ตอนที่แล้วบทที่ 490: อยากได้เมียมั้ย? เถาวัลย์เหล่านี้เรืองแสงได้จริง ๆ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 492: ไม่มีใครสามารถปฏิเสธบ้านไร่ชิงหลินได้!

บทที่ 491: งดงามยิ่งกว่าดาวเต็มฟ้ายามค่ำคืน! มีคนเดียวเท่านั้นที่รู้ความจริง!


ในที่สุดความขัดแย้งเรื่องการแย่งลูกเขยระหว่างหลี่ไข่, เฉินเชิ่งเฟย, หม่าเลี่ยเหวิน  และหลี่ชิงก็สิ้นสุดลง

ไม่มีใครประสบความสำเร็จ

แน่นอนแหละว่าหลี่ไข่อารมณ์เสียใส่หลี่ชิง, เฉินเชิ่งเฟย  และหม่าเลี่ยเหวิน  ไอ้ตัวผู้สามตัวที่ทำลายเรื่องดี ๆ ของตัวเอง  เวลาหันไปเจอหน้าที่ไรก็ต้องสบถใส่ตลอด

หลี่หยวนชื่อเริ่มหยอกล้อ “เถ้าแก่ฉิน  ดูท่าลูกชายคุณอนาคตจะรุ่งเรืองนะ  เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ที่โดดเด่นแบบนี้ในอนาคตต้องสืบทอดทุกอย่างของคุณได้แน่ ๆ!”

“รีบพูดเกินไปแล้วครับหลี่หยวนชื่อ  ลูกผมพึ่งเกิดเองนะ” ฉินหลินตอบด้วยรอยยิ้ม

จ้าวโม่ชิงได้กินองค์ประกอบยีนบำรุงทารกในครรภ์มาโดยตลอด  เพราะงั้นลูกชายเขาย่อมเกิดมาพร้อมกับยีนที่เหนือกว่ามนุษย์ในยุคปัจจุบันในระดับหนึ่งอยู่แล้ว

เขาไม่ได้กังวลเลยว่าอนาคตของลูกชายจะเป็นอย่างไร  ขอเพียงแค่ไม่หลงเดินทางผิด  ไม่ไปรังแกคนอื่น  ไม่ประพฤติตนโดยประมาท  ที่เหลืออยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ

หลี่หยวนชื่อพยังหน้ายิ้ม ๆ แล้วก็เปลี่ยนเรื่องไปถามหลี่ไข่ว่า “ว่าแต่นะศาสตราจารย์หลี่  ผมอยากรู้เรื่องข้าวสายพันธุ์ใหม่ของคุณจริง ๆ ว่าเป็นอะไรยังไงแน่”

เมื่อฉินหลินได้ยินเรื่องนี้ปุ๊บก็รีบฉวยโอกาสช่วยอธิบายทันที “คุณต้องไม่เชื่อแน่ ๆ ว่าข้าวที่พี่หลี่พบนั่นมันน่าทึ่งขนาดไหน  ต้นมันสูงกว่าต้นข้าวฟ่างอีก  แตกกอเป็นลำ ๆ ตอนนี้เริ่มออกรวงแล้วด้วย”

นี่คือสิ่งที่เขาเตรียมไว้ให้พี่หลี่  แพะตัวใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา

พี่หลี่เคยแทงข้างหลังเขา  ซึ่งเขาก็ต้องจริงจังกับมันอยู่ตลอดเวลา  นี่คือสิ่งที่พี่หลี่บ่มเพาะขึ้นเอง

“สูงกว่าข้าวฟ่าง  แถมแตกกอเป็นลำ ๆ”

หลี่หยวนชื่อครุ่นคิดและแสดงสีหน้างง ๆ “แล้วถ้าข้าวพันธุ์ใหม่นี้ให้ผลผลิตข้าวได้มากมากกว่าข้าวที่มีอยู่ก็แปลว่ามันจะทำให้งานที่คุณหยวนฝันไว้สำเร็จได้ใช่มั้ย  มันจะเป็นแบบนั่งรับลมเย็นใต้ต้นข้าวสูงเหมือนในฝันใช่รึเปล่า!”

หลี่ไข่ตื่นตระหนกเมื่อได้ยินคำว่า ‘รับลมเย็นใต้ต้นข้าวสูงเหมือนในฝัน’

เขารู้ว่าเรื่องนี้มันหมายถึงอะไร  และเขายิ่งเป็นกังวลยิ่งขึ้นไปอีกว่าข้าวพันธุ์ใหม่ของตนจะประสบความสำเร็จเช่นนั้นจริง ๆ

ไอ้นั่นมันเจ็บอยู่นา

เพราะงั้นขออย่าให้ผลผลิตสูงเกินไปเลยเท้อะ  ขอร้อง

แล้วในตอนนี้เองเกาเหยาเหยาก็รีบวิ่งเข้ามาหาฉินหลิน “เถ้าแก่คะ  เถาวัลย์ที่เถ้าแก่ปลูกมีอะไรแปลก ๆ ด้วยค่ะ  พวกมันเรืองแสงได้!  จริง ๆ นะคะ!”

เป็นรายงานที่ทำให้ทุกคนหูผึ่งกันเลยทีเดียว

โดยเฉพาะหลี่หยวนชื่อ

เขารู้ว่าเถาวัลย์ที่ฉินหลินปลูกนั่นมาจากหุบเขานั้น

ก่อนหน้านี้เขาคิดว่ามันเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษเว้นอยู่อย่างเดียวคือมันโตเร็วเกิน

แต่พอมาตอนนี้กลับได้ยินว่าเถาวัลย์ดังกล่าวสามารถเรืองแสงได้เนี่ยนะ

ฉินหลินรู้ดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

เถาวัลย์อวกาศกลายพันธุ์ที่ปลูกไว้ได้โตพอที่จะกระตุ้นโบนัสคุณสมบัติแล้ว  ดังนั้นพวกมันจึงเรืองแสงในความมืดได้

แต่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะมาในเวลาแบบนี้  อะไรจะบังเอิญแท้วะ

หลี่หยวนชื่อลุกขึ้นเดินออกไปดูข้างนอกทันที  เขารู้ว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเถาวัลย์แน่ ๆ มันจึงได้เรืองแสงได้  และสาเหตุก็อาจเป็นเพราะอุกกาบาตที่เคยตกใส่หุบเขา

ฉินหลินเองก็ลุกขึ้นตามออกไปด้วย

เมื่อเห็นแบบนั้นหลี่ไข่, เฉินเชิ่งเฟย, หม่าเลี่ยเหวิน  และหลี่ชิงก็ตามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

พฤติกรรมที่กะทันหันของโต๊ะผู้ชายก็ได้ดึงดูดความสนใจขอโต๊ะสาว ๆ ทำให้พวกเธอต้องอุ้มลูกลุกตามออกไปดูด้วย

ทันทีที่หลี่หยวนชื่อออกมาจากห้องโถงก็ได้เห็นแสงฟลูออเรสเซนต์ที่งดงามราวกับอยู่ในเทพนิยายปกคลุมไปทั่วบริเวณด้านนอกห้องโถง

เถาวัลย์ในกระถางต้นไม้เปล่งแสงที่สว่างมากออกมาทำให้บริเวณโดยรอบสว่างไสว  นอกจากนี้ตัวเถาวัลย์ยังดูกระจ่างขึ้นราวกับเป็นหยกเนื้อดีที่สุกใสและชัดเจนสวยงามสุด ๆ

“นี่นายปลูกเองเหรอน้องฉิน” หลี่ไข่ออกมาเห็นก็ถามเลย  ไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้เพื่อไม่ต้องเอาตัวเข้าไปแบกอีก

ฉินหลินรีบอธิบาย “นี่ไม่เกี่ยวกะผมนา  ผมแค่ไปที่หุบเขาด้านหลังกะหลี่หยวนชื่อแล้วเก็บเม็ดมันมาปลูกเอง”

ไม่ว่ายังไงก็ตามเรื่องนี้เขาต้องลากหลี่หยวนชื่อให้เข้ามาเป็นพยานให้ว่าเถาวัลย์อวกาศกลายพันธุ์นี้ถูกพบในหุบเขา

เพื่อที่จะเติมเต็มคำโกหกนี้เขาถึงกับต้องให้เสี่ยวอู่เอาหินแคลิฟอร์เนียมอีกก้อนไปโยนเลยเชียวนะ

“สวยมากเลยฉินหลิน  ว่าแต่ทำไมมันเรืองแสงได้ล่ะ” จ้าวโม่ชิงอุ้มฉินเฟิงเดินออกมาและต้องตกใจกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า

พวกหลินหลิ่วกับถังซิ่งหว่านมาเห็นก็พยักหน้าเห็นด้วย

ไม่ใช่ว่าคนเหล่านี้ไม่เคยเห็นแสงฟลูออเรสเซนต์มาก่อน

ฉากไซไฟหรือเทพนิยายโดยธรรมชาติแบบนี้ย่อมเอามาเปรียบกับแสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์เทียมที่มนุษย์สร้างขึ้นไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกว่ามันสวยตั้งแต่แรกเห็นและอยากจะชื่นชมให้มากกว่านี้เองก็เป็นอะไรที่หลอดฟลูออเรสเซนต์ทำให้ไม่ได้

แต่ถึงกระนั้นสาว ๆ ก็ไม่กล้าเข้าใกล้แสงฟลูออเรสเซนต์

เนื่องจากตอนนี้อะไร ๆ มันยังไม่ชัดเจน  ไม่รู้ว่ามีรังสีซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเด็กอ่อนอยู่ด้วยรึเปล่า

เป็นเรื่องปกติสำหรับคนเป็นแม่

ฉินหลินแม้จะรู้ว่าทำไมเถาวัลย์อวกาศกลายพันธุ์ถึงเรืองแสง  แต่หลังจากได้ยินคำถามของจ้าวโม่ชิงแล้วเขาก็ยังคงอธิบายว่า “ยังไม่รู้เหมือนกันอะ  แต่น่าจะได้รับผลกระทบจากอุกกาบาตแหละ”

หลี่หยวนชื่อพูดบ้าง “แต่ว่านะเถ้าแก่ฉิน  ถ้าเป็นงั้นจริงก็น่าจะมีเถาวัลย์แบบนี้อยู่ในหุบเขาอีก  เป็นไปไม่ได้ที่มันกลายพันธุ์แล้วแต่เรากลับไม่เคยพบเลย”

“อืม...  ก็น่าจะเป็นงั้นครับ” ฉินหลินพยักหน้าเห็นด้วยและนึกไปถึงเมล็ดพันธุ์ที่เอาไปโปรยทิ้งไว้ในหุบเขา  โชคดีจริง ๆ ที่คิดแผนนั้นออก

ถ้าเขาไม่ได้โปรยพวกมันไว้ล่ะก็ตอนนี้คงไม่รู้จะแถยังไงแล้วล่ะ

หลี่หยวนชื่อหยิบมือถือออกมาโทรหาหัวหน้าถัง  ทันที่ที่ปลายสายรับเขาก็รีบถาม “พวกคุณออกจากหุบเขาแล้วยังหัวหน้าถัง”

เสียงของหัวหน้าถังดังขึ้น “ผมพึ่งพาคนมาอาบน้ำที่โครงการล่องแก่งเสร็จพอดีน่ะครับ  กำลังจะกลับไปกินข้าวที่โรงอาหารกัน”

หลี่หยวนชื่อสั่งทันที “คุณช่วยพาคนไปที่หุบเขาที่เราเจอหินแคลิฟอร์เนียมหน่อย  ที่นั่นน่าจะมีเถาวัลย์ที่กลายพันธุ์เพราะอุกกาบาตอยู่  มันจะเรืองแสงได้น่ะ”

มีพืชกลายพันธุ์ชนิดหนึ่งปรากฏขึ้น  ซึ่งมันเป็นหลักฐานยืนยันการคาดเดาก่อนหน้านี้ที่ว่าเคยมีอุกกาบาตตกใส่โดยนำพาหินแคลิฟอร์เนียมมาด้วย

หลังจากที่หัวหน้าถังได้ยินสิ่งที่หลี่หยวนชื่อพูดเขาก็ไม่ยอมเสียเวลาและพาคนอีกสองสามคนขึ้นไปบนภูเขาแล้วมุ่งหน้าไปที่หุบเขาทันที

เพราะเขาพบหินแคลิฟอร์เนียในหุบเขานั้นเขาจึงพาคนไปหาที่นั่นบ่อยเป็นพิเศษ  ทว่าก็ไม่เคยมีการค้นพบอะไรใหม่ ๆ เลย  ดังนั้นสุดท้ายครั้งนี้ก็เลยพาคนออกไปหานอกหุบเขาซึ่งเป็นจุดที่ไม่เคยหามาก่อน

หัวหน้าถังเดินผ่านป่าและใช้เวลาพอสมควรเพื่อไปถึงหุบเขา

แต่คราวนี้เมื่อเขาเข้าไปในหุบเขาแล้วทั้งเขาและลูกน้องก็ต้องเซอร์ไพรส์

เพราะเห็นว่ามีบริเวณหนึ่งในหุบเขามีแสงเรือง ๆ สาดไปทั่วทุกหนแห่งทำให้บริเวณนั้นสว่างไสวและดูสวยงามมาก

“เกิดไรขึ้นครับเนี่ยหัวหน้า” คนหนึ่งถาม

“นี่คือสาเหตุที่หลี่หยวนชื่อให้เราเข้ามาอีกครั้งใช่มั้ย”

แล้วหัวหน้าถังนำลูกน้องเข้าไปดูข้างใน  ยิ่งเข้าใกล้มากขึ้นก็ยิ่งเห็นชัดว่าแหล่งกำเนิดแสงนี้คือเถาวัลย์ที่เรืองแสงได้

แสงที่เรืองออกมาของเถาวัลย์เหล่านี้ได้สะท้อนไปกับก้อนหินทำให้พวกมันดูสวยงามราวกับหยกเนื้อดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหญ้าและต้นไม้  เถาวัลย์พันเกี่ยวเลี้ยวลดไปตามพื้นหญ้าและไต่ขึ้นต้นไม้  เมื่อพวกมันเรืองแสงก็ทำให้หญ้ากับต้นไม้เหล่านั้นมีสภาพเหมือนกับในหนังไซไฟ

บริเวณหุบเขานี้ดูเหมือนจะเป็นโลกในนิยายวิทยาศาสตร์

หัวหน้าถังนำผู้คนเข้าไปดู  ซึ่งเมื่อไปอยู่ภายใต้แสงฟลูออเรสเซนต์แล้วทุกคนก็รู้สึกถึงความสงบสุข

แต่หัวหน้าถังก็ยังไม่ลืมธุระ  เขารีบหยิบมือถือออกมาถ่ายคลิปวิดีโอโดยรอบแล้วส่งไปให้หลี่หยวนชื่อพร้อมกับพิมพ์ถามว่า “ให้ขุดเถาวัลย์พวกนี้กลับไปมั้ยครับ”

............................................................................................

คฤหาสน์ชิงหลิน

หลี่หยวนชื่อได้รับข้อความจากหัวหน้าถัง  กดเล่นคลิปวิดีโอ  และเมื่อเขาเห็นเหตุการณ์ในหุบเขาแล้วก็รู้เลยว่าการคาดเดาของตนถูกต้อง

ตามที่คาดไว้เลยว่าเถาวัลย์เหล่านี้มีอยู่ในหุบเขามาเป็นเวลานานแล้ว  แต่คราวนี้พวกตนพึ่งจะค้นพบเท่านั้น  ยิ่งกว่านั้นคือนอกเหนือจากการเรืองแสงแล้วเถาวัลย์เหล่านี้ก็ยังสามารถเติบโตสวนทางกับฤดูกาลเช่นในสภาพอากาศหนาวเย็นนี้ได้ด้วย  ซึ่งมันจะควรค่าแก่การเอาไปทำวิจัยที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน

และถ้าหากเถาวัลย์มาตกอยู่ในมือของเถ้าแก่ฉินแล้วทีนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกต่อไป

ในแง่ของการวิจัยในประเทศในด้านนี้คงไม่มีใครเทียบกับเถ้าแก่ฉิน + ศาสตราจารย์หลี่ได้แล้วล่ะ

นอกจากนี้การเติบโตสวนทางกับฤดูกาลอย่างในฤดูหนาวนี้ก็ยังคล้ายคลึงกับเทคโนโลยียีนที่อุณหภูมิต่ำของหลี่ไข่อีกด้วย  แบบนี้ทางสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติก็ไม่จำเป็นต้องเปลืองทรัพยากรในการวิจัย

คิดได้ดังนั้นแล้วเขาก็พิมพ์ตอบหัวหน้าถังไปว่าไม่ต้องขุดมันกลับมา

หลังจากนั้นหลี่หยวนชื่อก็ยื่นมือถือให้ฉินหลินดู “ดูนี่สิครับว่าหัวหน้าถังเจออะไรในหุบเขา  บอกเลยว่าสวยมาก”

ฉินหลินรับมือถือมากดเล่นคลิปและได้เห็นคลิปที่หัวหน้าถังถ่ายไว้

พูดตามตรงว่าการได้เห็นเถาวัลย์กลายพันธุ์เติบโตในหุบเขาท่ามกลางกอหญ้าและต้นไม้โดยเรืองแสงฟลูออเรสเซนต์สาดออกไปโดยรอบนั้นเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจและพิเศษยิ่งกว่าแบบที่ปลูกอยู่ในกระถางต้นไม้อีก  เป็นความสวยงามตามธรรมชาติที่สวยยิ่งขึ้นไปอีกระดับ

หลี่ไข่ก็หยิบมาดูด้วยความอยากรู้  พวกเฉินเชิ่งเฟยเองก็เข้าไปร่วมมุงด้วย

และพอได้เห็นคลิปวิดีโอแล้วก็ต้องตกใจในสิ่งที่เห็น

พวกจ้าวโม่ชิงเองก็ไปมุงด้วยความอยากรู้อยากเห็น

สาว ๆ พอเห็นก็ตกใจกับความสวยงามไม่แพ้บรรดาสามี  ซึ่งผู้หญิงที่มีความอ่อนไหวย่อมถูกดึงดูดได้มากกว่า

หลินหลิ่วพูด “โม่ชิง  พี่ซิ่วหว่าน  คิดว่าฉากนี้เหมือนกับฉากในหนังอะไรซักอย่างบ้างมั้ย”

จ้าวโม่ชิงก็นึกขึ้นได้และถามกลับ “ใช่ฉากกลางคืนของ ‘แพนโดล่า’ ใน ‘เอาวาตาน’ ป๊ะ”

ฉากกลางคืนในภาพยนตร์เรื่อง ‘เอาวาตาน’ เรียกได้ว่าเป็นฉากไซไฟที่สวยงามน่าดูชมที่สุดแล้ว

ถังซิ่งหว่านเคยไปดูหนังเรื่องนี้และวิจารณ์ว่า “แต่ฉันว่าแสงจากเถาวัลย์พวกนี้แค่มองด้วยตาเปล่าก็สวยกว่านะ”

ฉินหลินฟังบทสนทนาของสาว ๆ แล้วก็นึกถึงหนังเรื่อง ‘เอาวาตาน’ ไปด้วย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแสงที่ปล่อยออกมาจากเถาวัลย์เหล่านี้สวยงามกว่าฉากกลางคืนใน ‘เอาวาตาน’ เนื่องจากท้ายที่สุดแล้วมันมีโบนัสคุณสมบัติจากระบบ

แล้วจู่ ๆ จ้าวโม่ชิงก็พูดกับฉินหลินว่า “เธอ  เถาวัลย์พวกนี้เราขยายพันธุ์ได้มั้ย  ตอนนี้เรากะลังพัฒนาภูเขาอยู่ใช่ป่าว  มีเคเบิลคาร์  ต้นไม้เรือนกระจกแล้วก็ปีนเขาแล้ว  แต่ยังขาดโครงการสันทนาการในป่าเขา  แถมเรื่องทิวทัศน์ก็ยังแย่งกว่าทุ่งหญ้าเยอะเลย”

“ถ้าปลูกมันได้ล่ะก็เราก็เอามันปลูกให้ทั่วภูเขา  ถ้าเรามีมากพอภูเขาทั้งลูกก็จะกลายเป็นแพนโดล่าในโลกจริงได้!  ใช่มั้ย!”

“ทิวทัศน์ที่ได้มันต้องสวยงามจนดึงดูดผู้คนนับไม่ถ้วนเข้ามาได้ชัวร์เลย  บางทีอาจมีทีมงานมาถ่ายหนังถ่ายละครกับฉากในภูเขาของเราก็ได้นะ”

จ้าวโม่ชิงรับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ ในบ้านไร่และคฤหาสน์ชิงหลินมาเป็นเวลานาน  ดังนั้นเธอจึงคิดถึงบทบาทของเถาวัลย์นี้ขึ้นมาได้ในทันที

อะไรบางอย่างที่เราคุ้นเคยเราจะสามารถทำมันได้เองอย่างสบาย ๆ

“คิดเหมือนกันเลยโม่ชิง  แถมเถาวัลย์พวกนี้ตอนเรืองแสงยังเหมือนกับหยกที่สวยมากด้วย  ถ้าปลูกแล้วเราอาจจะหาคนมาช่วยออกแบบเพื่อให้มันสวยกว่าเดิมก็ดีนะ  แล้วไอเดียการให้เป็นที่ถ่ายหนังถ่ายละครเองก็ดีด้วยเหมือนกัน” ฉินหลินตอบด้วยรอยยิ้มและค่อนข้างดีใจกับปฏิกิริยาของจ้าวโม่ชิง

เพราะนี่มันคือจุดประสงค์ที่เขานำเอาเถาวัลย์อวกาศกลายพันธุ์ออกมา

แต่เรื่องการให้เป็นสถานที่ถ่ายหนังถ่ายละครอะไรนั่นเขาเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน

แต่พอมาลองคิดดู  ในปัจจุบันมีเครื่องแต่งกายสไตล์โบราณ  เทพนิยาย  แฟนตาซี  ทั้งในหนังในละครเยอะแยะมากมาย  แล้วถ้าเกิดเราสร้างฉากที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบต่าง ๆ บนภูเขาขึ้นมาได้ล่ะจะเป็นยังไง

ตัวอย่างเช่นตรงหุบเขาก็สามารถใช้เป็นฉากที่เต็มไปด้วยหญ้าอวกาศกลายพันธุ์ได้

หนังแนวเทพนิยายเรื่อง ‘สามชาติสามภพ  ลิขิตเหนือเขนย’ เองก็ถ่ายทำในหุบเขาเหมือนกัน

แล้วสถานที่แบบนี้จะมีเขาที่ไหนเทียบได้อีก

ด้วยสถานที่ที่ราวกับเทพนิยายแบบนี้คนจะมาที่นี่เพื่อหาถ่ายรูปอย่างแน่นอนเลยว่ามั้ย

ตราบใดที่เลือกมาเที่ยวที่นี่  ก็จะมีโบนัสฉากสวยงามตามธรรมชาติให้

หลังจากถ่ายละครโทรทัศน์เสร็จและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ล่ะก็มันต้องสร้างความฮือฮาสุด ๆ ไปเลยแน่ ๆ

จำเป็นต้องเปิดถนนเข้าไปในภูเขาเพิ่มอีก 2 เส้น  ไม่งั้นเมื่อทีมกองถ่ายเข้ามาเดี๋ยวจะไปทำให้นักท่องเที่ยววุ่นวายเอา

จ้าวโม่ชิงพูดด้วยความกังวล “แต่ยังติดที่ว่าเถาวัลย์นี้มีอันตรายมั้ย  แสงที่มันเปล่งออกมามีรังสีหรืออะไรมั้ยอะ”

แน่นอนว่าฉินหลินรู้อยู่แล้วว่าเถาวัลย์อวกาศกลายพันธุ์นี้ไม่เป็นอันตราย  เพราะในข้อมูลรายละเอียดไม่ได้มีระบุถึงอันตรายใด ๆ เอาไว้เลย

อย่างไรก็ตาม  เขายังไม่ได้ทดสอบดังนั้นจึงตอบอะไรออกไปตอนนี้ยังไม่ได้  เดี๋ยวความจะแตกเอา

“เรื่องทดสอบเดี๋ยวไว้ใจฉันได้เลย  เด๋วให้คนที่แล็บทำโอที  ใช้เวลาไม่นานหรอก” หลี่ไข่ขันอาสาแล้วเรียกคนจากห้องแล็บมาพร้อมภาชนะกันรังสีและเอาเถาวัลย์ 2 กระถางกลับไปตรวจสอบ

เนื่องจากรู้ว่าเถาวัลย์นี้กลายพันธุ์จากอุกกาบาตจึงไม่กล้าที่จะทำอะไรโดยประมาททั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้สถานการณ์

เมื่อคนจากห้องแล็บมาขนเถาวัลย์ไปหลี่หยวนชื่อก็ได้ตามไปด้วย “ผมไปดูด้วย!”

เนื่องจากเถาวัลย์นี้กลายพันธุ์จากอุกกาบาตแปลว่ามันต้องมียีนที่ได้รับผลกระทบจากวัตถุอวกาศ  นี่อาจเป็นหลักฐานที่บางทีเราอาจใช้ข้อมูลที่มีบันทึกในสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติในการอนุมานว่ามันคืออุกกาบาตประเภทใดได้

การตรวจสอบของห้องทดลองชิงหลินนั้นรวดเร็วมากจริง ๆ

เพียงแค่ 2 วันก็ได้ข้อสรุป  ฉินหลินกำลังให้ตัวละครทำกิจวัตรประจำกันอยู่ที่ห้องทำงานซึ่งหลี่หยวนชื่อกับหลี่ไข่ได้มาหาเขาพร้อมกัน

ทันทีที่หลี่หยวนชื่อเข้าประตูมาก็แสดงความยินดีมาก่อนเลย “ยินดีด้วยเถ้าแก่ฉิน  ทดสอบเถาวัลย์เสร็จแล้วพบว่าไม่มีสารอันตรายใด ๆ เพราะงั้นปลูกได้อย่างปลอดภัย  ครั้งนี้คุณได้ของดีแล้วนา”

ฉินหลินรู้ดีแต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นดีใจ “จะขอดีแค่ไหนมันก็สู้หินแคลิฟอร์เนียมไม่ได้มั้งครับ”

หลี่หยวนชื่อได้ยินก็หัวเราะชอบใจ “ฮ่า ๆ ๆ ก็จริงนะ  แต่จากการตรวจสอบเราได้เห็นว่าเถาวัลย์นั่นมีการกลายพันธุ์ที่คล้ายคลึงกับยีนและสสารบางอย่างจากอวกาศด้วย  ทำให้เราเดาได้คร่าว ๆ ถึงประเภทของอุกกาบาตลูกนั้น”

“แล้วด้วยข้อมูลที่บันทึกไว้ครั้งนี้มันก็จะช่วยให้เราเอาไว้ใช้อ้างอิงกับสถานที่อื่น ๆ ในอนาคตได้ด้วย”

“ผมจะเขียนข้อมูลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นที่นี่  ไม่แน่อาจจะพิมพ์เป็หนังสือแล้วจัดเก็บเอาไว้ในห้องสมุดภายในของสถาบันฯด้วยเลยก็ได้”

ฉินหลินก็ได้แต่อ้าปากค้างทำหน้าแปลก ๆ เมื่อได้ยินดังนั้น

เพราะเห็นได้ชัดว่าหลี่หยวนชื่อไม่รู้ว่าทั้งหินแคลิฟอร์เนียมและเถาวัลย์อวกาศกลายพันธุ์ล้วนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับอุกกาบาตลูกนั้นเลย

ถ้าเกิดหลี่หยวนชื่อเขียนหนังสือแล้วเอาไปเก็บไว้ที่ห้องสมุดข้อมูลของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติล่ะก็...

มันจะกลายเป็นการหลอกลวงทางวิทยาศาสตร์ครั้งใหญ่อีกครั้งในประวัติศาสตร์การวิจัยทางวิทยาศาสตร์

เพียงแต่ว่าความจริงนี้จะไม่มีวันถูกเปิดเผย

เพราะมีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ความจริง

ยิ่งไปกว่านั้นต้นกำเนิดของเถาวัลย์นี้ก็ได้รับการยืนยันอย่างสมบูรณ์แล้ว

หลี่หยวนชื่อคือพยานที่ดีที่สุด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด