ตอนที่แล้วChapter 38: กล้องยาเส้นและหมวกนักสืบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 40: ภารกิจย่อย

Chapter 39: คดีแรก


"ได้โปรด ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณต้องการ! ผมจะทำทุกอย่างที่คุณร้องขอตราบเท่าที่อยู่ในอำนาจผม!" ฮันเตอร์ให้สัญญา

"ท่านครับ ใจเย็นก่อน ผมต้องรู้ก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นถึงจะให้ความช่วยเหลือได้" ฉินหรานพยายามแสดงท่าทางให้เหมาะสมกับสถานะของเขา

ในชีวิตจริง ฉินหรานไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรกับการสืบสวนเลยสักนิด ความทรงจำที่เขาได้รับมาผ่านลูกกุญแจก็ไม่ได้รวมถึงความสามารถในการสืบสวนสอบสวนเลยด้วยเช่นกัน ดังนั้น สิ่งเดียวที่ฉินหรานสามารถใช้เป็นต้นแบบก็คือหนังสือและภาพยนตร์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเชอร์ล็อก โฮมส์

เขาจำต้องเลียนแบบทุกอย่าง วิธีการพูด วิธีการเคลื่อนไหว ทุกอย่างเลย มันดูจะใช้กับนักธุรกิจผู้นี้ได้ผล

ผู้ชายคนนั้นสงบลง และพูดต่อ "โอ้ ต้องขออภัยที่เสียมารยาท ผมกังวลมาก! ได้โปรดเข้าใจด้วยว่าลูกสาวของผมหายตัวไป ในฐานะคนเป็นพ่อ ผมกังวลใจมากจริง ๆ" เขาขออภัยก่อนที่จะอธิบายเรื่องราวเพิ่ม "เช้าเมื่อวานพวกเราก็พบว่าทิลลี่หายตัวไปจากคฤหาสน์ ผมกับภรรยาอยู่ที่นี่และพวกเราบอกให้สาวใช้ไปตามทิลลี่มาทานอาหารเช้า แต่ห้องของเธอล็อกไว้จากด้านใน ภรรยาของผมไปเคาะประตูเรียกแต่เธอไม่ตอบ ผมให้คนพังประตูเข้าไปแล้วก็พบว่าในห้องไม่มีคนอยู่! ผมส่งคนออกตามหาทิลลี่แต่ยังไม่ได้ข่าวอะไรเลย ไม่มีร่องรอยของทิลลี่เลยทั้งด้านในและด้านนอกบ้าน!" ฮันเตอร์อธิบายเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบเป็นลำดับ ภรรยาของเขาอยู่เงียบ ๆ ตลอดการพูดคุย เธอดูเศร้าหมองมากขึ้นเมื่อฮันเตอร์พูดจบ

"ผมขอดูห้องของคุณอัลทิลลี่ได้ไหมครับ?" ฉินหรานถาม

"ได้แน่นอน!" ฮันเตอร์และภรรยาตอบ และพาฉินหรานขึ้นไปชั้นบนสุดของคฤหาสน์

"ชั้นนี้เป็นที่อยู่ของผมและภรรยา รวมทั้งทิลลี่ด้วย นี่เป็นห้องของเธอ!" ฮันเตอร์อธิบายในขณะเปิดประตูห้องทางซ้ายมือของเขา

มันเป็นห้องเด็กผู้หญิงทั่วไป เต็มไปด้วยสีชมพูและตกแต่งด้วยตุ๊กตามากมาย ฉินหรานเดินเข้าไปในห้องและเริ่มทำการตรวจสอบ

เขาเปิดใช้สกิล [ตามรอย]

ถ้าจะมีอะไรช่วยเขาแสดงเป็นนักสืบได้ ก็คือสกิลนี้นี่แหละ

เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ฉินหรานยอมรับคำว่านักสืบได้ตั้งแต่แรกโดยไม่มีคำถามอะไร

เมื่อเปิดใช้ [ตามรอย] ทุกอย่างตรงหน้าของเขาก็ดูชัดเจนขึ้น มีรอยเท้าสีขาวเลอะเทอะอยู่เต็มพื้น หลังจากเปรียบเทียบอยู่ครู่หนึ่งฉินหรานก็ยืนยันได้ว่าเป็นรอยเท้าของฮันเตอร์เอง

ดูเหมือนว่าฮันเตอร์ส่งคนออกไปตามหาลูกสาวในขณะที่เขาค้นในห้องด้วยตัวเอง

แต่ว่า พวกเขาไม่ได้ค้นหาถูกที่ถูกทาง

ฉินหรานกวาดตามองไปทั่ว ๆ นอกจากรอยเท้าของฮันเตอร์ มีรอยเท้าอีกสองแบบในห้อง ทั้งสองรอยมีขนาดเล็กกว่าของฮันเตอร์ หลังจากเปรียบเทียบอยู่อีกครู่ เขาก็คิดว่าหนึ่งในนั้นเป็นของภรรยาของฮันเตอร์ และอีกหนึ่งเป็นของอัลทิลลี่ รอยเท้าของอัลทิลลี่นั้นเป็นระเบียบ ไม่วุ่นวายเหมือนของพ่อกับแม่เธอ มันเป็นเดินกลับไปมาระหว่างหน้าต่างและเตียงนอนซ้ำหลายรอบ และไปที่ตำแหน่งอื่น ๆ อีกเล็กน้อย

เมื่อมองตามรอยเท้าไป มีสองจุดที่สะดุดความสนใจของฉินหรานได้ทันที

จุดแรกคือที่กรอบไม้ของหน้าต่าง ซึ่งเขามองเห็นรอยตะขอสามอันที่ด้านในห้อง

จุดที่สองคือที่พรมข้างเตียง ซึ่งมีสองรอยเห็นชัดว่ามาจากการลากกล่องสักใบ ฉินหรานสามารถบอกได้จากการมองว่ารอยนั่นเกิดจากกล่อง หลังจากสังเกตเห็นทั้งสองจุด เขาก็ไปดูที่อีกด้านของเตียงและหน้าต่างที่เปิดออกด้านนอก เมื่อวานนี้มีฝนตก แม้ว่าเขาจะมีสกิล [ตามรอย] ระดับผู้มีฝีมือ มันก็ไม่มีอะไรเหลือให้เขาเห็นอีก

เงื่อนงำทางด้านนอกถูกล้างออกไปจนหมด แต่ในห้องนั้นเป็นอีกเรื่องเลย ฉินหรานก้มลงมองใต้เตียง

"ทิลลี่เป็นเด็กที่เชื่อฟังมาก เธอเรียนที่โรงเรียนคริสตจักร และเธอก็เป็นสุภาพสตรีตัวน้อย ๆ ทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน..." ตอนที่ฉินหรานกำลังทำการตรวจสอบ พ่อของอัลทิลลี่ก็ชื่นชมลูกสาวเหมือนที่พ่อสักคนจะเป็นเมื่ออยู่กับคนแปลกหน้า ก่อนที่ฮันเตอร์จะพูดจบ ฉินหรานก็ดึงเอากล่องใบหนึ่งออกมาจากใต้เตียงของอัลทิลลี่ นั่นทำให้เขาชะงัก

กล่องนั้นถูกซ่อนเป็นอย่างดีู่ภายในช่องว่างบนพื้น ถ้าไม่ใช่เพราะสกิล [ตามรอย] ของฉินหรานตรวจพบรอยลากที่น่าจะเกิดจากกล่องสักใบก็คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะหากล่องนี่เจอ

"นั่นอะไรน่ะ?" ฮันเตอร์และภรรยามองตากันเมื่อพวกเขาเห็นฉินหรานดึงกล่องออกมาจากใต้เตียงลูกสาวของพวกเขา ดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

ฉินหรานส่ายหน้าขณะที่ตรวจดูกล่อง มันล็อกไว้

"ผมเปิดได้ไหม?" ฉินหรานถาม ชี้ไปที่กุญแจที่ล็อกไว้

"แต่นี่เป็นของส่วนตัวของทิลลี่..." ภรรยาของฮันเตอร์พูดด้วยเสียงเศร้า ๆ เธออยากจะห้ามไม่ให้ฉินหรานเปิดกล่องนั่น แต่เธอถูกสามีห้ามไว้

"ทิลลี่หายตัวไป! เราต้องหาเธอให้เจอ!" ฮันเตอร์ขึ้นเสียงเพื่อเตือนภรรยาถึงสถานการณ์ปัจจุบัน

แล้วเขาก็เห็นว่าภรรยาของเขาตาแดงมีน้ำตารื้น มองหน้าตาเศร้าสร้อยของเธอ เขาก็ตระหนักได้ว่าพูดแรงไป

"ที่รัก ผมขอโทษ! ผมกังวลมาก ให้อภัยผมนะ" ฮันเตอร์กอดภรรยาไว้สีหน้าเสียใจ

"ฉะ.. ฉันเข้าใจค่ะ" ภรรยาของเขาพูดทั้งน้ำตาคลอ ๆ เธอขอโทษฉินหรานและรีบขอตัวออกไปจากห้อง

"ขออภัยแทนภรรยาของผมด้วย ทิลลี่เป็นเหมือนสมบัติล้ำค่าของเธอ ทั้งเธอและผมนั่นแหละ ผมไม่เคยรู้สึกกระวนกระวายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ภรรยาของผมก็เช่นกัน ผมติดต่อตำรวจหวังว่าพวกเขาจะช่วยหาทิลลี่ได้ แต่พวกเขาปฏิเสธ พวกเขาบอกว่าตอนนี้คนไม่พอและมีคดีอื่นอยู่ผมถึงได้เชิญคุณมา ผมบอกคุณตามตรงและหวังว่าคุณจะเข้าใจ" ฮันเตอร์พูดเสียงต่ำ

"ไม่ต้องห่วง" ฉินหรานพยักหน้าให้ เขาจำได้ว่าพ่อบ้านพูดว่าตำรวจไม่ยินดีช่วย

"ผมจะไปเอาอุปกรณ์มาเปิด" ฮันเตอร์เสนอและเดินออกไปจากห้อง

ฉินหรานรออย่างใจเย็น หลังจากได้พูดคุยกับคนทั้งคู่ช่วงสั้น ๆ ฉินหรานก็บอกได้ว่าทั้งคู่นิสัยดี มีการศึกาา และรักลูกสาวของพวกเขามาก ถึงได้รู้ว่าลูกสาวมีความลับซ่อนไว้ก็ยังคิดปิดเรื่องไว้กับตัว

ฮันเตอร์ถึงได้ออกไปเอาอุปกรณ์ด้วยตัวเอง

ที่นี่มีคนรับใช้มากมาย ที่เขาต้องทำก็แค่เรียกให้คนเอาอุปกรณ์มาให้เท่านั้นเอง

ฉินหรานรออยู่ครู่หนึ่ง ประมาณห้านาทีให้หลังฮันเตอร์ก็กลับมาพร้อมค้อน เขาไม่พูดไม่จาแค่ใช้ค้อนตอกให้แม่กุญแจหลุดจากกล่องโดยตรง

กล่องเปิดออก ด้านในไม่ได้มีอะไรมาก

กริชเล่มหนึ่ง ปืนคาบศิลากระบอกหนึ่ง และดินปืนอีกถุงหนึ่ง

ของพวกนี้กินพื้นที่ราว ๆ ครึ่งหนึ่งของกล่อง จากการค้นพบนี้ ฉินหรานคาดเดาได้ว่าเดิมในกล่องมีอะไรอยู่

อาวุธ!

อาวุธที่มีอันตรายมากกว่าที่ถูกทิ้งเหลือไว้

"ทิลลี่!" ฮันเตอร์คำรามชื่อของลูกสาวออกมายกมือกุมหน้าผาก

ฮันเตอร์ไม่ได้โง่ เขาเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่และเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง เช่นเดียวกับฉินหราน เขาเองก็เดาได้ว่าสิ่งที่หายไปจากในกล่องคืออะไร

"ผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สามารถยืนยันกับคุณได้ว่าคุณหนูอัลทิลลี่ไม่ได้ถูกลักพาตัว เธอหายตัวไปด้วยความตั้งใจของตัวเธอเอง มีรอยตะขอที่หน้าต่าง แต่เมื่อวานนี้ฝนตกเพราะฉะนั้นตอนนี้ผมสามารถบอกได้เพียงแค่นีี้" ฉินหรานเดินไปที่หน้าต่างและชี้ไปที่รอยตะขอ

"บ้าเอ๊ย! ทำไมผมไม่เจอมันก่อนหน้านี้? ไม่อย่างนั้นผมอาจจะพาทิลลี่กลับมาได้แล้ว!" ฮันเตอร์ดูเสียใจมากเมื่อเห็นรอยตะขอ

"เซอร์ฉินหราน กรุณาช่วยผมตามหาลูกสาวด้วย!" ผลงานอันโดดเด่นของฉินหรานได้ความเชื่อถือจากนักธุรกิจและเขาก็แสดงมันออกอย่างตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ธนบัตรปึกหนึ่งถูกวางลงในมือของฉินหราน เป็นธนบัตร 10 เหรียญ รวมแล้วประมาณ 500 เหรียญ จากความทรงจำในสถานะใหม่ของเขานี้ ฉินหรานรู้ว่านี่เป็นจำนวนเงินสูงมาก ในดันเจี้ยนนี้ คนทั่วไปได้รับเงินราว ๆ 30-40 เหรียญต่อเดือน

"นี่เป็นมัดจำ ถ้าคุณตามเจอทิลลี่ ผมจะให้รางวัลคุณอย่างงาม!" ฮันเตอร์สัญญา

"ผมจะลองดูว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง!" ฉินหรานไม่ปฏิเสธ เขายอมรับเงินมาอย่างสง่างาม

แม้ว่าเงินที่นี่จะไม่มีมูลค่าสำหรับเขา แต่มันก็เป็นประโยชน์ต่อสถานะเขาในดันเจี้ยนนี้

[ชื่อ: ธนบัตรหนึ่งกอง]

[ชนิด: อื่น ๆ]

[การนำออกจากดันเจี้ยน: ไม่ได้]

[หมายเหตุ: เป็นสิ่งที่พวกเขาใช้เป็นเงินในดันเจี้ยนนี้]

...

ฮันเตอร์และฉินหรานยืนอยู่หน้ารูปวาดของอัลทิลลี่ที่เติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ ฮันเตอร์กำลังเล่าเรื่องลูกสาวของตนให้ฉินหรานฟังเมื่อตอนที่พ่อบ้านหน้าตาใจดีรีบเข้ามา

"นายท่าน! สารวัตรจอห์นส่งคนมาขอรับ เขาบอกว่ามีคนพบศพที่ดูคล้ายคุณอัลทิลลี่ขอรับ!" พ่อบ้านพ่นทุกอย่างออกมาเมื่อฮันเตอร์ให้สัญญาณอนุญาตให้พูด มีความลังเลนิด ๆ อยู่ในคำพูดของเขา

ฉินหรานมองเห็นชัดว่าสีหน้าของฮันเตอร์ซีดขาวลงทันทีเมื่อได้ยินข่าว เขากำหมัดแน่นเปลี่ยนสีหน้าไปเป็นสิงโตเกรี้ยวกราด กลิ่นอายเย็น ๆ แผ่ออกมาจากตัวฮันเตอร์ ทำให้คนรอบ ๆ รู้สึกเย็นสันหลังวาบ

รังสีฆ่าฟัน

ฉินหรานมองฮันเตอร์อย่างประหลาดใจ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฮันเตอร์ปิดบังอะไรไว้มากมายภายใต้รูปลักษณ์คุณพ่อแสนดี แต่ฉินหรานก็ไม่ถามอะไรเขา

ทุกคนย่อมมีความลับของตัวเองใช่ไหมล่ะ?

"คุณฮันเตอร์ ใจเย็นก่อน แค่ดูเหมือนเธอ พวกเรายังไม่รู้แน่ชัด ยังไงพวกเราไปดูศพก่อนดีไหม?" ฉินหรานถามฮันเตอร์ เขาต้องการให้ฮันเตอร์ใจเย็นลงและวางแผน

ฮันเตอร์พยักหน้าและสั่งพ่อบ้านทันที "ไมค์ เตรียมรถม้าเดี๋ยวนี้! และจำไว้ เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับจากคุณผู้หญิง!"

"ขอรับ นายท่าน!" พ่อบ้านรีบไปทำตามคำสั่งของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด