เรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 16
[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]
<เรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 16>
***********
ไม่กี่ปีที่แล้ว มีเกมชื่อว่า คาร์ทไรเดอร์ (cart rider)
ถึงจะเป็นเกมแนวแข่งรถที่ไม่ค่อยฮิตเท่าไหร่ แต่เกมนี้ก็เคยสร้างกระแสไปทั่วเกาหลีใต้ ครั้งหนึ่งมันเคยครองตลาดเกมเกาหลีได้เลยทีเดียว
แค่ไปร้านเกมก็จะเห็นคนทุกเพศทุกวัยกำลังเล่นเกมนี้ มีการแข่งขันจัดขึ้นทั่วทุกแห่ง และมีโปรเกมเมอร์ที่หวังจะได้เงินรางวัลปรากฏตัวขึ้น
แต่ก็อย่างที่เขาว่า ดอกไม้ไม่มีวันบานเกินสิบวัน
เมื่อเวลาผ่านไป มีเกมที่ดังกว่าออกมา และตัวเกมเองก็เริ่มเก่าลง ยุคสมัยของคาร์ทไรเดอร์ก็ค่อยๆ จางหายไป
ถึงอย่างนั้น ตามห้องเกมต่างๆ ก็ยังมีพวกขาประจำยุคแรกๆ ที่เล่นกันมาอย่างยาวนานอยู่เต็มไปหมด
อดีตโปรเกมเมอร์
พวกบ้าทำลายสถิติ
ผู้ชนะการแข่งขันต่างๆ
ยิ่งผ่านไปนานมากลงเท่าไหร่ พวกขาประจำก็ยิ่งเก่งขึ้นจนพวกมือใหม่แทบจะตามไม่ทัน
ในยุคเสื่อมถอยแบบนั้น
มีมือใหม่คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น
และ 6 เดือนต่อมา
มือใหม่คนนั้นก็ถูกเรียกว่า 'จ้าวแห่งยุคเสื่อมถอย' และกลายเป็นตำนานของวงการคาร์ทไรเดอร์ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยจนกระทั่งเลิกเล่นไปเพราะต้องหางาน
ผู้เล่นบางคนก็รู้สึกเสียดาย
ถ้าคนๆนี้ปรากฏตัวเร็วกว่านี้สักสองสามปี ประวัติศาสตร์และสถิติของเกมคงจะเปลี่ยนไป
ก่อนที่เกมจะเสื่อมความนิยมไปโดยสิ้นเชิง จ้าวแห่งยุคเสื่อมถอยก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันและจุดไฟสุดท้ายให้กับคาร์ทไรเดอร์
.
.
.
วู้ม วู้ม!!!!!
แบล็คธันเดอร์วิ่งไปบนสนาม
เส้นทางซิกแซกที่โคตรจะวิ่งยาก
แต่ด้วยการเร่งและเบรกที่แม่นยำ ผสมกับการดริฟท์เล็กน้อย
แบล็คธันเดอร์ก็สามารถผ่านเส้นทางซิกแซกไปได้โดยแทบไม่เสียความเร็วเลย
ถ้าเป็นโลกความจริง คงจะขับแบบนี้ไม่ได้
เพราะกฎของแรงเฉื่อยมันทำงานอยู่
หรืออาจจะเบรกแตกก่อนเพราะยางละลายไปแล้วก็ได้
แต่ที่นี่มัน……
'ช่องว่างระหว่างมิติและเวลาสินะ!'
ที่นี่ไม่ใช่โลกความจริงแล้ว
แค่เห็นตึกที่บิดเบี้ยวและโค้งงอไปมาตรงหน้าก็รู้แล้ว
แค่เห็นท้องฟ้าสีแดงและสีน้ำเงินก็รู้ได้
ที่ที่กฎของโลกความจริงใช้ไม่ได้
โลกที่แยกออกจากมิติของโลก
ถ้าอย่างนั้น……
'มันก็ต่างจากความจริง'
ไรก็ได้หลับตาแล้วลืมขึ้น
อีกโลกหนึ่งที่คล้ายกับความจริง
เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อคิดว่ามันเป็นแค่เกม
และในเกมที่เธอรู้จัก เธอถูกเรียกว่า 'จ้าวแห่งยุคเสื่อมถอย' และเป็นที่เคารพนับถือของผู้เล่นหลายคน ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยจนกระทั่งเลิกเล่นไปเพราะต้องหางานทำ
เอี๊ยด!
เอี๊ยดดดด!
เอี๊ยดดดดดด!
ดริฟท์ 3 จังหวะบนทางตรงโดยไม่ลดความเร็ว
เกจบูสเตอร์บนหน้าปัดเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
'บูสเตอร์!'
ไรก็ได้กดปุ่มสีแดงข้างพวงมาลัย
เครื่องยนต์จรวดก็ดีดออกมาจากด้านหลังของแบล็คธันเดอร์
จากนั้นเครื่องยนต์จรวดก็พ่นเปลวไฟสีฟ้าไปทางด้านหลังและส่งรถพุ่งไปข้างหน้า
เอี๊ยด!
แม้ในขณะที่กำลังบูสต์อยู่ การดริฟท์ก็ยังดำเนินต่อไป
การเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาด เหมือนจะดริฟท์แต่ก็ไม่เชิง
ทันทีที่เวลาบูสต์หมดลง เกจก็เต็มอีกครั้งอย่างพอเหมาะพอเจาะ
ด้วยเหตุนี้ แบล็คธันเดอร์จึงสามารถเร่งความเร็วได้อย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด
'ดีนะที่เชื่อคุณยูเน็ต'
ยูเน็ตเคยบอกไว้ก่อนแล้วว่าอาจจะเป็นแบบนี้ถ้าเวทย์มนตร์สะกดจิตที่ครอบงำโลกสลายไป
เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์นั้น อารอนและยูเน็ตได้ทำการปรับแต่งบางอย่างกับแบล็คธันเดอร์
พวกเขาใส่ระบบการขับขี่จากเกมที่เธอรู้จักเข้าไปในรถ
ในความเป็นจริงมันคงเป็นไปไม่ได้เพราะข้อจำกัดทางฟิสิกส์ แต่มันเป็นไปได้ในโลกที่บิดเบี้ยวใบนี้
และตอนนี้มันกำลังเกิดขึ้น
บูมมมม!
เปลวไฟพวยพุ่งออกมาจากเครื่องยนต์จรวด
ข้างหน้าคือแทร็กที่แย่ที่สุด มีโค้งรูปตัว S ต่อเนื่องกัน
แต่ในสายตาของไรก็ได้ ผู้ที่เล่นทุกแทร็กในคาร์ทไรเดอร์จนชำนาญ เธอเห็นเส้นทางที่ต้องผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
<มะ หมายความว่าไงเนี่ย!>
เสียงไนอัลตะโกนด้วยความตกใจจากระบบนำทาง
<เธอทำยังไงกัน? ทำไมเจ้าพวกนั้นถึงตามเธอไม่ทัน!>
"เงียบไปเลย! ฉันกำลังยุ่งอยู่"
<ว่าไงนะ?!>
เธอดริฟท์ 180 องศาในส่วนโค้งยาวของโค้งรูปตัว S แรก
ในขณะเดียวกัน บูสเตอร์ก็ทำงาน
แบล็คธันเดอร์ที่ไรก็ได้ขับอยู่ก็พุ่งออกนอกเส้นทาง
ตามปกติแล้วมันต้องร่วงลงไปในเหว
แต่ด้วยแรงเหวี่ยงที่บวกกับบูสเตอร์ แบล็คธันเดอร์จึงไม่ตกลงไป
มันลอยขึ้นไปในอากาศหลายเมตร แล้วก็ วู้มมมมม!
แบล็คธันเดอร์ก็เข้าสู่โค้งรูปตัว S ถัดไป
ออกจากโค้งกลางคันและเข้าสู่โค้งถัดไปได้สำเร็จ
เธอสร้างทางลัดขึ้นมาเอง
<นี่เธอทำบ้าอะไรเนี่ย! เล่นให้มันแฟร์ๆ หน่อยสิ!>
ความโค้งที่สูงของโค้งรูปตัว S ที่ต่อเนื่องกันกลายเป็นจุดอ่อน
เพราะมันโค้งมากเกินไป ระยะห่างระหว่างโค้งจึงสั้นลง ทำให้สามารถกระโดดข้ามจากโค้งหนึ่งไปยังอีกโค้งหนึ่งได้
กี๊ซซซซซ!
เศษซากต่างๆ พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง แต่เธอไม่สนใจเลย
เพราะมันช้าเกินกว่าจะตามแบล็คธันเดอร์ที่พุ่งไปข้างหน้าทัน
<ถ้าพี่สาวจะเล่นสกปรกแบบนี้ ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน!>
“……!”
ทันใดนั้น หนวดขนาดยักษ์หลายสิบเส้นก็ปรากฏขึ้นและพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศ
หนวดแต่ละเส้นมีความหนาหลายสิบเมตร
พวกมันพยายามจะฟาดลงมาที่แทร็กพร้อมๆ กัน
'อันตราย!'
แทร็กนี้มีระยะห่างระหว่างซ้ายและขวาแคบมาก
นั่นหมายความว่ามีพื้นที่ให้หลบจำกัด
'ต้องหลบไปทางไหนดี?'
เงาเริ่มปกคลุมทั่วทั้งแทร็ก
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คงไม่รอดแน่
"ไปต่อ อย่าหยุดรถนะ!"
แสงดาบวาบขึ้นกลางอากาศ
ฟึ่บ!
จากนั้นเศษชิ้นส่วนของหนวดที่ถูกตัดขาดก็ร่วงลงมาด้านข้าง
"ในที่สุดก็มาแล้วสินะ!"
ฉึบ!
รีเจียนฟันหนวดนับไม่ถ้วนขาดในคราวเดียว และก็ฟันครั้งที่สองในทันที
หนวดเส้นอื่นๆ ที่ห้อยลงมาตามจุดต่างๆ ของแทร็กก็ถูกตัดขาดพร้อมกัน
'นั้นคือนกกระเรียนกระดาษเหรอ?'
ไรก็ได้กระพริบตา
สิ่งที่รีเจียนขี่อยู่คือนนกกระเรียนกระดาษขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะมีขนาดหลายเมตร
นกกระเรียนกระดาษตัวนั้นกำลังบินอยู่บนท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง
"ถ้ายังยืดเยื้ออยู่นานไปจะไม่ดี! รีบไปกันเถอะ!"
รีเจียนที่อยู่บนท้องฟ้าตะโกนบอกไรก็ได้ที่อยู่ข้างล่าง
ไรก็ได้ตั้งสติแล้วขับต่อไป
และแสงจากดาบสีเงินก็ส่องสว่างไปทั่ว
หนวดที่กำลังจะปีนขึ้นมาบนแทร็กอีกครั้งก็ถูกตัดขาดทั้งหมด
<อ่า งั้นเหรอ จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม? งั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้วนะ?>
โครม!
แทร็กที่อยู่ไกลออกไปก็พังทลายลงและหายไปทันที
ตอนนี้ทางหายไปแล้ว
“……?”
ไม่นะ
ถึงจะมีทักษะการขับรถที่ยอดเยี่ยมแค่ไหน ถ้าไม่มีทางให้ไปต่อมันก็ไม่มีประโยชน์
เพราะแบล็คธันเดอร์มันไม่ใช่เครื่องบิน
'แต่พวกเขาบอกว่าอย่าหยุด'
แต่ไรก็ได้ก็ไม่ลดความเร็วลง
เธอตัดสินใจที่จะเชื่อพวกเขา
และก่อนที่แบล็คธันเดอร์จะร่วงลงไปในเหวที่ไม่มีทางไป
ฟู้วๆๆๆๆ
คลื่นสีขาวเหมือนสายน้ำก็หมุนวนเป็นเกลียวพุ่งออกมาข้างหน้าแบล็คธันเดอร์
มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเศษซากแห่งหายนะที่กลืนกินทุกสิ่ง
นั่นมัน……
'นกที่ทำจากกระดาษ?'
นกกระดาษหลายร้อยล้านตัวบินรวมกันเป็นสาย
พวกมันรวมตัวกันอยู่ข้างหน้าแบล็คธันเดอร์แล้วสร้างเป็นเส้นทางสีเงิน
<ขับต่อไปเลยค่ะนายท่านไรก็ได้!>
เสียงของยูเน็ตดังขึ้นอีกครั้งจากระบบนำทาง
เส้นทางไม่มีที่สิ้นสุด
ไรก็ได้กำพวงมาลัยแน่น
และแล้ว นกกระดาษจำนวนนับไม่ถ้วนก็เชื่อมต่อกันเหมือนสะพานสู่ท้องฟ้า
<ต้องเร่งความเร็วมากกว่านี้ค่ะ!>
"เท่าไหร่คะ?"
<มากพอที่จะเอาชนะแรงโน้มถ่วงของมิตินี้!>
ไม่ว่าจะขับไปเท่าไหร่ จุดหมายปลายทางก็ยังคงอยู่ไกลออกไป มันไม่ได้ใกล้เข้ามาเลย
ถ้าเป็นแบบนี้ ต่อให้ขับไปอีกหลายหมื่นกิโลเมตรก็คงออกจากที่นี่ไม่ได้
"ต้องเร็วกว่านี้อีกงั้นเหรอ!"
<ทำได้ไหมคะ?>
"จะลองดูค่ะ!"
เอี๊ยดดดด!
แบล็คธันเดอร์เริ่มดริฟท์อย่างบ้าคลั่ง
การเคลื่อนไหวที่รุนแรงกว่าเมื่อกี้หลายเท่า
เกจบูสเตอร์บนหน้าปัดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตามปกติแล้ว ควรจะใช้เกจนี้เพื่อเร่งความเร็วของแบล็คธันเดอร์ แต่ตอนนี้ไม่ใช้บูสเตอร์แล้ว
ตอนนี้กำลังชาร์จบูสเตอร์อยู่
สีของช่องเกจบูสเตอร์เริ่มเปลี่ยนไป
จากสีแดงเป็นสีน้ำเงิน แล้วก็เป็นสีเหลือง
เมื่อสีเปลี่ยนไปเหมือนรุ้ง บูสเตอร์ก็ถูกสะสมไว้ในระดับความเข้มข้นสูง
'…….'
แกร๊ก!
แกร๊กๆๆ!
และแล้ว เมื่อเศษซากต่างๆ ใกล้จะถึงแบล็คธันเดอร์
"ทุกคนจับให้แน่นๆนะคะ!"
เธอเปลี่ยนเกียร์แล้วเหยียบคันเร่งออกไปทันที
พร้อมกับเปิดบูสเตอร์
เครื่องยนต์จรวด 1 จังหวะที่โผล่ออกมาจากด้านหลังของรถก็เริ่มเผาไหม้เชื้อเพลิง
'จากนี้ไป 2 จังหวะ'
กดปุ่มบูสเตอร์อีกครั้ง เครื่องยนต์จรวดก็เปลี่ยนเป็น 2 จังหวะ
จากนั้นก็ 3 จังหวะ
4 จังหวะ 5 จังหวะ และ 6 จังหวะ
ตอนนี้มันไม่ใช่รถอีกต่อไปแล้ว
แบล็คธันเดอร์ที่กลายเป็นเหมือนยานอวกาศก็เริ่มสะสมแรงขับมหาศาล
ฟิ้ววววว!
จากความเร็วเสียงไปสู่ความเร็วเหนือเสียง
จากความเร็วเหนือเสียงไปสู่ความเร็วแสง
จากความเร็วแสงไปสู่ความเร็วระดับเทพ
เศษซากที่ตามมาติดๆ ก็เริ่มห่างออกไป
แบล็คธันเดอร์ที่กลายเป็นจรวดก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
ไม่จำเป็นต้องให้นกกระดาษสร้างเส้นทางให้แล้ว
แบล็คธันเดอร์กำลังบินอยู่กลางอากาศ
<นี่ เธอเล่นตลกอะไรเนี่ย! ในเกมแข่งรถแบบนี้มันผิดกฎนะ!>
เร็วกว่าความเร็วที่จุดหมายปลายทางและโลกกำลังห่างออกไป
จุดจบของการแข่งขันใกล้เข้ามาแล้ว
<อย่ามาล้อเล่นนะ! ตายซะเถอะ ยัยบ้า!>
พื้นที่ข้างๆ ก็เริ่มมฉีกขาด
เศษชิ้นส่วนแห่งหายนะจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากช่องว่างนั้น
ไอ้พวกนั้นหมุนวนเป็นเกลียวก่อนจะพุ่งเข้าหาแบล็คธันเดอร์จากด้านหน้า
"ในที่สุดก็ถึงตาฉันแล้วสินะ!"
นิฮาคุปล่อยผมเปียของเธอ
เส้นผมสีขาวแพลตตินัมยาวลงมาถึงใต้เอว
และ
「โหมดสายฟ้าฟาด!」
เธอชี้ขึ้นไปบนฟ้าและตะโกนอย่างภาคภูมิใจ
เปรี๊ยะะะะ!
เส้นผมสีขาวแพลตตินัมก็ตั้งชันขึ้น
ในขณะเดียวกัน กระแสไฟฟ้าสีทองก็พุ่งออกมาจากทั่วร่างกายของเธอ
"ในที่สุดร่างกายนี้ก็กลายเป็นซูเปอร์ไซย่า…… แค่กๆ"
นิฮาคุที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างก็ไอออกมา
"เอาเป็นว่าเข้าสู่ซูเปอร์โหมดแล้วล่ะ! งั้น ฉันไปล่ะนะ!"
นิฮาคุก็กระโดดออกจากแบล็คธันเดอร์
「ลูกเตะเมกะธันเดอร์!」
เปรี๊ยะๆๆๆ!
เธอกลายเป็นสายฟ้าเส้นหนึ่ง พุ่งทะลุผ่านกลุ่มเศษซาก
เศษซากหลายล้านชิ้นหายไปในพริบตา
และแล้ว แบล็คธันเดอร์ก็ผ่านอุปสรรคและแทร็กทั้งหมดไป
ตู้ม!
ไรก็ได้ทะลุกำแพงมิติ
และในที่สุดก็ถึงปลายสุดของท้องฟ้า
“…….”
มองเห็นแล้ว
ที่ปลายยอดของตึก
จุดชมวิวและทิวทัศน์ด้านบน
เธอเคยไปที่นั่นแค่ครั้งเดียว
มันเป็นความสูงเดียวที่สามารถมองเห็นวิวทั่วทั้งโซลได้
และตอนนี้เธอกำลังอยู่ที่นั่นโดยที่ยังอยู่ในรถ
'อย่างนี้นี่เอง'
ตอนนี้เธอมองลงไปข้างล่าง
กรุงโซลในตอนกลางวันที่อยู่เบื้องล่างนั้นดูสงบสุข
ราวกับว่าเรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน
ตึกสูงระฟ้าหลายหลังก่อตัวเป็นป่า และมีคลื่นแสงไหลผ่านระหว่างถนน
อาคารและถนนที่พังทลายระหว่างการไล่ล่า จานบินของแอนโดรเมดา หุ่นยนต์ยักษ์และสัตว์ประหลาดขนาดมหึมา อุกกาบาต 17 กิโลเมตร ทั้งหมดหายไปอย่างไร้ร่องรอย
'ที่นี่คือโซลที่แท้จริง ที่ที่เธอเคยอยู่'
แต่เธอไม่มีเวลาเพลิดเพลินกับความรู้สึกนี้
ยิ่งขึ้นสูงขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งเสี่ยงที่จะร่วงลงมา
แบล็คธันเดอร์ที่สูญเสียแรงขับกำลังร่วงหล่นลงมา
"คุณอารอน!"
เธอตะโกน
"ไว้ใจผมได้เลยครับ!"
ไรก็ได้กดปุ่มสีแดงที่เบาะข้างคนขับ
เข็มขัดนิรภัยหลุดออก และถุงที่อยู่ข้างในก็กำลังจะร่วงลงมาจากรถ
ในระหว่างนั้น เงาหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาจากข้างล่าง
เงานั้นคว้าถุงที่มีรูปปั้นม้าเอาไว้แล้วบินขึ้นไป
'รู้สึกเหมือนเคยทำแบบนี้มาก่อนเลยแฮะ'
อารอนยิ้มแหยๆ แล้วหยิบหอกสีดำออกมาจากช่องว่าง
หอกสีดำสนิท รูน
หนึ่งใน 5 อาวุธศักดิ์สิทธิ์และเป็นมรดกของอาจารย์มูเด็น
คนอื่นๆ อยู่ห่างจากโลกิเกินไปจนไม่สามารถใช้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่สำหรับอารอนนั้นมันไม่เป็นปัญหา
เขาผู้ควบคุมพลังแห่งกรรมสามารถใช้พลังของตัวเองได้แม้จะอยู่ห่างจากโลกิ
เพราะมันเป็นพลังที่เขาสร้างขึ้นมาเอง
แกร๊ก! ตู้ม!
เขาเชื่อมรูนและถุงรูปปั้นมาศึกเข้าด้วยกันด้วยโซ่แห่งเงา
จากนั้นเขาก็บินสูงขึ้นไปอีก
เหนือเมฆชั้นบน
ไปยังที่ที่ไม่มีใครมองเห็น
แต่ก่อนจะเหวี่ยงรูนออกไปจากบนท้องฟ้า อารอนก็ได้ยินเสียงหัวเราะของใครบางคน
<ยังไม่จบหรอก>
ก่อนจะขว้างหอกออกไป
อารอนหลับตาแล้วเมื่อลืมตาขึ้นมาก็อยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคย
ไม่ใช่บนท้องฟ้าของโซล
แต่เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความมืด
โลกที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยแสงดาว แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว
<คิดว่าฉันจะยอมปล่อยไปง่ายๆ เหรอ?>
ที่นี่คือ
เศษซากของมิติที่เคยรุ่งเรืองแต่ล่มสลายไปแล้ว
งั้นเหรอ
โดนย้ายไปมิติอื่นสินะ
อารอนประเมินสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
นี่คงเป็นหนึ่งในกับดักสินะ
ดูเหมือนว่าพวกมันจะคาดการณ์ไว้แล้วว่าเขาจะผ่านไปได้ จึงวางกับดักที่เชื่อมต่อกับมิติอื่นไว้ที่นี่
กับดักซ้อนกับดัก
อารอนถอนหายใจ
จะเรียกว่ามันรอบคอบดีไหมนะ
หรือว่ามันเตรียมพร้อมมาดี
<โดนเขมือบซะ!!>
ไนอัลหัวเราะอย่างชั่วร้าย
ใช่แล้ว
ไนอัลเตรียมการมาอย่างยากลำบาก
แม้แต่ในเขาเอง การพา 'เจ้าสิ่งนี้' มาก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
สัตว์ประหลาดที่เกิดในห้วงลึกของจักรวาล
สิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่า 'ผู้กลืนกินดวงดาว' มันได้กลืนกินทั้งมิติจนล่มสลาย
แต่ความหิวโหยของมันก็ยังไม่บรรเทาลง มันยังคงเดินไปทั่วโลกที่พังทลายเพื่อค้นหาสิ่งที่จะกินต่อไปไม่หยุดหย่อน
ไนอัลได้เตรียมมันเอาไว้ในคุกมิติ
“…….”
อารอนมองเห็น
ดวงตาหลายร้อยดวงที่เบิกกว้างในความมืดมิด
ดวงตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความหิวโหยที่ไม่สิ้นสุด
ครืนนนนน
ในที่สุด ปากขนาดมหึมาที่ไม่อาจคาดเดาขนาดได้ก็อ้าออกพยายามจะกลืนกินอารอน
มันกินเทพเจ้าและวิญญาณ รวมถึงดวงดาวทั้งหมดที่เคยอยู่ในนี้ไปแล้ว
แต่ก็ยังหิวอยู่
'ขอโทษครับ อาจารย์'
อารอนขอโทษไว้ล่วงหน้า
อาจารย์เคยบอกว่าอย่าหักโหม
แต่ถ้าต้องเจอกับเจ้าหมอนี่ คงอดไม่ได้ที่จะต้องใช้มัน
[สุญญากาศ]
[ทุกสิ่งในโลกไม่มีอะไรเที่ยงแท้]
เงาเริ่มรวมตัวกันที่ปลายรูน
และจากนั้น
โครม!
อารอนก็กระโดดออกมาจากรอยแยกของมิติที่ถูกฉีกออก
<อะ อะไรว่ะเนี่ย!>
ไนอัลร้องออกมากับสิ่งที่เกิดขึ้น
สิ่งที่เขาเพิ่งเห็น
มัน….ไม่น่าเชื่อ
<บ้าเอ๊ย! แกอย่ามาล้อเล่นนะ!>
แม้แต่เด็กหนุ่มก็ทำได้แค่ขังเจ้านั่นไว้อย่างระมัดระวัง
แล้วอีกอย่างเจ้านั้นก็เป็นสัตว์ประหลาดที่เทพเจ้าหลายองค์ที่เคยหวาดกลัวจะถูกมันฆ่า แต่ตอนนี้เจ้าบ้าที่ถือหอกนั้นจัดการมันได้ในการโจมตีเพียงเดียวเนี่ยนะ?
ไม่ใช่แค่ฆ่ามันได้ แต่ยังฉีกมิติออกมาได้อีกงั้นเหรอ?
ในขณะเดียวกัน ที่ด้านบนของเมฆสูง
อารอนกำลังร่วงลงมา
เขาใช้พลังแห่งกรรมที่สะสมมาทั้งหมดไปกับการโจมตีนั้น
เพราะคู่ต่อสู้มันไม่ธรรมดา
<ตายซะ!>
ไนอัลคำราม
ในเวลาเดียวกัน หนวดก็ยื่นออกมาจากรอยแยกมิติที่แตกออก
ก่อนที่หนวดเหล่านั้นจะฉีกอารอนเป็นชิ้นๆ
ดวงตาของอารอนก็เปล่งประกาย
พลังแห่งกรรมคือ ดอกไม้แห่งนิรันดร์ที่ผลิบานในช่วงเวลาสั้นๆ
ในช่วงเวลาที่หยุดนิ่ง อารอนเข้าสู่โลกแห่งจิตใจอีกครั้ง
โลกที่ดวงจันทร์ขึ้นและหยุดนิ่งตลอดกาล
โลกนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อสะสมกรรม
“…….”
ไม่มีอะไรยาก
เมื่อมันว่างเปล่า ก็แค่เติมมันเข้าไป
เวลาในโลกจิตใจผ่านไปนับอนันตกาล
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงผ่านไปเพียง 1 วินาที
พลังแห่งกรรมที่วิวัฒนาการขึ้นไปอีกขั้นหลังจากหลอมรวมกับอาจารย์ของเขา สามารถผ่านช่วงเวลาอนันตกาลไปได้ในพริบตา
เมื่ออารอนลืมตาขึ้นอีกครั้ง ร่างกายของเขาก็ปกคลุมไปด้วยเงาสีเข้ม
ชึ้ก!
อารอนแทงหอกออกไป
ใบมีดเงาแผ่ออกไปทุกทิศทางจากปลายหอก
หนวดพวกนั้นถูกทำลายหายไปโดยไม่เหลือร่องรอย
แต่เงายังไม่หยุดแค่นั้น
ร่างของไนอัลที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ ก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ และหายไปในพริบตา
ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ร่างอวตาร แต่มันก็จะไม่กลับสามารถรบกวนใครได้อีกสักพัก
'จบแค่นี้แหละ'
อารอนกำด้ามรูนแน่น
ที่ปลายด้ามหอกมีถุงที่บรรจุรูปปั้นม้าผูกศึกผูกติดอยู่ด้วย
'รับมันไว้ด้วยนะครับพี่'
อารอนหมุนตัวกลางอากาศหนึ่งรอบ
จากนั้น หอกในมือขวาของเขาก็ถูกขว้างออกไปเหมือนลูกธนู
และ….ไม่มีเสียงใดๆ เกิดขึ้น
ไม่มีเสียงสั่นสะเทือนที่ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน ไม่มีคลื่นกระแทกที่ทำให้เมฆกระจายออกไป
หอกที่ถูกขว้างออกไปก็เคลื่อนผ่านท้องฟ้าไปเงียบๆ และหายไปอย่างเงียบๆ
แค่นั้นอารอนก็รู้ว่าเขาทำสำเร็จแล้ว
เขาทำหน้าที่ของเขาเสร็จแล้ว…