ตอนที่แล้วเรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 11
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 13

เรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 12


[แปลโดยแฟนเพจ ยักษาแปร มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนหรือแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่มีการแก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]

<เรื่องราวของไรก็ได้ ตอนที่ 12  >

***********

ช่วงกลางดึก

แต่ในเมืองใหญ่ที่มีผู้คนเป็นล้านคนนี้ไม่เคยหลับใหล

แสงไฟจากตึกต่างๆ สว่างไสวราวกับกองไฟขนาดใหญ่ที่ลุกโชนอยู่ทั่วเมือง รถยนต์วิ่งไปมาบนท้องถนน สร้างแสงสีที่เคลื่อนไหว

มันเกือบจะเป็นแบบนี้มาโดยตลอด

อย่างน้อยก็เท่าที่ไรก็ได้จำได้

แต่ตอนนี้ เธอเห็นภาพที่ไม่คุ้นเคยปรากฏอยู่ตรงหน้า

“…….”

เมืองทั้งเมืองมืดมิด

มีเพียงเงาของตึกสูงที่ปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงจันทร์

เมืองใหญ่ที่มีประชากรนับล้านจมอยู่ในความมืดมิดราวกับบึงสีดำ

‘มันเป็นไปได้ยังไง?’

ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอเคยรู้จักอีกต่อไป

มันคือดินแดนแห่งปีศาจที่อยู่นอกโลก

เป็นเพียงแค่ของปลอมที่เลียนแบบกรุงโซล

‘เป็นไปไม่ได้’

เป็นไปได้ยังไงที่คนทั้งเมืองจะอพยพออกไปภายในสองวัน

ไม่มีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นใช่มั้ย?

ถ้าเป็นอย่างนั้น รถคงติดยาวเหยียดไปทั่วเมือง

ขนาดช่วงเทศกาลคนกลับบ้านยังติดขนาดนั้น แล้วนี่ผู้คนทั้งเมืองอพยพ

มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย

ไม่ว่าเธอจะมีคำถามมากมายแค่ไหน แต่ก็แทบไม่มีใครอยู่เลย

ผู้คนหายไปไหนกันหมด?

แม่และเพื่อนๆ ของเธอปลอดภัยหรือเปล่า?

ความจริงแล้ว เธอพยายามโทรหาพวกเขาเมื่อครู่นี้ แต่ได้รับแจ้งว่าอยู่นอกพื้นที่ให้บริการ

‘หรือว่าฉันกำลังฝันอยู่?’

ถ้าไม่ใช่ฝัน ทั่วทั้งโซลจะเป็นแบบนี้ภายในคืนเดียวได้ยังไง

‘โลกทั้งใบถูกสะกดจิต’

ดูเหมือนสถานการณ์จะเหนือจริงและยิ่งใหญ่กว่าที่ไรก็ได้จินตนาการไว้

‘เกาหลีกำลังจะล่มสลายหรือเปล่า?’

ไรก็ได้เอนตัวพิงราวบันได มองลงไปที่เมืองเบื้องล่าง

ที่นี่คือดาดฟ้าของอาคารร้างที่เธอเคยถูกจับตัวมา

เธอคิดว่าการค้างคืนที่บ้านคงไม่ปลอดภัย จึงตัดสินใจกลับมาที่เดิม

‘ในโซลถ้าหยุดทำงานหนึ่งวันจะเสียหายเท่าไหร่? 1 ล้านล้านวอน? 2 ล้านล้านวอน?’

ความคิดฟุ้งซ่านไร้สาระผุดขึ้นมาในหัว

ถ้าไม่คิดอะไรเพ้อเจ้อแบบนี้เธอคงสติแตกแน่ๆ

หรือเธอควรจะกลับไปบอกพวกเขาตอนนี้?

บอกว่าเธอทนไม่ได้ที่จะเข้าไปพัวพันกับเรื่องแบบนี้ มันน่ากลัวเกินไป

สถานการณ์ตอนนี้ยากและน่ากลัวกว่าที่เธอคาดไว้

เธอไม่ใช่ฮีโร่

เธอเป็นแค่คนธรรมดา

ดังนั้น... เธอจึงยังคงคิดเพ้อเจ้อต่อไป

เพื่อไม่ให้ตัวเองกลัว

“ตรงนี้ลมมันเย็นนะครับ ไม่อยากเข้าไปข้างในเหรอ?”

ความคิดของไรก็ได้ในยามดึกถูกขัดจังหวะด้วยเสียงที่ไม่คุ้นเคย

ไรก็ได้หันกลับไป

อารอนกำลังเดินเข้ามาหาเธอ

ตอนนั้นเธอตื่นตระหนกเกินกว่าจะรู้ตัว

แต่ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้ว มันไม่สมเหตุสมผลเลย

ฮีโร่ในเกมมาหาเธอในโลกแห่งความเป็นจริง

“อ๊ะ สวัสดีค่ะ”

ไรก็ได้ทักทายอย่างเขินๆ

อารอนโค้งคำนับอย่างสุภาพ

“สวัสดีครับ”

บรรยากาศเงียบงันไปชั่วขณะ

ไรก็ได้เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน

“เอ่อ คือ...”

“ครับ”

“คือ... คุณคืออารอน เดลเคิร์ดแห่งทาวน์เนีย ใช่ไหมคะ? ใช่จริงๆ ใช่ไหม? อาวุธที่ใช้คือหอก ใช่คนที่เดินทางกับฮาน แล้วก็ไปเรียนที่เนลม์ไฮมฟ์...”

“ใช่ครับ”

“คุณคือฮีโร่จากเกมพิกมีอัพที่ฉันเล่น จริงๆ ใช่ไหมคะ? ฉันไม่ได้เห็นภาพหลอนไปเองใช่มั้ย?”

“แน่นอนครับ ถ้าคุณปฏิเสธ ผมก็คงไม่รู้จะพูดอะไร”

“ไม่ ไม่ค่ะ ฉันแค่ถามดูเฉยๆ”

บทสนทนาเงียบลงอีกครั้ง

ครู่หนึ่ง ไรก็ได้ก็พูดขึ้นอีกครั้ง

“ฉันเป็นยังไงบ้างคะ?”

อารอนมองไปที่ไรก็ได้

สีหน้าของเขาเรียบเฉย

ในฐานะนายท่าน เธอทำหน้าที่ได้ดีกับเหล่าฮีโร่หรือเปล่า?

ปกติแล้วคงไม่มีทางสื่อสารกันได้

มันเป็นการถามตอบที่เป็นไปได้แค่ในจินตนาการ

แต่คำถามนั้น ไรก็ได้ก็ถามออกไปแล้ว

“ในฐานะนายท่านของทาวน์เนียร์ ฉันทำหน้าที่ได้ดีไหมคะ?”

“…….”

“นี่เป็นเกมแรกของฉันเลยนะคะ แต่ฉันก็พยายามเต็มที่แล้ว...”

มันเป็นเกมแรกของเธอจริงๆ

ปกติเธอชอบเล่นเกมอย่างแคทรีเออร์มากกว่า

แต่พอเริ่มทำงาน เธอก็เลิกเล่นไป และระหว่างที่กำลังมองหาเกมเล่นฆ่าเวลา เธอก็ได้เจอกับพิกมีอัพโดยบังเอิญ

“คุณคงไม่ชอบฉันเท่าไหร่ใช่ไหมคะ?”

เธอถามตรงๆ

อารอนเงียบ

“ตอนนี้พอมองย้อนกลับไป ฉันเล่นได้แย่มากเลยค่ะ แม้แต่ชื่อเล่นก็ยังตั้งแบบขอไปที ฉันไม่ได้คิดอะไรเลย”

ไรก็ได้งั้นเหรอ

มันเป็นคำย่อของ 'อะไรก็ได้' แต่แบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน

มันเป็นชื่อที่แสดงถึงความไม่ใส่ใจและไม่กระตือรือร้น

ก็ตอนที่เธอเริ่มเล่น เธอแค่ต้องการฆ่าเวลาและกะจะลบทิ้งอยู่แล้วนี่นา

‘อยากเปลี่ยนจัง’

เธออยากให้เขาจำเธอได้ด้วยชื่อที่เท่และน่าประทับใจกว่านี้

แต่พิกมีอัพไม่มีฟังก์ชั่นเปลี่ยนชื่อเล่น

“แล้วก็... แล้วก็...”

เธอแทบไม่ได้อ่านคำแนะนำในการเล่น

แค่กดผสมมั่วๆ แล้วเล่นไปตามใจตัวเอง

สำหรับเธอในตอนนั้นพิกมีอัพเป็นแค่เกมคลายเครียดเท่านั้น

“แต่สำหรับพวกคุณ มันไม่ใช่แบบนั้นใช่ไหมคะ?”

ไรก็ได้มองเข้าไปในดวงตาของอารอน

ใช่แล้ว

สำหรับเธอมันเป็นเกม

แต่สำหรับพวกเขา มันคือชีวิต

'ถ้าเธอรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่จริงๆล่ะก็'

ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอคงจะเล่นเกมอย่างระมัดระวังมากขึ้น เพื่อไม่ให้ใครต้องตาย

หรือบางที เธอไม่ควรเล่นเกมแบบนี้ตั้งแต่แรก

หรือเธอควรจะอ่านคู่มือก่อนดี

เธอไม่รู้

ไม่มีทางรู้ได้

“ครับ”

อารอนตอบ

ด้วยความจริงใจเสมอ

“ทุกการกระทำที่ไร้ความคิดของนายท่าน คือการเดิมพันชีวิตของพวกเรา”

“…….”

“มันทำให้ผมนึกถึงตัวเองตอนเด็กๆ ที่ชอบเล่นกับมดที่เดินผ่านไปมา ตอนนั้น... ผมไม่ได้คิดอะไรเลย แค่ความอยากรู้อยากเห็น ผมก็เหยียบมดที่กำลังขนอาหารตาย”

อารอนยิ้มอย่างขมขื่น

“บางครั้งผมก็คิดว่า บางทีนี่อาจเป็นการลงโทษสำหรับสิ่งที่ผมทำกับมดในตอนนั้น”

ไรก็ได้กล่าว

“คุณกำลังโทษฉันอยู่สินะคะ”

“ครับ ผมเคยโทษคุณ”

“..”

การได้ยินคำพูดเหล่านั้นต่อหน้า ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ไรก็ได้ก้มหน้าลง

“แต่... นั่นมันเรื่องในอดีต ตอนนี้ผมไม่ได้โทษคุณแล้วครับ”

“ที่คุณไปเนลม์ไฮมฟ์ เพราะคุณไม่เชื่อใจฉันใช่ไหมคะ?”

“นั่นเป็นความผิดของผม ไม่ใช่ความผิดของคุณเลยครับ”

อารอนยิ้ม

“คุณอาจจะเข้าใจผิดได้ง่ายๆ แต่มันมีเหตุผลหลายอย่าง โปรดเข้าใจด้วยนะครับ”

“ค่ะ ค่ะ แต่เรื่องเมื่อก่อน...”

“ตอนนี้ผมไม่ได้โทษคุณแล้วครับ นายท่านไรก็ได้ในตอนนั้นก็คงทำอะไรไม่ได้ หรืออาจจะ...”

อารอนมองตรงไปที่เธอ

แล้วเขาก็โค้งคำนับ

“ผมรู้สึกขอบคุณมากด้วยซ้ำ”

“คะ?”

“นายท่านไม่เคยยอมแพ้ นายท่านสู้จนถึงที่สุด”

“สู้เหรอคะ? ฉันแค่เล่นเกมเองนะ?”

“ถึงอย่างนั้น คุณก็ไม่เคยทิ้งพวกเรา คุณอยู่ต่อสู้เคียงข้างพวกเราจนถึงที่สุด แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ผมต่างหากที่ต้องขอโทษที่จากไปก่อนและไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก”

อะไรนะ?

เธอตกใจและถอยหลังไป

“แต่ฉันแค่กดรวมฮีโร่มั่วๆ นะคะ?”

“ถ้าไม่รู้ก็คงทำแบบนั้นแหละครับ”

ถ้าไม่รู้ก็ทำแบบนั้นได้เหรอ?

ถ้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไรงั้นเหรอ?

แต่เธอก็ฆ่าคนไปแล้วไม่ใช่เหรอ?

แต่ถ้าคิดดูอีกที เธอก็คงทำอะไรไม่ได้...

เธอจะไปรู้ได้ยังไงว่าฮีโร่ในหน้าจอนั่นคือคนจริงๆ

แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องต่อไปที่เธอต้องพูด

“ฉันแค่ส่งฮีโร่ออกไปสู้โดยไม่คิดอะไรเลย!”

“แต่สุดท้ายคุณก็แก้ไขมันได้ไม่ใช่เหรอครับ? คุณศึกษาคู่มืออย่างตั้งใจ”

“เอ่อ ก็จริงค่ะ แต่...”

“สิ่งสำคัญคือตรงนั้นแหละครับ ไม่ทำผิดซ้ำสองครั้ง และพยายามพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ”

“เหรอคะ?”

“คำสอนของอาจารย์ผมครับ”

“งั้นฉันก็เป็นนายท่านที่ยอดเยี่ยมสินะคะ!”

“……?”

“เพราะฉันพยายามอย่างเต็มที่เลยนะคะ! ฉันเติมเงินไปเยอะมากด้วย! จนแม่จับได้แล้วโดนตีไปหลายทีเลยค่ะ!”

อ๊ะ…ไม่น่าพูดเลย

“ยังไงก็เถอะ ฉันพยายามอย่างเต็มที่แล้วค่ะ!”

ไรก็ได้กำหมัดแน่น

ช่วงแรกๆ ของเกม เธอลังเลหลายครั้งว่าจะเลิกเล่นดีไหม แต่เมื่อเธอตัดสินใจแล้ว เธอก็ไม่เคยหยุด

แม้แต่ในรีวิวของพิกมีอัพก็ยังพูดถึงเรื่องนี้

ถึงแม้จะมีปัญหาเซิร์ฟเวอร์ล่มบ่อยๆ บั๊กเยอะแยะ และการบริหารจัดการที่แปลกๆ ไรก็ได้ก็ไม่เคยหยุดเล่น แม้แต่ผู้เล่นฮาร์ดคอร์ของพิกมีอัพก็ยังยอมแพ้

‘เพราะว่า เพราะว่า...’

เธอหยุดไม่ได้

เพราะฮีโร่ของเธอในเกม กำลังก้าวต่อไปข้างหน้า

ไรก็ได้กระแอม

แล้วเธอก็นึกสงสัยขึ้นมา

เธอช่วยฮาน อิสรัตฮีโร่คนนั้นได้จริงๆ หรือเปล่า?

เขาจะคิดยังไงกับเธอ?

ตอนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก ทุกอย่างมันกะทันหันเกินไป เธอเลยไม่ได้คุยกับเขาอย่างจริงจัง

‘แต่ตอนนี้... หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว...’

บางที

บางทีพวกเขาอาจจะได้คุยกันอย่างจริงใจ ในฐานะนายท่านและฮีโร่

ตรงนั้นเองที่ไรก็ได้ได้พบกับความกล้าหาญ

แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าเชื่อและไม่เคยพบเจอมาก่อน เธอก็ไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป บางทีเธออาจจะสูญเสียความรู้สึกนึกคิดไปแล้วก็ได้

“แค่นั้นก็เพียงพอแล้วครับ”

อารอนพยักหน้า

ในฐานะนายท่าน เธอทำดีที่สุดแล้ว

แค่นั้นก็พอ

‘แค่นั้นมันจะพอจริงๆ เหรอ?’

คำตอบอาจจะมาหลังจากที่เรื่องนี้จบลง

ยังไงก็ต้องช่วยฮานที่ติดอยู่ในช่องว่างของจักรวาลให้ได้

ไรก็ได้ตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่

.

.

.

.

เช้าวันรุ่งขึ้น

มีมอเตอร์ไซค์สองคันและรถเปิดประทุนหนึ่งคันจอดเรียงกันอยู่ในลานจอดรถของอาคารร้าง

“พร้อมหรือยังคะ?”

ยูเน็ตถาม

ไรก็ได้ที่นั่งอยู่บนเบาะคนขับพยักหน้า

“คุณคงเข้าใจแล้วนะคะว่าโซลตอนนี้ไม่เหมือนกับที่คุณเคยรู้จัก”

“ค่ะ ฉันเตรียมใจไว้แล้ว”

เธอทำเป็นไม่รู้ได้

ตอนนี้ทั่วทั้งโซลถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีม่วงประหลาด นอกจากนั้นยังมีกลุ่มเมฆสีแดงขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือตึกสูงระฟ้า

‘โลกแห่งความจริงกำลังถูกกัดกร่อน...เขาบอกว่าอย่างนั้น’

เธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแน่

แต่ที่แน่ๆ คือที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดา

ไม่มีผู้คนหรือรถราให้เห็นในเมืองเบื้องหน้า

“ฉันกับรีเจียนจะไปที่สถานีโทรทัศน์ค่ะ”

มอเตอร์ไซค์คันซ้าย

รีเจียนที่นั่งอยู่บนที่คนขับสตาร์ทรถ

ยูเน็ตนั่งซ้อนท้ายรีเจียน

“พวกคุณอีกสี่คนไปที่ล็อตเต้เวิลด์ทาวเวอร์นะคะ”

เธอพร้อมแล้ว

ไรก็ได้มองไปที่กระสอบหนังบนเบาะข้างๆ

‘เอาล่ะ’

กระเป๋าที่เต็มไปด้วยรูปปั้นม้าศึกถูกคาดไว้อย่างแน่นหนาด้วยเข็มขัดนิรภัย

'ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันจะไม่หลุดแน่นอน'

“พวกเราไปกันเถอะ”

เซริสที่สวมชุดนักแข่งมอเตอร์ไซค์สวมหมวกกันน็อค

แล้วเธอก็ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์สีแดง แม้จะเหลือมือข้างเดียว แต่เธอก็ยังสามารถจับแฮนด์และสตาร์ทรถได้อย่างคล่องแคล่ว

“พวกเราก็ไปด้วย!”

อารอนและนิฮาคุ นั่งอยู่บนเบาะหลังของแบล็ค ธันเดอร์

นิฮาคุโบกมือให้เป็นสัญญาณ ไรก็ได้สตาร์ทรถทันที

วู้ม!

เครื่องยนต์คำรามเสียงดัง

“ไปก่อนนะ เดี๋ยวทำงานเสร็จจะรีบตามไปสมทบ”

รีเจียนออกตัวและก้มตัวลง

บูม!

มอเตอร์ไซค์สีเทาที่มีคนซ้อนสองคนออกจากลานจอดรถ มุ่งหน้าไปยังชานเมืองโซล ตามด้วยแบล็ค ธันเดอร์ และมอเตอร์ไซค์สีแดงที่ขับไปยังถนนอีกฝั่ง

‘เป้าหมายอยู่ตรงนั้น’

ไม่มีทางมองไม่เห็น

ล็อตเต้เวิลด์ทาวเวอร์ ตึกระฟ้าสูงเสียดฟ้าที่มองเห็นได้จากทุกที่ในโซล

สูง 123 ชั้น ความสูงกว่า 500 เมตร แต่ตอนนี้ตึกระฟ้านั้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกลึกลับ

‘ก็คิดไว้แล้วล่ะนะ’

ไรก็ได้กลืนน้ำลาย

บนท้องฟ้าเหนือกรุงโซล

มีเฮลิคอปเตอร์หลายสิบลำบินอยู่

‘ประเทศเรามีเฮลิคอปเตอร์เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?’

ชัดเจนว่าพวกเขากำลังตามหาใคร

และ

‘อ๊ะ!’

กึง กึง กึง!

แรงสั่นสะเทือนทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน

รถถังหลายคันกำลังเคลื่อนขบวนไปตามถนนใหญ่

ตามด้วยขบวนรถหุ้มเกราะ

“ว้าว! นี่มันระดมพลกันมาทั้งกองทัพเลยนี่! หรือว่าเรากำลังทำสงครามกับประเทศทางเหนือ?”

นิฮาคุอุทาน

เสียงประกาศดังออกมาจากลำโพงเล็กๆ ที่ติดตั้งอยู่ทั่วเมือง

<ข่าวด่วน ! !ผู้ก่อการร้ายยังไม่ยอมออกจากโซล รัฐบาลจึงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและใช้มาตรการขั้นสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ >

เสียงผู้ประกาศข่าวที่เธอเคยได้ยินหลายครั้ง

ไม่ใช่ประธานาธิบดีหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล

เป็นแค่ผู้ประกาศข่าวธรรมดาจากช่องเคเบิลทีวีที่กำลังพูดแทนรัฐบาล

< แต่นี่มันถูกต้องแล้วเหรอคะ? หลังจากสั่งอพยพคนทั้งโซลแล้วก็ประกาศกฎอัยการศึก? ไม่ใช่ว่าผู้ก่อการร้ายมีแค่ห้าคนเหรอคะ? ยังจับผู้ก่อการร้ายไม่ได้แม้แต่คนเดียวเลย บอกว่าค้นทั่วทั้งโซลมาหลายวันแล้ว เรื่องแบบนี้มันจะเป็นไปได้ยังไงกันครับ? >

<มันไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ >

ผู้เชี่ยวชาญตอบ

< มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆ จากประเทศศัตรู >

< อะไรนะครับ? นั่นมัน... >

< มันไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ >

< ถึงจะจริง... แต่มันก็แปลกๆ นะครับ... >

< มันไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน! การสนับสนุนจากประเทศศัตรู! การก่อการร้าย! พวกเขายังไม่ถูกจับ! มันเป็นไปได้! >

< ครับ ยังไงก็ขอให้โซลกลับมาสงบสุขโดยเร็ว... อ๊ะ! ข่าวด่วนค่ะ! มีรายงานว่าพบตำแหน่งของผู้ก่อการร้ายแล้ว! >

ไรก็ได้กระพริบตา

‘เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?’

เซริสที่ขับมอเตอร์ไซค์อยู่ข้างๆ พูดขึ้น

เสียงของเธอเล็ดลอดออกมาจากหมวกกันน็อค

“ก็พวกเราออกจากเขตอาคมที่ตึกนั้นแล้วนี่คะ เป็นธรรมดาที่จะถูกพบ”

พรึ่บๆๆๆ

เสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์ดังมาจากที่ไหนสักแห่ง

มันเริ่มต้นแล้วสินะ

“ไปกันเถอะ”

“ค่ะ!”

ไรก็ได้เหยียบคันเร่ง

และแบล็ค ธันเดอร์เริ่มเร่งความเร็วก่อนจะพุ่งทะยานออกไปตามถนน

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด