บทที่ 10: รับการโบย 2 ครั้ง
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ร่างกายตอบสนองต่อสิ่งเร้าทันทีโดยที่มู่ไป๋ไป่รู้สึกแสบร้อนที่ปลายจมูก และในดวงตาคู่สวยก็เริ่มมีน้ำตาคลอหน่วย
“ทำได้ดีมากซางเย่! ข้าจะคอยดูว่านางจะดื้อด้านได้มากเพียงใด เอามันมาคุกเข่าต่อหน้าข้าเดี๋ยวนี้”
ใบหน้าของมู่เชียนเชิดขึ้นสูงด้วยความพึงพอใจเมื่อเห็นนางกำนัลกำลังใช้ไม้ตีขาของมู่ไป๋ไป่ และเอ่ยปากชื่นชม
นางกำนัลที่มีนามว่า ‘ซางเย่’ ก็ยิ้มกว้างทันที “องค์หญิงใหญ่ นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเพคะ แม้ว่านางจะแข็งข้อมากเพียงใด หม่อมฉันก็จะทำให้นางคุกเข่าต่อหน้าพระองค์ให้ได้เพคะ!”
“พวกเจ้าควรเรียนรู้จากซางเย่ให้ดี พวกไร้ประโยชน์ แค่เด็กอายุ 4 ขวบก็ยังจัดการไม่ได้”
ยามนี้มู่เชียนมองดูดวงตาของมู่ไป๋ไป่ที่เต็มไปด้วยน้ำตา มันทำให้หัวใจที่เคยร้อนรุ่มของนางผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
แล้วนางก็เลื่อนสายตาไปมองใบหน้าเล็ก ๆ ของเด็กหญิงที่มีแก้มกลมมน จากนั้นจึงเอื้อมมือไปบิดแก้มขาว ๆ บนใบหน้าของอีกฝ่าย
ทว่าการบิดแก้มขององค์หญิงใหญ่ไม่ใช่เพียงการหยอกล้อ นางบิดหมุนแก้มนุ่มนิ่มจนแทบจะเป็นปม “เมื่อวานเจ้าเก่งนักไม่ใช่หรือ? เจ้าคงใช้ชีวิตจนเบื่อแล้วสินะถึงกล้ามายั่วโมโหข้า!”
นั่นทำให้ใบหน้าขนาดเท่าฝ่ามือของมู่ไป๋ไป่เปลี่ยนเป็นสีแดงหลังจากถูกบิด
เด็กน้อยรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วตัวพร้อมกับมีเหงื่อเย็นไหลออกมา แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ ก่อนที่เธอจะถ่มน้ำลายใส่คนตรงหน้า “แน่จริงท่านก็ฆ่าข้าสิ!”
“เจ้ามันรนหาที่ตาย!”
ทันทีที่นางกำนัลเห็นว่านายเหนือหัวของตนถูกเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งถ่มน้ำลายใส่หน้า พวกนางก็โกรธและพากันถกแขนเสื้อขึ้นเตรียมที่จะพุ่งเข้าไปจัดการกับเด็กจองหองคนนั้น
ทว่ามู่เชียนกลับยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้พวกนางถอยออกไปก่อน
“ฆ่าเจ้าอย่างนั้นหรือ? ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าได้ตายไปง่าย ๆ หรอก ข้าจะให้เจ้าทุกข์ทรมานจนต้องร้องขอความตาย”
องค์หญิงใหญ่เหยียดยิ้มน่ากลัว แล้วนางก็ตะโกนออกคำสั่งเสียงดังก้องไปทั่วลานอีกครั้ง “ไปเอาแส้ของข้ามา!”
หลังจากนางกำนัลได้รับคำสั่ง นางก็เดินตรงไปยังห้องบรรทมขององค์หญิงใหญ่
ภายในไม่กี่อึดใจ นางกำนัลก็กลับมาพร้อมแส้เส้นบางเรียวยาวแล้วนำไปยื่นให้กับมู่เชียนด้วยท่าทางนอบน้อม
เด็กหญิงแสยะยิ้มอีกครั้งก่อนจะตวัดแส้ผ่านหน้าของมู่ไป๋ไป่เบา ๆ “ทีนี้เจ้ารู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้วหรือยัง?”
ทางด้านมู่ไป๋ไป่มองดูแส้ยาวที่ตวัดไปมาเหมือนงูพิษซึ่งมันกำลังเคลื่อนผ่านใบหน้าของตน ในตอนนั้นเองดวงตาที่ขุ่นมัวคู่หนึ่งก็ฉายแววเย็นชายิ่งขึ้น
“ข้าไม่กลัว!”
หากมู่เชียนกล้าใช้แส้ฟาดหน้าเธอ เธอจะฆ่านางซะ!
ด้วยความคิดนี้ ความเยือกเย็นในดวงตาของมู่ไป๋ไป่ก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อมู่เชียนเห็นเช่นนั้นก็มีสีหน้าประหลาดใจ ทั้งที่อีกฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากับแส้ที่มีพิษเท่ากับงูและแมงป่อง แต่เหตุใดนางถึงสงบได้มากขนาดนี้?
ในใจนางอยากจะเห็นมู่ไป๋ไป่คุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาต่างหาก!
บัดนี้น้ำเสียงเด็ดขาดของเจ้าตัวเล็กได้ไปยั่วโมโหองค์หญิงใหญ่ให้หมดความอดทนมากยิ่งขึ้น
“นังเด็กเหลือขอ! เจ้าก็เหมือนกับแม่ของเจ้า นังแพศยา!”
ในขณะที่มู่เชียนกำลังพูด แส้เส้นยาวก็ถูกตวัดออกไป มันตัดผ่านอากาศฟาดเข้าไปที่แขนของมู่ไป๋ไป่เต็มแรง
เพี้ยะ!
“โอ๊ย!” ฝ่ายที่ถูกทำร้ายส่งเสียงร้องลั่น
การลงแส้ครั้งนี้มู่เชียนคงใช้พละกำลังทั้งหมดที่ตัวเองมีฟาดลงไปเพราะมันทำให้เสื้อผ้าของมู่ไป๋ไป่ขาดและเกิดบาดแผลที่มีเลือดไหลออกมาตรงบริเวณที่ถูกฟาด
ในเวลาเดียวกัน มู่ไป๋ไป่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และรู้สึกว่าหัวสมองเริ่มว่างเปล่า
ตอนนี้แขนเล็ก ๆ ของเธอรู้สึกชาวาบ จากนั้นไม่นานเลือดก็ค่อย ๆ ไหลจนมาถึงปลายนิ้ว
“เจ้าคิดจะมาแย่งเสด็จพ่อของข้าอย่างนั้นหรือ คิดว่าตัวเองชนะแล้วใช่หรือไม่! องค์หญิงหกไม่เคยได้รับความโปรดปรานมาแต่ไหนแต่ไร ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมานจนตายไปซะ! แต่ดูเหมือนว่าข้าจะคิดผิด ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะมีความสามารถมากเพียงใด!”
เพี้ยะ!
เสียงเฆี่ยนหนัก ๆ ฟาดเข้ามาที่แขนขวาของมู่ไป๋ไป่อีกครั้ง
“อ๊า!” แล้วก็มีเสียงเด็กร้องขึ้น
คราวนี้ร่างเล็กไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดได้อีกต่อไปจึงล้มลงกับพื้น
และเลือดจากแขนขวาของเธอก็ค่อย ๆ ไหลออกมาจนย้อมพื้นบริเวณนั้นเป็นสีแดง
เมื่อมู่เชียนเห็นว่าองค์หญิงหกล้มลงไปแล้ว นางก็รู้สึกพึงพอใจมาก นางถึงขั้นเงยหน้าหัวเราะเสียงดังโดยไม่รักษาอากัปกิริยาขององค์หญิงเลยด้วยซ้ำ
จากนั้นนางก็เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้วเหยียบมือที่บอบบางของมู่ไป๋ไป่ ก่อนจะก้มลงไปบีบคางของคนตรงหน้า
“นังแพศยา อย่าคิดว่าเจ้าแกล้งตายแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้านะ!”
ครั้นองค์หญิงใหญ่มองไปยังเด็กน้อยที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้น นางก็แค่นเสียงเย็นชา
ถัดมา นางตวัดแส้ในมือของตัวเองแหวกอากาศไปกำลังจะฟาดเข้าใส่มู่ไป๋ไป่ ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมสูงแทรกขึ้นมา
“ฮ่องเต้เสด็จ~”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: เสียงสวรรค์ชัด ๆ พ่อมา!!