ตอนที่แล้วบทที่ 47 ราคา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 49 ตาต่อตา

บทที่ 48 ฉันโกรธจนทนไม่ไหวแล้ว


บทที่ 48 ฉันโกรธจนทนไม่ไหวแล้ว

“วิญญาณผู้พิทักษ์ …”

ไป๋อวี๋พึมพำ “เขา...แล้วอย่างนี้หรือ?”

“เดี๋ยวก่อน ยังไม่แน่ใจ”

สายตาของไป๋อวี๋จ้องมองไปที่คำว่า “สัญญาชั่วคราว”

มันไม่ใช่สัญญาเต็มรูปแบบ แต่เป็นสัญญาชั่วคราว...?

บางทีอาจจะยังมีโอกาสช่วยได้?

หลังจากคิดอยู่ไม่กี่วินาที ไป๋อวี๋ก็ตัดสินใจกดตอบตกลง ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาจำเป็นต้องเห็นผลด้วยตาของตัวเอง

หวังว่าสถานการณ์คงจะไม่เลวร้ายไปกว่านี้

เสียงของบทเพลงแห่งโชคชะตาดังขึ้นอีกครั้งในหูของเขา

ตัวอักษรเพลิงค่อยๆ เผาผลาญจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

【เริ่มการถักทอชะตากรรม】

...

ในโลกเงา บริเวณชานเมือง ข้างป้ายรถเมล์

จางชุยซานพิงอยู่กับป้ายโฆษณาข้างหลัง ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดอาบไปทั่วตัว

เขาเคยคิดว่าตัวเองอาจจะต้องตายในสนามรบสักวัน เพราะหน้าที่ของผู้ใช้พลังเหนือธรรมชาติคือการขับไล่พวกเงาและอสูรหายนะ

แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องตายใต้กระบอกปืนของคนในฝ่ายเดียวกัน

“พวกเดียวกัน...เหรอ?”

จางชุยซานหัวเราะเยาะตัวเอง

เขาไม่คู่ควร

ไม่ว่าเขาจะอยากหรือไม่ ความจริงที่เขานำภัยมาถึงคนอื่นนั้นเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ เขาไม่มีหน้าไปพบครูหรือผู้ปกครองแล้ว และยิ่งไม่กล้าที่จะมองหน้านักเรียนพวกนั้น

จริงๆ แล้วเขาอยากจะเพลิดเพลินกับอาชีพครู เขาชอบอาชีพนี้ มันเป็นอาชีพที่ดีมาก ได้รับการยกย่องจากทุกคน เขายังเคยคิดว่าอยากจะยึดเอาโจวตูเป็นแบบอย่างต่อไปตลอดชีวิต

แต่...ความฝันอันสวยงามพวกนี้กลับกลายเป็นเพียงอากาศธาตุ

เขาไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะตายอย่างสมเกียรติ

ถ้าเขาถูกฆ่าตายตรงนั้นเลยก็คงจะดี เขาคิดแบบนั้นโดยไม่รู้ตัว...แต่คำสาปที่อยู่ในร่างกายนี้มันบังคับให้เขาคลุ้มคลั่ง

เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มัวหม่นของโลกเงา นิ้วมือสั่นเทาหยิบซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า และพยายามหลายครั้งกว่าจะดึงบุหรี่ออกมาได้

ปลายกรองที่เปื้อนเลือดถูกกัดไว้ที่ริมฝีปาก รสขมๆ ค่อยๆ แผ่ซ่านออกมา

เขาหยิบไฟแช็กเก่าขึ้นมา มือของเขาสั่น หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง...แต่ก็จุดไฟไม่ได้

เขาออกแรงมากขึ้นเล็กน้อย ไฟแช็กลื่นหลุดจากมือ กระเด็นไปตกข้างเท้าของใครคนหนึ่ง

ชายคนนั้นหยิบไฟแช็กขึ้นมา เดินเข้ามาใกล้แล้วจุดไฟให้

สายตาของจางชุยซานเริ่มพร่ามัว เขาเห็นแสงไฟ จึงยื่นบุหรี่เข้าไปจุดไฟ แล้วสูบเข้าไปลึกๆ

“แค่ก แค่ก แค่ก…”

แล้วก็ตามมาด้วยอาการไออย่างรุนแรง

ปอดของเขาได้รับบาดเจ็บ กระดูกซี่โครงหัก ปอดทะลุ เลือดที่เขาไอออกมาปนไปกับควันบุหรี่

“นายคือ…” จางชุยซานพูดขึ้นผ่านควันบุหรี่ “มาทวงชีวิตฉันเหรอ?”

เขาพูดพลางสูบบุหรี่พลางไอเป็นเลือด “ในเมื่อจุดบุหรี่ให้ฉันสูบ งั้นเอาไปเลย…ชีวิตที่ไร้ค่า ถ้านายเอาไป อาจจะยังมีความหมายอยู่บ้าง”

“ฉันต้องการชีวิตของนาย” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่หนักแน่น “แต่ฉันไม่เหมือนพวกมัน ฉันต้องการให้นายมีชีวิตอยู่ต่อไป”

“...ฉันมีชีวิตต่อไปไม่ได้แล้ว” จางชุยซานชี้ไปที่ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลของตัวเอง “เห็นไหม? บาดแผลพวกนี้ เลือดไหลออกไปตั้งกว่าสามส่วนแล้ว ฉันจะอยู่ได้นานแค่ไหน ฉันรู้ตัวดี ถ้าไม่ไปโรงพยาบาลตอนนี้ก็ไม่มีทางรอดแล้ว แต่ฉันจะไม่ไปหรอก ใช้ทรัพยากรสังคมเพื่อช่วยคนอย่างฉัน มันไม่คุ้มหรอก”

“นายเป็นคนดี” ชายหนุ่มพูดขึ้น

“แค่ก แค่ก แค่ก” จางชุยซานหัวเราะทั้งน้ำตา “คำพูดนี้มันช่างทิ่มแทงจริงๆ ช่างเสียดสีเหลือเกิน”

“ฉันพูดจริง” ชายหนุ่มยกมือขึ้น ก่อนที่ปืนจะปรากฏขึ้นมาในมือและจ่อไปที่หัวของเขา “และเพราะว่านายเป็นคนดี...ถึงทำให้มีปืนจ่ออยู่ที่หัวของนาย”

จางชุยซานยังคงสูบบุหรี่ต่อไป โดยไม่มีความกลัวในแววตาแม้แต่น้อย

ปากกระบอกปืนค่อยๆ ลดลงไป แล้วหายไปในอากาศเหมือนการเล่นกล ชายหนุ่มพูดต่อ “แต่ในเมื่อเจอฉัน ก็ถือว่ามีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นบ้าง”

“นายคือ…” จางชุยซานเกาหัว “เจ้าของร้านขายโลงศพเหรอ?”

ชายหนุ่มส่ายหัว “ฉันไม่ได้ขายกระดาษไหว้เจ้า หรือขายโกศ ฉันมาที่นี่เพื่อจะบอกข่าวดีสองเรื่องกับนาย”

ดวงตาของจางชุยซานยังคงว่างเปล่าเหมือนเดิม

“ข่าวดีเรื่องแรก…นักเรียนของนายยังมีชีวิตอยู่”

ในเสี้ยววินาทีนั้น ไป๋อวี๋รู้สึกเหมือนเห็นสิงโตใกล้ตายที่จู่ๆ ก็ฮึดสู้ขึ้นมา เขาคว้าคอเสื้อของไป๋อวี๋แล้วกระแทกเขาไปติดกับป้ายโฆษณาข้างหลังเสียงดัง "ตึ้ง!"

เขากัดบุหรี่ไว้ในปาก ขี้เถ้าร่วงลงมาเหมือนประกายไฟ ความโกรธแค้นของเขาพุ่งพล่าน

“นายพูดอีกครั้งสิ!”

เขาขบฟันแน่น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

“นักเรียนของนายยังมีชีวิตอยู่…” ไป๋อวี๋พูดเสริม “ทั้งสามสิบเจ็ดคน ยังอยู่ครบ”

ริมฝีปากของจางชุยซานสั่นไหว “นายจะพิสูจน์ได้ยังไง?”

“นายไม่เชื่อเหรอ?” ไป๋อวี๋ถาม

“ฉันควรจะเชื่อไหม?” ดวงตาของจางชุยซานเป็นสีแดงเข้ม “ดูสภาพฉันสิ ฉันรู้ดีว่าผู้เลี้ยงแกะพวกนั้นโหดเหี้ยมยังไง นักเรียนของฉันที่ตกไปอยู่ในมือพวกมัน...”

“แต่นายก็ยังคงหวังว่าจะเป็นแบบนี้ใช่ไหม?” ไป๋อวี๋พูดอย่างเยือกเย็น “งั้นฉันจะบอกข่าวดีเรื่องที่สองกับนาย”

“อะไรล่ะ!”

“ฉันสามารถช่วยนาย...ให้ล้างแค้นให้สำเร็จ และช่วยนักเรียนของนายได้”

ไป๋อวี๋พูดช้าๆ ด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ราวกับเสียงกระซิบของปีศาจ

ดวงตาของจางชุยซานพลันแดงก่ำ เขาปล่อยมือออกจากไป๋อวี๋ แล้วถอยออกไปสองสามก้าว

“นายต้องการอะไร? ชีวิตของฉัน? วิญญาณของฉัน? หรือ...”

“ฉันต้องการความโกรธของนาย”

ไป๋อวี๋ขัดขึ้น “ยิ่งโกรธมากเท่าไหร่ยิ่งดี...ความโกรธของนาย จะกลายเป็นพลังของฉัน”

จางชุยซานหยุดชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้า “ได้”

“ถ้าเป็นความโกรธ มีเท่าไหร่ฉันก็ให้ได้!”

ไป๋อวี๋พูด “แต่นายดูเหมือนใจเย็นมาก”

ครูใหญ่เอามือปิดหน้า พยายามจะยิ้มแต่กลับส่งเสียงหัวเราะที่แหบแห้ง “จริงๆ แล้ว…”

“ฉันโกรธจนทนไม่ไหวแล้ว!”

หมอกสีขาวพัดผ่าน ลมหนาวพัดผ่านมา

เงาร่างสองร่างที่ป้ายรถเมล์พลันหายไป

หลังจากที่หมอกจางลงไป มีเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งลุกขึ้นจากม้านั่งริมป้ายรถเมล์ สูทสีดำของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย และที่ใบหน้ามีหน้ากากสุดประณีตปกปิดอยู่ ลวดลายบนหน้ากากเป็นรูปตัว “山” ที่กลับหัว

【ผู้พิทักษ์·ครู】

【ฆ่าผู้เลี้ยงแกะ; ช่วยชีวิตนักเรียนที่เหลือ】

【ชะตากรรมได้เริ่มถักทอแล้ว นับถอยหลัง】

【11:59:59】

ภายใต้หน้ากาก ไป๋อวี๋ค่อยๆ หรี่ตาลง เขาสัมผัสได้ถึงความโกรธที่เดือดพล่านในร่างกายของผู้ใช้พลังเหนือธรรมชาติ

การถักทอชะตากรรมไม่เหมือนกับการทิ้งร่าง มันไม่ต้องแบ่งพลังกับร่างกายของตัวเอง ตอนนี้ไป๋อวี๋ได้พลังเต็มที่ของจางชุยซาน แม้แต่ร่างที่สมบูรณ์ที่สุดของเขาก็ยังแข็งแกร่งเทียบไม่ได้

ตัวเลข “30” ปรากฏอยู่บนหัวของเขา มันให้ความรู้สึกปลอดภัยและมีอำนาจ

เลือดในร่างกายดังก้องเหมือนเสียงมังกรคำราม หัวใจเต้นแรงราวกับมีเครื่องยนต์ที่ไร้วันหมดพลังอยู่ภายใน เลือดพลุ่งพล่านไม่หยุด พลังงานไหลอย่างต่อเนื่อง

ความคิดของไป๋อวี๋ควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด ไม่มีสัญญาณของจิตสำนึกของจางชุยซาน มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาสัมผัสได้…

ความโกรธ

ความโกรธนั้นไม่ได้ลุกไหม้ดุจไฟที่แผดเผา แต่กลับร้อนแรงอยู่ภายใน เหมือนหม้อต้มที่ถูกจุดไฟขึ้นในอก

ทุกครั้งที่สูดหายใจเหมือนเป็นการใส่ออกซิเจนเข้าไปในหม้อ ทุกลมหายใจเป็นเหมือนลมที่กระพือไฟให้แรงขึ้น ความโกรธก่อตัวและลุกลาม เผาผลาญหัวใจที่แกร่งดั่งเหล็กกล้า

ทุกครั้งที่หัวใจเต้น มันเหมือนกับการตีเหล็กแต่ละครั้ง ค้อนทุบลงบนแผ่นเหล็กจนเกิดประกายไฟ และดัดเหล็กกล้านั้นให้เป็นรูปร่างคมกริบ

ความโกรธของครูใหญ่คือไฟในเตา

ไป๋อวี๋คือช่างตีดาบ

เขาจะนำสิ่งที่เห็นและสัมผัสได้ทั้งหมดหลอมรวมลงไปในดาบที่เต็มไปด้วยโทสะ และในการสร้างดาบนั้น เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง

แต่เขาจะไม่ร้องโอดครวญ หรือส่งเสียงใดๆ ออกมา เขาจะจดจำความเจ็บปวดนี้ และเปลี่ยนมันเป็นประสบการณ์ ความรู้สึกที่เก็บกดเหล่านี้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไป๋อวี๋ และหล่อหลอมวิญญาณของเขาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

การเติบโตไม่เคยเกิดขึ้นในทันที แต่บางครั้ง...การเติบโตอย่างก้าวกระโดดก็เกิดขึ้นในชั่วพริบตา

เมื่อความยุติธรรมไม่อาจบังเกิด การแก้แค้นส่วนตัวก็ถือเป็นสิ่งที่สมควร แม้กระทั่งทรงคุณค่า

ผ่านความเชื่อมโยงที่แทบมองไม่เห็นนั้น เขามองเห็นเส้นไหมสีแดงดุจเลือดที่ทอดนำทางไปสู่ศัตรูของเขา

ไป๋อวี๋กำดาบที่หลอมจากความโกรธในใจ

“ไปกันเถอะ…”

“ไปล้างแค้นกัน”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด