บทที่ 7 ผีร้าย
บทที่ 7 ผีร้าย
"แก่แล้วสินะ" โทริว จิโร่ พึมพำกับตัวเองเบาๆ
ความเหนื่อยล้าแทรกซึมทุกอณูในร่างกายของเขา เขาได้แต่หัวเราะเยาะตัวเอง
ข้างหน้า มีศพของสมาชิกแก๊งยากูซ่าประมาณสิบกว่าคนนอนเกลื่อนกลาดอยู่บนถนน เหลือเพียงหนึ่งเดียวที่ยังมีชีวิต ร่างของเขาซ่อนตัวอยู่หลังถังขยะด้วยความสั่นสะท้าน ฟันกระทบกันจนเกิดเสียง
ทุกคนถูกยิงตายด้วยกระสุนนัดเดียว โทริวไม่ใช่แค่คนแก่ธรรมดา เขาคือคนที่มีสายเลือดของวีรบุรุษที่ตื่นขึ้นมาและยังคงไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา กระสุนของเขาแม่นยำเสมอ การฆ่ายากูซ่ากลุ่มนี้ใช้เวลาไม่ถึงสิบวินาที
แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่การใช้พลังของสายเลือดวีรบุรุษก็ทำให้ร่างกายของเขาเหนื่อยล้าอย่างหนัก
"คนสุดท้าย..."
เขายกปืนขึ้นและเหนี่ยวไก กระสุนพุ่งตรงไปยังหัวของชายคนสุดท้าย
เสียงดังก้อง! กระสุนสีส้มถูกปัดออก กระเด้งไปมาและหายไปในสายฝน
โทริวมองไปยังชายที่เข้ามาใหม่ ซึ่งก็เป็นยากูซ่าเช่นกัน ผ้าผูกคอของเขามีสัญลักษณ์ของกลุ่มเดียวกัน
และโทริวก็รู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้ก็ไม่ธรรมดา เขาเองก็เป็นผู้มีพลังพิเศษเช่นกัน มิเช่นนั้น เขาคงไม่สามารถปัดกระสุนของตนได้
"ฉันเป็นหัวหน้าของแก๊งบาคาวะ" ชายคนนั้นพูดออกมา ชายกลางคนที่ดูแข็งแรง กำลังถือแท่งเหล็กยาวกว่าเมตรในมือ ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่เด่นชัด เขาพูดว่า "ไม่น่าเชื่อเลยว่าในเขตเมืองเก่าของเอโดะจะซ่อนสัตว์ร้ายแก่ๆ ไว้ตัวหนึ่ง"
โทริวลูบปืนของเขาแล้วพูดอย่างแผ่วเบา "แกก็เป็นคนมีพลังพิเศษ แต่เลือกที่จะมาร่วมมือกับพวกยากูซ่า..."
"คนเรามีทางเลือกของตัวเอง" หัวหน้าแก๊งบาคาวะพูดอย่างไม่ใส่ใจ "ฉันชอบอยู่ที่ไหนมันก็เรื่องของฉัน แต่แกฆ่าสมาชิกของฉันไปตั้งหลายคน ถ้าไม่ฆ่าแก ฉันก็คงไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว"
โทริวพูดอย่างเย็นชา "ถ้าฉันฆ่าแก ทุกอย่างก็คงจบสิ้นไปได้สินะ"
"ถ้าแกฆ่าฉัน แก๊งบาคาวะก็คงต้องถูกลบออกจากสารบบแน่" ชายคนนั้นหัวเราะ "แต่ถ้าแกตาย เด็กผู้หญิงคนนั้นคงต้องเผชิญกับชะตาที่เลวร้าย"
เสียงฟ้าร้องดังขึ้น แสงฟ้าแลบส่องสว่างทั่วถนน เผยให้เห็นเงาของทั้งสองคน
เสียงปืนดังขึ้นสองนัด
ร่างของโทริวล้มลงบนพื้น น้ำสกปรกกระเด็นกระจาย เลือดไหลออกจากบาดแผลของเขา เปรอะเปื้อนน้ำบนพื้นจนกลายเป็นสีแดง
หัวหน้าแก๊งบาคาวะสะบัดแท่งเหล็กที่เปื้อนเลือดของเขา พูดออกมาอย่างเรียบเฉย "น่าเสียดาย ถ้าแกหนุ่มกว่านี้คงจะเก่งกว่านี้"
เขาเดินเข้าไปในร้านขายดอกไม้ ยกเด็กสาวที่กำลังหลับขึ้นมา แล้วหายตัวไปในความมืด
โทริวไม่สามารถขยับได้ นิ้วมือของเขาแข็งทื่อ ดวงตาเริ่มพร่ามัว เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
...แก่แล้วจริงๆ
เพราะแก่เกินไป ร่างกายจึงไม่ตอบสนองทัน แม้จะเห็นจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ แต่ร่างกายก็ไม่ทันการ วินาทีที่ช้าลงทำให้เขาต้องตาย
เขาไม่กลัวความตาย เขารู้ดีว่าชีวิตของเขาเต็มไปด้วยบาป ในฐานะนักสังหารแห่งโชกุน เขาไม่เคยคาดหวังที่จะจบชีวิตอย่างสงบ แต่การได้มีชีวิตมาถึงแปดหรือเก้าสิบปีนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์
แต่เขารู้สึกเสียดาย ที่ไม่สามารถเดินไปจนสุดทางของรินเคียว
รินเคียว คือผู้ร้าย คือคนที่ถือมีดฆ่าผู้อื่น ใช้ความชั่วต่อสู้กับความชั่ว เมื่อถึงเวลาก็ตายตามชะตากรรม
แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นบริสุทธิ์
เขาไม่สามารถช่วยเธอได้ นั่นคือความเสียใจที่ทำให้เขายังไม่อาจหลับตาไปได้...หากเขายังหนุ่มกว่านี้ เขาอาจช่วยเธอได้
ในขณะที่เงาดำๆ โผล่ขึ้นมาจากร่างของชายแก่ มันกลายเป็นรูปร่างของชายหนุ่มในชุดสูทที่ถือไม้เท้า
เขาจ้องมองร่างที่ไร้ชีวิตของโทริว แล้วค่อยๆ ก้มตัวลง เอามือกดลงบนอกของโทริว เงาดำๆ ซึมเข้าสู่ร่างของคนตาย
ร่างของโทริวลุกขึ้นยืนอีกครั้ง บาดแผลเริ่มฟื้นตัว ไอน้ำร้อนลอยขึ้นมาจากบาดแผล ปกคลุมร่างกายของเขาด้วยหมอกขาว
มือข้างหนึ่งแหวกหมอกออก เผยให้เห็นโทริวที่กลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้ง ร่างกายของเขากลับคืนสู่จุดสูงสุดเมื่อเขาอายุสามสิบ
แต่จิตวิญญาณที่ควบคุมร่างนี้ไม่ใช่โทริวอีกต่อไปแล้ว
...
ไป๋อวี๋ ไป ลืมตาขึ้น หัวของเขาชัดเจน และร่างกายก็เต็มไปด้วยพลังทุกอณู เขารู้ดีว่าเขาใช้ร่างของโทริว จิโร่ ซึ่งได้ตายไปแล้วเมื่อหนึ่งนาทีก่อนจากการถูกทำลายอวัยวะภายใน
เขาสัมผัสได้ถึงทุกอย่างในชีวิตของชายคนนี้ จนเขาไม่มีความรู้สึกแปลกแยกกับร่างกายหรือชีวิตของเขาเลย
การเข้าไปในร่างคนอื่นไม่ใช่เรื่องที่เขาชอบทำ แต่หลังจากได้ทำมาสองครั้ง เขาก็ต้องเริ่มชินกับมัน
ร่างกายนี้แข็งแรงเต็มที่ แตกต่างจากร่างที่เหี่ยวเฉาเมื่อก่อน
โทริวตายแล้ว จากไปพร้อมกับความเสียใจที่ไม่มีวันลืม
และตอนนี้ สิ่งที่ไป๋อวี๋ต้องทำก็คือเขียนเรื่องราวที่โทริวไม่สามารถจบได้ ให้กลายเป็นบทสุดท้ายที่สมบูรณ์
ข้อความในรูปเปลวไฟลอยขึ้นมาตรงหน้าเขา
【รินเคียว·บทสุดท้าย】
【ทำลายแก๊งบาคาวะ】
【ชะตากรรมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว นับถอยหลังสามชั่วโมง】
ภารกิจชัดเจนแล้ว เวลาเหลือเพียงสามชั่วโมง
ไป๋อวี๋ไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกอะไรเลย เขารู้สึกเยือกเย็นราวกับว่าจิตใจของเขาถูกตัดขาดจากความรู้สึก
และไฟในใจของเขายังลุกโชน มันเหมือนกับว่าเขาได้รับความโกรธจากโทริวมา
เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาไม่ใช่แค่คนธรรมดา แต่เป็นปีศาจที่ฟื้นคืนชีพเพื่อแก้แค้น
ไป๋อวี๋หยิบปืนจากพื้นขึ้นมา กางร่มสีดำขึ้น "ยมทูตกำลังมาเก็บวิญญาณแล้ว"
...
ในเวลานี้ ย่านเอโดะเก่าและโตเกียวใหม่กำลังเปลี่ยนผ่านกันอย่างรวดเร็ว อาคารเก่าแก่ถูกทุบทำลายเพื่อสร้างตึกสูงใหม่
องค์กรยากูซ่าหลายแห่งเริ่มหันมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างรวดเร็ว โดยใช้วิธีการข่มขู่ โจมตี หรือแม้กระทั่งลักพาตัว เพื่อบีบให้เจ้าของที่ดินขายที่ให้ในราคาต่ำๆ
รถตู้คันหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังสี่แยก หัวหน้าแก๊งบาคาวะสูบบุหรี่พร้อมกับพ่นควันขาวออกมา
ด้านหลังรถมีเด็กสาวที่ถูกจับตัวไว้ ชื่อของเธอคือ นิชิโนะ คะโอรุ เธอถูกมัดมือมัดเท้าและถูกยัดผ้าเช็ดปากที่มีกลิ่นน้ำมันเครื่องในปาก ทำให้เธออยากจะอาเจียน
เธอได้ยินทุกอย่างจากการสนทนาของคนในแก๊ง และรู้ว่าเธอจะเจอกับชะตากรรมอะไร
"แล้วเราจะจัดการกับเด็กคนนี้ยังไง?" คนขับถามเบาๆ
"พาไปที่เดิม" หัวหน้าแก๊งตอบอย่างเย็นชา
"ฆ่ามันซะดีกว่า จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก"
ทันใดนั้น แสงไฟแรงกล้าส่องเข้ามาในรถตู้
รถยนต์สีดำพุ่งชนรถตู้จนหมุนพลิกไป
หัวหน้าแก๊งกระชากประตูออกและตะโกน "ใครมันกล้ากัน!"
ชายหนุ่มในชุดสูทดำเดินออกมาจากรถยนต์สีดำ พร้อมกับปืนเก่าในมือ
เขายืนอยู่กลางแสงไฟ ร่างเงาของเขายาวเหยียดท่ามกลางสายฝน เหมือนผีร้ายจากนรกที่ฟื้นคืนมา