บทที่ 28 : มุ่งสู่นิกายหลางหยาเทียนจง
บทที่ 28 : มุ่งสู่นิกายหลางหยาเทียนจง
ลู่ชิงซวนยิ้มอยู่ในใจเมื่อเห็นภารกิจที่ระบบมอบให้
มันคือสิ่งที่ใจเขาต้องการ และระบบก็มอบภารกิจให้พอดี!
ทันใดนั้น, สายตาของเขาหันไปตกที่ลู่เทียนหมิง
"ข้าต้องการไปนิกายหลางหยาเทียนจง เจ้าเต็มใจไปกับข้าไหม"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่เทียนหมิงก็ตกตะลึง
เขาไม่คาดคิดว่าผู้นำตระกูลของเขาจะขอให้เขาติดตามกลับไปที่นิกาย
แน่นอนว่าเขาเดาได้ว่าลู่ชิงซวนกำลังจะทำอะไรเมื่อไปนิกายหลางหยาเทียนจง
อย่างไรก็ตาม, เมื่อนึกถึงการแสดงพลังอันยิ่งใหญ่และความแข็งแกร่งอันลึกลับของลู่ชิงซวนเมื่อครู่
เขาก็เชื่อว่านิกายหลางหยาเทียนจงจะไม่สามารถทำอะไรผู้นำตระกูลของเขาได้
หลังจากลังเลเพียงครู่หนึ่ง ลู่เทียนหมิงก็กำหมัดทันทีและพูดว่า
"เทียนหมิงเต็มใจไป!"
ลู่ชิงซวนพยักหน้าเล็กน้อย เขาบอกผู้อาวุโสใหญ่สองสามคำ, จากนั้นจึงพาลู่เทียนหมิงมุ่งหน้าไปยังทิศทางของนิกายหลางหยาเทียนจง
…
กว่าครึ่งวันต่อมา
ณ นิกายหลางหยาเทียนจง
ที่นอกประตูภูเขา
ศิษย์หลายคนที่ประจำการอยู่นอกประตูภูเขา ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นร่างสองร่างพุ่งเข้ามา
เมื่อพวกเขามองดูอย่างใกล้ชิด พวกเขาก็เห็นชายหนุ่มรูปงามในชุดคลุมสีม่วงที่ดูแปลกตา พร้อมกับออร่าที่ไม่ธรรมดาอยู่เบื้องหน้า
และเมื่อพวกเขามองไปที่ชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ด้านหลัง ดวงตาของพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเผยให้เห็นถึงความตกตะลึง
"เฮ้ นั่นไม่ใช่ลู่เทียนหมิงที่นิกายกำลังตามหาตัวอยู่ไม่ใช่เหรอ?"
สำหรับชื่อของลู่เทียนหมิง เขาเป็นคนทรยศที่ชั่วร้ายในนิกายหลางหยาเทียนจง
ไม่นานมานี้ นิกายได้ขึ้นบัญชีลู่เทียนหมิงเป็นคนทรยศอันดับหนึ่งของนิกาย หากศิษย์คนใดสามารถจับกุมเขาและนำเขากลับมายังนิกายได้ เขาจะได้รับรางวัลมากมาย
พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นลู่เทียนหมิงกลับมายังนิกายหลางหยาเทียนจงด้วยตาของตนเองในขณะนี้ ซึ่งทำให้พวกเขาประหลาดใจ
ขณะที่ศิษย์ทุกคนกำลังสับสน ลู่ชิงซวนก็รีบไปที่ประตูภูเขาและยืนอยู่บนท้องฟ้า
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ศิษย์ที่ประจำการอยู่ที่นั่นกำลังจะพูดอะไร
พวกเขาก็เห็นฉากที่น่าตกใจในทันที
เมื่อลู่ชิงซวนโบกแขนเสื้อ…ยานเหาะสีเงินก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเเล้วบดขยี้ไปยังค่ายกลป้องกันภูเขาของนิกายหลางหยาเทียนจงในทันที
ตูม!
ในชั่วพริบตา ค่ายกลป้องกันภูเขาก็แตกออกเหมือนแจกันกระเบื้อง แล้วระเบิดขึ้นในความว่างเปล่า
ศิษย์เหล่านั้นที่ประจำการอยู่นอกประตูไม่มีแม้แต่เวลาที่จะตอบสนอง
ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้รับผลกระทบจากกระแสน้ำเชี่ยวกรากอันน่าสะพรึงกลัว และลอยถอยหลัง ราวกับใบไม้ร่วงที่ควบคุมไม่ได้ ทำให้เกิดผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
สิ่งที่ลู่ชิงซวนใช้คือ กระสวยทำลายสวรรค์ ซึ่งเป็นสมบัติวิเศษระดับสวรรค์ชั้นสูงสุดที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อทำลายค่ายกลขนาดใหญ่…พลังของมันไม่ธรรมดาเเม้เเต่น้อย
ในขณะที่ค่ายกลของนิกายหลางหยาเทียนจงแตกสลาย เสียงโกรธแค้นหลายเสียงก็ดังขึ้นภายในนิกาย
"ฮึ่ม! ใครมันบังอาจ!"
"กล้าทำลายค่ายกลของนิกายข้า เจ้าหาเรื่องตายหรืออย่างไร!"
ในชั่วพริบตา มันก็มีร่างปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าจากนิกายหลางหยาเทียนจงทีละคน
สีหน้าของพวกเขามืดมนอย่างยิ่ง และสายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ลู่ชิงซวนนอกประตูภูเขา
"ผู้นำตระกูลลู่ นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร"
ทันใดนั้น พร้อมกับเสียงทุ้มต่ำแห่งการตั้งคำถาม
ทุกคนก็เห็นร่างกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากส่วนลึกของนิกายหลางหยาเทียนจง
ผู้นำคือชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมลึกลับที่มีผมสีเทาประปรายปรากฏอยู่ที่ขมับของเขา
เขาคือ ซ่งหยาน เจ้าสำนักของนิกายหลางหยาเทียนจง
เบื้องหลังเขาคือกลุ่มผู้อาวุโสและศิษย์อีกหลายคน
ในขณะนี้ เมื่อพวกเขามองไปที่ลู่ชิงซวน แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าโกรธเกรี้ยว
พวกเขาจะไม่โกรธได้อย่างไร หากอีกฝ่ายกล้าทำลายค่ายกลป้องกันภูเขาของพวกเขาอย่างโจ่งแจ้ง?
ซ่งหยานมองลู่เทียนหมิงก่อน และเลิกคิ้วเล็กน้อย
จากนั้น, สายตาที่เฉียบคมราวกับเหยี่ยวของเขาก็จับจ้องไปที่ลู่ชิงซวน
สำหรับผู้นำตระกูลคนใหม่ของคฤหาสน์ราชาลู่ แน่นอนว่าเขาจดจำตัวตนของบุคคลผู้นั้นได้อย่างรวดเร็ว
ในราชวงศ์เทียนหยุน แม้แต่นิกายหลางหยาเทียนจง ก็ต้องให้เกียรติบุคคลที่มีสถานะเช่นนี้
เพราะเมื่อเทียบกับราชวงศ์เทียนหยุน, นิกายหลางหยาเทียนจงของพวกเขาไม่ได้มีค่าอะไรเลย
…..
ลู่เทียนหมิงมีแววตาหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้อาวุโสของนิกายหลางหยาเทียนจงปรากฏตัว
แต่เมื่อนึกถึงความแข็งแกร่งอันลึกลับของลู่ชิงซวนก่อนหน้านี้ เขาก็รู้สึกมั่นใจในทันที
ณ ขณะนี้…ลู่ชิงซวนเหลือบมองซ่งหยานและคนอื่นๆและพูดอย่างเฉยชา
"ถึงเวลาที่นิกายหลางหยาเทียนจงของพวกเจ้าต้องชดใช้หนี้แล้ว!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ศิษย์ส่วนใหญ่ของนิกายหลางหยาเทียนจงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย, มีเพียงตัวละครบางตัวที่รู้ความหมายของคำพูดเหล่านี้ เเละอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสีหน้า
ซ่งหยานเองก็หรี่ตาลงเล็กน้อย เขาจ้องมองลู่ชิงซวนด้วยแววตาเป็นประกายลึกล้ำ
ส่วนหนี้ที่ต้องชดใช้ แน่นอนว่าเขาในฐานะเจ้าสำนักรู้ดี
เพราะเขาเป็นคนสั่งฆ่าทุกคนในคฤหาสน์ราชาลู่เมื่อครั้งที่กำลังแย่งชิงโอกาสในต่างแดน
ทันใดนั้นที่เบื้องหลังซ่งหยาน
ผู้อาวุโสเก้าที่ใจร้อนก็ลุกขึ้นยืนโดยตรง แล้วพูดอย่างเย็นชา
"ผู้นำตระกูลลู่ ท่านกำลังยั่วยุนิกายหลางหยาเทียนจงของเรางั้นหรือ?"
"ท่านกล้าทำลายค่ายกลและสังหารศิษย์ของนิกายข้า งั้นก็อย่าโทษนิกายของข้าที่ไม่ให้เกียรติราชวงศ์เทียนหยุน"
"ถ้าวันนี้พวกท่านไม่ให้คำอธิบายกับนิกายของเรา..."
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ผู้อาวุโสเก้าจะพูดจบ…ลู่ชิงซวนก็ลงมือแล้ว
เขายกมือขวาขึ้น ใช้นิ้วทั้งห้ารวมกัน และฟาดฟันในอากาศ
ตูม!
นิ้วดาบหยวนชิงที่ก่อตัวขึ้นจากพลังงานและฟาดฟันไปที่ผู้อาวุโสเก้า
ก่อนที่ผู้อาวุโสเก้าจะตอบสนองได้ ร่างกายของเขาก็แยกออกเป็นสองซีกพร้อมโลหิตที่สาดกระเซ็นสู่ความว่างเปล่า
ฉากนี้ทำให้ซ่งหยานและผู้อาวุโสคนอื่นๆ มองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ลู่ชิงซวนช่างหยิ่งยโสนัก เขาถึงกับกล้าสังหารผู้อาวุโสอาณาจักรแก่นแท้ลึกล้ำขั้นที่เก้า ต่อหน้าพวกเขาทั้งหมด
ศิษย์นิกายหลางหยาเทียนจงคนอื่นๆต่างก็มีสีหน้าหวาดกลัว
พวกเขามองไปที่ลู่ชิงซวนด้วยความหวาดผวา ชายคนนี้กล้าฆ่าผู้อาวุโสของนิกายอย่างโจ่งแจ้ง เขาไม่ต่างอะไรกับปีศาจ
"รนหาที่ตาย!"
ทันใดนั้น ผู้อาวุโสหกผู้อยู่ในอาณาจักรวังวิญญาณขั้นที่สามก็คำรามด้วยความโกรธ
เขาถือหอกมังกรเงินไว้ในมือ ในพริบตาเขาก็บินไปเบื้องหน้าลู่ชิงซวนและแทงหอกออกไป
ตูม!
เงาหอกที่ราวกับภูเขานับพันซ้อนทับกันก็พุ่งทะลุเข้าหาลู่ชิงซวนอย่างรวดเร็ว
ความว่างเปล่าระเบิด ก่อเกิดความปั่นป่วนที่บดขยี้ท้องฟ้า
ลมหายใจของทุกคนหยุดนิ่งเมื่อเห็นฉากนี้
เเต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ลู่ชิงซวนก็ยกมือขึ้นและกดลงไปในความว่างเปล่า
ทันใดนั้น, ปลายหอกก็ดูเหมือนจะแข็งค้างเเละไม่สามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้
เมื่อผู้อาวุโสหกเห็นเช่นนี้ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง และเกิดคำถามขึ้นในใจ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะตอบสนองได้ พลังที่แข็งแกร่งราวกับภูเขาก็รามมาจากหอก ซึ่งทำให้เขาชาวาบ และจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงคลิก…นิ้วทั้งห้าของเขาก็หักสะบั้น
ฉวยโอกาสนี้ ลู่ชิงซวนก็คว้าหอกมังกรเงินด้วยมือใหญ่
เมื่อเห็นดังนั้น ผู้อาวุโสหกก็หวาดกลัวเเล้วถอยหนีเหมือนสายฟ้า
"ตาย!"
ลู่ชิงซวนตะโกนเบา ๆ พลิกปลายหอกในมือ และโยนขึ้นไปในอากาศ
ตูม!
หอกนั้นทะลุผ่านความว่างเปล่า, แทงทะลุร่างของผู้อาวุโสหกอย่างรุนเเรงจนร่างกายผู้อาวุโสหกระเบิด
วูบ!
ในขณะเดียวกัน แสงสีดำก็ปรากฏขึ้นจากหมอกโลหิต เผยให้เห็นวิญญาณของผู้อาวุโสหก
ผู้อาวุโสหกที่ฟื้นคืนวิญญาณ เต็มไปด้วยความรู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งเดินผ่านประตูนรกมา
ลู่เทียนหมิงดูตื่นเต้นกับฉากนี้อย่างมาก และสายตาที่มองไปที่ลู่ชิงซวนก็เต็มไปด้วยความชื่นชม
เขาไม่คาดคิดว่าความแข็งแกร่งของผู้นำตระกูลของเขาจะน่ากลัวขนาดนี้!
เเต่สำหรับทุกคนในนิกายหลางหยาเทียนจง พวกเขาต่างตกตะลึงโดยสิ้นเชิง
ใบหน้าของพวกเขามีทั้งความตกใจ, ความโกรธ, และความหวาดกลัว
ผู้อาวุโสอาณาจักรวังวิญญาณขั้นที่สามไม่สามารถต้านทานลู่ชิงซวนได้เเม้เเต่น้อย!?
นี่มันน่ากลัวเกินไปเเล้ว!
เเละก่อนที่ซ่งหยานและผู้อาวุโสคนอื่นๆจะได้ตอบสนอง ผู้อาวุโสหกก็ถูกแทงจนร่างระเบิดโดยลู่ชิงซวน
ลู่ชิงซวนมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวแบบใด ถึงสามารถทำเช่นนี้ได้?
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง ลู่ชิงซวนก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
"หืม…เขายังไม่ตาย!"
เมื่อเห็นวิญญาณที่กำลังจะหลบหนี ลู่ชิงซวนก็เลิกคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือขึ้นและชี้ไปยังวิญญาณนั้นอีกครั้ง
"เจ้าสำนัก ช่วยข้าด้วย!!!"
ผู้อาวุโสหกดูหวาดกลัวถึงกับกรีดร้อง…ตอนนี้พลังวิญญาณของเขาราวกับกำลังลุกไหม้ จนเขาจำต้องหันหลังกลับและวิ่งหนี!
เมื่อเผชิญหน้ากับลู่ชิงซวนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ เขาไม่มีความกล้าที่จะต่อกรกับอีกฝ่ายอีกต่อไป
เมื่อเห็นฉากนี้ ซ่งหยานก็ตะโกนก้อง
"ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสสาม ลงมือพร้อมกัน!"
ทันทีที่คำพูดของเขาหลุดออกมา เขาก็ยื่นมือออกไป และเป็นผู้นำในการฟาดฝ่ามือออกไปจากระยะไกล
ตูม!
ฝ่ามือขนาดประมาณสิบฟุตปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าพร้อมพลังอันมหาศาล
ในขณะนี้ แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของลู่ชิงซวน แต่เขาก็ยังรู้ว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน
เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์พลิกผัน เขาสั่งให้ผู้อาวุโสทั้งสองลงมือพร้อมกันทันที
หลังจากได้รับคำสั่ง ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสสามก็ลงมือพร้อมกัน
"ฟาดฟัน!"
ผู้อาวุโสใหญ่ตะโกนอย่างรวดเร็ว
ดาบสีเขียวขนาดสามฟุตอยู่ในมือของเขา ฟาดฟันออกไป…ปราณดาบทะลุผ่านความว่างเปล่าด้วยรัศมีสังหารอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสสามก็ชกออกไปอย่างดุเดือด
เงาหมัดที่เหมือนกับวังวนพายุฝนฟ้าคะนอง…เต็มไปด้วยพลังสายฟ้าอันแผดเผาก็บดขยี้ความว่างเปล่าทันที
ผู้แข็งแกร่งแห่งอาณาจักรวังวิญญาณขั้นปลายทั้งสามร่วมมือกัน…พลังนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนในนิกายหลางหยาเทียนจงก็จ้องมองไปเพื่อดูละครฉากใหญ่
พวกเขาต้องการดูว่าลู่ชิงซวนจะเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไร
จากระยะไกล สีหน้าของลู่เทียนหมิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเห็นแล้วว่าซ่งหยานและคนอื่นๆ ตระหนักถึงพลังของผู้นำตระกูล…พวกเขาจึงลงมือพร้อมกันในทันที
คนที่มีพลังมากที่สุดสามคนจากนิกายหลางหยาเทียนจงลงมือพร้อมกัน…สามารถจินตนาการได้ว่าระดับพลังของการโจมตีนี้จะน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
สิ่งนี้ทำให้ลู่เทียนหมิงอดกังวลไม่ได้
เเต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีและสกัดกั้นโดยซ่งหยานและคนอื่นๆ ลู่ชิงซวนก็ดูเฉยชาเหมือนปกติ
"ไม่มีใครในโลกนี้หยุดคนที่ข้าต้องการฆ่าได้!"
เสียงยังคงสั่นสะเทือนในความว่างเปล่า ร่างของเขาแผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้า และระดับการฝึกฝนของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างเงียบ ๆ
………………………