปปั้นม้าให้กับอารอน
หลังจากนั้น แบล็คธันเดอร์ก็ดิ่งลงสู่เบื้องล่าง มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ไม่อาจรู้ได้
และเธอก็หมดสติไปพร้อมกับมัน
ภาพตรงหน้าพร่ามัว เธอมองอะไรไม่ค่อยเห็น
นี้เธอสลบไปนานแค่ไหนกันนะ?
ไม่กี่วินาที? หรือเป็นวัน เป็นเดือน?
เธอแยกไม่ออกเลย
สิ่งเดียวที่รู้สึกได้คือความแข็งกระด้างจากพื้นเบื้องล่าง
สัมผัสที่คุ้นเคยของถนนคอนกรีต
ไรก็ได้ขยี้ตาด้วยแขนขวา
ในที่สุด ภาพก็กลับมาชัดเจน
"...ที่นี่คือที่ไหน?"
อาจเป็นเพราะเธอนอนสลบอยู่
เธอจึงมองเห็นท้องฟ้าได้ทันที
ท้องฟ้าสีม่วงอมแดง
ไม่มีวี่แววของสีฟ้าสดใสของตอนกลางวัน
มีแต่ความน่ากลัวและอึดอัด
และบนท้องฟ้านั้น มีบางสิ่งลอยอยู่แทนที่ก้อนเมฆ
'มันกำลังไหม้อยู่เหรอ?'
ท้องฟ้ากำลังลุกเป็นไฟ
เป็นภาพที่ไม่อาจบรรยายเป็นอื่นได้
เปลวเพลิงสีดำทมิฬกำลังลุกโชน
เธอขนลุกเกรียวทั้งตัว
เธอยืนขึ้น
และเธอได้เห็นภาพของเมืองอีกครั้ง
"อึก..."
พูดให้ถูกก็คือ ภาพของเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่าโซล
จุดที่ไรก็ได้สลบอยู่คือพื้นถนนที่แตกเป็นเสี่ยงๆ
รอบๆตัวเธอมีแต่โครงกระดูกของตึกต่างๆ ก้อนหิน และซากปรักหักพังของอาคาร
'...'
เธอตัดสินว่าที่นี่คือ 'โซล' ก็เพราะตึกข้างๆ
นั่นคือล็อตเต้เวิลด์ทาวเวอร์ ที่เธอขึ้นไปพร้อมกับแบล็คธันเดอร์
ตอนนี้มันเหลือแต่โครงสร้างที่เปลือยเปล่า น่าขนลุก
ไม่มีเค้าโครงของตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกหลงเหลืออยู่เลย
'นี่มันอะไรกัน'
ที่นี่ไม่ใช่โซลที่เธอรู้จัก
ไม่สิ ที่นี่ไม่ใช่โลกที่เธอรู้จัก
เป็นภาพหลังวันสิ้นโลก
แค่ยืนอยู่เฉยๆ แค่มองดูเฉยๆ ร่างกายเธอก็สั่นเทา
「โอ้ย จริงๆเลยนะ....」
ท่ามกลางความพินาศ
ท่ามกลางสายลมแห่งหายนะ
เสียงกระซิบแผ่วเบาของความโกลาหลดังขึ้น
「น่าสนุกจริงๆ」
เสียงของไนอัล
เธอคุ้นเคยกับมันดี เพราะได้ยินเสียงนั้นมาหลายครั้งแล้ว
แต่ความรู้สึกตอนนี้ต่างออกไป
ในน้ำเสียงไร้เดียงสาของเด็กนั้น มีบางสิ่งที่น่ากลัวแฝงอยู่
แค่ฟังก็รู้สึกขนลุก
ไรก็ได้ขนลุกไปทั่วตัว
「ไม่คิดเลยว่าจะมาถึงที่นี่ได้」
หึๆๆๆๆๆๆ
เสียงหัวเราะคล้ายเสียงสะอื้นดังแว่วมาตามลม
ไรก็ได้มองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบร่องรอยของไนอัล
“นายท่านไรก็ได้ค่ะ”
เสียงที่คุ้นเคยของเหล่าฮีโร่ปลุกเธอให้ตื่น
ไรก็ได้ที่กำลังหวาดกลัวคว้าตัวคนๆนั้นโดยไม่รู้ตัว
แต่มือเธอกลับทะลุผ่านไป ทำให้เธอเสียหลัก
"..."
เอ๊ะ
ทำไมถึงทะลุผ่านไปล่ะ?
ทั้งๆที่คนๆนั้นก็อยู่ข้างๆเธอแท้ๆ
ยูเน็ตยิ้มอย่างขมขื่น
"ที่ ที่นี่ที่ไหนคะ?"
"ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ว่าควรจะเรียกว่าอะไร จะเรียกว่าช่องว่างระหว่างมิติก็ดูจะมีความเข้มข้นของความโกลาหลมากเกินไป"
ยูเน็ตพูด
"ยิ่งกว่านั้น สถานที่แห่งนั้นกำลังปฏิเสธการมีตัวตนของพวกเราค่ะ ไม่รู้ทำไม…แต่พวกเราไปที่นั่นไม่ได้"
"คะ?"
ไปไม่ได้งั้นเหรอ?
เธอยื่นมือไปหายูเน็ต
ทั้งๆที่ยูเน็ตก็อยู่ข้างๆเธอแท้ๆ
แต่กลับเอื้อมมือไปไม่ถึง
ยูเน็ตเหมือนภาพโฮโลแกรม ที่ไรก็ได้พยายามจะจับเท่าไหร่ก็ทะลุผ่านไปหมด
"เป็น….เป็นไปไม่ได้"
"ขอโทษนะคะ….ตอนนี้คลื่นความถี่ของมิติแยกออกจากกันแล้วค่ะ"
"แล้วจะเป็นยังไงต่อคะ?"
"สักพัก พวกเราจะเจอกันไม่ได้ค่ะ"
ดวงตาของไรก็ได้สั่นไหว
หมายความว่า เธอต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในที่น่ากลัวนี้เหรอ?
"ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ?"
"อาจเป็นเพราะรถของไรก็ได้ตกจากล็อตเต้เวิลด์ทาวเวอร์ แล้วในระหว่างที่..."
แผนเดิมคือ หลังจากเสร็จภารกิจแล้วยูเน็ตจะใช้เวทย์มนตร์อวกาศนำแบล็คธันเดอร์และไรก็ได้กลับมา
แต่ก่อนหน้านั้น ไรก็ได้กลับถูกหลุมดำที่ปรากฏขึ้นมาดูดกลืนไปก่อน
"ขอโทษนะคะ"
ยูเน็ตทำสีหน้าเศร้าสร้อย
"ตอนน้นฉันใช้เวทย์มนตร์อวกาศทันทีเลยนะคะ แต่..."
มันพลาดไป
ยูเน็ตเองก็ไม่เข้าใจ
ความเร็วที่พาไรก็ได้ไปนั้นมันเร็วเกินไป
ราวกับว่ามันกำลังรออยู่
ราวกับว่ามันเล็งเธอไว้แล้ว ดูดเธอเข้าไปในพริบตา
"ฉันไม่มีข้อแก้ตัว..."
"อาจจะเป็นเพราะฉันก็ได้ค่ะ"
"หมายความว่ายังไงเหรอคะ?"
"รู้สึกเหมือนตอนนั้นเลยค่ะ"
ตอนที่เธอเจอกับเด็กชายครั้งแรก
ในรถไฟใต้ดิน
จะอธิบายยังไงดีนะ?
ถึงแม้ทิวทัศน์จะต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่กลิ่นอายยังคงเดิม
<เอาเถอะ เห็นแก่พี่สาว ฉันจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งละกัน ชื่อของฉันคือ... เนียล เอาล่ะ แค่นี้ก่อนนะ ไม่ต้องห่วงมากหรอก เดี๋ยวเราก็จะได้เจอกันอีก>"
อไรก็ได้นึกถึงบทสนทนาก่อนจากลาเด็กชาย
ในวินาทีสุดท้าย เด็กชายพูดว่า
เราจะได้เจอกันอีก
บางที ตั้งแต่ตอนนั้น เธออาจจะถูก 'ทำเครื่องหมาย' ไว้แล้วก็ได้
บางที การป้องกันการลักพาตัวอาจเป็นเพราะเหตุผลนี้หรือเปล่านะ
แต่ถึงอย่างนั้น...
เราจะได้เจอกันอีก
'แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้'
ไรก็ได้ต้องอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว
ต้องเผชิญหน้ากับปีศาจตนนั้นเพียงลำพัง
"..."
อยากกลับบ้านจัง
การเข้ามายุ่งกับเรื่องแบบนี้มันโง่เกินไปหรือเปล่านะ
เธอเป็นแค่คนธรรมดา
ในขณะที่พวกเขาเป็นฮีโร่ เป็นผู้วิเศษ
มันเริ่มตั้งแต่แรก ตั้งแต่แรก...
"ฮึ!"
ไรก็ได้ส่ายหัว
ไม่ ไม่ใช่
“นายท่านไรก็ได้”
"..."
"มันยังไม่จบหรอกค่ะ"
"แล้วจะทำยังไงดีคะ? ฉัน ฉันทำอะไรไม่ได้เลย..."
"ไม่จริงหรอกค่ะ นั่นเป็นความเข้าใจผิดของคุณเองเท่านั้น"
ข้างๆยูเน็ต
ภาพลวงตาของเซริสปรากฏขึ้น
"ไม่ว่าพวกเราจะอยู่ข้างๆคุณหรือไม่ก็ตาม ขั้นตอนสุดท้ายในการเรียกนายท่าน มีเพียงคุณเท่านั้นที่ทำได้"
"คะ? การเนำทางคุณฮานยังไม่เสร็จเหรอคะ?"
ไปที่ปลายสุดของล็อตเต้เวิลด์ทาวเวอร์ซึ่งใกล้ท้องฟ้าที่สุด แล้วโยนถุงใส่รูปปั้นม้าออกไปนอกมิติ
เท่านี้ ฮาน อิสรัต ก็จะใช้รูปปั้นม้าศึกนั้นเป็นเครื่องนำทางเพื่อค้นหาตำแหน่งที่นี่ได้
แค่นี้ไม่ใช่เหรอ?
"ยังเหลืออีกหนึ่งอย่างค่ะ"
เซริสส่ายหัว
จากนั้น สายตาของเธอก็มองไปที่ไรก็ได้
"มีเพียงคุณเท่านั้นที่ทำได้ ในฐานะที่เคยเป็นนายท่านของทาวน์เนีย"
นายท่านของทาวน์เนียและมนุษย์โลกผู้บริสุทธิ์
สิ่งที่มีเพียงไรก็ได้เท่านั้นที่สามารถทำได้
เธอกระพริบตาถี่ๆเพราะไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร
ครืน!
ทันใดนั้น โทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้น
ไรก็ได้ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบมันออกมา
มันคือสมาร์ตโฟนรุ่นเก่า ที่เธอใช้มาได้ 5 ปีแล้ว
จู่ๆ มันก็เปิดขึ้นมาเอง พร้อมกับมีการแจ้งเตือนเด้งขึ้นมา
[พิกมีอัพ!]
[แอปกำลังอัปเดต]
อัปเดตงั้นเหรอ
เกมที่จบไปแล้ว
เหตุผลที่เธอยังไม่ลบพิกมีอัพ และไม่เปลี่ยนไปใช้สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ ก็เพื่อเก็บความทรงจำเอาไว้
เธอใช้มันมานานกว่า 8 ปีแล้ว
แบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพจะดับลงในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และบางครั้งหน้าจอก็ค้างไปทั้งแถบ
แต่เธอก็ยังคงใช้สมาร์ตโฟนเครื่องนี้อย่างทะนุถนอม
เพราะถ้าเปลี่ยนไปใช้รุ่นใหม่ เธอจะไม่สามารถเก็บพิกมีอัพไว้ได้
แอปพิกมีอัพ ได้ถูกลบออกจากแอปสโตร์ไปแล้ว
แต่ตอนนี้
ไอคอนแห่งความทรงจำนั้นกำลังกะพริบ บอกว่ามีการอัปเดต
"เข้าใจแล้วใช่ไหมคะ…นายท่านไรก็ได้"
ยูเน็ตพูดขึ้น
"ว่านายท่านต้องทำอะไรต่อไป"
"แต่ ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวนะคะ..."
"คุณไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกค่ะ ไม่ต้องกังวลไปนะคะ ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลกัน แต่พวกเราก็อยู่ด้วยกันเสมอ พวกเราจะปกป้องคุณ อย่างแน่นอน ดังนั้น นายท่านไรก็ได้ ได้โปรดรวบรวมความกล้าหาญด้วยนะคะ"
ยูเน็ตขยับเข้ามาใกล้หนึ่งก้าว
ดวงตาของเธอมีสีใส
"ความกล้าหาญ เหรอคะ…?"
เธออยู่ที่นี่คนเดียว
ในขณะที่มีปีศาจตนนั้นอยู่
"ฉัน ฉันไม่มีทางมีหรอกค่ะ..."
"ความกล้าหาญ ไม่ใช่การที่ไม่รู้สึกกลัวสิ่งใดๆค่ะ แต่มันคือการก้าวเดินต่อไป แม้จะรู้ว่าต้องเผชิญกับความกลัว"
"..."
“รู้ใช่ไหมคะ….ว่าควรทำอย่างไรต่อไป?”
ไรก็ได้มองดูหน้าจอสมาร์ทโฟน
"เหมือนตอนที่คุณติดตั้งเกมนี้ครั้งแรก"
ยูเน็ตพูดต่อ
"ได้โปรด ทำการอัญเชิญค่ะ"
"...อัญเชิญ"
"ก็แค่การสุ่มธรรมดาๆน่ะค่ะ"
การสุ่มในมือถือ
หรือที่เรียกกันว่ากาชา
ยูเน็ตอธิบายต่อ
ว่าเธอต้องทำอะไร
ฮีโร่ ฮาน อิสรัต กำลังหลงทางอยู่ในมิติที่ไม่รู้จัก
ถึงแม้ว่าเธอจะส่งกระสอบรูปปั้นม้าไปเพื่อบอกตำแหน่งแล้ว แต่บทบาทสำคัญในการเรียกเขากลับมา มีเพียงไรก็ได้ในฐานะนายท่านเท่านั้นที่ทำได้
"แบบนี้นี่เอง..."
คำอธิบายของยูเน็ตจบลง
ไรก็ได้กลืนน้ำลายดังเอือก
"ต้อง…ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ?"
ต้องทำอะไรแบบนั้นเนี่ยนะ
มันน่าสับสนมากๆ
ไม่สิ ไม่ใช่ธรรมดา แต่มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
เธอต้องเผชิญหน้ากับปีศาจตนนั้นตรงๆ
'ที่นี่มีแค่ฉันคนเดียวนะ'
แต่ยูเน็ตบอกว่า
ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลกัน แต่พวกเธอจะปกป้องเธออย่างแน่นอน
เธอจะเชื่อคำพูดนั้นได้ไหม?
มันจะเป็นไปได้เหรอ?
ความคิดมากมายสับสนอยู่ในหัวของเธอ
แต่ท่ามกลางความลังเลและความกลัวนั้น มีภาพบางอย่างผุดขึ้นมา
ไรก็ได้มองไปที่หน้าจออีกครั้ง
ครั้งหนึ่ง เคยมีเกมหนึ่งปรากฏอยู่บนหน้าจอนี้
พิกมีอัพ
ภาพของฮีโร่ในเกมนั้นผุดขึ้นมาในความคิด
'ก้าวเดินต่อไป แม้จะรู้ว่าต้องเผชิญกับความกลัว'
ถ้าหากว่ามันไม่ใช่แค่เกม แต่เป็นเรื่องจริงล่ะ
ถ้าการต่อสู้ที่ดุเดือดทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นจริงล่ะ
'ฮาน อิสรัต'
ผู้ชายคนนั้น
เขาไม่เคยถอย
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแค่ไหน
เขาก็ก้าวต่อไปจนถึงที่สุด
ไรก็ได้จ้องมองด้วยสายตาแน่วแน่
"ฉันจะลองดูค่ะ"
"ขอบคุณมากค่ะ"
"แต่ก่อนหน้านั้น ฉันมีเรื่องจะขอร้องอย่างหนึ่ง"
"ถ้าเป็นเรื่องที่พวกเราทำได้ เราจะทำเต็มที่ค่ะ"
"ฉันอยากรู้ความจริงค่ะ"
คราวนี้ถึงคราวที่ยูเน็ตทำหน้างง
"ฉัน ฉัน... อยากรู้ค่ะ ว่าคุณฮาน คุณยูเน็ต และทุกคนที่มารวมตัวกันที่นี่ กำลังต่อสู้เพื่ออะไร กำลังต่อสู้กับอะไร?"
"..."
"ฉันอยากรู้ทุกอย่างค่ะ ว่าเกมพิกมีอัพคืออะไร? เกิดอะไรขึ้นในเกมนั้นบ้าง? ตั้งแต่ต้นจนจบ"
เธอพอจะเดาได้บ้าง
แต่มันก็เป็นแค่การคาดเดา ไม่ใช่ความจริง
ไรก็ได้แค่อยากรู้
เพราะถ้าไม่รู้ความจริงที่แน่ชัด เธอก็ไม่สามารถตัดสินใจได้
จนกว่าจะรู้ความจริงทั้งหมด เธอทำได้เพียงมองพวกเขาเป็นฮีโร่ในเกมเท่านั้น
“ถ้าคุณต้องการ ฉันสามารถบอกคุณได้ค่ะ ว่าเกมนั้นคืออะไร? พวกเราคือใคร? และศัตรูคือใคร?”
แววตาของยูเน็ตดูลึกล้ำขึ้น
"แต่ถ้าคุณรู้ คุณอาจตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นก็ได้นะคะ"
"ฉันมายืนอยู่ที่นี่แล้ว จะมีอะไรอันตรายไปกว่านี้อีกเหรอคะ?"
ยูเน็ตหัวเราะหึๆ
"อ่า ใช่ค่ะ จริงด้วย"
"บอกฉันได้ไหมคะ?"
"ถ้าเป็นเรื่องแค่นั้น ในสถานการณ์แบบนี้ก็อาจจะพอทำได้นะคะ"
ยูเน็ตมองไปด้านข้าง
ภาพลวงตาอีกภาพหนึ่งปรากฏขึ้น
เป็นอารอน
"คงจะเป็นการเดินทางที่ยาวไกลน่าดูเลยนะครับ"
อารอนพูด
"ผมไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะครับ แต่สถานการณ์ตอนนี้ดูจะไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไหร่"
"ไม่เป็นไรค่ะ ในนั้นเวลาไม่เดินไม่ใช่เหอรคะ"
"ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่...แน่ใจเหรอครับ? การเผชิญหน้ากับความทรงจำนั้นโดยตรง มันเจ็บปวดกว่าที่คิดนะครับ"
อารอนแนะนำราวกับว่าเคยประสบพบเจอมาก่อน
อารอนเตือน
แต่ไรก็ได้ก็ยังคงมุ่งมั่น
"ได้โปรด บอกฉันเถอะค่ะ"
ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่การบอกเล่าด้วยคำพูดธรรมดาๆ
"ค่อยๆหลับตาลงนะครับ"
ไรก็ได้หลับตาลงตามคำพูดของอารอน
พวกเขาบอกว่าอยู่กันคนละมิติไม่ใช่เหรอ
แล้วจะใช้เวทย์มนตร์อะไร ทำยังไงถึงจะได้ผลทั้งๆที่อยู่ไกลกันขนาดนี้?
"ลืมตาได้แล้วครับ"
หืม?
ดูเหมือนว่าจะผ่านไปไม่ถึง 1 วินาทีเลยตั้งแต่ที่เขาบอกให้หลับตา
ไรก็ได้ลืมตาขึ้นตามคำพูดนั้น
"อ๊ะ!"
เธอรีบปิดปากเพื่อกลั้นเสียงกรีดร้อง
แค่หลับตาแล้วลืมตา สถานที่ที่เธออยู่ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ไม่มีทิวทัศน์ของกรุงโซลที่พังทลายเหลืออยู่แล้ว
สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเธอคือแสงสลัวๆจากโคมระย้าบนเพดานสูงและเชิงเทียนบนผนัง
ไรก็ได้ยืนอยู่ในห้องสมุด
ชั้นหนังสือมากมายเรียงรายไปจนสุดลูกหูลูกตา
ตรงกลางห้องสมุด มีโต๊ะตัวเล็กๆตั้งอยู่
"ไม่นึกเลยว่าจะต้องใช้วิธีนี้อีก…"
อีกฝั่งของโต๊ะ
นักเวทย์ผมสีเงินสวมผ่าตลุ่มสีขาวกำลังหัวเราะคิกคัก
"เชิญนั่งค่ะ นายท่านไรก็ได้"
"ค่ะ ค่ะ..."
ไม่เข้าใจเลย
ไม่ พวกเขาบอกว่ามิติแตกแยกด้วยเหตุผลบางอย่างใช่ไหม?
บอกว่าแยกจากกันแล้ว แต่กลับมาอยู่ด้วยกันได้ยังไง?
"ที่นี่คือโลกในใจของคุณค่ะ ไม่ต้องสงสัยอะไรเล็กๆน้อยๆหรอกนะคะ"
"คะ คะ?"
ไรก็ได้ตัดสินใจยอมรับมัน
เพราะเธอเจอเรื่องแปลกๆมามากพอแล้ว
เธอนั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะ
"เราไม่มีเวลามากนัก ดังนั้นจะรีบลงมือเลยนะคะ คุณบอกว่าอยากรู้เรื่องราวของราแห่งเขตแดนใช่ไหมคะ?"
เรื่องราวของราชาแห่งเขตแดน
แน่นอนเธอรู้ว่าหมายถึงใคร
ไรก็ได้พยักหน้า
"มันเป็นชีวประวัติที่ยังไม่สมบูรณ์ มีแค่เล่ม 1 คงไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?"
ยูเน็ตโบกมือ หนังสือบนชั้นหนังสือขนาดใหญ่ก็ลอยมาวางซ้อนกันบนโต๊ะ
"คุณคงอยากรู้ทั้งหมด ไม่ใช่แค่บางส่วนใช่ไหมคะ ตั้งแต่กำเนิดของราชาไปจนถึงการพิชิตครั้งแรก"
"ค่ะ ฉันอยากรู้ ให้มากที่สุดเท่าที่จะรู้ได้"
"งั้นจะเล่าให้ฟังค่ะ เพราะคุณมีคุณสมบัตืเหมาะสมที่จะรู้เรื่องราวนั้น"
คุณสมบัติ
จริงๆแล้ว ฉันมีคุณสมบัตินั้นจริงๆเหรอ
ไรก้ได้ถามตัวเอง
"ฮึๆๆ คุณกำลังกังวลเรื่องไร้สาระอีกแล้วนะคะ"
"จ จริงเหรอคะ?"
"ในเรื่องราวของราชาแห่งเขตแดน 'ไรก็ได้' เป็นหนึ่งในตัวละครหลักที่ปรากฏตัวบ่อยมากค่ะ ถึงแม้จะไม่เคยได้ยินเสียงหรือเห็นหน้ากัน แต่ทั้งสองก็ต่อสู้เพื่อเป้าหมายเดียวกัน และนั่นทำให้พวกเขาเชื่อมโยงกัน แม้จะอยู่ห่างไกลกัน"
ยูเน็ตเริ่มพูด
"ดังนั้น เรื่องนี้สามารถอธิบายได้แบบนี้ค่ะ เรื่องราวของฮีโร่ที่ชื่อ ฮาน อิสรัต และนายท่านไรก็ได้"
ในที่สุด หนังสือก็เริ่มเปิดออก
และแล้ว
ไรก็ได้ก็เข้าใจ…
มันไม่ใช่เกม
มันไม่เคยเป็นเกม
พวกเขาทุกคน มีชีวิตอยู่จริงๆ
.
.
.
และแล้ว
ไรก็ได้ก็ได้เห็น
ไม่ใช่ภาพบนหน้าจอเกม
แต่เป็นชีวิตของเหล่าฮีโร่ที่เธอเห็นด้วยตาของเธอเอง
ชีวิตของพวกเขา
ความตายของพวกเขา
และการต่อสู้ของพวกเขา
พวกเขาไม่ใช่ฮีโร่
ไม่ใช่ฮีโร่อะไรทั้งนั้น
ฮานและคนอื่นๆ
พวกเขาก็แค่…
ก็แค่เป็นมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น
เธอเข้าใจแล้ว
ในที่สุดเธอก็เข้าใจ
ไม่ใช่ในฐานะฮีโร่และนายท่าน
แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
ฮาน อิสรัต คือใคร
และเขากำลังต่อสู้เพื่ออะไร
และแล้ว
ก่อนจะลืมตา
ไรก็ได้ได้ยินเสียงหนึ่ง
<จากนี้ไป ฉันจะฝากทุกอย่างไว้กับคุณนะคะ>
นั้นเป็นเสียงของยูเน็ต
<ได้โปรด แสดงความกล้าหาญของคุณออกมาเถอะนะคะ>